หมอหญิงยอดมือสังหาร 670 ชดใช้กรรม (1)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 670 ชดใช้กรรม (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 670 ชดใช้กรรม (1)
หลูเซียงเซียงกลอกตา เอ่ย “ท่านพ่อ กงมั่วหลานผู้นั้นดูจะมิได้เชื่อฟังเท่าใดนัก คิดจะส่งตัวนางให้จอมทัพฮูตุน เกรงว่าคงไม่ใช่เรื่องง่าย”

หลูฉี่หลินย่นคิ้ว เห็นชัดว่ากำลังนึกถึงปัญหานี้อยู่

หลูเซียงเซียงเอ่ย “ข้ามีวิธี พวกเราเพียงวางยานางก่อน ให้นางหลับไปตลอดทาง ถึงตอนนั้นก็จะบรรลุผล…ต่อให้นางอยากต่อต้านก็คงไม่ทันแล้ว”

หลูฉี่หลินไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่ เลิกคิ้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เป็นเซียงเซียงที่รอบคอบ เยี่ยม เอาตามนี้”

หลูเซียงเซียงหลุบตาลง ดวงตาฉายแววมาดร้าย “เซียงเซียงอยากช่วยแบ่งเบาภาระของท่านพ่อเจ้าค่ะ”

หลูอวิ๋นเฟิงนั่งอยู่อีกฝั่ง นั่งฟังบิดาและน้องสาววางแผนให้กงมั่วหลานเชื่อฟัง รู้สึกสั่นสะท้านขึ้นมาในใจ คิดมาตลอดว่าบิดาของตนนั้นเป็นคนเที่ยงธรรม นึกว่าน้องสาวของตนนั้นเป็นคนว่าง่ายมีเมตตา แต่ว่า…สองคนตรงหน้ากลับแปลกหน้าถึงเพียงนี้ บิดาที่อบรมสั่งสอนน้องสาวว่าไม่ควรทรยศหักหลังกงมั่วหลานเมื่อหลายวันก่อน ที่แท้เป็นเพราะวางแผนจะผลักกงมั่วหลานเข้ากองไฟใหญ่ น้องสาวที่ว่านอนสอนง่ายของเขา กลับผลักหญิงสาวที่น่าสงสารลงไปในจุดที่น่าสงสารมากขึ้นเพียงเพราะกงจวินชิงปฏิเสธตนเอง

แต่ว่า…เขาจะทำอันใดได้เล่า

พูดคุยกับหลูเซียงเซียงจบ หลูฉี่หลินก็กวาดตามองบุตรชายที่นั่งนิ่งพลางขมวดคิ้ว เอ่ยเสียงเข้ม “เอาล่ะอวิ๋นเฟิง เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องสนใจแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเถิด” บุตรชายผู้นี้…มีประสบการณ์น้อยไร้เดียงสาเกินไป การเดินทางทำการค้าที่นอกด่านนั้นอันตรายเพียงใด หากพวกเขายังเป็นคนดี เส้นทางนี้ตระกูลหลูของพวกเขาก็คงไม่อาจเดินได้

“ขอรับ ท่านพ่อ” หลูฉี่หลินลุกขึ้น

บนหลังคาด้านนอก เงาดำซ่อนตัวอยู่บนหลังคา หลอมรวมไปกับความมืดยามค่ำคืน รู้ความเคลื่อนไหวด้านล่างแล้ว ก่อนจะลุกขึ้น ดวงตาคู่สวยโผล่ออกมาจากผ้าคลุม มุมปากของคนชุดดำมีรอยยิ้มบางๆ ใช้วิชาตัวเบากระโดดออกไป หายลับไปจากหลังคา ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีเสียงแม้เพียงเล็กน้อย

ประตูด้านล่างถูกเปิดออก หลูอวิ๋นเฟิงและหลูเซียงเซียงสองพี่น้องเดินออกมา หลูอวิ๋นเฟิงไม่ทักทายน้องสาว หมุนตัวกลับไปยังห้องของตนเอง หลูเซียงเซียงชะงัก มองตามแผ่นหลังของพี่ชาย ส่งเสียงไม่พอใจเบาๆ จากนั้นจึงหมุนตัวเดินกลับห้องของตนเองไปบ้าง

เช้าวันต่อมา หนานกงมั่วถูกคนประคองขึ้นรถม้า ดูเหมือนหลูฉี่หลินจะคาดหวังกับการส่งตัวหนานกงมั่วเป็นอย่างมาก ไม่เพียงจัดเตรียมรถม้ามาหนึ่งคัน กระทั่งไม่รู้ไปหาสาวใช้ชาวเป่ยหยวนมาจากไหนเพื่อคอยประคองหนานกงมั่วที่กำลังสลบช่วยกันกับหลูเซียงเซียง สำหรับเรื่องนี้เดิมทีหลูเซียงเซียงไม่พอใจนัก แต่เมื่อนึกถึงชีวิตของหนานกงมั่วหลังจากนี้ก็รู้สึกว่าไม่เป็นไรแล้ว

หลังจากที่พวกเขาจากไปแล้ว หวังป้าอยู่ในชุดชาวเป่ยหยวนเดินออกมาจากด้านใน มองขบวนที่เคลื่อนตัวไกลออกไป เผยรอยยิ้มเป็นสุขขึ้นเมื่อยามเห็นคนอื่นมีทุกข์

หนานกงมั่วตื่นมาระหว่างทาง มองดูรถม้าที่กำลังเคลื่อนตัวอย่างงุนงง จากนั้นมองไปยังหลูเซียงเซียงและสตรีชาวเป่ยหยวน เอ่ยถามด้วยความสงสัย “พวกเรากำลังจะไปที่ใดหรือ”

หลูเซียงเซียงยิ้มจนตาหยีมองไปยังนาง เพียงแต่รอยยิ้มนั้นมองอย่างไรก็ไม่เป็นมิตร เอ่ย “แม่นางกง ตอนนี้พวกเรา…กำลังเดินทางไปยังกองทัพเป่ยหยวนค่ายของจอมทัพฮูตุน จอมทัพฮูตุนมิใช่คนที่ใครจะเข้าพบได้ง่ายๆ นับเป็นวาสนาของเจ้าแล้ว”

หนานกงมั่วเลิกคิ้ว กัดฟันเอ่ย “ข้า…ไยข้าจึงไม่มีกำลังเลยเล่า”

หลูเซียงเซียงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนเพื่อให้เจ้าเชื่อฟัง”

“เจ้า…พวกเจ้าจะทำอันใด”

หลูเซียงเซียงยิ้มเย็น เอ่ย “จอมทัพฮูตุนพอใจในตัวเจ้า นับว่าเป็นวาสนาของเจ้า ทางที่ดีเจ้าว่าง่ายๆ เถิด มิเช่นนั้น…ข้าคงไม่รับรองว่าวันข้างหน้าเจ้าจะมีชีวิตเยี่ยงไรในเป่ยหยวน ข้าเคยได้ยินมาว่า…ชาวเป่ยหยวนพี่น้องใช้ภรรยาร่วมกันในครอบครัว ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง…ในกองทัพ”

สตรีชาวเป่ยหยวนผู้นั้นเห็นชัดว่าไม่เข้าใจภาษาจงหยวน ทำเพียงมองสีหน้าแปลกประหลาดของหลูเซียงเซียงด้วยความงุนงง

หนานกงมั่วกัดริมฝีปาก เอ่ยว่า “ไยพวกเจ้าจึงทำเช่นนี้กับข้า”

หลูเซียงเซียงยิ้ม เอ่ย “หรือว่าเจ้าคิดว่าท่านพ่อของข้าจะช่วยเจ้าเปล่าๆ อย่างนั้นหรือ แม้แต่พี่ชายของเจ้ายังทอดทิ้งเจ้า เจ้ายังคิดว่า….ในสายตาของท่านพ่อและพี่ชายของข้า เจ้ามีสิทธิ์อันใด อาศัยเพียงหน้าตาของเจ้าอย่างนั้นหรือ” หนานกงมั่วสูดหายใจเข้าลึก “เจ้า…เจ้า เจ้าตั้งใจ”

หลูเซียงเซียงอารมณ์ดี มองสำรวจหนานกงมั่วด้วยสายตาเย้ยหยัน เอ่ย “คงมีเพียงบุรุษเช่นพี่ชายของข้าถึงจะถูกหน้าตาของเจ้าหลอกเอาได้ น่าเสียดาย…การตัดสินใจในครอบครัวของเรายังมิได้ตกไปอยู่ในมือพี่ใหญ่ ส่งเจ้าให้จอมทัพฮูตุนก็นับว่าใช้ประโยชน์จากเจ้าให้ถึงที่สุดแล้ว”

หนานกงมั่วหลุบตาลง เอ่ยเสียงสั่น “เจ้าทำเช่นนี้…ไม่กลัวต้องชดใช้กรรมหรือ”

หลูเซียงเซียงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าจะกลัวอันใด ตอนนี้ใครจะมาเอาคืนพวกเราได้ คนไม่เห็นแก่ตัวก็คงต้องจบสิ้น มีอันใดไม่ถูกหรือ พี่ใหญ่ยังต่อว่าข้าเพราะเจ้าอีก”

หนานกงมั่วพยักหน้า เอ่ยเสียงเบา “เจ้ากล่าวถูกแล้ว”

หลูเซียงเซียงเพียงคิดว่านางคงถูกจู่โจมมากเกินไป กลับมานั่งอยู่ด้านข้างไม่สนใจนางอีก ทว่ามองไม่เห็นดวงตาเย็นยะเยือกของสตรีตรงหน้าที่ก้มลงไปเล็กน้อย

กลางคืน ขบวนพ่อค้าหยุดพักอยู่ริมแม่น้ำ หนานกงมั่วก็ถูกลากลงมานั่งอยู่ริมแม่น้ำด้วย สตรีเป่ยหยวนอยู่กับนางไม่หนีห่างแม้เพียงก้าว หนานกงมั่วยอมทำตามคำสั่งของพวกเขา ถูกผลักให้นั่งลงบนพื้นก็ไม่ขยับเขยื้อน สตรีเป่ยหยวนยื่นอาหารมาตรงหน้านางก็ไม่เห็นว่านางจะแตะต้อง หลูฉี่หลินและหลูเซียงเซียงเองก็ไม่สนใจ อย่างมากพรุ่งนี้ก็เดินทางถึงกองทัพของจอมทัพฮูตุนแล้ว ไม่กินข้าวไม่กี่มื้อก็คงไม่หิวตาย หิวจนไม่มีแรงขยับเขยื้อนก็ยิ่งดี พวกเขาจะได้ไม่ต้องเป็นกังวล

ทว่าหลูอวิ๋นเฟิงกลับทนไม่ไหว ยกน้ำแกงหนึ่งถ้วยเข้ามา

“แม่นางกง”

หนานกงมั่วปรายตามองเขา ไม่เอ่ยสิ่งใด หลูอวิ๋นเฟิงเศร้าสลด นั่งลงด้านข้างหนานกงมั่ว เอ่ยเสียงเบา “ขอโทษด้วย…”

หนานกงมั่วช้อนดวงตาขึ้นมามองเขา “ขอโทษอันใด”

หลูอวิ๋นเฟิงกระอักกระอ่วน “ท่านพ่อของข้า…ขอโทษ ข้า…ข้าก็ไม่รู้ว่าข้าช่วยเจ้าหรือว่าทำร้ายเจ้า อย่างไรเสีย…เป็นตระกูลหลูของข้าที่ผิดต่อเจ้า” หลูเซียงเซียงทำให้นางต้องตกไปอยู่ในมือของกองโจร ยามนี้ยังคิดส่งนางไปอยู่ในมือจอมทัพฮูตุน บอกได้ยากว่าสองอย่างนี้ไม่รู้ว่าอย่างไหนที่จะเป็นทางที่ดีกับนางที่สุด บางที…ก่อนหน้านี้อาจไม่ควรช่วยนางออกมาจากมือของจอมโจร อย่างน้อยเจ้าโจรนั่นยังตั้งใจจะจัดพิธีแต่งงานกับนาง แต่หากตกไปอยู่ในกองทัพ…

หลูอวิ๋นเฟิงตัวสั่น เหลือบไปมองบิดาที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่ข้างกองไฟ หลูอวิ๋นเฟิงกัดฟันเอ่ยเสียงเบา “แม่นางกง เจ้า…ข้าจะช่วยดึงความสนใจจากคนเฝ้าเจ้า เจ้าหนีไปเถิด”

หนานกงมั่วยกมือที่ไร้เรี่ยวแรงขึ้นมา ยิ้มขมขื่น “ข้าขยับตัวไม่ได้”

หลูอวิ๋นเฟิงถอนหายใจ ความจริงเขาก็เข้าใจ ในทุ่งหญ้าที่ว่างเปล่า สตรีบอบบางตัวคนเดียวคงไม่อาจหนีออกไปได้

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *