หมอหญิงยอดมือสังหาร 505 ลูกสาวตัวดี (1)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 505 ลูกสาวตัวดี (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 505 ลูกสาวตัวดี (1)

ลิ่นฉังเฟิงเอ่ย “ให้พวกเขาสองคนพ่ายแพ้ไปทั้งคู่ไม่ดีกว่าหรือ”

“เช่นนั้นหลังจากพ่ายแพ้ทั้งคู่ไปแล้วล่ะ” หนานกงมั่วถาม

“หลังจากนั้นหรือ” หลังจากนั้นก็ไม่มีอันใดแล้ว ก็คงจะไม่สนับสนุนรัชทายาทจากพระสนมเป็นฮ่องเต้ แม้แต่บรรดาผู้ปกครองเมืองก็มาช่วงชิงชิงบัลลังก์ด้วยหรือไม่ คิดดังนั้น… ลิ่นฉังเฟิงก็ตัวสั่น ช่างมันเถิด

เว่ยจวินมั่วเอ่ยอย่างเฉยเมย “ยามนี้จะทำให้สถานการณ์โดยรวมวุ่นวายไม่ได้”

ลิ่นฉังเฟิงกลอกตามองบน “เจ้าสนใจสถานการณ์โดยรวมตั้งแต่เมื่อไหร่”

“สองปีมานี้เป่ยหยวนไม่ค่อยสงบนัก” เว่ยจวินมั่วเอ่ย

ลิ่นฉังเฟิงจึงตระหนักได้ว่า ถึงแม้เป่ยหยวนจะถูกขับไล่ไปมั่วเป่ยแล้ว แต่ชาวเป่ยหยวนที่เคยเสพสุขกับความเจริญรุ่งเรือง จะทนต่อสถานที่หนาวเหน็บเช่นนั้นได้อย่างไร แน่นอนว่าพวกเขาต้องการโจมตีโต้กลับมาตลอด ถึงแม้จะโจมตีกลับมาไม่ได้ ก็ต้องบุกโจมตีที่ชายแดนหรือทำสิ่งใดสักอย่าง นี่ก็คือเหตุผลที่ตอนนั้นอดีตฮ่องเต้สั่งให้บรรดาท่านอ๋องนำทัพไปปกป้องชายแดน

เขายักไหล่แล้วจึงเอ่ย “เอาเถิด คิดเสียว่าข้าไม่ได้เอ่ยแล้วกัน ระยะนี้คงจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นอย่างแน่นอน ออกไปไหนก็ระวังหน่อย แล้วอีกอย่าง…แม่นางมั่ว เจ้าไม่ได้กลับจวนฉู่กั๋วกงนานเพียงใดแล้วหรือ”

หนานกงมั่วเอ่ย “เดือนกว่าแล้ว” นางกับหนานกงไหวแตกหักกันเพียงนี้ ปีใหม่หรือเทศกาลอันใดก็ไม่จำเป็นต้องกลับไป มีแค่หนานกงชวี่กับหนานกงฮุยที่เคยมาจวนเยี่ยนอ๋องด้วยตัวเองหนึ่งครั้ง ทว่าก็ไม่ได้เอ่ยอันใด

“จวนฉู่กั๋วกงเกิดอันใดขึ้นอย่างนั้นหรือ”

ลิ่นฉังเฟิงยิ้มมีเลศนัย “เกิดเรื่องใหญ่ทีเดียว ฉู่กั๋วกงจะแต่งเฉียวเฟยเยียนเข้ามาเป็นชายาอย่างเป็นทางการ และแต่งตั้งให้เฉียวเชียนหนิงเป็นผู้สืบทอด ข้าก็รู้สึกแปลกๆ ว่าทำไมผ่านมาตั้งหลายปีหนานกงชวี่ถึงไม่ได้ตำแหน่งผู้สืบทอดสักที”

ได้ยินเช่นนี้ หนานกงมั่วก็ตกใจ “ไยท่านพ่อถึงนึกถึงเรื่องนี้ ราชโองการของอดีตฮ่องเต้…”

ลิ่นฉังเฟิงหัวเราะ “หนึ่งโอรสสวรรค์ หนึ่งขุนนาง [1]เซียวเชียนเยี่ยอยากได้รับการสนับสนุนจากหนานกงไหว แล้วจะไม่ให้ผลประโยชน์เขาได้เช่นไร เฉียวเฟยเยียนนั้นไม่ใช่อนุภรรยา กฎหมายของอาณาจักรเซี่ยก็ไม่ได้ห้ามแต่งงานกับหญิงม่าย และยิ่งไม่ได้บอกว่าตำแหน่งบรรดาศักดิ์ต้องสืบทอดให้ลูกชายแท้ๆ ของตัวเองเท่านั้น ถึงแม้ทุกคนในเมืองหลวงจะรู้ว่าเฉียวเชียนหนิงคือลูกของใคร” แต่น่าสงสารหวาหนิงจวิ้นอ๋อง ทั้งๆ ที่เสียชีวิตไปแล้ว แต่ยังโดนสวมเขา เลี้ยงลูกชายให้คนอื่นตั้งสิบกว่าปี

“พี่ใหญ่ของข้าว่าเยี่ยงไร” หนานกงมั่วขมวดคิ้ว

ลิ่นฉังเฟิงลูบคางตัวเองแล้วจึงเอ่ย “นี่ก็เป็นเรื่องที่ข้าไม่ค่อยเข้าใจ ดูเหมือนหนานกงชวี่ไม่ค่อยสนใจมากนัก”

หนานกงมั่วพยักหน้า เอ่ย “เข้าใจแล้ว ขอบคุณฉังเฟิง”

ลิ่นฉังเฟิงโบกมือไปมาแล้วจึงเอ่ย “เพียงถือโอกาสให้คนไปสืบดู ใครบอกให้พวกเจ้าเอาแต่หมกตัวอยู่ที่เรือนไม่ออกไปไหน”

หนานกงมั่วยิ้มบาง ในเมื่อฮ่องเต้ไม่อยากให้พวกเขาเข้าไปยุ่งเกี่ยว เช่นนั้นพวกเขาจึงอยู่แต่ที่เรือนโดยไม่สนใจอันใดทั้งสิ้น แล้วอีกอย่างฤดูหนาวก็หนาวจนน่าเบื่อมิใช่หรือ

หนานกงมั่วไม่ได้อยากสนใจเรื่องของจวนฉู่กั๋วกง แต่เรื่องบางเรื่อง ถึงแม้เจ้าไม่อยากสนใจ แต่มันกลับพุ่งมาที่เจ้า การตัดสินใจแต่งงานกับเฉียวเฟยเยียนของหนานกงไหว ทำให้เฉียวเฟยเยียนสามแม่ลูกมีความสุขขึ้นไม่น้อย เฉียวเฟยเยียนกับเฉียวเชียนหนิงยังพออดทนนิ่งเฉยได้ แต่เฉียวเย่ว์อู่กลับทนไม่ไหว ดังนั้นเมื่อหนานกงมั่วเจอเฉียวเย่ว์อู่ที่อารมณ์ไม่ดีบนถนน นางจึงไม่ได้แปลกใจอะไร

“แม่นางเฉียว มีเรื่องอันใดหรือ” เห็นเฉียวเย่ว์อู่ที่ยืนอยู่ข้างหน้า มองมาที่ตัวเองโดยไม่เอ่ยอันใดสักคำ ในที่สุดหนานกงมั่วก็เอ่ยออกมา ทางด้านหลังจือซูกับหมิงฉินก็เดินเข้ามา มองเฉียวเย่ว์อู่ด้วยสายตาหวาดระแวง ถึงแม้วรยุทธ์ของคุณหนูจะสามารถรับมือกับเฉียวเย่ว์อู่สิบคนได้สบาย ทว่าอยู่บนถนนที่มีผู้คนเดินผ่านไปมา มีบ่าวรับใช้อยู่ด้วยแล้วไยจึงยังต้องลงมือเอง

“อู่เอ๋อร์” ข้างหลังเฉียวเย่ว์อู่ เฉียวเฟยเยียนสวมชุดคลุมสีขาวและเสื้อด้านในสีม่วงอ่อนเรียกนางด้วยความเป็นห่วง หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น บุตรีผู้นี้ก็แปลกไป เอ่ยออกมาจากใจ ยามนี้เฉียวเฟยเยียนไม่ได้อยากเจอหนานกงมั่ว

ทันใดนั้นเฉียวเย่ว์อู่ก็ยิ้มให้หนานกงมั่วแล้วเอ่ย “ทำไมพี่สาวถึงห่างเหินกับข้าเช่นนี้ล่ะเจ้าคะ ท่านต้องเรียกข้าว่าน้องหญิงสามมิใช่หรือเจ้าคะ” เอ่ยจบ ก็เดินเข้ามาจะจับมือหนานกงมั่ว ทว่าหนานกงมั่วกลับถอยหลังไปหนึ่งก้าว สายตาของเฉียวเย่ว์อู่มืดมนลง เอ่ยด้วยความเฉยเมย “พี่สาวรังเกียจข้าหรือเจ้าคะ”

“…” ข้าไม่เคยไม่รังเกียจเจ้า

ในไม่ช้า สายตาของเฉียวเย่ว์อู่ก็เป็นประกาย เอ่ยอย่างดีใจ “พี่สาว ท่านลุงหนานกงกำลังจะแต่งงานกับท่านแม่ของข้าแล้ว แล้วยังบอกว่าจะแต่งตั้งพี่ใหญ่ของข้าเป็นผู้สืบทอด ต่อไปเราก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว เรื่องที่ผ่านมา คิดเสียว่าข้าไม่รู้ความ ยกโทษให้ข้าได้หรือไม่เจ้าคะ”

“อู่เอ๋อร์…”

เฉียวเย่ว์อู่ราวกับไม่ได้ยินที่เฉียวเฟยเยียนเรียก นางตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วยังมีท่าทีมีความสุข “พี่สาว ท่านดีใจหรือไม่เจ้าคะ ในที่สุดท่านแม่ของข้าก็จะได้เป็นฮูหยินจวนฉู่กั๋วกงแล้ว นางดีใจมาก ท่านแม่บอกว่าหากท่านแม่กลายเป็นฮูหยินจวนฉู่กั๋วกง นางจะให้ข้าอยู่ที่เรือนจี้ชั่งเจ้าค่ะ”

เฉียวเย่ว์อู่เอ่ยเสียงดัง และที่ที่พวกนางยืนอยู่ก็มีผู้คนเดินไปเดินมามากมาย คนที่เดินผ่านมาได้ยินเรื่องที่นางเอ่ยอย่างชัดเจน ทันใดนั้นก็นึกถึงข่าวลือที่จวนฉู่กั๋วกงจะแต่งงานกับหญิงม่ายเมื่อสองสามเดือนก่อน แต่ว่า…อดีตฮ่องเต้สวรรคตยังไม่ถึงสองเดือน ทำเช่นนี้นั้นเหมาะสมแล้วหรือ แล้วยังจะแต่งตั้งลูกชายของหญิงม่ายเป็นผู้สืบทอด เช่นนั้นบุตรของชายาเอกจะทำอย่างไร ฉู่กั๋วกงช่างใจกว้างเสียจริง แม้แต่ตำแหน่งบรรดาศักดิ์ที่ต้องแลกมาด้วยความยากลำบาก ยังยอมมอบให้ลูกชายของผู้อื่น หรือว่า…ลูกชายสองคนของหญิงม่ายคนนั้นเดิมทีแล้วเป็น…

ในหัวของพวกเขาเต็มไปด้วยเรื่องราวอันหอมหวน

“อู่เอ๋อร์!” สีหน้าของเฉียวเฟยเยียนไม่สู้ดีนัก คิดไม่ถึงว่าเฉียวเย่ว์อู่จะปากพล่อยเช่นนี้ ถึงแม้จะดีใจเพียงใด ทว่าก็ต้องดูสถานที่ หากปล่อยให้นางเอ่ยต่อไปแล้วตัวเองจะเอาชื่อเสียงไปไว้ที่ไหน ที่จริงแล้วเฉียวเฟยเยียนคิดมากเกินไป ไม่ว่าเฉียวเย่ว์อู่จะเอ่ยเรื่องพวกนี้หรือไม่ นางเองก็ไม่ได้มีชื่อเสียงอันใดอยู่แล้ว สังคมของสตรีชั้นสูงในเมืองจินหลิง ไม่มีทางยอมรับหญิงที่ไม่แม้แต่จะไว้ทุกข์ให้สามีครบหนึ่งปี และยิ่งไม่มีทางยอมให้ผู้หญิงที่เคยถูกบ่าวรับใช้เหยียบหยามเข้ามาอยู่ในสังคมของสตรีชั้นสูง สำหรับเฉียวเชียนหนิง…ยิ่งน่าขบขัน ลูกติดของสตรีที่เคยแต่งงานมาแล้วยังสามารถสืบทอดตำแหน่งบรรดาศักดิ์ เช่นนั้นลูกอนุภรรยาของพวกเขาก็คงจะพลิกฟ้าพลิกดินกันหมด

ทว่าเหมือนกับว่าเฉียวเย่ว์อู่จะไม่ใส่ใจ ยังคงมองหนานกงมั่วแล้วหัวเราะ

หนานกงมั่วมองดูความชั่วร้ายในสายตาของหญิงที่อยู่ตรงหน้าอย่างสงบนิ่ง ทันใดนั้นหนานกงมั่วก็ตระหนักขึ้นมาได้ว่า ความชั่วร้ายและความเคียดแค้นในสายตาของเฉียวเย่ว์อู่มิใช่ความเคียดแค้นที่มีต่อนาง ทว่าคือความเคียดแค้นที่มีต่อเฉียวเฟยเยียนที่อยู่ด้านหลัง การเอ่ยเช่นนั้น นอกจากทำให้หนานกงมั่วเสียเวลาแล้วก็ไม่มีผลกระทบอันใดเลยแม้แต่น้อย ทว่าเฉียวเฟยเยียนนั้นต่างออกไป วาจาของนางเตือนผู้คนว่า หลังจากที่เฉียวเฟยเยียนเข้าไปพัวพันกับหนานกงไหว สามีของตัวเองก็เพิ่งจะเสียชีวิตไปได้ไม่ถึงครึ่งปี ยามนี้ยังอยากแต่งงานเข้าไปอยู่ในจวนฉู่กั๋วกงจนตัวสั่น หลังจากที่ฮ่องเต้เพิ่งจะสวรรคตไปได้เพียงสองเดือน ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ในสายตาของชาวเมืองจินหลิง เฉียวเฟยเยียนก็คือผู้หญิงโสเภณีผู้หนึ่ง

“พี่สาว ท่านรู้หรือไม่ว่าไยท่านลุงหนานกงถึงรีบแต่งงานกับท่านแม่ของข้า” เฉียวเย่ว์อู่ยิ้มอย่างได้ใจ

[1] หนึ่งโอรสสวรรค์ หนึ่งขุนนาง เมื่อเปลี่ยนคนที่มีอำนาจก็ต้องเปลี่ยนบริวารที่มีอำนาจไปด้วย

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *