หมอหญิงยอดมือสังหาร 260 กลับจวน เจิ้งซื่อผู้ถูกทอดทิ้ง (3)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 260 กลับจวน เจิ้งซื่อผู้ถูกทอดทิ้ง (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 260 กลับจวน เจิ้งซื่อผู้ถูกทอดทิ้ง (3)
เว่ยจวินมั่วเข้าใจดีว่าแบบใดที่เรียกว่าเมื่อพอประมาณแล้วควรหยุด จึงคลายมือออกเนิบช้า ตอบคำถามนางด้วยเสียงกระซิบ “เพราะอู๋สยาคืออู๋สยา”

มิใช่เพราะนางเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลหนานกง มิใช่เพราะความงามหรืออย่างอื่นใด เพียงเพราะนางเป็นนาง หนานกงอู๋สยา

หลังจากแต่งงานได้สามวัน ถึงวันที่สามีภรรยาต้องกลับจวน รุ่งเช้าองค์หญิงฉังผิงก็จัดเตรียมของขวัญมากมายให้กับคู่สามีภรรยาเพื่อออกเดินทาง แม้ความสัมพันธ์จวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องและจวนฉู่กั๋วกงจะมิได้พิเศษอันใด แต่ในเมื่อยามนี้ได้เกี่ยวดองกันแล้ว องค์หญิงฉังผิงเองก็พึงพอใจต่อหนานกงมั่วลูกสะใภ้ผู้นี้ จึงต้องจัดเตรียมของขวัญมายมายเพื่อแสดงถึงความรักต่อหนานกงมั่วลูกสะใภ้ผู้นี้

รถม้าจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องวิ่งอยู่บนถนนกว้างกำลังมุ่งหน้าไปยังจวนฉู่กั๋วกง ในโรงน้ำชาริมถนน จูชูอวี้นั่งอยู่ริมหน้าต่าง บนศีรษะนั้นมีหมวกผ้าคลุมบางสีชมพูอ่อนสวมอยู่ ชายผ้าบางของหมวกถูกยกขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นใบหน้างดงามที่ก้มลงไปมองรถม้าที่วิ่งห่างออกไปไกล เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ดูเหมือน ครั้งนี้เจ้าจะพ่ายแพ้อีกแล้วหรือ”

ร่างในชุดสีดำนั่งอยู่ตรงข้ามนาง กงอวี้เฉินที่ยังคงสวมหน้ากากแปลกประหลาด กงอวี้เฉินยิ้มเย็น “ต่อให้ข้าพ่ายแพ้แล้วอย่างไร เจ้าเองก็ไม่ได้เว่ยจวินมั่วเช่นกัน” จูชูอวี้ไม่โกรธ หัวเราะพลางเอ่ย “ข้าปล่อยวางเรื่องของเว่ยซื่อจื่อแล้ว คุณหนูหนานกงจะเป็นเช่นไรก็ไม่เกี่ยวอันใดกับข้า ดังนั้นข้าจึงยิ่งไม่เข้าใจ คุณชายเรียกข้ามาที่นี่เพราะเหตุใด หรือว่า…คุณชายเป็นทุกข์แล้วอยากมีคนทุกข์เป็นเพื่อนท่านอย่างนั้นหรือ หากเป็นเช่นนี้ท่านคงผิดแล้ว แม้การไม่ได้เข้าไปอยู่ในจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องจะทำให้ข้าผิดหวัง แต่ข้ามิได้เป็นทุกข์”

กงอวี้เฉินส่งเสียงหยัน “ข้ารู้ ใครที่มีประโยชน์ต่อตระกูลจู เสี่ยวอวี้เอ๋อร์ล้วนยอมแต่งกับเขาใช่หรือไม่ หึ…มีคำหนึ่งใช้บรรยายตัวเจ้าได้อย่างเหมาะสม ใครก็เป็นสามีได้”

“เจ้าเรียกข้ามาต้องการสิ่งใดกันแน่” จูชูอวี้หน้าเปลี่ยนสี เอ่ยถามอย่างคาดเดาไม่ได้ อย่างไรนางก็เป็นสตรี ถูกคนเหยียดหยามถึงเพียงนี้ไหนเลยจะเป็นสุขดีอยู่ได้

กงอวี้เฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อย่ามองข้าราวกับว่าข้าบังคับสตรีไปเป็นโสเภณีเช่นนั้น ข้าแค่อยากมาบอกลาเจ้าเท่านั้นเอง… เสี่ยวอวี้เอ๋อร์ ข้าจะไปจากจินหลิงระยะเวลาหนึ่ง หวังว่าเมื่อข้ากลับมาจะไม่เห็นว่าเจ้ายังย่ำเท้าอยู่ที่เดิมหรอกหนา” จูชูอวี้แค่นยิ้ม เอ่ยเสียงเรียบ “ไม่ลำบากเจ้าต้องกังวลแทนข้าหรอก”

กงอวี้เฉินยิ้ม เอ่ยตอบ “ไม่กังวลได้เช่นไร หากเสี่ยวอวี้เอ๋อร์คิดไม่ออก ข้าสามารถชี้ทางให้เจ้าได้ เจ้าว่า…องค์รัชทายาทเป็นอย่างไร”

ดวงตาของจูชูอวี้ฉายแววรังเกียจ เอ่ยเสียงเรียบ “เรื่องของข้าข้าจัดการเองได้ ไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามายุ่ง”

กงอวี้เฉินลูบปลายคาง “ดูเหมือนว่าจะมีแผนแล้วจริงๆ เช่นนั้นข้าจะตั้งตารอดู”

“เจ้าคิดถอดใจกับหนานกงมั่วแล้วจริงหรือ” จูชูอวี้เอ่ยถาม แม้ไม่คาดหวังอันใดกับเว่ยจวินมั่วแล้ว แต่อย่างไรก็มีใจเป็นศัตรูต่อหนานกงมั่วผู้ทำลายแผนการของตน นางคิดสร้างอุปสรรคให้สักนิดใช่ว่าจะไม่ได้

ดวงตากงอวี้เฉินมีแววเข้มขึ้น เอ่ยเสียงราบเรียบ “เสี่ยวมั่วเอ๋อร์หรือ…ข้าจะยอมแพ้ได้เยี่ยงไร…”

“นางเป็นชายาของเว่ยจวินมั่วไปแล้ว” จูชูอวี้เอ่ย

“เจ้าคิดว่า ข้าสนใจเรื่องนี้หรือ” กงอวี้เฉินยิ้มหยัน ยืนขึ้นและกระโดดออกไปทางหน้าต่าง ในห้องเล็กแยกออกมานั้นเหลือเพียงจูชูอวี้นั่งอยู่เพียงผู้เดียว เงียบไปเนิ่นนานก่อนจะถอนหายใจออกมา เอ่ยว่า “หนานกงมั่ว…ซิงเฉิงจวิ้นจู่ ช่างโชคดีเหลือเกินนะ”

เมื่อพวกหนานกงมั่วก้าวเข้าไปในห้องโถงใหญ่จวนฉู่กั๋วกงพลันต้องประหลาดใจที่พบว่าหนานกงซูและเซียวเชียนเยี่ยเองก็อยู่ที่นี่ด้วย หนานกงไหวใบหน้าเขียวปั๊ด หนานกงซูใบหน้าซีดขาวดวงตาแดงก่ำ คล้ายว่าพึ่งร้องไห้อย่างหนักไป มองเห็นทั้งสองเดินเข้ามา คนแรกที่เคลื่อนไหวไม่ใช่บิดาเช่นหนานกงไหว และไม่ใช่พี่ชายเช่นหนานกงฮุย แต่เป็นหนานกงซูที่ลอบเช็ดน้ำตาอยู่ด้านข้าง

หนานกงซูพุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว เว่ยจวินมั่วหรี่ตาลงรวบหนานกงมั่วเข้าสู่อ้อมอกในทันใด ทว่าหนานกงซูกลับคุกเข่าลงตรงหน้าหนานกงมั่ว “พี่สาว…พี่สาว ได้โปรด ปล่อยท่านแม่ข้าไปเถิด”

หนานกงมั่วเลิกคิ้ว “นี่เรื่องอันใดกัน”

หนานกงฮุยเอ่ยตอบ “น้องรองกำลังอ้อนวอนท่านพ่อแทนเจิ้งฮูหยินอยู่ พวกเจ้าบังเอิญกลับมาพอดี”

ไหนเลยจะบังเอิญเช่นนั้นเล่า เห็นได้ชัดเจนว่าเพราะคาดว่าพวกนางจะกลับมาหนานกงซูจึงได้มาเสียมากกว่า เพียงแต่…หนานกงซูไปเอาความมั่นใจมาจากที่ใดถึงคิดว่านางจะช่วยขอร้องแทนเจิ้งซื่อ นางดูเหมือนแม่พระหรือ ขอโทษด้วย วันนี้ข้าไม่แสดงเป็นดอกบัวขาวหรอกหนา

“น้องสาวรีบลุกขึ้นเถิด มีเรื่องอันใดค่อยพูดค่อยจา” หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง

“ไม่ พี่สาวไม่รับปาก ข้าก็จะไม่ลุก”

“อ้อ” เช่นนั้นก็คุกเข่าต่อไปเถิด หนานกงมั่วจูงมือเว่ยจวินมั่วเดินอ้อมผ่านหนานกงซูที่คุกเข่าอยู่บนพื้นไปคารวะหนานกงไหว “ท่านพ่อ พวกเรากลับมาแล้วเจ้าค่ะ”

“…” นี่ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่นา

โง่เง่า เจ้าคิดว่ากำลังแสดงละครอยู่หรือ

หนานกงไหวเองต้องชะงักกับท่าทางไม่ทุกข์ร้อนของบุตรีคนโต ก่อนจะพยักหน้า “ลุกขึ้นเถิด หลายวันนี้…เป็นอย่างไรบ้าง” ข่าวลือที่แพร่งพรายออกมาจากจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องในช่วงนี้ช่างน่าระทึกยิ่งนัก หากเป็นสตรีทั่วไปพึ่งแต่งเข้าจวนคงไม่กล้าสร้างเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ แต่สำหรับบุตรีผู้นี้ของเขาแล้วไม่รู้สึกแปลกใจเลยแม้เพียงนิด แต่เขากลับรู้สึกวางใจอย่างแปลกประหลาด บุตรีผู้นี้นั้นทำผู้คนปวดหัว แต่นางอยู่ให้เขาปวดหัวเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปคงเปลี่ยนเป็นคนอื่นแล้วที่ต้องปวดหัว เพราะเช่นนั้น… ช่างเป็นความรู้สึกแปลกประหลาดที่ให้กำเนิดบุตรีมาแล้วไปทำให้บ้านอื่นปวดหัว… ควรจะส่งนางไปแต่งกับตระกูลศัตรูสิจึงจะถูก…

แม้จะไม่รู้สึกอันใด แต่พิธีโดยทั่วไปนั้นยังต้องปฏิบัติตาม หนานกงมั่วพยักหน้า เอ่ยว่า “ขอบคุณท่านพ่อที่เป็นห่วงเจ้าค่ะ ลูกสบายดีทุกอย่าง ท่านพี่และเสด็จแม่เองก็ดีมากเจ้าค่ะ” ส่วนคนอื่นนั้นได้ถูกคุณหนูหนานกงมองข้ามเสียแล้ว คนอื่นจะดีหรือไม่ย่อมไม่เกี่ยวอันใดกับนางใช่หรือไม่

“นั่งลงเถิด” หนานกงไหวมองไปยังหนานกงซูที่นั่งคุกเข่าอย่างเหม่อลอยอยู่บนพื้น เอ่ยเสียงเข้ม “ยังไม่ลุกขึ้นมาอีก คุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างกับอะไร”

หนานกงซูจึงลุกขึ้น เซียวเชียนเยี่ยที่นั่งอยู่ด้านข้างรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาเมื่อเห็นร่างบอบบางที่ดูอ่อนแอนั่น เอ่ยเสียงเข้ม “ฉู่กั๋วกง เจิ้งฮูหยินหากทำผิดสิ่งใดท่านเพิ่มโทษให้นางก็ได้ เห็นแก่ความกตัญญูของซูเอ๋อร์ด้วยเถิด” หนานกงซูมองเซียวเชียนเยี่ยด้วยใบหน้าซาบซึ้ง หนานกงไหวขมวดคิ้วมุ่น เอ่ย “ท่านอ๋อง นี่เป็นเรื่องในจวนของข้า ท่านอ๋องยื่นมือเข้ามายุ่งเกรงว่า…”

เซียวเชียนเยี่ยเอ่ย “ไม่ใช่ว่าข้าอยากยื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องในจวนของท่านกั๋วกง แต่เพราะ…ซูเอ๋อร์กำลังตั้งครรภ์ ขอกั๋วกงเห็นแก่ข้า ซูเอ๋อร์ และเด็กที่อยู่ในครรภ์ ละเว้นเจิ้งฮูหยินด้วยเถิด” หนานกงซูเอ่ยทั้งน้ำตา “ท่านพ่อ เป็นสามีภรรยาหนึ่งวันเป็นบุญคุณหนึ่งร้อยวัน ต่อให้ท่านแม่ทำผิดอันใด เห็นแก่ตลอดหลายปีมานี้นางทำเพื่อจวนฉู่กั๋วกง ปล่อยนางไปเถิดนะเจ้าคะ”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *