หมอหญิงยอดมือสังหาร 356 รนหาที่ตาย (2)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 356 รนหาที่ตาย (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 356 รนหาที่ตาย (2)
กงอวี้เฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เอาเถอะ ที่จริงแล้วข้ามิได้ทำเพื่อเสี่ยวมั่ว ข้าทำเพื่อเจ้าต่างหากเสี่ยวอวี้ ข้าเห็นเจ้าพยายามปีนขึ้นไปอย่างไม่คิดชีวิต จึงสงสัยขึ้นมาว่ารสชาติของอำนาจนั้นเป็นเยี่ยงไร”

“ท่าน…” จูชูอวี้อวี้ตกใจ

กงอวี้เฉินยังคงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ใช่ ข้าวางแผนที่จะ…ไปช่วยงานหวงจั่งซุนที่เจ้าหมายปอง เป็นเยี่ยงไร ดีใจหรือไม่”

จูชูอวี้ซึ่งหน้าชาอยู่มิได้เอ่ยวาจาอีก สำหรับคนที่ไม่รู้ที่มาที่ไปและเจ้าอารมณ์อย่างกงอวี้เฉิน ไม่ว่าเขาจะเป็นศัตรูหรือมิตรนางก็คงไม่อาจดีใจได้อยู่ดี ทว่านางย่อมรู้ดีว่าสิ่งที่กงอวี้เฉินต้องการทำนั้นมิใช่สิ่งที่นางจะกล่าวแย้งได้

“ฮ่า ฮ่า…ฟังดูแล้วเหมือนว่าจินหลิงกำลังจะวุ่นวายสินะ ให้ข้าช่วยสุมไฟเพิ่มดีหรือไม่ ไม่ต้องขอบใจข้าหรอก”

เรือนพำนักที่ฉีอ๋องมอบให้นั้นอยู่ห่างจากเขาจื่ออวิ๋นไปไม่ถึงห้าลี้ และหันหน้าเยื้องไปทางเขาจื่ออวิ๋น ด้านหน้าประตูมีแม่น้ำใสยาวคดเคี้ยว ยามนี้ก็เข้ากลางเดือนสิบแล้ว ต้นกุหลาบฝ้ายตามแนวชายฝั่งและนอกเรือนพำนักกำลังเบ่งบานพอดิบพอดี ดอกไม้สีชมพูพลิ้วไหวตามสายลมโดยมีใบไม้สีเขียวเป็นฉากหลัง บริเวณโดยรอบเหมือนต้นฤดูใบไม้ผลิมากกว่าปลายฤดูใบไม้ร่วงเสียอีก

บริเวณใกล้ๆ เขาจื่ออวิ๋นเป็นสถานที่ที่พวกตระกูลมีอำนาจในจินหลิงมักจะหาซื้อเรือนพำนักไว้ ฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ทั้งสองคนจะได้พบกับคนรู้จักก่อนที่พวกเขาจะถึงเรือนพำนักของตนเอง

มองจากบนหลังม้าไกลๆ เห็นข้างหน้ามีคนกลุ่มหนึ่งส่งเสียงโห่ร้องอยู่นอกเรือน ไม่รู้ว่าทำสิ่งใดกันอยู่ เดิมทีหนานกงมั่วมิได้สนใจจะเข้าไปร่วมด้วย แต่ถูกเงาของคนคุ้นเคยผู้หนึ่งดึงดูดสายตาเอาไว้

“ซีเอ๋อร์?” หญิงอาภรณ์ขาวที่มีหญิงสาวอีกหลายคนคอยคุ้มกันอยู่คือคุณหนูสี่จากตระกูลฉิน ฉินซีที่นางเพิ่งพบเมื่อไม่กี่วันก่อน หนานกงมั่วรีบควบม้าไปข้างหน้า เมื่อเข้าไปใกล้จึงเห็นว่ายังมีคนผู้หนึ่งนอนอยู่บนพื้นรายล้อมไปด้วยบ่าวรับใช้ของตระกูลฉิน คนผู้นั้นสวมเสื้อผ้าขาดวิ่นผมเผ้าสกปรกรุงรัง หนานกงมั่วเองก็ดูไม่ออกว่าคนผู้นี้เป็นใครอยู่ครู่หนึ่ง

“ซีเอ๋อร์ พวกเจ้ากำลังทำอันใดกันน่ะ” หนานกงมั่วเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

เมื่อได้ยินเสียงของนาง ฉินซีก็ดีใจเช่นกัน รีบเงยหน้าขึ้นมอง ยิ้มบางแล้วจึงเอ่ยตอบกลับว่า “มั่วเอ๋อร์ ช่างบังเอิญนัก เหตุใดเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่ได้”

หนานกงมั่วลงจากหลังม้า เลิกคิ้วแล้วเอ่ย “ข้ามาอยู่ที่นี่ได้ไม่แปลกหรอก เจ้าต่างหาก…ฉินจื่อซวี่ยอมปล่อยเจ้าออกมาข้างนอกแล้วหรือ” ฉินซีตอบอย่างเขินอายเล็กน้อย “ท่านพี่ของข้าก็เป็นห่วงสุขภาพข้าอยู่เหมือนกัน เพียงแต่เมื่อได้ทานยาที่เจ้าให้มา ข้าก็รู้สึกดีขึ้นมาก วันนี้…ที่จวนมีเรื่องนิดหน่อย ท่านพ่อ ท่านแม่ และท่านพี่จึงอยากให้ข้าไปพำนักนอกเมืองสักพัก ใครจะรู้ว่า…”

“มีอันใดหรือ เกิดเรื่องอันใดขึ้น ใครกันที่กล้ามีเรื่องกับคุณหนูฉินสี่ได้” หนานกงมั่ววางสายบังเหียนไว้บนตัวม้า นางตบก้นม้า ม้าก็สะบัดหางเดินไปพักข้างทางอย่างสบายใจ เว่ยจวินมั่วที่ตามหลังมาขมวดคิ้วแต่ไม่ได้ลงจากหลังม้า เขาเพียงนั่งรอหนานกงมั่วอยู่บนนั้นในระยะห่างไม่ใกล้ไม่ไกล

ฉินซีก็ไม่ได้สนใจ เพียงพยักหน้าให้เว่ยจวินมั่วเล็กน้อยจากนั้นก็หันหลังกลับไปหาหนานกงมั่วแล้วถอนหายใจ เหลือบมองคนที่นอนอยู่บนพื้น

หนานกงมั่วเริ่มรู้สึกสนใจขึ้นมา “นี่ หรือว่าจะเป็น…”

ชายที่อยู่บนพื้นเงยหน้าขึ้นมองนางอย่างโกรธเคือง แล้วตะโกนว่า “หนานกงมั่ว!”

ชายผู้นั้นก็คือหร่วนอวี้จือที่ไม่ได้เจอมาสองสามวันแล้ว หนานกงมั่วประหลาดใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าหร่วนอวี้จือจะกลายสภาพเป็นเช่นนี้ได้ในเวลาเพียงไม่กี่วัน สภาพเขาแย่กว่าขอทานเสียอีก อันที่จริงเรื่องนี้ไม่สามารถกล่าวโทษหร่วนอวี้จือได้ แม้ว่าเขาจะสอบทั่นฮวาได้ แต่ยี่สิบปีที่ผ่านมาเขากลับไม่เคยหาเงินด้วยตัวเองเลย ยามนี้เมื่อถูกโค่นล้มกะทันหันจึงไม่เหลือทรัพย์สินใด สภาพเขาแย่ยิ่งกว่าขอทานจริงๆ อย่างน้อยขอทานก็ยังสามารถขอเงินและหาอาหารประทังความหิวได้ แต่เขาทำสิ่งใดไม่ได้เลย

หนานกงมั่วเลิกคิ้วและเอ่ยเบาๆ “แม้ว่าจะถูกลดขั้นกลับเป็นสามัญชน แต่ก็คงไม่ลืมมารยาทที่เรียนมากว่ายี่สิบปีหรอกใช่ไหม ชื่อของจวิ้นจู่อย่างข้าเป็นสิ่งที่เจ้าจะเรียกได้ตามใจเช่นนั้นหรือ” หร่วนอวี้จือดิ้นรนพยายามลุกขึ้น เขาเอ่ยอย่างขมขื่น “หนานกงมั่ว ข้ากับเจ้ามิได้มีความแค้นต่อกัน ไยเจ้า…ไยเจ้าถึงต้องทำร้ายข้า”

หนานกงมั่วประหลาดใจ “ข้าทำร้ายเจ้าเมื่อใดกัน” นางเคยทำสิ่งใดที่ทำให้หร่วนอวี้จือเข้าใจผิดอย่างนั้นหรือ ทุกอย่างล้วนเกิดจากคุณชายมั่วและลิ่นฉังเฟิงไม่ใช่หรือ ความขุ่นเคืองของหร่วนอวี้จือช่างแปลกประหลาดเสียจริง

หร่วนอวี้จือจ้องไปที่หนานกงมั่วอย่างโกรธเคือง แต่หลังจากเหลือบไปเห็นท่าทางเคร่งขรึมของเว่ยจวินมั่วที่อยู่ไม่ไกลนัก เขาก็ทำได้เพียงหลบตาไปด้วยความหวาดกลัว

ฉินซียกยิ้มขึ้นมา “ข้าทำให้เจ้าขบขันได้แล้ว เจ้าและเว่ยซื่อจื่อคงไม่ค่อยได้ออกมาข้างนอกมากนัก พวกข้าคงไม่รบกวนพวกเจ้าแล้ว” เมื่อเอ่ยจบ ฉินซีก็โบกมือแล้วให้คนนำตัวหร่วนอวี้จือไป หร่วนอวี้จือพยายามผลักคนที่อยู่ข้างๆ ออก มองฉินซีอย่างลึกซึ้งแล้วเอ่ยว่า “ซีเอ๋อร์ เจ้าเองจำเป็นต้องใจดำเช่นนี้เลยหรือ เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด เจ้าฟังข้าก่อนได้หรือไม่”

หากเป็นคำพูดของหร่วนอวี้จือในอดีต แม้ว่าไม่ได้เชื่อมั่นแต่ก็ย่อมต้องหวั่นไหวอยู่ไม่น้อย แต่ตอนนี้ขอทานสกปรกที่มองไม่เห็นแม้แต่หน้าตาเป็นผู้เอ่ยถ้อยคำแสดงความรู้สึกเช่นนี้ออกมา ฉินซีจึงไม่รู้สึกซาบซึ้งเลย เมื่อเห็นสภาพน่าอับอายของหร่วนอวี้จือแล้ว ฉินซีกลับรู้สึกว่าน่าขยะแขยงและไร้สาระเท่านั้น เดิมทีพวกนางคิดว่าคนเช่นนี้ก็ถือว่าไม่เลวได้เยี่ยงไรกัน

“ให้เขาไปเถอะ” ฉินซีเอ่ยสั่งเบาๆ

น่าเสียดายที่หร่วนอวี้จือคงไม่ยอมไปง่ายๆ เช่นนี้ ถึงจะเห็นเขาแสดงความอ่อนแอแต่ก็มิได้ทำให้ฉินซีใจอ่อนลงได้ ดวงตาของหร่วนอวี้จือจึงเข้มขึ้น เขายืนขึ้นและจ้องมองฉินซีนิ่ง เอ่ยเสียงเข้ม “ซีเอ๋อร์ เจ้าจะใจดำเช่นนี้จริงหรือ”

ฉินซีมองกลับมาที่เขาและเอ่ยถามว่า “ต้องทำเช่นไรจึงจะไม่เรียกว่าใจดำ เจ้าต้องการให้ข้าทำสิ่งใด”

นัยน์ตาของหร่วนอวี้จือเป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อยพลางเอ่ยว่า “เรื่องในอดีตข้าผิดเอง แต่…ตั้งแต่ข้าได้พบเจ้า ข้าจริงใจกับเจ้าจริงๆ นะ ซีเอ๋อร์ เจ้าอภัยให้ข้าได้หรือไม่ เรามาเริ่มกันใหม่เถิด” ฉินซีเอ่ยตอบ “ถึงข้าอภัยให้เจ้าแล้วเยี่ยงไร หรือหากไม่ให้อภัยเจ้าแล้วเยี่ยงไร ข้าอภัยให้เจ้าแล้วต้องขอให้ท่านพ่อท่านพี่ข้าช่วยคืนตำแหน่งราชการให้เจ้า ออกเงินซื้อเรือนให้เจ้า และช่วยเรียกชื่อเสียงของเจ้าคืนมาเช่นนั้นหรือ หร่วนอวี้จือ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นชายรูปงามที่มิมีใครเทียบได้ในโลกหรือเป็นชายที่พร้อมด้วยพรสวรรค์น่าทึ่งหาใครเทียบไม่ได้อีกกันเล่า”

“คุณหนู ไยต้องเอ่ยกับเขามากมายเช่นนี้ด้วย คุณชายใหญ่สั่งแล้วว่าหากเขาบังอาจมายุ่งวุ่นวายจะตัดขาให้ขาดเสีย” สาวใช้เคียงกายฉินซีเอ่ยขึ้นเสียงดัง

ฉินซีส่ายหัว คร้านเกินกว่าจะมองหร่วนอวี้จืออีกครั้ง นางเพียงยิ้มบางให้หนานกงมั่ว หันหลังแล้วเดินไปที่เรือนพำนักข้างๆ

ทางด้านหลัง หร่วนอวี้จือคำรามแล้วรีบกระโจนเข้าหาฉินซี ผู้คนที่อยู่ตรงนั้นล้วนแต่เป็นสาวใช้ ส่วนเหล่าองครักษ์นั้นอยู่ห่างออกไปอีก หร่วนอวี้จือพรวดพราดเข้ามาเช่นนี้ บรรดาสาวใช้จึงจับเขาไว้ไม่ทัน เมื่อเห็นว่าหร่วนอวี้จือรีบวิ่งไปหาฉินซีซึ่งยืนอยู่ข้างบันไดหน้าประตู ทุกคนต่างตกใจตะโกนเรียกขึ้นมา “คุณหนู?!”

ร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาป้องกันฉินซีไว้ได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่หร่วนอวี้จือจะคว้าเสื้อผ้าของฉินซีไว้ได้ เขาก็ถูกคนผู้นั้นเตะออกไปอย่างไร้ซึ่งความปรานีเสียก่อน

หนานกงมั่วยืนมองหร่วนอวี้จือที่ใต้บันไดท่าทางเฉยเมย เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณชายหร่วน เจ้าตกต่ำถึงขนาดต้องพึ่งพาผู้หญิงเพื่อเอาชีวิตรอดแล้วหรือ อ่า ไม่สิ เจ้าก็แค่คนไร้ประโยชน์ที่เกาะผู้หญิงเอาตัวรอดมาตั้งแต่แรกต่างหาก”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *