หมอหญิงยอดมือสังหาร 613 ภรรยาและอนุภรรยา (2)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 613 ภรรยาและอนุภรรยา (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 613 ภรรยาและอนุภรรยา (2)

เดิมทีพระชายาเยี่ยนอ๋องได้เลือกบุตรีคนโตของเซวียเจิน เซวียอวิ๋นอวินไว้ให้เซียวเชียนเหว่ยแล้ว แต่ไม่คิดว่าหลังจากหนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วไปจากโยวโจวแล้วเฉินซื่อกลับทำให้เซวียอวิ๋นอวินขายหน้าต่อผู้คนจำนวนมาก แม้เซวียอวิ๋นอวินจะเป็นบุตรีตระกูลขุนพล แต่อย่างไรนางก็ยังเป็นสตรีที่ยังไม่ออกเรือน ไม่อาจสู้เฉินซื่อที่เป็นพระชายาซื่อจื่อได้ หลังจากกลับไปแล้วคืนนั้นนางเกือบเชือดคอตนเองแล้ว เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ต่อให้อีกฝ่ายเป็นจวนเยี่ยนอ๋องตระกูลเซวียก็ทนไม่ได้ ตระกูลเซวียยกบุตรีให้เซียวเชียนเหว่ย ไม่เอ่ยไม่ได้ว่าต้องการกระชับความสัมพันธ์กับจวนเยี่ยนอ๋อง แต่อย่างแรกแน่นอนว่าคาดหวังให้บุตรีของตนนั้นมีความสุข หากบุตรีแต่งเข้าไปแล้วต้องถูกพระชายาซื่อจื่อกลั่นแกล้งอยู่ตลอด อย่าว่าแต่กระชับความสัมพันธ์เลย ไม่แน่ว่าวันใดวันหนึ่งแม้แต่ชีวิตก็คงไม่เหลือ

ฮูหยินตระกูลเซวียส่งจดหมายเข้าไปให้เซวียเจินอยู่ในกองทัพ อีกด้านพาบุตรีเข้ามาขอโทษแก่พระชายาเยี่ยนอ๋อง บอกเพียงว่าบุตรีของตนนั้นไม่คู่ควรกับคุณชายจวนเยี่ยนอ๋อง หลังจากนี้ยินดีหันหน้าเข้าสู่ร่มพระธรรมตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ ผิดต่อพระชายาเยี่ยนอ๋อง ขอพระชายาได้โปรดอภัยเซวียอวิ๋นอวิน พระชายาเยี่ยนอ๋องไหนเลยจะเชื่อ รีบให้คนไปสืบจึงรู้ว่าเฉินซื่อไปสร้างเรื่องเอาไว้ ตอนนั้นโกรธจนเป็นลมล้มพับไป

เฉินซื่อดูถูกคุณหนูใหญ่ตระกูลเซวียจนต้องขายหน้าเป็นเรื่องที่รู้กับเกือบทั่วทั้งเมืองโยวโจว เซวียอวิ๋นอวินเองก็ไม่ต้องการเกี่ยวข้องอันใดกับจวนเยี่ยนอ๋องอีก เห็นอยู่ว่าครอบครัวตนเองเป็นฝ่ายผิด พระชายาเยี่ยนอ๋องจะยอมให้หญิงสาวละทิ้งเส้นผมออกบวชได้หรือ เซวียเจินยังเป็นหนึ่งในแม่ทัพที่มีความสามารถที่สุดของท่านอ๋องอีก เช่นนี้จะทำให้แม่ทัพคนอื่นๆ คิดเช่นไร

ทำอะไรไม่ได้ พระชายาเยี่ยนอ๋องจำต้องระงับความโกรธยอมให้ตระกูลเซวียยกเลิกการแต่งงาน ตระกูลเซวียเองก็เด็ดขาด ผ่านไปเพียงสองวันก็มีข่าวออกมาว่าได้กำหนดการแต่งงานของคุณหนูใหญ่กับตระกูลต่างเมืองตระกูลหนึ่ง จะออกเรือนในอีกหนึ่งเดือนหลังจากนี้ ดังนั้นทั่วทั้งเมืองโยวโจวจึงรู้ว่าที่แท้พระชายาซื่อจื่อจวนเยี่ยนอ๋องที่ดูสุภาพอ่อนโยนทว่ากลับปฏิบัติต่อว่าที่น้องสะใภ้เช่นนี้ ต่อให้พระชายาเยี่ยนอ๋องมีความต้องใจอยากผูกสัมพันธ์อีกก็คงต้องไตร่ตรองแล้วไตร่ตรองอีก

ตอนเกิดเรื่องแรกๆ พระชายาเยี่ยนอ๋องโกรธจนเกือบให้เฉินซื่อหย่าแล้ว สุดท้ายจึงตระหนักได้ว่านางมีสมรสพระราชทานจากอดีตฮ่องเต้ โบยไปยี่สิบไม้ ทว่าไม่คาดคิดว่ายี่สิบไม้ที่โบยลงไปทำให้เฉินซื่อที่ตั้งท้องมาหนึ่งเดือนกว่าต้องแท้งไป พระชายาเยี่ยนอ๋องทนไม่ไหวจึงล้มป่วย ผ่านไปเกือบหนึ่งเดือนแล้วยังไม่ทันได้ดีขึ้น

มองหนานกงมั่วที่นั่งอยู่ตรงหน้าตนเอง องค์หญิงฉังผิงถอนหายใจออกมา ลอบคิดในใจ โชคดีที่ลูกสะใภ้ของตนคืออู๋สยา หากเปลี่ยนเป็นเหมือนเฉินซื่อผู้นั้นเกรงว่าตนเองคงรับไม่ไหวยิ่งกว่าพี่สะใภ้สามเสียอีก เดิมทีองค์หญิงฉังผิงยังกังวลว่าหนานกงมั่วสตรีเพียงคนเดียววิ่งไปยังสนามรบจะมีผลกระทบที่ไม่ดีนัก ทว่าข่าวที่ได้รับมาตลอดหลายวันมานี้ เมื่อเทียบกับเฉินซื่อ องค์หญิงฉังผิงคิดว่าตนเองควรพึงพอใจแล้ว

“โชคดีที่เจ้ากลับมาแล้ว มิเช่นนั้น แม่คงจะทนไม่ไหวแล้ว” องค์หญิงฉังผิงถอนหายใจออกมา แต่ละครอบครัวล้วนมีจุดที่ยากลำบาก เดิมทีอยู่ห่างไกลคิดว่าจวนเยี่ยนอ๋องนั้นดีไปหมดทุกอย่าง ใครจะรู้ว่าพี่สามและพี่สะใภ้สามเองก็มีเรื่องกวนใจอยู่ไม่น้อย หนึ่งเดือนที่ผ่านมาเรื่องในจวนเยี่ยนอ๋องล้วนมีองค์หญิงฉังผิงคอยจัดการ แม้แต่เรือนชิงมั่วของตนยังไม่ค่อยได้กลับไป มีเรื่องแล้วเรื่องเล่าเกิดขึ้น น่าปวดหัวเป็นที่สุด

หนานกงมั่วยกถ้วยน้ำชาส่งให้องค์หญิงฉังผิง พลางเอ่ยถาม “เกิดเรื่องมากมายเพียงนี้ เสด็จแม่และเสด็จลุงไยจึงไม่บอกพวกหม่อมฉันเล่าเพคะ”

องค์หญิงฉังผิงส่ายศีรษะ เอ่ย “พวกเจ้าเองมีเรื่องสำคัญในกองทัพให้จัดการ บอกพวกเจ้าแล้วจะละทิ้งทุกอย่างกลับมาได้หรือ แทนที่ต้องมีเรื่องเป็นกังวลอยู่ในใจ มิสู้ไม่รู้อันใดเลยจะดีกว่า” หนานกงมั่วเอ่ย “เรื่องที่เซียวเชียนเยี่ยพระราชทานสมรส…” องค์หญิงฉังผิงถอนหายใจออกมา เอ่ยว่า “เมื่อตอนพี่สามได้รับข่าว ขบวนสมรสพระราชทานก็เคลื่อนตัวออกจากจินหลิงแล้ว จินหลิงและโยวโจวอยู่ห่างไกลกัน ต่อให้พี่สามปฏิเสธทว่าราชโองการประกาศออกมาแล้วจะทำอันใดได้ ยามนี้พวกที่อยู่จินหลิงนั่นคงอยากจับผิดพี่สามจนตัวสั่น อย่าว่าแต่ไม่อาจปฏิเสธการแต่งงานนี้เลย แม้แต่คนที่พระราชทานมายังไม่อาจเกิดเรื่องอันใดได้”

ฮ่องเต้พระราชทานสมรสให้กับทายาทของผู้ปกครองเมืองนั้นเป็นธรรมเนียมและพระมหากรุณาธิคุณ ต่อให้ผู้ปกครองเมืองเลือกภรรยาให้บุตรชายเชื้อสายหลักด้วยตนเองก็ต้องกราบทูลต่อฮ่องเต้ นอกเสียจากบุตรชายผู้นี้ต่อไปจะไม่ขึ้นรับตำแหน่ง ในเมื่อฮ่องเต้ยังไม่ได้รับการกราบทูล เช่นนั้นการพระราชทานสมรสให้ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ เจ้าบอกว่าเจ้าเคยถวายฎีกาหรือ ขอโทษด้วย ฮ่องเต้ไม่เห็น ไม่แน่ว่าอาจจะหายไปไหนแล้วก็ได้

หนานกงมั่วพยักหน้า เอ่ย “เอ่ยเช่นนี้ การสมรสครั้งนี้อย่างไรก็ต้องเกิดขึ้นหรือเพคะ”

องค์หญิงฉังผิงยิ้มขมขื่น “หากพี่สามปฏิเสธสมรสพระราชทาน เจ้าคิดว่าฝั่งจินหลิงนั้นจะมีท่าทีโต้ตอบเช่นไร”

หนานกงมั่วครุ่นคิด “คนพวกนั้นคงรีบคว้าโอกาสใส่ความเสด็จลุง เพราะไม่เคารพต่อราชโองการ ไม่มีใจภักดี”

องค์หญิงฉังผิงพยักหน้า ทั้งสองมองสบตากันพร้อมถอนหายใจออกมา

“องค์หญิง พระชายาซื่อจื่อขอเข้าเฝ้าเพคะ” ด้านนอก เสียงหมิงฉินเอ่ยรายงานดังขึ้น

องค์หญิงฉังผิงขมวดคิ้วอย่างรำคาญใจ เอ่ย “นางถูกกักบริเวณมิใช่หรือ ออกมาทำไมกัน”

หมิงฉินเอ่ยรายงานด้วยท่าทีลำบากใจ “พระชายาซื่อจื่อบอกว่า…คุณหนูเล็กป่วยแล้วเจ้าค่ะ”

องค์หญิงฉังผิงยิ้มเย็น เอ่ย “จูเอ๋อร์ป่วยก็มีหมอและมารดาแท้ๆ ของนางคอยดูแล นางเกี่ยวอันใดด้วย”

“องค์หญิง พระชายาซื่อจื่อเป็นพระมารดาของคุณหนูเล็กนะเพคะ” พระชายาซื่อจื่อมีสิทธิ์ดูแลคุณหนูเล็ก ยิ่งไปกว่านั้นพระชายาเยี่ยนอ๋องยังบอกให้นางกักบริเวณอยู่ในเรือนของตนเอง ไม่ได้บอกว่าให้อยู่แต่ในห้องไม่สามารถเดินไปเดินมาในเรือนของตนได้ เรือนของซื่อจื่อยังมีเฉินซื่อเป็นใหญ่อยู่

องค์หญิงฉังผิงเอ่ยเสียงเรียบ “นางสนใจบุตรีเชื้อสายรองตั้งแต่เมื่อไรกัน” องค์หญิงฉังผิงเองก็ไม่ชอบเชื้อสายรอง แต่ไม่ว่าอย่างไรตนเองก็ยังไม่ถึงขั้นเอาบุตรีเชื้อสายรองที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวมาเกี่ยวข้องด้วย ยิ่งไปกว่านั้น นั่นยังเป็นเด็กอยู่ในผ้าอ้อมอีกด้วย

“เสด็จแม่อย่าพึ่งโกรธไปเลยเพคะ” หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเบา “ในเมื่อมาแล้ว ก็ให้นางเข้ามาเถิด”

องค์หญิงฉังผิงถอนหายใจ มองนาง เอ่ย “ข้ารู้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าใกล้ชิดกับนาง แต่ตอนนี้นางชื่อเสียงไม่ดีนัก เจ้าอย่าให้นางต้องทำเจ้าลำบากไปด้วย” หนานกงมั่วอดยิ้มออกมาไม่ได้ “เสด็จแม่คิดว่าหม่อมฉันดูเหมือนคนใจอ่อนหรือเพคะ”

“เจ้านี่นะ เฉินซื่อผู้นี้เป็นเหมือนที่พี่สะใภ้สามบอก บ้าไปแล้วจริงๆ” ความประทับใจแรกขององค์หญิงฉังผิงที่มีต่อเฉินซื่อนั้นไม่เลวเท่าใด ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเพียงช่วงเวลาสั้นๆ คนที่ดีๆ อยู่ไยจึงเปลี่ยนเป็นเช่นนี้ได้ ไม่บ้าแล้วเป็นอันใดเล่า

หนานกงมั่วยิ้มบาง เอ่ย “นางเองก็ไม่ง่ายเลยเพคะ” แน่นอนว่าเฉินซื่อเองก็ไม่ได้เหลวไหลมาตั้งแต่แรก ใครก็ไม่ได้เลวร้ายมาตั้งแต่เกิด เป็นเพราะสภาพแวดล้อมและจิตใจของตนเองสร้างมันขึ้นมาทั้งนั้น เฉินซื่อสตรีผู้สูงส่งต้องมาอยู่อย่างโดดเดี่ยวที่โยวโจว หลายปีไม่เคยตั้งท้อง อนุกลับคลอดลูกออกมาก่อน พ่อสามีแม่สามีเผด็จการ สามีนิสัยนุ่มนวลอ่อนโยน น้องชายทั้งสองดูจะเป็นที่รักของเยี่ยนอ๋องมากกว่า เฉินซื่อที่เดิมเป็นคนเจ้าแผนการอยู่แล้วอดที่จะร้อนใจไม่ได้ หากนางยังนิ่งไร้ความกังวลอยู่ได้นั่นไม่ใช่สงบ นั่นคือคนโง่

เพียงแต่บนโลกใบนี้ใครจะง่ายบ้างเล่า

เฉินซื่ออุ้มเด็กทารกเจ็ดแปดเดือนเดินเข้ามา ท่าทางงกๆ เงิ่นๆ นั่นทำให้คนกลัวว่านางจะพาเด็กล้มลงไป เพียงเดินเข้ามา เฉินซื่อก็พุ่งเข้ามาคุกเข่าต่อหน้าองค์หญิงฉังผิง “เสด็จอา…” ไม่เอ่ยอันใด ร้องไห้สะอึกสะอื้นขึ้นมา

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *