หมอหญิงยอดมือสังหาร 671 ชดใช้กรรม (2)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 671 ชดใช้กรรม (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 671 ชดใช้กรรม (2)
วางถ้วยน้ำแกงอุ่นใส่มือให้นางด้วยความระมัดระวัง หลูอวิ๋นเฟิงเอ่ยเสียงเบา “กินสักหน่อยเถิด อย่าปล่อยให้ตนเองหิวเลย”

“อวิ๋นเฟิง มานี่” อีกด้าน หลูฉี่หลินเห็นทั้งสองกำลังกระซิบกระซาบ เอ่ยเสียงดังอย่างไม่พอใจ

หลูอวิ๋นเฟิงลอบมองหนานกงมั่วเล็กน้อย ยัดของบางอย่างลงไปในมือของนางจากนั้นรีบลุกขึ้นเดินออกไป

หนานกงมั่วหลุบตาลงมองของในมือที่หลูอวิ๋นเฟิงยัดมาไว้ในมือตนเอง นั่นคือกริชเล็กที่ถูกแกะสลักอย่างงดงาม ขนาดยังไม่ถึงหนึ่งฝ่ามือของนางด้วยซ้ำ ทั้งบางทั้งเล็ก ทว่าดูแหลมคม น่าตลกสิ้นดี นี่เอามาให้นางไว้ฆ่าตัวตายหากจนตรอกหรือ

เที่ยงวันต่อมา ขบวนพ่อค้าเดินทางเข้าสู่เขตกองทัพของจอมทัพฮูตุน หากไม่เห็นกับตาคงไม่อาจจินตนาการได้ถึงบรรยากาศและความยิ่งใหญ่ของกองทัพเป่ยหยวน ไกลออกไปเห็นทหารลาดตระเวนตรวจตราอย่างเข้มงวด เข้าไปลึกอีกพลันมองเห็นกระโจมที่ถูกตั้งเรียงรายเป็นระเบียบอยู่ไกลๆ มีทหารม้าในชุดเกราะเดินอยู่รอบๆ ไกลออกไปยังมองเห็นทหารม้านับพันกำลังควบม้าวิ่งอยู่ในทุ่งหญ้า

ผ่านการตรวจตราอย่างเข้มงวด ขบวนของหลูฉี่หลินจึงถูกปล่อยเข้าไป เมื่อเข้าไปด้านใน หลูอวิ๋นเฟิงมองหนานกงมั่วด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย ราวกับกำลังสงสัยว่านางเอากริชที่เขาให้ไปซ่อนไว้ที่ไหนแล้ว

เมื่อเข้ามานั่งด้านในกระโจมใหญ่พลันได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งเข้ามาอย่างพร้อมเพรียง หลายคนเปิดม่านเดินเข้ามา คนที่เดินนำเข้ามาก่อนคือชายร่างสูงใหญ่อายุราวสี่สิบต้นๆ ใบหน้าจริงจังคมลึกราวกับมีด เพียงแต่ทั่วทั้งตัวนั้นมีพลังอำนาจ ทำให้คนไม่กล้ามอง ชายผู้นั้นมองผ่านบรรดาหลูฉี่หลินไป สุดท้ายมาหยุดอยู่ที่หนานกงมั่ว เอ่ยถามเสียงเข้ม “นางเป็นใคร”

หลูฉี่หลินลุกขึ้นยกมือประสานตรงหน้า เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คารวะท่านจอมทัพ แม่นางผู้นี้เป็นคุณหนูในเมืองหลิงโจวของต้าเซี่ย เผชิญกับโชคร้ายที่นอกด่านกำแพง สตรีงดงามเช่นนี้ แน่นอนว่าต้องคู่ควรกับยอดวีรบุรุษเช่นท่านจอมทัพเท่านั้น ขอท่านจอมทัพรับเอาไว้ คงจะเป็นเรื่องน่ายินดีขอรับ”

ที่แท้ ชายผู้นี้ก็คือจอมทัพฮูตุนแห่งเป่ยหยวนนั่นเอง

ฮูตุนย่นคิ้ว มองสำรวจหนานกงมั่ว หนานกงมั่วหลุบตาลง ใบหน้ากลับไม่มีความตื่นกลัวแต่อย่างใด เพียงแต่มือน้อยๆ ที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อนั้นกำลังสั่นเทา

“เงยหน้าขึ้นมา”

หนานกงมั่วทำราวกับไม่ได้ยิน หลูฉี่หลินส่งสัญญาณให้หลูเซียงเซียงที่อยู่ด้านข้าง หลูเซียงเซียงเดินขึ้นมาด้านหน้า บีบปลายคางหนานกงมั่วให้เงยหน้าขึ้นมา ใบหน้างดงามไร้ที่ติแตกต่างไปจากสตรีเป่ยหยวนปรากฏขึ้นตรงหน้าฮูตุน เนิ่นนาน ฮูตุนจึงหัวเราะเสียงดังออกมา เอ่ย “เยี่ยม ข้าพอใจมาก เถ้าแก่หลู ขอบคุณท่านมาก”

หลูฉี่หลินยิ้ม เอ่ย “ที่ไหนเล่า เป็นเรื่องสมควรขอรับ”

จอมทัพฮูตุนโบกปัดมือ เอ่ย “พาตัวผู้นี้…”

“แม่นางกง แม่นางผู้นี้มีนามว่ากงมั่วหลาน”

ฮูตุนขมวดคิ้ว เอ่ย “พาตัวแม่นางกงออกไป” แน่นอนว่าหนานกงมั่วไม่ยอม เพียงแต่ร่างกายนั้นไร้เรี่ยวแรง แน่นอนว่าฮูตุนดูออกว่านางถูกวางยา เพียงแต่เขาไม่สนใจ ในสายตาของเขาสตรีจงหยวนเป็นเพียงเครื่องมือในการระบายอารมณ์ของเขาก็เท่านั้น

“ขอรับ ท่านจอมทัพ” หนานกงมั่วถูกพาตัวไปยังกระโจมใหญ่ของจอมทัพฮูตุนกระโจมหนึ่ง ด้านในกระโจมนอกจากเตียงและโต๊ะหนึ่งตัวก็ไม่มีสิ่งใดแล้ว หนานกงมั่วนั่งอยู่บนเตียงพลางคิดคำนวณอยู่ในใจอย่างไม่ใส่ใจนัก ตามที่นางสังเกตนั้นค่ายทหารแห่งนี้มีการคุ้มกันแน่นหนา เว่ยจวินมั่วจะเข้ามาอยู่ในค่ายได้อย่างราบรื่นจริงหรือ ถ้าหากไม่…

หนานกงมั่วไม่ได้เป็นกังวล แม้ว่าค่ายทหารแห่งนี้จะเต็มไปด้วยอันตราย ต่อสู้ก็คงสู้ไม่ได้ แต่นางตัวคนเดียวคิดอยากหลบหนีออกไปก็ไม่ใช่เรื่องยากอันใด ยิ่งไปกว่านั้น หากเว่ยจวินมั่วไม่ได้เข้ามาจริงๆ ตอนนี้ก็คงเห็นสัญลักษณ์ที่นางทิ้งเอาไว้ที่ด้านนอกนั่นแล้ว ใช้เวลาไม่นานก็คงตามมาทัน

ความมืดเริ่มเข้าปกคลุมท้องฟ้า ประตูกระโจมถูกเปิดออก หนานกงมั่วหันกลับมาพลันมองเห็นหลูเซียงเซียงที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าชื่นมื่น เอ่ยวาจาเสียดสีหนานกงมั่ว “แม่นางกง อยู่ที่นี่สบายหรือไม่ เจ้าวางใจ อีกไม่นานท่านจอมทัพก็จะมาอยู่เป็นเพื่อนเจ้าแล้ว” หนานกงมั่วนิ่งเงียบไม่เอ่ยวาจา หลูเซียงเซียงก้มลงมองนาง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ช่างเป็นสตรีที่งดงามเสียจริง เพียงแวบแรกก็ทำให้จอมทัพเป่ยหยวนต้องตกตะลึง น่าเสียดาย…ข้าได้ยินมาว่าจอมทัพฮูตุนผู้นี้ได้ของใหม่ก็เกลียดของเก่า เจ้าว่า…เขาจะชอบเจ้าได้นานเพียงใด รอให้เขาเบื่อเจ้า…หึๆ ความงามเช่นนี้ คงต้องตกไปอยู่กับทหารเป่ยหยวนผู้หิวโหยหยาบกระด้าง ไม่รู้จริงๆ ว่าพี่ใหญ่ของข้าจะปวดใจเพียงใด”

หนานกงมั่วถอนหายใจออกมาเบาๆ เอ่ย “แม่นางหลู การเป็นสตรี แต่กลับทำกับสตรีด้วยกันเยี่ยงนี้ เจ้าไม่คิดว่าเจ้าจะจิตใจเหี้ยมโหดเกินไปหน่อยหรือ”

“จิตใจเหี้ยมโหดหรือ” หลูเซียงเซียงราวกับได้ยินเรื่องน่าขัน “ชีวิตของเจ้าก็เท่านี้ จะโทษใครได้ เจ้ารู้หรือไม่…ข้าเกลียดที่สุดก็คือใบหน้านี้ของเจ้า หากไม่ใช่เพราะต้องส่งเจ้ามาให้จอมทัพฮูตุน ข้าคงฉีกทึ้งใบหน้านี้ของเจ้าด้วยมือของข้าเอง คุณชายกงไม่ต้องการข้า…เพราะเจ้าอย่างนั้นหรือ”

“เจ้าเอ่ยสิ่งใด” หนานกงมั่วเอ่ยถามอย่างสงสัย

หลูเซียงเซียงยิ้มเย็น “เจ้าคิดว่าข้าดูไม่ออกถึงความสัมพันธ์ของเจ้ากับคุณชายกงอย่างนั้นหรือ พี่น้องอันใดกัน…พี่น้องจะสนิทสนมเหมือนพวกเจ้าหรือ หญิงแพศยา เพราะเจ้าล่อลวงคุณชายกงทำให้ไม่สนใจข้า น่าเสียดาย สุดท้ายเขาก็ทิ้งเจ้า”

หนานกงมั่วถอนหายใจ หลูเซียงเซียงยินดีเป็นที่สุด “ตอนนี้ก็ดีแล้ว เจ้าจะต้องถูกกองทัพเป่ยหยวนย่ำยีไปตลอดชีวิต ส่วนข้า…หึๆ ไม่แน่ว่าอีกสองปีข้าอาจจะมาเยี่ยมเจ้า เพียงแต่ไม่รู้ว่าถึงตอนนั้นจะได้เห็นเจ้าอยู่หรือไม่ อ๊ะ ท่านจอมทัพคงจะดื่มเหล้าพอประมาณแล้ว ข้าก็คงต้องไปก่อนแล้ว”

เอ่ยจบ หลูเซียงเซียงก็หมุนตัวเตรียมเดินออกไป มือเรียวเย็นเยียบพลันจับยึดมาที่ไหล่ของนาง “แม่นางหลู ในเมื่อมาแล้วไยต้องไปเล่า”

หลูเซียงเซียงหัวใจเย็นวูบ ยังไม่ทันได้สติ จุดลมปราณในร่างกายหลายจุดพลันถูกสกัดเบาๆ ทั่วทั้งร่างไม่อาจเคลื่อนไหว เพียงเห็นหนานกงมั่วเดินเข้ามาหาตนอย่างเชื่องช้า ผลักนางเบาๆ พลางหัวเราะ ร่างของนางก็ล้มลงไปบนเตียง หลูเซียงเซียงเบิกตาโตด้วยความหวาดกลัว หนานกงมั่วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ที่เจ้าบอก ชีวิตก็เท่านี้ ข้าเคยบอกกับเจ้าแล้ว ทำอันใดมากเกินไปก็ต้องชดใช้”

หลูเซียงเซียงพยายามกรีดร้องออกมา แต่ต่อให้นางพยายามเพียงใดก็ไม่มีเสียงถูกเปล่งออกมาแม้แต่น้อย หนานกงมั่วนั่งลงบนขอบเตียง มองสำรวจนางด้วยรอยยิ้ม “จะว่าไป ชีวิตนี้คนที่กล้ามาสาปแช่งข้าแบบนี้…ก็คงมีเจ้าคนแรก เดิมทีข้าเองไม่ชอบทำเรื่องเลวร้ายกับสตรีนัก แต่วันนี้คงไม่มีทางเลือกแล้ว เจ้าก็คิดเสียว่านี่เป็นกรรมที่ต้องชดใช้เสียเถิด”

ยังเอ่ยไม่ทันจบ เงาเงาหนึ่งพลันบุกเข้ามาในกระโจม หนานกงมั่วรู้ตัว กริชเงินในแขนเสื้อถูกตวัดออกไปในทันที

“อู๋สยา” ผู้มาใหม่ยื่นมือออกมารับกริชที่ลอยเข้ามาเอาไว้ เอ่ยเรียกเสียงเบา

หนานกงมั่วพลันมองเห็นชัดว่าชายชุดดำที่ยืนอยู่หน้าประตูคือใคร ภายใต้แสงเทียนสลัว เว่ยจวินมั่วอยู่ในชุดสีดำ ทว่าบนชุดกลับปักสัญลักษณ์ของหอธารา ใบหน้าหล่อเหลาไร้พิษภัยนั้นยามนี้กลับเต็มไปด้วยไอทะมึน ริมฝีปากบางเม้มแน่น ดวงตาที่จับจ้องมายังหนานกงมั่วเยือกเย็นจนแทบจะจับเป็นน้ำแข็งได้

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *