หมอหญิงยอดมือสังหาร 392 รับทหารกบฏกลับคืน ทำคุณงามความดี (1)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 392 รับทหารกบฏกลับคืน ทำคุณงามความดี (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 392 รับทหารกบฏกลับคืน ทำคุณงามความดี (1)
นายทหารที่อิจฉาถอนหายใจออกมา เอ่ย “ใครใช้ให้โชคชะตาของเราไม่ดี แต่เราก็นับว่าไม่เลวแล้ว อย่างน้อยก็ยังมีอะไรกิน ได้ยินมาว่าคนที่ถูกจับมา บ้างก็หิวตายไปแล้ว” ตอนนี้ขาดทุกอย่างยกเว้นขาดคน ไม่มีคนก็ไปจับแค่นั้นก็พอแล้ว

“หิวตายนั่นนับประสาอะไร” นายทหารตรงหน้าหัวเราะหยัน “ข้าได้ยินมาว่า…” มองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง นายทหารคนนั้นขยับเข้าไปกระซิบคู่หูเสียงเบาไม่กี่ประโยค คู่หูผู้นั้นเบิกตาโพลง เอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ “จริง…จริงหรือ”

“จะโกหกได้อีกหรือ”

“อ้วก” นายทหารคนนั้นในที่สุดก็ทนไม่ไหว พุ่งไปอาเจียนที่มุมด้านข้าง

เสียงกึกกักดังขึ้นเบาๆ คนที่เดิมกำลังจะเอ่ยสิ่งใดอีกพลันรู้สึกปวดหนึบบริเวณท้ายทอยขึ้นมา ภาพตรงหน้าพลันมืดดับไปไม่รับรู้อันใดอีกแล้ว

หนานกงมั่วยืนอยู่หน้าประตูกระโจม มองนายทหารหลายคนที่นอนอยู่บนพื้น หันมองไปยังด้านในกระโจมที่ยังคงร้องรำทำเพลง ใบหน้าสวยเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง

ในกระโจมดนตรีดังครึกครื้น กลิ่นสุราคละคลุ้ง ราวกับไม่มีความเหน็บหนาวของยามค่ำคืน ผู้ที่นั่งอยู่ตำแหน่งเหนือสุดนั้นคือชายวัยยี่สิบห้ายี่สิบหก เขานั่งเอนตัวด้วยท่าทางเกียจคร้านพิงกับเก้าอี้ มือโอบประคองหญิงสาวสวยในชุดสีแดงพร้อมกับชื่นชมการแสดง พลางดื่มด่ำกับสุราที่หญิงสาวยื่นให้ ถอนหายใจออกมาด้วยความอิ่มเอม “นี่ช่างเป็นวันที่มีความสุขเสียจริง”

แผ่นดินปั่นป่วนแล้วอย่างไรเล่า ชีวิตที่ยามนี้มีสาวงามได้ร่ำสุรามีทหารนับหมื่นช่างเป็นช่วงเวลาสุขสบาย นึกถึงวันเวลาเมื่อครั้งทำงานคุ้มภัยต้องเสี่ยงอันตรายลำบากยากแค้น วิ่งแจ้นไปทั่วยุทธภพ ทำตัวน่าสงสาร พลันรู้สึกว่าช่วงเวลาตลอดหลายปีมานี้นั้นไม่ใช่วันเวลาที่มนุษย์จะใช้ชีวิตอยู่ได้ มิน่าเล่าบนโลกใบนี้ทุกคนถึงได้อยากเป็นกษัตริย์ อยากมีอำนาจคับฟ้า วันเวลาเช่นนี้หากได้ใช้มันเพียงหนึ่งวันก็ไม่อยากทิ้งมันไปอีกแล้ว

“ท่านแม่ทัพ ดื่มเจ้าค่ะ” สาวงามอิงแอบอยู่ในอ้อมแขนของเขา ยกจอกเหล้าจรดริมฝีปาก เขา ชายหนุ่มหัวเราะเสียงดัง ดื่มเหล้าจากจอกที่หญิงสาวยื่นมาให้ “คนงาม ข้าชอบเจ้าเหลือเกิน เป็นเช่นไร ข้าดีกว่าสามีอะไรนั่นของเจ้าใช่หรือไม่” หญิงสาวอิงซบเขา ฝืนยิ้มออกมา “แน่นอนเจ้าค่ะ คนไร้ประโยชน์ผู้นั้นจะสู้ท่านแม่ทัพผู้สง่าผ่าเผยและห้าวหาญได้เยี่ยงไร”

ชายหนุ่มยิ้มเย็น ยื่นมือขึ้นไปบีบปลายคางของหญิงสาว เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “กล่าวจริงหรือไม่ หากไม่ก็ไม่เป็นไร ข้าชอบที่จะเห็นท่าทีไม่ยิมยอมทว่าไม่อาจปฏิเสธได้เช่นนี้ของพวกเจ้าเหลือเกิน ฮ่าๆ” หากเป็นเมื่อก่อน หญิงงามที่เติบโตมาในตระกูลใหญ่สวมเสื้อผ้าชั้นดีกินอาหารเลิศรสเกรงว่าเพียงชายตามองก็คงไม่มองเขาแม้เพียงนิด แต่แล้วอย่างไรเล่า ตอนนี้อย่าว่าแต่นางรำพวกนี้เลย ต่อให้เป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ คู่สามีภรรยา ก็ต้องจำยอมมิใช่หรือ

ในตอนที่ชายหนุ่มสะบัดหญิงสาวไปยังเก้าอี้ด้านข้างอย่างได้ใจ ลุกขึ้นมากำลังจะใช้ความรุนแรงกับหญิงสาว ด้านหลังพลันมีเสียงเย็นดังขึ้น “เดิมข้ายังไม่ได้อยากสังหารเจ้าเร็วเพียงนี้ แต่ว่าเจ้าช่างทำให้ข้ารังเกียจเสียจริง”

คมดาบเย็นวาบไม่รู้มาโผล่ที่ลำคอของเขาตั้งแต่เมื่อใด ร่างกายชายหนุ่มแข็งทื่อ พยายามควบคุมสติ เอ่ย “แม่นางเป็นใครกัน” อย่างไรก็เป็นคนในยุทธภพ ไม่ถึงขั้นที่ตกใจแล้วต้องร้องไห้หาพ่อหาแม่แข้งขาอ่อนแรง

“เจ้าเพียงหันกลับมาดู ก็รู้ว่าข้าเป็นใครแล้วมิใช่หรือ” ด้านหลัง หญิงสาวเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเนิบนาบ ชายหนุ่มหันกลับมาช้าๆ หญิงร่ายรำและผู้ที่คอยปรนนิบัติไม่รู้ลงไปกองกันอยู่ที่พื้นตั้งแต่เมื่อใด ห่างออกไปไม่ไกล หญิงสาวงดงามในชุดสีดำกำลังจ้องมองมาที่ลำคอของเขาด้วยสายตาเยือกเย็น เขาไม่กล้าขยับแม้เพียงนิด เพราะเขาเข้าใจดีว่าเพียงเขาขยับตัว ศีรษะและลำคอก็คงต้องแยกออกจากกัน

ชายหนุ่มกลืนน้ำลาย พยายามควบคุมสติและมองไปยังหนานกงมั่ว เอ่ย “แม่นางผู้นี้ ข้าน้อย…มิได้มีความแค้นกับแม่นางใช่หรือไม่ แม่นางต้องการสิ่งใด ขอเพียงข้าน้อยทำได้ ล้วนทำให้ท่านพึงพอใจได้”

หนานกงมั่วยกยิ้มมุมปาก เอ่ย “ข้าต้องการศีรษะของเชาอู่ เจ้าจะช่วยข้าได้หรือไม่”

ใบหน้าชายหนุ่มนิ่งค้าง หัวเราะแห้งๆ เอ่ย “แม่นางล้อเล่นแล้ว”

“ล้อเล่นหรือ” หนานกงมั่วกระตุกยิ้ม เลิกคิ้วมองชายตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา เอ่ย “ เจ้าคิดว่าข้าเหมือนล้อเล่นหรือไม่” ชายหนุ่มมองหนานกงมั่วอย่างระแวดระวัง ในใจรู้ดีว่าหากไม่ระวังตนเองคงได้จบสิ้นเป็นแน่ เขาพึ่งได้เริ่มเสพสุขยังไม่อยากจบชีวิตไปเร็วเพียงนี้ เอ่ยขึ้นมาอย่างระมัดระวัง “ข้าว่าแม่นางเองก็ไม่เหมือนคนของราชสำนัก พวกเราเองก็เป็นคนมีความสามารถที่ไม่อาจทนอยู่ได้ ทำเพื่อประชาชนเหล่านี้จึงได้…”

ภายใต้สายตาเย้ยหยันของหนานกงมั่ว ชายผู้นั้นไม่อาจพูดต่อไปได้จึงต้องหุบปากไปด้วยใบหน้าเหยเก หากเปลี่ยนสถานการณ์ คำพูดนี้ของเขาคงน่าเชื่อถือบ้างสักนิด น่าเสียดายภาพที่เห็นตรงหน้านี้ไม่ว่าเอ่ยอย่างไรก็คงฟังไม่ขึ้น ชายหนุ่มจ้องมองหนานกงมั่ว เอ่ย “แม่นางต้องการสิ่งใดกันแน่” หนานกงมั่วเอ่ย “ยืมหัวของเจ้าไปใช้สักหน่อย”

ชายหนุ่มฝืนยิ้ม “ต่อให้ท่านฆ่าข้า…คนในค่ายนี้มีมากมายท่านสังหารได้หมดหรือ ขอเพียงข้าร้องตะโกน…”

“เช่นนั้นไยเจ้าจึงไม่ตะโกนเล่า” หนานกงมั่วหัวเราะสบายๆ “เพราะเจ้าไม่กล้า เจ้ารู้ว่าเพียงแค่เจ้าส่งเสียง ก่อนที่คนทั่วทั้งค่ายจะมาถึง เจ้าก็จะไม่เหลือชีวิตรอดแล้วใช่หรือไม่” สีหน้าของชายหนุ่มพลันเปลี่ยน “เอ่ยเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไรแม่นางก็จะไม่ปล่อยข้าไปใช่หรือไม่” หนานกงมั่วเอ่ยตอบ “ข้าไม่ชอบคนพูดมาก แต่วันนี้คุยกับเจ้าเสียมากความ เพียงต้องการบอกกับเจ้า ชาติหน้าเกิดเป็นคนก็ทำตัวให้มันดีสักหน่อย ต่อให้เจ้าเป็นคนดีไม่ได้ก็อย่าได้ไปทำร้ายผู้อื่น”

ชายหนุ่มยิ้มเย็น “ที่แท้ก็เป็นสุนัขรับใช้ของราชสำนัก มีสิทธิ์อันใดที่มีเพียงคนที่เป็นขุนนางเหล่านั้นจึงจะเสพสุขอำนาจและหญิงงามได้ คนเช่นพวกข้าอยากเสพสุขบ้างไยต้องลำบากยากเข็ญอีกทั้งยังด้อยกว่า”

หนานกงมั่วเลิกคิ้ว เอ่ย “หากเจ้ามีความสามารถบุกเข้าไปในจินหลิงแล้วตัดหัวฮ่องเต้เสีย ข้าจะนับถือเจ้าเป็นวีรบุรุษ น่าเสียดาย…ปณิธานของพวกเจ้าคือเหยียบย่ำผู้บริสุทธิ์ที่อ่อนแอกว่าต่อไปหรือ”

“ผู้ที่จะประสบผลสำเร็จไม่สนใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หรอก ในเมื่อจะขึ้นเป็นใหญ่ แน่นอนว่าย่อมต้องเสียสละบ้าง” ชายหนุ่มยังคงเอ่ย “เมื่อครั้งก่อตั้งอาณาจักรเซี่ยที่ยิ่งใหญแห่งนี้ต้องสูญเสียชีวิตผู้คนไปมากเพียงใด พวกเจ้าเพียงเท่านี้จะนับประสาอันใดกันเล่า”

หนานกงมั่วพยักหน้า เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “กล้าได้ดี ตอนนี้ถึงเวลาที่เจ้าต้องเสียสละเพื่อความเป็นใหญ่ของแม่ทัพอู่เต๋อแล้ว วางใจ หากอนาคตเขาทำงานใหญ่ลุล่วงได้จริงๆ จะไม่ลืมยกย่องเจ้าแน่นอน” เอ่ยจบ ดาบยาวก็พุ่งเข้าหาลำคอของชายหนุ่ม ชายหนุ่มเบิกตากว้างด้วยความหวาดกลัว รีบรุดถอยหลังในทันใด ขณะเดียวกันก็คว้าเอาหญิงสาวที่อยู่ด้านข้างมาบังหน้าตนเองเอาไว้

หนานกงมั่วยิ้มเย็น ดาบยาวในมือไม่มีท่าทีจะหยุดยังคงพุ่งเข้าหาคนตรงหน้า หากนางต้องการสังหารผู้ใดไม่เคยไม่สำเร็จ

หญิงสาวชุดแดงผู้นั้นเองก็ตกใจกลัวจนใบหน้าซีดขาว กัดฟันคว้าจับชายคนนั้นเอาไว้แน่นพร้อมหลับตาลงรอความตาย เดิมชายหนุ่มตั้งใจใช้หญิงสาวชุดแดงเพื่อบังหน้าและหาโอกาสหลบหนี แต่ไม่คิดว่าจะถูกหญิงสาวชุดแดงยึดคว้าเอาไว้แน่นจนไม่อาจหลบหนีไปไหนได้ ทำเพียงจ้องมองปลายดาบแหลมคมที่พุ่งเข้าหาโดยไร้ซึ่งความปรานีใดๆ หากหนานกงมั่วมีกำลังมากพอคงแทงทะลุหญิงสาวชุดแดงไปยังร่างของชายหนุ่มผู้นั้นไปแล้ว

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *