หมอหญิงยอดมือสังหาร 619 ช่วงพิธีแต่งงาน (1)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 619 ช่วงพิธีแต่งงาน (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 619 ช่วงพิธีแต่งงาน (1)
เดินออกมาจากโรงเตี๊ยมได้ไม่ไกลนัก เซียวเชียนจย่งก็รีบถอดเครื่องแบบองครักษ์ออกวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าหนานกงมั่ว หนานกงมั่วกวาดตามองเขา “เห็นแล้วหรือ พอใจหรือไม่”

“พี่สะใภ้” เซียวเชียนจย่งใบหน้าแดงระเรื่อ ทว่าไม่ใช่เกิดความรู้สึกรักแรกพบ ทว่าเป็นเรื่องที่ตนเองอยากมาเห็นว่าที่ภรรยาในอนาคต หนานกงมั่วเลิกคิ้ว เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ ไม่หัวเราะเจ้าแล้ว พอใจแล้ว” เซียวเชียนจย่งเหลือบมองซ้ายขวา เอ่ยกระซิบ “ก็พอได้”

แม้ไม่ได้งดงามจนน่าตกตะลึง แต่ว่าดูเป็นสตรีเรียบร้อย เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

หนานกงมั่วมองสำรวจเขา เข้าใจทันใด นี่ยังไม่ใช่ถึงยามหนุ่มสาววัยแรกแย้ม หนุ่มสาวในยุคนี้ เมื่ออายุเท่านี้แล้วยากนักจะมีคนใสซื่อเพียงนี้ คิดว่าคงเอาใจใส่กับการฝึกฝนและสนามรบเสียมากกว่า

“ในเมื่อพอใจแล้ว เจ้าก็เป็นเด็กดีอย่าสร้างเรื่องให้กับข้า เรื่องในวันนี้ก็อย่าได้เอ่ยออกไป มิเช่นนั้นข้าจะตีเจ้า”

เซียวเชียนจย่งย่นคอ รีบยกมือขึ้นกุมศีรษะตนเองพร้อมก้าวถอยหลัง ราวกับกลัวว่าหนานกงมั่วจะตีเขาจริงๆ “ทราบแล้ว พี่สะใภ้”

“แบบนี้ค่อยน่ารักสักหน่อย” หนานกงมั่วยิ้มอย่างพึงพอใจ

ทั้งสองกลับมาถึงจวนเยี่ยนอ๋อง ยังไม่ทันกลับไปรายงานพระชายาเยี่ยนอ๋องและองค์หญิงฉังผิงก็มาเจอกับเซียวเชียนเหว่ยเสียก่อน ปีนี้เซียวเชียนเหว่ยอายุสิบเจ็ด แต่เมื่อเทียบกับเซียวเชียนชื่อที่อ่อนโยนแล้วกลับดูแข็งแกร่งกว่ามาก เมื่อเทียบกับเซียวเชียนจย่งก็ดูสุขุมกว่ามากเช่นกัน น้อยมากที่จะทำให้คนรู้สึกว่าเขายังเด็ก เพียงแต่ยุคสมัยนี้ อายุสิบเจ็ดก็ไม่นับว่าเด็กแล้ว

“พี่สะใภ้” มองทั้งสองเดินเข้ามา เซียวเชียนเหว่ยเดินเข้ามาคารวะด้วยท่าทีนอบน้อม หนานกงมั่วพยักหน้าเบาๆ “เชียนเหว่ยกำลังจะไปไหนหรือ” เซียวเชียนเหว่ยเอ่ย “เสด็จพ่อสั่งให้ข้าไปหาเสด็จแม่ เพื่อหารือเรื่องพิธีสมรสกับเสด็จแม่และเสด็จอาฉังผิง” หนานกงมั่วมองใบหน้าของเซียวเชียนเหว่ยโดยละเอียด มองไม่เห็นถึงความยินดี แต่ก็มองไม่ออกว่าไม่ดีใจ เห็นชัดว่าไม่มีความคิดเห็นใดๆ ต่อการแต่งงานครั้งนี้มากนัก หนานกงมั่วพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไปพร้อมกันเถิด พอดีข้าเองก็ต้องกลับไปรายงานเสด็จป้าเช่นกัน”

เซียวเชียนเหว่ยเห็นว่าพวกเขาเดินเข้ามาจากด้านนอก ครุ่นคิดชั่วครู่พลันเข้าใจในทันใด “เมื่อครู่พี่สะใภ้ไปที่โรงเตี๊ยมหรือขอรับ”

หนานกงมั่วพยักหน้า ทั้งสามคนเดินมุ่งหน้าไปยังเรือนพระชายาเยี่ยนอ๋อง เซียวเชียนจย่งขยับเข้ามาใกล้หนานกงมั่ว เอ่ยเสียงเบา “พี่สะใภ้ ท่านไม่ต้องสนใจเขา พี่รองผู้นี้ก็น่าเบื่อเช่นนี้” หนานกงมั่วเลิกคิ้วอย่างตกใจ คล้ายจะยิ้มทว่าไม่ยิ้มมองไปยังเซียวเชียนจย่ง ข้านึกว่าความสัมพันธ์ของเจ้ากับพี่รองของเจ้าจะดีสักหน่อย

เซียวเชียนจย่งเบ้ปาก “ดีใจก็ดีใจ ไม่ดีใจก็ไม่ดีใจ พี่รองเป็นเช่นนี้… ข้าเลยไม่รู้ว่าควรดีใจหรือไม่ควรดีใจ”

หนานกงมั่วยิ้มร่า รู้สึกแปลกๆ ที่อีกฝ่ายนิ่งเกินไป จึงทำให้เขาต้องทำเป็นนิ่งไปด้วยอย่างนั้นหรือ

เข้ามาด้านในเรือนพระชายาเยี่ยนอ๋อง พระชายาเยี่ยนอ๋องไม่ได้เอนตัวนอนอยู่บนที่นอนแล้ว แต่มานั่งพูดคุยกับองค์หญิงฉังผิงอยู่ที่ห้องข้างๆ เว่ยจวินมั่วและเซียวเชียนชื่อนั่งฟังเงียบๆ อยู่ด้านข้าง ทว่าหนานกงมั่วเพียงมองปราดเดียวก็รู้ว่าคุณชายเว่ยรู้สึกเบื่อหน่ายทว่าไม่อาจขัดใจมารดา จำต้องมานั่งฟังผู้อาวุโสทั้งสองพูดคุยกัน

มองเห็นทั้งสามคนเดินเข้ามา พระชายาเยี่ยนอ๋องจึงยิ้มให้ เอ่ย “บังเอิญแล้ว ไยพวกเจ้าจึงมาด้วยกันได้

เซียวเชียนเหว่ยเอ่ย “บังเอิญเจอกับพี่สะใภ้และน้องสามด้านนอกขอรับ” พระชายาเยี่ยนอ๋องเลิกคิ้วมองไปยังเซียวเชียนจย่ง เอ่ยขึ้นอย่างจนปัญญา “ก่อกวนอีกแล้ว” พระชายาเยี่ยนอ๋องไหนเลยจะไม่รู้จักบุตรชายของตน เพียงได้ยินว่าเขากลับมาพร้อมหนานกงมั่วก็รู้แล้วว่าเขาไปทำสิ่งใดมา หันไปมองหนานกงมั่วอย่างเป็นกังวล “ไม่ได้ก่อเรื่องวุ่นวายอันใดใช่หรือไม่” นางไม่เชื่อใจบุตรชายของตนเองนัก

หนานกงมั่วยิ้ม เอ่ย “เสด็จป้าวางใจเพคะ น้องชายเป็นเด็กดี”

เซียวเชียนชื่อเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “น้องสามเชื่อฟังพี่ชายและพี่สะใภ้จริงๆ ขอรับ” เอ่ยให้ถูกต้อง คุณชายเซียวสามฟังคำพูดของคนที่แข็งแกร่งกว่าเขาเท่านั้น ไม่ว่าเรื่องใด ขอเพียงตีเขาก่อนสักครั้งแล้วทุกอย่างจะดีไปเอง

“นั่งลงคุยกันเถิด”

ทั้งสามเอ่ยขอบคุณพระชายาเยี่ยนอ๋อง หนานกงมั่วเดินมานั่งลงด้านข้างเว่ยจวินมั่ว พระชายาเยี่ยนอ๋องเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ที่นี่มีเพียงคนกันเองทั้งนั้น ข้าก็จะเอ่ยถามตรงๆ แม้ข้าจะเคยเจอซั่นจยาจวิ้นจู่มาแล้วหนึ่งครั้ง ทว่ามองเห็นอยู่ไกลๆ ไม่เคยสนใจ อู๋สยามองว่าสตรีทั้งสองคนนี้เป็นเยี่ยงไร”

หนานกงมั่วครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ย “ซั่นจยาจวิ้นจู่เป็นสตรีที่เฉลียวฉลาดหาได้ยากยิ่งของจินหลิงเพคะ รูปลักษณ์ความสามารถยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง ส่วนคุณหนูซุน นิสัยของนางนั้นนุ่มนวลอ่อนโยน ชื่นชอบการอ่านหนังสือ ไม่นับว่าโง่เขลาเพคะ”

วาจานี้เป็นกลาง เพียงแต่พระชายาเยี่ยนอ๋องดูออกว่าหนานกงมั่วชื่นชอบซุนเหยียนเอ๋อร์มากกว่าสักหน่อย ใช่ว่าจะเข้าใจได้ยาก เรื่องราวของจูชูอวี้นางเองก็สืบมาไม่น้อย เริ่มตั้งแต่องค์หญิงฉังผิงไปจนกระทั่งคนทั่วไปที่มาจากจินหลิงล้วนสืบมาหมด เป็นคนที่ฉลาดจริงๆ เพียงแต่เกรงว่าจะฉลาดเกินไป อีกทั้งก่อนหน้านี้เห็นชัดว่าจูชูอวี้หมายปองจวินมั่ว เท่านี้ก็เพียงพอให้พระชายาเยี่ยนอ๋องกลัดกลุ้มใจ ไม่ใช่พระชายาเยี่ยนอ๋องยอมรับไม่ได้ที่ว่าที่ลูกสะใภ้จะเคยหมายปองคนอื่น สตรีใดไม่เคยมีอารมณ์รัก ขอเพียงไม่มากเกินไปหญิงสาวยังไม่ออกเรือนอย่างไรก็มักจะมีความคิดละมุนละไมอยู่บ้าง แต่แบบนั้นของจูชูอวี้ทำให้คนยากจะรับได้

จูชูอวี้ฉลาดจริงๆ ไม่เคยทำให้เป็นเรื่องอื้อฉาวโด่งดังไปทั่วเมือง แต่ว่า…ขอเพียงมีสมองสักหน่อยมีใครบ้างที่จะไม่เข้าใจ ความคิด กลอุบาย แววตา ความทะเยอะทะยาน สตรีผู้นี้ไม่ขาดเลยแม้เพียงอย่างเดียว แต่ว่า…พระชายาเยี่ยนอ๋องพลันรู้สึกไม่สบายใจ หันกลับมามองบุตรชายคนรองที่นั่งอยู่ด้านข้าง พระชายาเยี่ยนอ๋องจึงถอนหายใจเงียบๆ

“ในเมื่อเชียนจย่งไปเจอคุณหนูซุนแล้ว เจ้าคิดว่าเป็นเยี่ยงไร” พระชายาเยี่ยนอ๋องส่ายศีรษะ ปล่อยเรื่องของจูชูอวี้เอาไว้ก่อน สะใภ้สองคน ก็ต้องมีสักคนที่น่าพอใจสิใช่หรือไม่

เซียวเชียนจย่งลูบท้ายทอย เอ่ยพึมพำเสียงเบา “ก็งั้นๆ แต่งกับใครก็เหมือนๆ กัน ขอเพียงนางเรียบร้อยว่าง่ายเชื่อฟังเสด็จแม่ก็เพียงพอแล้ว”

พระชายาเยี่ยนอ๋องเข้าใจทันใด นี่ก็คือพึงพอใจแล้ว หากไม่พอใจ ท่าทางของเซียวเชียนจย่งคงไม่เกรงใจเพียงนี้

พระชายาเยี่ยนอ๋องยิ้มบางๆ แล้วจึงเอ่ยกับหนานกงมั่วว่า “ลำบากอู๋สยาแล้ว เวลานี้มีเรื่องมากมาย ข้าหารือกับท่านอ๋องแล้ว พิธีสมรสจะถูกจัดขึ้นในวันที่หนึ่ง[1]เดือนหน้า ช่วงนี้คงต้องลำบากเจ้ากับน้องห้าแล้ว” องค์หญิงฉังผิงลังเลชั่วครู่ เอ่ย “วันที่หนึ่งเดือนหน้า…คงไม่เหมาะหรือไม่เพคะ อีกทั้ง มีเวลาอีกไม่นานแล้ว” เหลือเวลาเพียงสิบกว่าวัน แม้เซียวเชียนจย่งและเซียวเชียนเหว่ยจะไม่ใช่ผู้สืบทอดเยี่ยนอ๋อง แต่อย่างไรพิธีสมรสก็ไม่อาจสะเพร่าได้

พระชายาเยี่ยนอ๋องเอ่ยอย่างจนปัญญา “เดือนนี้ไม่เหมาะเท่าใด หากรอถึงเดือนแปด กองทัพวุ่นวาย คนที่มาส่งขบวนเองก็คงรอไม่ไหว พวกเราเองก็ไม่ใช่คนพิถีพิถัน มิได้ยึดถือเรื่องข้อห้ามต่างๆ ส่วนเวลา รีบสักหน่อยก็คงจะทัน” เยี่ยนอ๋องเองก็ไม่คิดจะจัดพิธีใหญ่โต หนึ่งคือพิธีสมรสของบุตรชายทั้งสองไม่อาจเกินเลยซื่อจื่อได้ สองการไว้ทุกข์แก่อดีตฮ่องเต้แม้จะผ่านไปแล้วแต่ก็ยังไม่ครบปี หากไม่ใช่เพราะฝ่าบาทพระราชทานสมรส ต่อให้รีบเพียงใดพิธีแต่งงานของเซียวเชียนจย่งและเซียวเชียนเหว่ยก็ต้องเลื่อนไปถึงปีหน้าค่อยว่ากันอีกที

ฟังพระชายาเยี่ยนอ๋องเอ่ยเช่นนี้ องค์หญิงฉังผิงเองก็ไม่กล้าเอ่ยอันใด พยักหน้า เอ่ยว่า “ในเมื่อพี่สามและพี่สะใภ้สามเอ่ยเช่นนี้ เช่นนั้นพวกเราก็จัดเตรียมไปตามนี้เป็นพอ ยามนี้ในจวนไม่มีเรื่องอันใด ดังนั้นตั้งใจจัดเตรียมการแต่งงานของเชียนเหว่ยและเชียนจย่งก็พอแล้ว”

[1] วันเวลาตามจันทรคติ

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *