หมอหญิงยอดมือสังหาร 344 ความซวยที่โหมกระหน่ำ (4)
ตอนที่ 344 ความซวยที่โหมกระหน่ำ (4)
ฉินจื่อซวี่ยื่นมือไปคว้านางมากอดเอาไว้ ลูบแผ่นหลังของนางเบาๆ “จวิ้นจู่บอกว่าข้าดูถูกเจ้าเกินไป ดูเหมือนว่าจะเป็นความจริงเช่นนั้น ซีเอ๋อร์ อย่าได้เสียใจ พี่ใหญ่จะจัดการแทนเจ้าให้สาสม บนโลกใบนี้มีผู้ชายที่ดีกว่าหร่วนอวี้จือมากมายนัก” ฉินซียังคงยิ้มหวาน พยักหน้าพร้อมเอ่ย “ข้ารู้ พี่ใหญ่โปรดวางใจเถิดเจ้าค่ะ”
แน่นอนนางรู้ว่าบนโลกใบนี้มีผู้ชายที่ดีกว่าหร่วนอวี้จืออยู่มาก แม้แต่หร่วนอวี้จือเองก็มิใช่คนที่ดีที่สุดในสายตาของนาง เพียงแต่…นางกลัวว่านางจะไม่ได้เจอผู้ชายเช่นนั้นอีก แต่มีตระกูลฉิน มีท่านพ่อ ท่านแม่ มีพี่ใหญ่ ชีวิตนี้ของนางก็นับว่าสมบูรณ์พร้อมแล้ว
ออกมาจากจวนตระกูลฉิน ลิ่นฉังเฟิงยังแทบไม่อยากจะเชื่อ “จัดการฉินซีได้ง่ายเพียงนี้เลยหรือ ฉินซีชอบหร่วนอวี้จือจริงหรือ” ไม่ร้องไห้ไม่โวยวาย ยอมรับรู้ถึงความเลวร้ายของหร่วนอวี้จือง่ายๆ เพียงนั้น จากนั้นก็ตัดสินใจทิ้งคนชั่วผู้นั้นอย่างเด็ดเดี่ยวด้วยหรือ ดูแบบนี้แล้ว ฉินซีเหมือนจะเข้มแข็งกว่าเหยียนลัวอีมากทีเดียว
หนานกงมั่วเข้าใจทันใด เอ่ยเสียงเรียบ “ฉินซีอยู่ระหว่างความเป็นความตายมาตั้งแต่เด็ก หลายอย่างนางสามารถเข้าใจและปล่อยวางได้มากกว่าพวกเราเสียอีก ข้าคิดว่า…ที่นางชอบหร่วนอวี้จือคงเป็นเพราะอยากทำให้ชีวิตของตัวเองไร้ซึ่งความเสียดาย ทำให้คนตระกูลฉินวางใจ ท่านลองคิดดูหากฉินซีมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงยี่สิบปี ไม่เคยมีคนที่ชอบ ไม่เคยแต่งงาน คนตระกูลฉินจะรู้สึกอย่างไร แต่ถ้าหากนางเลือกเจ้าบ่าวที่ดี จากไปอย่างมีความสุข ต่อให้ชีวิตสั้นเพียงใดแต่ก็สมบูรณ์แบบใช่หรือไม่ หากจะบอกว่าฉินซีชอบหร่วนอวี้จือ มิสู้บอกว่าฉินซีเลือกที่จะชอบหร่วนอวี้จือเสียจะดีกว่า” บังเอิญที่หร่วนอวี้จือโผล่มายามนั้นพอดี ต่อให้มิใช่หร่วนอวี้จือก็เป็นคนอื่นได้เช่นกัน
“เป็นอย่างไร…คุณหนูฉินสี่ผู้นี้ไม่ธรรมดาเลยนะ” ลิ่นฉังเฟิงลูบปลายคางพลางครุ่นคิด เอ่ย “อาการป่วยของคุณหนูผู้นั้นเป็นอย่างไรบ้าง”
หนานกงมั่วขมวดคิ้ว ถอนหายใจออกมา “บอกได้ยากยิ่ง”
“คุณชายเสียนเกอของเจ้า…ก็รักษาไม่ได้หรือ”
หนานกงมั่วปรายตามองเขา “ศิษย์พี่ไม่ชอบจินหลิง เจ้าคิดว่าคุณหนูฉินสี่เพียงพอให้เขามาเหยียบจินหลิงหรือ อีกอย่าง…ต่อให้หมอเก่งเพียงใดก็รักษาโรคได้ แต่รักษาชีวิตไม่ได้ อาการป่วยของฉินซีที่ติดตัวมาแต่เกิดแบบนี้คิดอยากรักษานั้นเป็นไปได้ยาก” อย่าว่าแต่ฉินซีเลย แม้แต่ฮ่องเต้ป่วยอยากรักษาก็ต้องดูว่าคุณชายเสียนเกอยินดีรักษาหรือไม่ ส่วนอาจารย์ที่พึ่งพาไม่ได้ของนางยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง คิดจะให้เขามาจินหลิง นอกเสียจากว่าหนานกงมั่วไม่ไหวแล้วหรือส่งคนกี่พันคนไปจับตัวเขามาเท่านั้น และต่อให้จับตัวมาได้ หากตาเฒ่าไม่อยากช่วยก็ยังต้องเป็นไปตามอารมณ์เขา เกิดตาเฒ่าแสร้งทำเป็นเลอะเลือนขึ้นมา ยาที่เขาสั่งให้ใครจะกล้ากินกัน
ลิ่นฉังเฟิงกำลังอยากเอ่ยบางสิ่ง ทว่าเงยหน้าขึ้นไปเห็นใครบางคนยืนยู่ปากอยู่ไม่ไกลไม่เอ่ยอะไร หนานกงมั่วจึงเงยหน้ามองตามไป เห็นเว่ยจวินมั่วในอาภรณ์สีน้ำเงินยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ดวงตาเย็นชามองมายังทั้งคู่ หนานกงมั่วยิ้มร่า ไม่ลังเลที่จะทิ้งลิ่นฉังเฟิงแล้ววิ่งออกไปหาเขา ทั้งสองยิ้มบางพูดคุยเพียงไม่กี่ประโยค…แน่นอนว่าเป็นหนานกงมั่วที่กำลังยิ้ม จากนั้นจูงมืออีกคนเดินออกไปโดยไม่ลังเล เหลือไว้เพียงลิ่นฉังเฟิงที่ยืนโดดเดี่ยวอยู่เพียงลำพัง ยืนมองแผ่นหลังของทั้งคู่ที่เดินออกไปด้วยหัวใจอันอ้างว้าง
เห็นคู่ดีกว่าเพื่อนจริงๆ…ไม่ว่าจะเป็นเว่ยจวินมั่วหรือหนานกงมั่ว ล้วนเป็นพวกลืมเพื่อนกันทั้งนั้น
“แบบนี้…จะไม่ดีหรือไม่” ไกลออกไป หนานกงมั่วหันกลับไปมองคุณชายฉังเฟิงที่เดินอยู่คนเดียวอย่างโดดเดี่ยวและอ้างว้าง เอ่ยถามขึ้นมา
เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “ไม่เป็นไร ลิ่นฉังเฟิงชอบความเงียบ”
“ท่านมั่นใจหรือ”
“มั่นใจ มิเช่นนั้นทำไมจนตอนนี้เขาจึงยังไม่แต่งงานเล่า” เว่ยจวินมั่วเอ่ยตอบ
จะว่าไปก็ถูก หนานกงมั่วพยักหน้า เว่ยจวินมั่วอายุมากเพียงนี้ยังไม่แต่งงานเพราะหาคู่ที่เหมาะสมไม่ได้ แล้วลิ่นฉังเฟิงอายุมากเพียงนี้แล้วยังไม่แต่งงานเป็นเพราะเหตุใดกันเล่า ที่แท้ยุคสมัยนี้ก็มีกลุ่มคนไม่แต่งงานอยู่ด้วย ดังนั้นหนานกงมั่วสองสามีภรรยาจึงจูงมือกันหวานชื่นกลับบ้านไปด้วยกัน ส่วนคุณชายฉังเฟิงก็เพียงเดินอย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางสายลมในฤดูใบไม้ร่วง
หลังจากงานเลี้ยงที่ซินเย่ว์หยวน บัณฑิตสำนักศึกษาฮั่นหลินหร่วนอวี้จือก็เริ่มโชคร้าย ราวกับความโชคดีตลอดสามปีมานี้ใช้จนหมดเกลี้ยงแล้ว เริ่มจากข่าวลือที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน แม่นางจื่อเยียนคณิกาป้ายแดงผู้โด่งดังในจินหลิงยามนี้เคยเป็นคู่หมั้นของหร่วนอวี้จือ เพราะหร่วนอวี้จือจึงต้องมาอยู่ที่หอนางโลม หลังจากที่สอบผ่านแล้วก็ทิ้งนางไป จากนั้นก็มีข่าวออกมาอีกว่าหลังจากที่หร่วนอวี้จือสอบได้แล้วไม่มีการตอบแทนแม่นางจื่อเยียน แต่กลับปกปิดเรื่องการสอบติดของตนเองหลอกเอาเงินจากแม่นางจื่อเยียนต่อไป ดังนั้นชีวิตที่ดีมีอิสระของไต้เท้าหร่วนนั้นได้ถูกสร้างมาจากเงินที่ขายตัวมาได้อย่างยากลำบากของแม่นางจื่อเยียน ด้วยเหตุนี้ เดิมทีผู้คนยังคงแสดงออกว่าเข้าใจแต่ไม่คิดห้ามปรามคนที่คอยต่อว่า ทว่าต่อมาผู้คนต่างก็พากันดูถูก ดูหมิ่น รังเกียจเขา เพื่อนที่เคยคบหากันก็เริ่มตีตัวออกห่างและต่อว่าพฤติกรรมของหร่วนอวี้จือ ขณะเดียวกันยิ่งทำให้จื่อเยียนที่พึ่งมาอยู่จินหลิงมีชื่อเสียงขึ้นมา
บุรุษทั้งหลายชื่นชมความงามและความสามารถของจื่อเยียน ยิ่งสงสารในความโชคร้ายของนาง ชื่นชมคุณธรรมในตัวนาง และยิ่งโกรธหร่วนอวี้จือที่จิตใจโหดร้าย ชั่วพริบตาผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างก็หลั่งไหลมาที่หอชุนเฟิงเพื่อมาเจอจื่อเยียน หลายคนได้แต่งบทกวีชื่นชมความงามและความน่าหลงใหลของจื่อเยียนเอาไว้ ยิ่งผลักให้ชื่อเสียงของจื่อเยียนพุ่งทะยานขึ้นไปยังจุดสูงสุดในทันที ภายใต้ผลประโยชน์ร่วมกัน แขกที่มายังหอชุนเฟิงนับวันยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ภายในช่วงเวลาสั้นๆ หอชุนเฟิงก็ขึ้นมาทัดเทียมซินเย่ว์หยวนได้แล้ว
“เป็นเช่นนั้น มนุษย์นั้นมักถูกกระตุ้นได้ง่ายด้วยเรื่องราวน่าสงสาร” ขณะที่กำลังนั่งอยู่ในหอชุนเฟิง คุณชายเสี่ยวมั่วโบกพัดในมือไปมายกยิ้มจนตาหยี
ลิ่นฉังเฟิงประสานมือ “ต้องขอบคุณข้อคิดเห็นของคุณชายมั่ว”
หนานกงมั่วโบกปัดมือ “เพราะจื่อเยียนแสดงได้ดี” หากไม่มีจื่อเยียน ต่อให้เล่าเรื่องเก่งเพียงใดก็ไม่มีประโยชน์ บอกได้เพียงว่าเป็นเรื่องบังเอิญที่จื่อเยียนของพวกนางต้องการเอาคืนหร่วนอวี้จือ ซึ่งพอดิบพอดีกับที่ลิ่นฉังเฟิงต้องการให้หอชุนเฟิงมีชื่อเสียง
จื่อเยียนอยู่ในอาภรณ์ผ้าพริ้วสีม่วงอ่อน ผมม้วนเป็นมวยหลวมๆ ขนตาถูกดัดงอนสวย ในมือมีกาสุราเดินเข้ามาด้านใน ยิ้มบาง “คุณชายมั่วชมเกินไปแล้ว”
หนานกงมั่วไล่สายตามองจื่อเยียน พยักหน้าพลางเอ่ย “ดูเหมือนหลายวันมานี้เจ้าจะสบายดี”
จื่อเยียนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ข้าสบายดี ลำบากคุณชายเป็นกังวลแล้ว”
ลิ่นฉังเฟิงส่งเสียงหยัน “ตอนนี้จื่อเยียนกลายเป็นอันดับหนึ่งในหอชุนเฟิงของเราแล้ว ใครกล้าไม่ดีกับนางเล่า”
จื่อเยียนยิ้มหวาน ที่นางบอกว่าสบายนั้นย่อมไม่ได้โกหก เมื่อครั้งอยู่ที่หออิ๋งซิ่วหนานกงมั่วก็ดีกับพวกนาง ไม่เคยบังคับให้หญิงสาวรับแขกที่ไม่ต้องการ แต่ตอนนั้นนางต้องการเก็บเงิน คนอื่นไม่บังคับนางก็บังคับตนเอง ตอนนี้เมื่อสะบัดหร่วนอวี้จือตัวดูดเงินไปได้แล้ว อีกทั้งมีหอชุนเฟิงที่ทุ่มเทเพื่อสร้างตัวตนให้นาง จึงไม่ต้องทำสิ่งใดทั้งนั้น เพียงนั่งพูดคุยเป็นเพื่อนแขก ดีดฉิน เล่นหมากก็มีความสุขได้ในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนตลอดหลายปีมานี้ จื่อเยียนเองเชิญหมอเพื่อมารักษาร่างกายของนางที่ยังป่วยอยู่ แม้เป็นเวลาเพียงไม่นานในจินหลิงแต่ก็ทำให้นางดูงดงามขึ้นมาก ไม่แปลกเลยที่สามารถเป็นอันดับหนึ่งของหอชุนเฟิงได้ ต่อให้เป็นเรื่องเล่าที่โศกเศร้าสะเทือนใจเพียงใด ไม่มีรูปลักษณ์ที่งดงามมากพอก็ย่อมไม่มีใครยอมจ่ายเงิน ที่นี่…อย่างไรก็ยังเป็นสถานที่เริงรมย์
Comments