หมอหญิงยอดมือสังหาร 78 สินเจ้าสาว ของขวัญจากหนานกงฮุย (3)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 78 สินเจ้าสาว ของขวัญจากหนานกงฮุย (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หนานกงมั่วเลิกคิ้ว “พี่สะใภ้หรือ นางมาทำอันใดแต่เช้าถึงเพียงนี้” ไม่ใช่ว่านางไม่ค่อยเห็นจึงรู้สึกว่ามันแปลก ทว่าพี่สะใภ้ผู้นี้ทำตัวห่างเหินกับนางมาตลอด ราวกับนางไม่ใช่น้องสามีทว่าเป็นงูพิษที่กัดคนได้ แน่นอนในบางมุมความรู้สึกเช่นนี้ของหลินซื่อก็ไม่นับว่าผิด ดังนั้นหนานกงมั่วก็ยิ่งแปลกใจว่าหลินซื่อมาทำอันใดแต่เช้าถึงเพียงนี้

“เชิญฮูหยินเข้ามา”

“เจ้าค่ะ”

ไม่นาน หลินซื่อก็เดินตามรู่ฮว่าเข้ามา มองดูเครื่องเรือนที่หรูหราทั้งภายในและภายนอกหอหมิงซี หันกลับมามองหนานกงมั่วที่นั่งโดดเด่นอยู่ท่ามกลางสาวใช้ทั้งสี่ที่ยืนอยู่รอบข้าง ดูสูงส่งและสง่างามจนยากจะเอ่ยออกมาได้ ดวงตาของหลินซื่อมีความอิจฉาริษยาอยู่ในนั้น เอ่ยขึ้นอย่างหวาดๆ “น้องสาว เวลานี้แล้วพึ่งทานข้าวเช้าหรือ”

“พึ่งตื่นเจ้าค่ะ พี่สะใภ้เองมาแต่เช้า ทานอาหารเช้ามาหรือยังเจ้าคะ” หนานกงมั่วทำราวไม่ได้ยินวาจาเหน็บแนมของนาง เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้จะทานด้วยกันเลยหรือไม่เจ้าคะ”

หลินซื่อรีบปฏิเสธ เอ่ยตอบ “ไม่ล่ะ ข้าทานมาจากเรือนไฉ่อู๋แล้ว” ราวกับนึกขึ้นได้ว่าตนเองเอ่ยสิ่งใดออกไป หลินซื่อจึงก้มหน้าอย่างรำคาญใจ รีบเอ่ยต่อ “ข้า…เพียงมาเยี่ยมน้องสาว อยากคุยเล่นกับน้องสาว หากน้องสาวไม่ว่าง ไว้ข้ามาใหม่ก็ได้”

เจ้าเอ่ยมาขนาดนี้แล้ว ข้าจะไม่ว่างได้หรือ หนานกงมั่วบ่นอยู่ในใจ ทว่าใบหน้ากลับยังคงยิ้มแย้ม “ข้าหรือจะมีเรื่องให้ยุ่ง พี่สะใภ้ เราออกไปคุยกันข้างนอกเถิด” ไม่ต้องกินมันแล้ว ล้างมือเสร็จจึงเดินนำหลินซื่อออกไปยังศาลาดอกไม้ด้านนอก

ทั้งสองนั่งลงในศาลาดอกไม้เล็กๆ หนานกงมั่วเอนตัวพิงเก้าอี้สายตามองสำรวจหลินซื่อที่อยู่ตรงหน้า ดูออกว่าหลินซื่อนั้นกำลังตื่นตระหนก หนานกงมั่วรู้สึกแปลกใจ แม้นางจะไม่เกรงใจเจิ้งซื่อและหนานกงซู ทว่ากับพี่สะใภ้ผู้นี้นางอ่อนโยนด้วยมากทีเดียว อย่างไรเสีย ความวุ่นวายของตระกูลหนานกงก็มิได้เกี่ยวข้องอันใดกับหลินซื่อที่พึ่งแต่งเข้ามาได้สองสามปี ทว่าหลินซื่อกลับทำราวกับว่าจะกินหัวนางได้อยู่ตลอดเวลา ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จะวิ่งแจ้นมาที่นี่ทำไมกัน

“พี่สะใภ้มีธุระอันใดหรือ” หนานกงมั่วถามด้วยรอยยิ้ม

เห็นได้ชัดว่าหลินซื่อนั้นไม่ได้มีเรื่องใดจะคุย เพียงเอ่ยถึงเรื่องราวของนางกับหนานกงชวี่ ความยากลำบากและความคับแค้นใจหลังจากที่นางแต่งเข้ามาในตระกูลหนานกง จากนั้นจึงเอ่ยต้อนรับหนานกงมั่วที่กลับมา รวมทั้งความสัมพันธ์ของหนานกงมั่วกับหนานกงซูสองพี่น้อง หนานกงมั่วฟังจนมึนงงไปหมด ไม่รู้ว่าจุดสำคัญที่นางต้องการเอ่ยถึงคือสิ่งใดกันแน่ เห็นได้ชัดว่าหลินซื่อนั้นคุยไม่เก่ง หนานกงมั่วฟังนางจนจบอย่างใจเย็น ศาลาดอกไม้พลันเงียบขึ้นมา หนานกงมั่วตระหนักถึงสิ่งที่เซี่ยฮูหยินน้อยบอกเมื่อวานว่าหลินซื่อเป็นคนพูดน้อย หลินซื่อไม่ได้พูดน้อย แต่นางมักจะเอ่ยในสิ่งที่ไม่ควรเอ่ย บางทีเพราะเหตุนี้ หลินซื่อจึงกลายเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัว จนกระทั่งถึงเวลานี้ยังมีคนอีกมากมายในเมืองจินหลิงที่ไม่รู้ว่านางคือหนานกงฮูหยินน้อย และนิสัยเช่นนี้ของหลินซื่อ คิดว่าเจิ้งซื่อเองก็คงจะมีส่วนทำให้เป็นเช่นนี้

นวดหัวคิ้วอยู่ชั่วครู่หนึ่ง หนานกงมั่วที่ขมวดคิ้วเอ่ยถามว่า “พี่สะใภ้…มีเรื่องอันใดหรือไม่”

หลินซื่อตระหนก มองหนานกงมั่วด้วยท่าทางขมขื่น ในที่สุดก็ขยับริมฝีปากพูดออกมา ครั้งนี้เอ่ยถึงความลำบากของครอบครัว เงินรายเดือนของนางและหนานกงชวี่น้อยนิดอย่างไร ทุกๆ เดือนหนานกงชวี่ยังต้องเอาเงินของตนเองมาให้หนานกงมั่ว เป็นเวลาเนิ่นนาน ในที่สุดหนานกงมั่วก็ฟังออกแล้วว่านางต้องการพูดถึงสิ่งใด เพียงประโยคเดียวเท่านั้น ต้องการยืมเงิน หรือบางทีอาจไม่ได้ต้องการยืม แต่เดิมนั้นคิดว่านางเอ่ยเพียงไม่กี่ประโยค หนานกงมั่วก็จะเป็นฝ่ายให้เงินนางเอง แต่ใครจะคิดว่าหนานกงมั่วช่างโง่เขลา เมื่อทนไม่ไหวจึงเอ่ยออกไปตามตรง เมื่อมองสายตาของหนานกงมั่วยิ่งรู้สึกคับแค้นใจมากยิ่งขึ้น

ในสายตาของหลินซื่อ หนานกงมั่วผู้นี้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินไป แต่ละเดือนนางได้รับเงินเพียงสิบห้าตำลึงเงิน เมื่อรวมกับหนานกงชวี่ยังไม่ถึงสี่สิบตำลึงด้วยซ้ำ แต่หนานกงมั่วกลับมายึดเอาเรือนที่ใหญ่ที่สุดในจวนไปยังไม่พอ เพียงไม่นานหนานกงไหวก็ให้ตั๋วเงินแก่นางไปเป็นแสน และยังมีเงินใช้ทั่วไปกว่าหลายพันตำลึง ความแตกต่างเช่นนี้ ต่อให้นางเป็นกระต่ายกินหญ้าก็ต้องคิดอยากกระโดดกัดหนานกงมั่วสักครั้ง ยิ่งไปกว่านั้น แม้เป็นแบบนี้แล้ว หนานกงชวี่และหนานกงฮุยยังต้องเจียดเงินส่วนของพวกเขามาให้หนานกงมั่ว สิ่งนี้ทำให้หลินซื่อปวดใจแทบกระอักเลือด แต่นางไม่กล้าเอ่ยกับหนานกงชวี่ ดังนั้นจึงต้องวิ่งแจ้นมาหาหนานกงมั่วเสียเอง

หนานกงมั่วไม่ชอบนิสัยอ้อมค้อมของหลินซื่อเลยจริงๆ บางทีหากนางโวยวายออกมาไม่ให้หนานกงชวี่แบ่งเงินให้กับตน หรือบอกตรงๆ มาว่าไม่มีเงิน หนานกงมั่วคงจะรู้สึกดีกว่านี้ ยิ่งไปกว่านั้น… ทั้งที่พึ่งกลับมายังไม่ทันถึงเดือนดี หนานกงชวี่เพียงบอกว่าจะแบ่งเงินให้ ทว่ายังไม่เห็นมันเลยด้วยซ้ำไป แม้จะแบ่งมาให้จริงๆ อย่างมากอีกเพียงสามเดือนตนก็คงจะออกเรือนแล้ว พี่สะใภ้หลินซื่อผู้นี้ยังทนไม่ไหวจนต้องวิ่งมาร้องห่มร้องไห้ถึงนี่เลยหรือ

หนานกงมั่วไม่ขาดเงิน ดังนั้นนางจึงไม่ต้องการทะเลาะกับใครเพราะเรื่องเงิน

“จือซู เอาเงินให้พี่สะใภ้ยี่สิบตำลึง” หนานกงมั่วหันกลับไปบอกจือซู จือซูรับคำสั่งโดยไม่ได้เอ่ยสิ่งใด หมุนตัวเดินเข้าห้องไป

“อย่า…” หลินซื่อรีบเอ่ย มองหนานกงมั่วด้วยท่าทางเกรงอกเกรงใจ “น้องสาว พี่สะใภ้…พี่สะใภ้ไม่ได้ต้องการเงินของเจ้า เพียงแต่…เดือนนี้เป็นวันเกิดของพ่อข้า ข้าไม่มีเงิน จึงอยากมาหยิบยืมกับน้องสาว รอวันหน้ามีแล้ว พี่สะใภ้จะรีบคืนให้เจ้า” หนานกงมั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้มบางๆ “พี่สะใภ้ ต้องการเท่าไรหรือ”

“หนึ่ง…หนึ่งพันตำลึง”

หนานกงมั่วเลิกคิ้ว ของขวัญวันเกิดหนึ่งพันตำลึงหรือ หนึ่งพันตำลึงไม่มากเกินไปหรือ ของมากมายที่มอบเป็นของขวัญได้ซึ่งมีราคาหลายพันก็มีอยู่ แต่ตระกูลหลินนับว่าเป็นครอบครัวเดียวกันกับจวนฉู่กั๋วกง วันเกิดนายท่านหลินตามหลักการแล้วควรเป็นจวนที่ออกเงินให้ หลินซื่อต้องการหนึ่งพันตำลึงไปทำไมกัน ที่หลินซื่อบอกว่ามีเมื่อไหร่จะนำมาคืน หนานกงมั่วคิดเสียว่าไม่ได้ยินดีกว่า เพราะหากจริงจัง คนที่ต้องเจ็บปวดคงเป็นตัวนางเอง

เห็นว่าหนานกงมั่วนิ่งเงียบไป หลินซื่อจึงร้อนรนขึ้นมา อีกทั้งยังแสดงท่าทีไม่พอใจ “น้องสาว…น้องสาวให้ไม่ได้หรือ” แน่นอนว่าหลินซื่อรู้ว่าหนานกงมั่วมีเงิน นางขอยืมเพียงหนึ่งพันตำลึงยังมิได้ ไม่ตระหนี่เกินไปหน่อยหรือ

หนานกงมั่วหันกลับมา เอ่ยกับจือซูที่ยืนอยู่หน้าประตู “ไปหยิบตั๋วเงินหนึ่งพันตำลึงออกมา”

จือซูลังเลอยู่ชั่วครู่ ทว่าพยักหน้าและรีบเดินออกไป

“น้องสาว…ขอบคุณเจ้ามาก ข้า ข้าจะคืนให้เจ้าแน่” หลินซื่อเอ่ยด้วยความยินดี หนานกงมั่วยิ้มพร้อมกับเอ่ยว่า “ในเมื่อพี่สะใภ้รีบใช้ก็เอาไปใช้ก่อนเถิด”

ไม่นานจือซูก็ถือตั๋วเงินออกมา หลินซื่อรับตั๋วเงินมาไว้ในมือ จากนั้นก็รีบลุกขึ้นเอ่ยบอกลาในทันที หนานกงมั่วพยักหน้าให้หุยเสวี่ยไปส่งนาง

“ไยคุณหนูใหญ่ยอมให้นางยืมเงินมากมายถึงเพียงนี้เจ้าคะ” แม่นมหลานขมวดคิ้ว “คุณหนูใหญ่ให้นางยืมมากเพียงนี้ เกรงว่าอีกไม่กี่วันนางจะกลับมาอีก รอให้นางคืนเงินก็ไม่รู้ว่าต้องรอไปถึงเมื่อใดแล้ว” ความจริงครอบครัวเดียวกัน คืนไม่คืนนั้นมิสำคัญ ทว่าดวงตาของฮูหยินน้อยนั้นไร้ซึ่งความรู้สึกขอบคุณแม้แต่น้อย แสดงออกชัดเจนว่าเป็นสิ่งที่สมควร ในตอนที่คุณหนูใหญ่เงียบไปชั่วครู่ สายตาของฮูหยินน้อยกลับมีความโกรธแค้นขึ้นมา ราวกับว่าหากคุณหนูใหญ่มิยินยอมให้นางยืมเงินก็จะกลายเป็นเรื่องไม่สมเหตุสมผล คนไร้จิตใจสำนึกบุญคุณเช่นนี้ย่อมมิต่างอันใดกับสุนัขจิ้งจอก เจิ้งซื่อช่างเลือกภรรยาให้คุณชายใหญ่ได้ดีเสียจริง

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *