หมอหญิงยอดมือสังหาร 93 พาพระมาดู (5)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 93 พาพระมาดู (5) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“พวกเจ้าทำอะไรกัน” เสียงดังขึ้นก้องทั่วผืนป่าอันเงียบสงบ หนานกงมั่วขมวดคิ้ว รับรู้ได้ถึงความสั่นสะเทือนของผิวน้ำในแอ่งน้ำ

พวกเขาเดินมาปรากฏตัวขึ้นอยู่มุมหนึ่ง หย่งชังจวิ้นจู่ที่เดินอยู่หน้าสุดอดไม่ได้ร้องตะโกนออกมา คนที่เดินตามหลังหย่งชังจวิ้นจู่คือพระชายาเยี่ยนอ๋อง หยวนซื่อ หยวนซื่อมองภาพตรงหน้าด้วยใบหน้าขาวซีด ร่างกายสั่นเทาอ่อนยวบลงตรงนั้น สาวใช้รอบข้างรีบรุดเข้าไปประคอง “พระชายา…พระชายาเพคะ…”

เซียวเชียนเยี่ยได้สติ สีหน้าพลันเปลี่ยน ผลักหนานกงซูออกไปทันที หนานกงซูตกใจกรีดร้องออกมา รีบลุกขึ้นนั่งพลางดึงเอาเสื้อผ้าขึ้นมาหวังให้ปกปิดบังร่างกายตนเองเอาไว้

หย่งชั่งจวิ้นจู่พุ่งเข้ามาหาหนานกงซูที่นั่งอยู่บนพื้น ใบหน้าไม่น่ามองเป็นที่สุด “หนานกงซู ไยถึงเป็นเจ้าได้”

ใบหน้าเซียวเชียนเยี่ยทะมึนขณะลุกขึ้นจัดการกับเสื้อผ้า เอ่ยถามออกไปว่า “พวกเจ้ามาได้อย่างไรกัน”

ชายที่ยืนอยู่ด้านหลังหลินซื่อเอ่ยด้วยรอยยิ้มหยัน “พี่รอง พวกเราก็มาตามหาท่านน่ะสิ ไม่คิดว่า…พี่รองจะมีสาวสวยอยู่ด้วยในสถานที่แบบนี้ เพียงแต่น่าเสียดายพี่สะใภ้…” ชายผู้นี้คือเชื้อสายรองของรัชทายาท เป็นเชื้อสายรองที่อยู่ในอันดับสามมีนามว่าเซียวเชียนลั่ว ใบหน้าของเซียวเชียนเยี่ยเข้มขึ้นอย่างน่ากลัว คำพูดของเซียวเชียนลั่วนั้นหากจะขยายใหญ่หรือมองให้เป็นเรื่องเล็กน้อยผิวเผินก็ได้ทั้งนั้น หากมองเป็นเรื่องเล็กก็คือเขาแอบมาหาความสุขเมื่อพระชายากำลังตั้งครรภ์ มันดูเป็นเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ทั่วไป หาใช่เรื่องใหญ่อันใด ทว่าหากมองว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ ก็หมายถึงเขาแอบมานัดแนะกับสตรีอื่นที่หลังเขาระหว่างที่พาพระชายาขึ้นมาจุดธูปไหว้พระ เป็นการผิดต่อพุทธศาสนา เป็นถึงหวงจั่งซุนทำเรื่องเช่นนี้ เมื่อเรื่องนี้ถูกแพร่งพรายออกไปคงทำลายชื่อเสียงของเขาย่อยยับ ทำไมเขาถึง… เซียวเชียนเยี่ยรู้สึกคับแค้นใจขึ้นมา ก้าวเดินเข้าไป “พระชายา…”

หยวนซื่อก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว เม้มปากแน่นไม่เอ่ยสิ่งใด และไม่แม้แต่จะมองหน้าเซียวเชียนเยี่ยด้วยซ้ำ

สามีไม่ชอบตนเองใช่ว่าหยวนซื่อจะไม่รู้ นางเองมิใช่คนขี้อิจฉาริษยา ที่ผ่านมาท่านอ๋องรักใคร่ชอบพอกับใคร อยากตบแต่งเข้าจวน นางก็มิเคยปริปากแม้เพียงประโยค ขอเพียงยามอยู่ข้างนอกท่านอ๋องให้เกียรตินางบ้างก็เพียงพอแล้ว แต่ไม่คิดว่าท่านอ๋องจะไม่ไว้หน้านาง ทำเรื่องเช่นนี้ในตอนที่ออกมาจุดธูปไว้พระด้วยกันได้ หากอยากนัดกับสตรีอื่น เพียงตบแต่งเข้าจวนไปอีกไยจะทำไม่ได้เล่า แล้วไยถึงต้องเอาบุตรของนางที่ยังไม่ถือกำเนิดมาเป็นข้ออ้างด้วย

ถูกหยวนซื่อปฏิเสธ ใบหน้าของเซียวเชียนเยี่ยจึงแข็งค้าง ทางด้านหลัง เซียวเชียนลั่วกับภรรยานั้นมองภาพดังกล่าวด้วยรอยยิ้มหยัน เขาเองก็อยากจะรู้ว่าครั้งนี้หวงจั่งซุนจะหาข้อแก้ตัวได้เช่นไร

“เสด็จพี่ ท่านทำเช่นนี้กับพี่สะใภ้ได้เยี่ยงไร” หย่งชังจวิ้นจู่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด จ้องหนานกงซูที่นั่งอยู่บนพื้นเขม็ง นางมีความสัมพันธ์ที่ดีกับหนานกงซูก็จริง ทว่าความสัมพันธ์ของนางกับพี่สะใภ้หยวนซื่อนั้นดียิ่งกว่า อย่างไรเสียหยวนซื่อก็เป็นถึงสะใภ้ใหญ่ขององค์รัชทายาท พระชายาดีกับนางที่เป็นเพียงเชื้อสายรองมาก อีกทั้งรูปลักษณ์ของทั้งสองก็ไม่ได้โดดเด่นอันใด หย่งชังจวิ้นจู่จึงไม่ได้รู้สึกอิจฉาต่อรูปลักษณ์ของหยวนซื่อ ยามนี้เห็นพี่ชายของตนกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงอยู่กับหนานกงซู หย่งชังจวิ้นจู่ยิ่งรู้สึกโกรธขึ้นไปอีก นางนึกว่าหนานกงซูจะเป็นคนดี ไม่คิดว่าแท้จริงแล้วจะเป็นนังแพศยาที่ชอบล่อลวงบุรุษ

“แพศยา ใครใช้ให้เจ้ามาล่อลวงเสด็จพี่ของข้า” หย่งชังจวิ้นจู่สาวเท้าเข้าไปหา ก่อนจะสะบัดฝ่ามือลงไปที่ใบหน้าของหนานกงซู

“หย่งชัง หยุดเดี๋ยวนี้” เซียวเชียนเยี่ยเอ่ยเสียงเข้ม น่าเสียดายที่หย่งชังจวิ้นจู่นั้นเร็วกว่า เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าของหนานกงซูดังลั่น หนานกงซูเซถลาไปตามแรงตบนั้น ดวงตารื้นน้ำตาจ้องเขม็งไปยังหย่งชังจวิ้นจู่ “จวิ้นจู่…”

“อย่ามาเรียกข้า เสียดายที่ข้าเคยชอบพอเจ้า…ข้าช่างพาจิ้งจอกเข้าบ้านเสียจริง นังแพศยาสกปรกอะไรเช่นนี้” หย่งชังจวิ้นจู่ตะโกนด่ากราด

หนานกงซูยกมือปิดหน้าด้วยความเจ็บปวด ดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นถูกซุกซ่อนเอาไว้ใต้ฝ่ามือ หลอกใช้หย่งชังจวิ้นจู่แล้วอย่างไรเล่า ใครใช้ให้นางโง่เขลา ไม่สวยแล้วยังชอบทำเรื่องเลวร้าย นางกล้ามาตบหน้าข้างั้นหรือ… หนานกงซูโกรธจนตัวสั่น

“หย่งชัง ใครสั่งสอนให้เจ้าใช้วาจาหยาบคายเช่นนี้ ยังไม่รีบหุบปากอีก” เซียวเชียนเยี่ยกล่าวเสียงดัง เดิมหย่งชังจวิ้นจู่นั้นเคารพต่อพี่ชายผู้นี้อยู่แล้ว เมื่อถูกต่อว่าเสียงดัง นางจึงอ่อนลงกว่าสามส่วน รู้สึกเกลียดหนานกงซูอยู่ในใจ กัดริมฝีปากขณะเอ่ยออกมาด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ “ข้าไม่ได้กล่าวอันใดผิด ก็เห็นอยู่ว่าเสด็จพี่ทำผิดต่อพี่สะใภ้ แล้วไยต้องมาตะคอกใส่ข้าด้วย”

เซียวเชียนเยี่ยมองไปยังหยวนซื่อ หวังอยากให้หยวนซื่อเอ่ยคำใดเพื่อเป็นบันไดให้เขาได้หาทางลงบ้าง แต่หยวนซื่อกลับถูกแววตานั้นทำร้ายลึกเข้าไปในใจ กัดฟันหันหน้าหนีราวกับไม่เห็นสีหน้าของเซียวเชียนเยี่ย ความเจ็บแปลบที่เกิดขึ้นที่ท้องน้อยทำให้นางต้องขมวดคิ้วแน่น

ภรรยาของเซียวเชียนลั่วได้รับสายตาจากสามี จึงรีบเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พี่รอง พี่สะใภ้ ที่นี่เป็นสถานที่แห่งพระพุทธศาสนา ไม่เหมาะสมที่จะคุยเรื่องเช่นนี้ พวกเรากลับไปกันก่อนค่อยว่ากันจะดีหรือไม่ อีกทั้งแม่นางผู้นี้…พี่รอง ต้องบอกสิ่งใดกับนางหรือไม่” หากเป็นหญิงสาวทั่วไป เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นเกรงว่าคงจะมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว แต่หนานกงซูนั้นแตกต่างออกไป นางเป็นบุตรีของหนานกงไหว เซียวเชียนเยี่ยเข้าหานางด้วยเหตุผลใดใครบ้างจะไม่รู้ จะปล่อยให้นางตายไปได้เยี่ยงไร

แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเขาก็ต้องทำให้เซียวเชียนเยี่ยได้ประโยชน์จากเรื่องนี้น้อยที่สุด

“เซียวหลาง…ข้า…” หนานกงซูลุกขึ้น เหลือบมองไปยังเซียวเชียนเยี่ย จากนั้นหันมาหาหยวนซื่อ กัดฟันแล้วพุ่งเข้าไปคุกเข่าอยู่ตรงหน้าหยวนซื่อ “พระชายา ข้า…ข้ากับพระองค์รักกันด้วยใจจริง ขอพระชายาได้โปรดเห็นใจพวกเราด้วยเพคะ”

“นังแพศยา” หย่งชังจวิ้นจู่เงื้อมือขึ้นอีกครั้ง “หยุด” ในที่สุดหยวนซื่อก็เอ่ยขึ้น มองไปยังหย่งชังจวิ้นจู่ ประคองมือของหญิงสาวเอาไว้ ใบหน้าของหยวนซื่อซีดเซียวทว่ายังคงมองไปยังหญิงสาวตรงหน้าด้วยท่าทางสูงส่งทรงอำนาจ เห็นอยู่ว่านั่นคือสามีของนาง หญิงผู้นี้กลับมาคุกเข่าต่อหน้านางและขอให้เห็นใจพวกเขา นี่ใช้หลักการแบบใดกัน

มองหนานกงซูอยู่เนิ่นนาน หยวนซื่อจึงเอ่ยขึ้นช้าๆ “ไม่คิดเลย…วีรบุรุษเช่นฉู่กั๋วกง จะมีบุตรีเช่นนี้”

ใบหน้าของหนานกงซูขาวซีด ราวกับนึกเรื่องไม่ดีขึ้นมาได้

หยวนซื่อเอ่ยเสียงเรียบ “เจ้าลุกขึ้นมาเถิด ไม่ต้องขอร้องอ้อนวอนข้า”

“พระชายา…” หนานกงซูกำชุดเอาไว้แน่น ทว่าดวงตากลับดูบอบบางและน่าสงสารขึ้นมา ในเมื่อทำไปแล้ว ไม่มีเหตุผลที่นางจะต้องยอมแพ้ นึกถึงข่าวที่ได้รับมาเมื่อไม่กี่วันก่อน…หวงจั่งซุนดูจะมีใจต่อคุณหนูตระกูลเซี่ย หากท่านพ่อรู้…ไม่ นางต้องได้แต่งงานกับเซียวหลาง

“พระชายา ได้โปรดเห็นใจซูเอ๋อร์ด้วยเจ้าค่ะ”

หยวนซื่อยังคงกล่าวตอบเพียงว่า “เจ้าไม่ต้องทำเช่นนี้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ถึงข้าจะยอมหรือไม่ย่อมไม่มีอะไรแตกต่าง ข้าจะกลับไปรายงานต่อพระชายารัชทายาท จัดการสู่ขอเจ้าแทนท่านอ๋องเอง”

สีหน้าของหนานกงซูไม่น่ามองขึ้นมา คำพูดของหยวนซื่อนั้น ราวกับนางเป็นเชื้อสายรองที่ไม่สามารถยกย่องออกหน้าออกตาได้ เซียวเชียนเยี่ยเองก็ถอนหายใจเบาๆ เขายังกลัวว่าหยวนซื่อจะโวยวายกับเขา แม้หลายปีมานี้หยวนซื่อจะเป็นคนมีเมตตาและอ่อนโยน แต่อย่างไรเสียนางก็เป็นบุตรีของเอ้อกั๋วกง อารมณ์ของเอ้อกั๋วกงมีหรือคนในจินหลิงจะไม่รู้ เกิดหยวนซื่อโวยวายขึ้นมา แน่นอนว่าเอ้อกั๋วกงต้องมาหาเรื่องเขาเป็นแน่

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *