หมอหญิงยอดมือสังหาร 855 ท่านอาจารย์ชาย (2)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 855 ท่านอาจารย์ชาย (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 855 ท่านอาจารย์ชาย (2)

ไม่ว่าจะเป็นกระบวนท่าหรือพลังภายใน อาจารย์อาก็ได้คัดเลือกวิชายุทธที่เหมาะต่อหนานกงมั่วเป็นพิเศษ ทว่าในทางกลับกันวิชายุทธ์ของอาจารย์อากลับก็ไม่เหมาะต่อหนานกงมั่วอยู่ดี และเสียนเกอเองก็ไม่มีความตั้งใจที่จะเรียนรู้วรยุทธ์ ในที่สุดก็ได้แต่ต้องมอบให้จวินมั่วเท่านั้น แม้ว่าด้วยพลังภายในของเว่ยจวินมั่วแล้วไม่ว่าวิชายุทธใดที่อยู่ในมือเขาแล้วก็ใช้ได้เหมือนกันทั้งนั้น แต่เนื่องจากพลังภายในที่แตกต่างจึงไม่สามารถรับการถ่ายทอดจากอาจารย์อาได้ทั้งหมดจริงๆ ซังเจี้ยวกลับมีหน่วยก้านที่ดีทีเดียว หากสามารถสำเร็จขั้นต้นได้ก่อนอายุสิบห้าปีก็สามารถสืบทอดวิชาได้ เขาคิดว่าอู๋สยาเองก็คงจะพิจารณาเรื่องนี้แล้วจึงได้ยอมรับซังเจี้ยวเป็นศิษย์กระมัง

ซังเจี้ยวชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะรีบขอบคุณท่านอาจารย์ชาย แม้การที่ท่านอาจารย์ชายเอ่ยว่าเขาไม่สามารถฝึกฝนวรยุทธ์ของอาจารย์ได้อย่างเต็มที่จะทำให้รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ไม่ว่าเขาจะได้เรียนรู้วรยุทธ์มากเพียงใดก็จะมีอาจารย์เพียงคนเดียวเท่านั้นที่เขาให้ความเคารพมากที่สุด

หลิ่วหันยืนอยู่ด้านข้างมองซังเจี้ยวที่ยังงุนงงอยู่เล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะลอบถอนหายใจอยู่ภายใน ชีวิตของคนเรานี้ช่างไม่แน่นอนเสียจริง ซังเจี้ยวในเวลานี้จะเข้าใจได้อย่างไรว่าตนเองโชคดีเพียงใดที่คุณชายรับปากว่าจะถ่ายทอดวรยุทธ์ให้เขาด้วยตนเอง หากคนธรรมดาทั่วไปสามารถขอให้คุณชายชี้แนะสักไม่กี่ประโยคได้ พวกเขาก็ได้รับประโยชน์มากมายแล้ว ใครจะคิดว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนเด็กกำพร้าที่เพิ่งสูญเสียแม่และกลายเป็นคนไร้บ้าน อยู่ดีๆ จะกลายมาเป็นศิษย์ร่วมของซิงเฉิงจวิ้นจู่และคุณชายเว่ยได้

เมื่อหนานกงมั่วตื่นขึ้น นางก็เห็นเว่ยจวินมั่วนั่งอยู่ที่โต๊ะไม่ไกลจากเตียงกำลังอ่านเอกสารอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่นางยังจัดการไม่เสร็จ เดิมทีนางวางแผนว่ารอให้เว่ยจวินมั่วได้พักผ่อนก่อนแล้วจึงค่อยไปจัดการ แต่กลับนึกไม่ถึงว่าตนเองจะหลับไปแล้วปล่อยให้เว่ยจวินมั่วเป็นคนจัดการเรื่องพวกนี้แทน

เมื่อคุณชายเว่ยได้ยินเสียงขยับตัว คุณชายเว่ยก็เงยหน้าหันกลับมามอง “ตื่นแล้วหรือ หิวหรือไม่”

หนานกงมั่วส่ายหน้า “เวลาใดแล้วหรือ”

คุณชายเว่ยเอ่ย “ใกล้ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว อู๋สยาหลับสบายหรือไม่”

หนานกงมั่วรู้สึกละอายใจเล็กน้อย ลงจากเตียงแล้วเดินเข้าไปหาเขาก่อนจะยกมือดึงกระดาษมา “ท่านเพิ่งกลับมา ทำไมถึงไม่ยอมพักผ่อนให้ดีๆ”

เว่ยจวินมั่วเลิกคิ้วแล้วดึงนางลงมานั่งข้างกายเขา “สีหน้าของข้ายังดีกว่าเจ้าอีก อู๋สยาอย่าได้เหน็ดเหนื่อยเกินไป หากคนไม่พอ ข้าจะให้ลิ่นฉังเฟิงกับเจี่ยนชิวหยางกลับมาช่วยเจ้า” หนานกงมั่วรีบเอ่ยทันที “อย่าทำเช่นนั้น ยังไม่รู้ว่ากองกำลังไท่หนิงอ๋องเหล่านั้นจะใช้ได้หรือไม่ ให้ลิ่นฉังเฟิงกับเจี่ยนชิวหยางอยู่ในกองทัพฝึกฝนสักระยะดีกว่า เผื่อว่าต่อไปจะต้องใช้คน ทางฝั่งของข้า รออีกหน่อยคนที่ได้รับคัดเลือกมาก็พอใช้การได้แล้ว”

เว่ยจวินมั่วส่ายหน้า “ไม่ได้ หากเจ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไป…ข้าจะให้เสด็จลุงส่งคนที่ใช้การมาได้ให้สักจำนวนหนึ่ง”

หนานกงมั่วครุ่นคิดเล็กน้อย “แบบนั้นก็พอได้” นางเอ่ยถึงเรื่องที่ฉินจื่อซวี่ให้คำแนะนำและเล่าคำพูดทั้งหมดที่ฉินจื่อซวี่เอ่ยกับนางให้เว่ยจวินมั่วฟัง เว่ยจวินมั่วนิ่งเงียบไปนานแล้วจึงเอ่ย “ที่ฉินจื่อซวี่พูดมาก็ไม่ได้ไร้เหตุผล แต่อู๋สยาเองก็ยังไม่ต้องกังวลไปหรอก เพราะตอนนี้กำลังคนไม่พอจริงๆ การจะขอจากเสด็จลุงสักหน่อยก็เป็นเรื่องสมควร คงจะดึงตัวขุนพลมาจากทางนั้นไม่ได้ แต่ขุนนางฝ่ายบุ๋นน่าจะมีไม่น้อย” ในเมื่อตอนนี้เกิดการสู้รบกับราชสำนักแล้ว บัณฑิตทั่วโยวโจวไม่สามารถเข้าร่วมการสอบของราชสำนักได้อีกต่อไป เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถเป็นขุนนางในราชสำนักได้ บัณฑิตที่ต้องการความก้าวหน้าจึงได้แต่ต้องพึ่งพาจวนเยี่ยนอ๋องเท่านั้น ดังนั้นเว่ยจวินมั่วจึงไม่ต้องกังวลเลยว่าจวนเยี่ยนอ๋องจะมีขุนนางบุ๋นไม่พอใช้

หนานกงมั่วพยักหน้า “ข้าจะลองดูบัณฑิตจากเฉินโจว เย่ว์โจว และจิ่นโจวมาใช้งาน การขาดคนก็เพียงชั่วคราวเท่านั้น ไม่ต้องกังวล ท่านอ่านที่ข้าเขียนพวกนี้แล้วคิดว่าอย่างไรบ้าง”

สิ่งที่หนานกงมั่วเขียนไว้ย่อมเป็นเรื่องเกี่ยวกับการปกครองเมืองที่พวกนางตีมาได้ยามนี้ ซึ่งเดิมทีก็บอบช้ำมากอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีแนวคิดและการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ต่างๆ ในการจัดการวิกฤตการขาดแคลนอาหารที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต การเพิ่มรายได้ การลดรายจ่าย เป็นต้น แต่ละบทความมีระเบียบแบบแผนและละเอียดถี่ถ้วน ซึ่งเห็นได้ชัดว่านางใช้เวลาไปไม่น้อย

คุณชายเว่ยเล่นนิ้วเรียวยาวของนาง “นี่คือเหตุผลที่อู๋สยาลำบากตรากตรำเพียงนี้หรือ”

หนานกงมั่วยิ้ม “ก็ไม่ถือว่าลำบากอันใดหรอก แล้วท่านคิดว่าอย่างไรบ้าง”

“อู๋สยาช่างรอบรู้” เว่ยจวินมั่วถอนหายใจเบาๆ นัยน์ตาสีม่วงฉายแววประหลาดใจออกมาอย่างไม่ปิดบังแม้แต่น้อย

หนานกงมั่วยิ้มเล็กน้อย “ข้าเพียงรวบรวมข้อดีของทุกคน ข้าคนเดียวจะคิดอันใดออกมามากมายเพียงนี้ได้อย่างไร” เพียงอาศัยความทรงจำข้ามยุคสมัยที่สั่งสมมาเนิ่นนานรวมกับประสบการณ์ก็เท่านั้น แต่ประสบการณ์เชิงปฏิบัติของนางนั้นเท่ากับศูนย์เช่นกัน ท้ายที่สุดแล้วสิ่งใดเป็นประโยชน์และสิ่งใดที่ไร้ประโยชน์ก็ต้องค่อยๆ ดูกันไป

เว่ยจวินมั่วสั่นศีรษะ “ในโลกใบนี้คงจะหาผู้หญิงที่พิเศษอย่างอู๋สยาอีกไม่ได้แล้ว”

หนานกงมั่วเห็นท่าทางจริงจังของเขาแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ “ข้าจะถือว่าท่านกำลังชมข้าก็แล้วกัน บอกหน่อยสิว่าหากพิชิตจิ่นโจวได้แล้วท่านมีแผนเช่นไรอีก”

เว่ยจวินมั่วย่อมไม่มีอันใดปิดบังต่อนาง เขามีแผนการต่อไปที่คิดไว้ในหัวอยู่แล้ว เว่ยจวินมั่วดึงม้วนแผนที่ที่วางอยู่ไม่ไกลออกมาคลี่กางออก ชี้ไปยังภูเขาและแม่น้ำอันคดเคี้ยว “เวลานี้คือปลายเดือนเจ็ด ภายในสองเดือนเราจะตีไปให้ถึงเอ้อโจว แล้วยึดเอาเอ้อโจว ซิ่นหลิง เสียนชิวเชื่อมต่อกันเพื่อสร้างแนวรับและเป็นกำแพงป้องกันอันตรายจากธรรมชาติ”

“ไม่ไปทางตะวันออกแล้วหรือ” หนานกงมั่วเลิกคิ้วถาม

เว่ยจวินมั่วส่ายศีรษะ “เมื่อเราโจมตีถึงซิ่นหลิง เซียวเชียนเยี่ยก็น่าจะรู้ตัวแล้ว หากรุกต่อไปข้างหน้า เขาอาจทิ้งโยวโจว นำทัพใหญ่หันมาปิดล้อมพวกเราแทน” ระยะทางระหว่างซิ่นหลิงและจินหลิงนั้นไม่นับว่าใกล้ แต่ก็ไม่ไกลแล้ว มันเป็นจุดที่สามารถกระตุ้นเซียวเชียนเยี่ยได้อย่างแน่นอน หากเซียวเชียวเยี่ยไม่ได้เอ่ยว่าสนใจพวกเขามาก่อน เมื่อใดที่พวกเขายึดซิ่นหลิงได้แล้ว เซียวเชียนเยี่ยจะต้องโยกกำลังจัดทัพใหญ่มาปิดล้อมพวกเขาอย่างแน่นอน การบุกต่อไปข้างหน้าลำบากไม่ว่า การสู้รบเองก็คงไม่ราบรื่นเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว

“แล้วแผนของท่านเป็นเช่นไรหรือ” หนานกงมั่วมองแผนที่พลางครุ่นคิด

นิ้วเรียวยาวของเว่ยจวินมั่วเลื่อนผ่านแผนที่ เอ่ยเรียบๆ “ข้ามแม่น้ำหลีเจียง ลงใต้”

หนานกงมั่วดูแผนที่อย่างละเอียด ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่แล้วจึงเอ่ย “ท่านกำลังวางแผนจะอ้อมจากทางใต้ของแม่น้ำหลีเจียงเพื่อยึดหลิงโจว แล้วปิดล้อมจินหลิงจากทิศตะวันออกเฉียงใต้หรือ แล้วทางโยวโจวเล่า หากการเคลื่อนไหวของโยวโจวช้าเกินกว่าที่ท่านจะรุกขนาบข้างพวกเขาได้สมบูรณ์ ท่านก็จะต้องเผชิญหน้ากับทหารสิบสามกองกำลังของจินหลิง รวมถึงทัพใหญ่ของราชสำนักเพียงลำพัง”

เว่ยจวินมั่วกลับไม่ได้กังวลร้อนใจในเรื่องนี้ เอ่ยเสียงเรียบ “พวกเราร้อนใจเกินไป นี่เป็นเพียงแผนการเท่านั้น ยังจะต้องดูความคืบหน้าทางฝั่งเสด็จลุงด้วย หากพวกเรายึดสถานที่เหล่านี้ได้สำเร็จ เซียวเชียนเยี่ยก็คงไม่สามารถทำอันใดพวกเราได้ไปสักระยะ แม้ว่าเราจะไม่ข้ามแม่น้ำลงใต้ก็ตาม”

หนานกงมั่วพยักหน้า จริงอย่างที่เขาเอ่ย เซียวเชียนเยี่ยมีเป้าหมายศัตรูความแค้นที่ยิ่งใหญ่กว่าอย่างเยี่ยนอ๋องอยู่ที่นั่น นอกเสียจากว่าจะถูกบีบบังคับให้ต้องรีบร้อน มิฉะนั้นคงไม่ปรับกระบวนทัพลงมาเผชิญหน้ากับพวกเขาหรอก

หนานกงมั่วซบไหล่เว่ยจวินมั่วพลางถอนหายใจ “พวกเราจากโยวโจวมานานเพียงนี้ ตอนที่เรากลับไปแล้วอานอานกับเยาเยาจะยังรู้จักพวกเราหรือไม่” ลูกน้อยทั้งสองของพวกเขาช่างน่าสงสาร ทารกน้อยยังไม่ทันจะจดจำใครได้ พ่อกับแม่ก็ต้องจากมาแล้ว ตอนที่พวกเขากลับไป ทารกน้อยจะต้องไม่รู้จักพวกเขาแล้วแน่ๆ

เว่ยจวินมั่วลูบผมนางอย่างปลอบโยน เอ่ยเสียงแผ่ว “รอให้ทุกสิ่งสงบมั่นคงลงอีกสักระยะ ข้าค่อยไปรับลูกกับเสด็จแม่มาดีหรือไม่”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *