หมอหญิงยอดมือสังหาร 924 ปิดล้อม (2)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 924 ปิดล้อม (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 924 ปิดล้อม (2)

เยี่ยนอ๋องลูบจมูกอย่างครุ่นคิด ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย “เรื่องนี้ข้าก็รู้ แต่หากเดือนกว่านี้ไม่อาจยึดเมืองเผิงได้ ขวัญกำลังใจทหารอาจจะสั่นคลอนได้”

เฉินอวี้พยักหน้าถามขึ้น “ไต้ซือเนี่ยนหย่วนมีคำแนะนำใดหรือไม่”

เฉินอวี้ไม่คุ้นเคยกับไต้ซือที่ติดตามอยู่ข้างกายเยี่ยนอ๋องคนนี้มากนัก แต่เขาก็ชื่นชมในไหวพริบของอีกฝ่ายยิ่ง รวมถึงเหตุที่การสู้รบของพวกเขาในตลอดสองปีราบรื่นดีเช่นนี้ ไต้ซือเนี่ยนหย่วนก็มีส่วนช่วยอยู่ไม่น้อยเช่นกัน

เยี่ยนอ๋องเอ่ย “เนี่ยนหย่วนคิดจะให้พวกเราเลี่ยงเมืองเผิงไปยังซื่อหยาง”

เฉินอวี้พลันตะลึงไปชั่วครู่ เอ่ยแย้งด้วยท่าทีลังเล “แต่…ไม่เสี่ยงเกินไปหรอกหรือ เลี่ยงเมืองเผิงย่อมไม่มีปัญหา แต่หากเซ่าจงส่งทหารไปสกัด พวกเราย่อมต้องถูกขนาบโจมตีอย่างแน่นอน”

เนี่ยนหย่วนหัวเราะเบาๆ ด้วยเสียงทุ้มต่ำมาจากทางด้านนอก “ขุนพลเฉินฉลาดหลักแหลมเสียจริง ท่านขุนพลโปรดวางใจ ความหมายของอาตมาเพียงให้แสร้งถอยทัพยอมแพ้เท่านั้น”

ม่านของกระโจมใหญ่ถูกเปิดออกจากด้านนอก เผยให้เห็นเนี่ยนหย่วนที่สวมชุดนักบวชสีขาวเดินเข้ามา ติดตามอยู่ในกองทัพมาหลายปี เผชิญลมคาวฝนโลหิตใดเนี่ยนหยวนก็ยังคงสวมอาภรณ์สีขาวดุจหิมะ ราวกับเทพเซียน พระโพธิสัตว์ละจากทางโลก ไม่อาจมีเศษฝุ่นหรือหยาดโลหิตแปดเปื้อนแม้แต่น้อย

“ท่านอ๋อง”

เยี่ยนอ๋องผายมืออย่างยิ้มแย้ม “ไต้ซือเชิญนั่ง”

เนี่ยนหย่วนโค้งหัวขอบคุณ เสียนเกอพยักหน้าเล็กน้อย นั่งลงด้านข้างเขา

เฉินอวี้ที่แทบอดทนรอไม่ไหวเอ่ยขึ้น “ที่ไต้ซือเนี่ยนหย่วนกล่าวเมื่อครู่ โปรดชี้แนะให้ความกระจ่างแก่ข้าน้อยด้วย”

เนี่ยนหย่วน “ทั้งสองคนนี้ นิสัยเซ่าจงมีความสุขุม จุดเด่นคือป้องกันได้ดีที่สุด แต่สือจิ้งเซียงมีไหวพริบและฝีมือเก่งกาจ เชี่ยวชาญการบุกโจมตี แต่ทั้งคู่ก็มีจุดอ่อนที่เห็นได้ชัดเจน เซ่าจงขาดความเด็ดขาด สือจิ้งเซียงขาดความสุขุม ไม่อาจมีใครแยกทั้งสองออกจากกัน แต่หากทำให้พวกเขาแยกกัน…”

ดวงตาเฉินอวี้มีแววเย็นชาพาดผ่าน “แยกและเข้าจู่โจมงั้นหรือ แต่…ถึงท่านไต้ซือจะเอ่ยเช่นนั้น แต่ซื่อหยางก็ไม่ใช่ที่ที่ดีอันใด” ซื่อหยางอยู่ถัดไปจากทะเลสาบฝูหลิง ระบบชลประทานได้รับการพัฒนา มีแม่น้ำไหลผ่าน สำหรับพวกเขาที่เป็นกองทัพจากทางเหนือ หากให้สู้รบบนที่ราบพวกเขาย่อมเสียเปรียบกว่า

เนี่ยนหย่วนส่ายหน้า ตอบด้วยรอยยิ้ม “ด้วยเหตุนี้ ถึงจะกีดกันสือจิ้งเซียงออกไปได้ หากไปทางด้านทิศตะวันตกเข้าจู่โจมอวิ๋นโตว ไม่แน่ว่าเราอาจทำได้สำเร็จอย่างรวดเร็ว เดิมทีอวิ๋นตู้ก็เป็นปราการสำคัญ ย่อมมีการเฝ้ารักษาการณ์ที่แน่นหนาอยู่แล้ว หากยังใช้เวลาในการบุกนานเกินไป เกรงว่าเมื่อทหารในละแวกใกล้เคียงยกทัพมา แน่นอนว่าพวกเราก็คงติดกับแล้ว”

เฉินอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ต้องยอมรับว่าวาจาของเนี่ยนหย่วนนั้นมีเหตุผล แต่สำหรับแผนการนี้ เขาก็ไม่อาจวางใจได้ “ท่านอ๋อง เรื่องนี้…”

เยี่ยนอ๋องพยักหน้า เขาก็กังวลใจเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามเรื่องที่กองกำลังทางเหนือไม่เชี่ยวชาญการสู้รบทางน้ำก็เป็นเรื่องจริง เนี่ยนหย่วนเองก็ไม่ได้บังคับ เปลี่ยนไปเอ่ยถึงเรื่องอิ่งชวนแทน เนี่ยนหย่วนรู้ดีว่าเรื่องนี้ต้องมีการหารือต่อไป

“คุณชายเสียนเกอ มีคำแนะนำใดหรือไม่” เนี่ยนหยวนที่กำลังเอ่ยเรื่องนี้กับเฉินอวี้หันไปถามคุณชายเสียนเกอ

เสียนเกอส่ายหน้า “ไม่มี แต่จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าข้าชื่นชมในเสียงดนตรีของไต้ซือมานานแล้ว น่าเสียดายยิ่งที่ไม่อาจขอคำชี้แนะได้”

จะว่าไปแล้วก็น่าสนใจไม่น้อย เสียนเกอนับเป็นหมอส่วนพระองค์ของเยี่ยนอ๋อง เนี่ยนหย่วนเองก็เป็นที่ปรึกษาส่วนพระองค์ที่มีอำนาจมากที่สุดของเยี่ยนอ๋อง อยู่ในกองทัพเดียวกันมาสองสามปี ทั้งสองกลับไม่ได้พูดจากันนัก แม้คุณชายเสียนเกอจะเอ่ยมากมายกับเหล่าทหารหรือผู้ใต้บังคับบัญชาของเยี่ยนอ๋อง แต่ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองนั้นกลับห่างเหินกัน

แม้แต่ทหารในกองทัพก็คิดว่าทั้งสองไม่ถูกกัน แต่อย่างไรก็ตามทั้งคู่ล้วนแต่เป็นบุรุษรูปงามมากความสามารถ ไม่ยากที่จะเป็นคนโปรดของท่านอ๋อง

เนี่ยนหย่วนยิ้มบาง “คุณชายเสียนเกอมีเรื่องต้องจัดการมากมาย หากคุณชายเสียดาย แล้วไยถึงไม่มาเยือนที่กระโจมอาตมาเล่า”

คุณชายเสียนเกอโบกมือ “เช่นนั้นคงเปล่าประโยชน์ ข้าไม่ชอบเล่นหมากอันใด”

เนี่ยนหย่วนไม่ใส่ใจ “ได้ยินมานานถึงความเก่งกาจในด้านฉินและการรักษาของคุณชายเสียนเกอ หากโชคดีได้ฟังเสียงสวรรค์ คงจะเป็นพระของอาตมาแล้ว”

คุณชายเสียนเกอมองเนี่ยนหย่วน เอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ “ไต้ชื่อเกรงใจเกินไปแล้ว”

เซียวเชียนจย่งกับเฉินอวี้ที่อยู่ข้างๆ สบตากัน

รู้สึกมาตลอดว่าทั้งสองไม่ได้เกรงใจอันใดเหมือนฉากหน้าเช่นนี้ เอาเถิด คนที่รู้ก็คงมีแต่สวรรค์เท่านั้น

เดิมทีที่ผ่านมาถังเจิงล้วนพอใจในการศึกทุกๆ ด้าน แต่ตอนนี้กลับถูกแทนที่ด้วยความสิ้นหวัง ตั้งแต่ได้ข่าวเว่ยจวินมั่วยกทัพมาเขาก็ไม่ได้พักแม้แต่วันเดียว เรื่องที่เสบียงเมืองเหยี่ยนถูกปล้นไป จากนั้นหนานกงชวี่ก็บุกยึดครองเมืองเซียง ไหนจะเซวียเจินที่ป้องกันอิ่งชวนแทบตายจู่ๆ กลับถอยทัพไปยังเซี่ยถิง กองทัพบุกเข้าอิ่งชวนยังไม่ทันได้ยินดี ถังเจิงก็ต้องหัวหมุนรีบจัดการต่อแล้ว

ไม่กี่วันก่อนเขายังปิดล้อมอิ่งชวนทำให้เซวียเจินหน้าดำคร่ำเครียด ยามนี้กลับพลิกผันเป็นเขาที่กลายเป็นผู้ถูกล้อมแทน กองทัพทั้งสามของเว่ยจวินมั่วและเซวียเจินเมื่อรวมกันแล้ว อาจมีมากถึงหกเจ็ดแสนนาย ไม่ต้องเอ่ยถึงกองทัพของเขาที่แยกออกเป็นส่วนๆ รวมถึงสองแสนกว่านายที่ถูกล้อมในอิ่งชวนอีก

เมื่ออับจนหนทาง ถังเจิงไร้ทางเลือกจึงจำเป็นต้องส่งรายงานไปที่จินหลิงโดยด่วน และยังส่งคนไปขอความช่วยเหลือจากเซ่าจงอีกด้านหนึ่ง

ณ ค่ายเซวียเจินในเมืองอิ่งชวน หนานกงชวี่ที่นั่งด้านล่างรับคำขอบคุณของเซวียเจินอย่างสงบ ที่นั่งตรงข้ามคือสองพี่น้องเซียวเชียนชื่อและเซียวเชียนเหว่ย เซียวเชียนชื่อถือว่ายังดี แต่เซียวเชียนเหว่ยนั้นใบหน้ากลับทะมึนยิ่งนัก เมื่อสองปีก่อน แม้เขาจะไม่ใช่คนที่ขับไล่หนานกงชวี่จากกองทัพ แต่ก็เป็นเพราะความไม่ลงรอยกันระหว่างพวกเขา ทำให้หนานกงชวี่ถอนตัวออกไป แต่วันนี้กลับเป็นหนานกงชวี่ที่ยื่นมือมาช่วยเหลือ ต่อให้เซียวเชียนเหว่ยจะนิ่งเฉย ใบหน้ากลับดูอึดอัดไม่น้อย

เซวียเจินไม่ได้คิดถึงเรื่องหยุมหยิมเหล่อนี้ มองไปยังหนานกงชวี่ด้วยแววตาชื่นชม “กองทัพพ้นจากปัญหาความกดดันรอบด้านในครั้งนี้ได้ล้วนเป็นเพราะคุณชายหนานกงช่วยเหลือ ข้าขอบคุณคุณชายหนานกงแล้ว”

หนานกงชวี่ส่ายหน้าพลางเอ่ยเรียบๆ “ท่านแม่ทัพเซวียกล่าวหนักไปแล้ว ทั้งหมดล้วนแต่เป็นคุณชายเว่ยจัดการ หนานกงชวี่เพียงทำตามคำสั่งเท่านั้น”

หนานกงชวี่ถ่อมตัว แต่เซวียเจินก็ไม่ปล่อยให้เป็นเช่นนั้น แม้จะไม่ได้เห็นด้วยตาเอง แต่เขาก็ย่อมได้ยินเรื่องการสู้รบของเฉินโจวที่บุกโจมตีเมืองเซียง ไหนจะการคุ้มกันเมืองของทหารโยวโจวในยามนั้นอีก ยากจะเชื่อว่าชายหนุ่มที่ไม่เคยลงสนามรบจะจัดการได้ดีเช่นนี้

แน่นอนว่าเซวียเจินไม่แปลกใจ ที่บุรุษเก่งกาจผู้นี้จะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของคุณชายเว่ย อย่างไรก็ตาม เดิมทีคุณชายเว่ยก็ไม่ได้มีประสบการณ์การรบมากมาย แต่ต่อมาก็สู้รบจนยึดครองเฉินโจวและที่อื่นได้ ทั้งหมดไม่ใช่เรื่องเกินจริงแม้แต่น้อย

“คุณชายหนานกงเกรงใจเกินไปแล้ว” เซวียเจินกล่าวอย่างยิ้มแย้ม

หนานกงชวี่ไม่ใช่คนชื่นชอบคำเยินยอจึงไม่ได้เอ่ยต่อ เพียงเริ่มปรึกษาเรื่องสงครามกับเซวียเจิน ขณะทั้งสองสนทนาก็มีทหารด้านนอกรายงานเข้ามา “รายงานท่านแม่ทัพ คุณชายเว่ยและซิงเฉิงจวิ้นจู่มาถึงแล้วขอรับ”

เมื่อได้ยินดังนั้น เซวียเจินผุดลุกขึ้นทันทีพลางยิ้มอย่างยินดี “ในที่สุดก็มาแล้ว เร็ว รีบออกไปต้อนรับคุณชายเว่ยกับซิงเฉิงจวิ้นจู่พร้อมข้า”

ไม่ทันเอ่ยจบ พลันได้ยินเสียงหัวเราะของหนานกงมั่ว “ท่านแม่ทัพเซวียเกรงใจไปแล้ว ไม่ต้องมากพิธีกับพวกข้าหรอก”

หนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วที่อยู่ในชุดธรรมดาเดินเข้ามาเคียงข้างกัน ตามมาด้วยลิ่นฉังเฟิง เจี่ยนชิวหยางและทหารอีกจำนวนหนึ่ง

เซวียเจินยิ้ม “จวิ้นจู่เกรงใจแล้ว ข้าขอบคุณคุณชายเว่ยและจวิ้นจู่ที่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ”

เว่ยจวินมั่วพยักหน้าเล็กน้อย “เป็นเรื่องสมควรแล้ว ท่านแม่ทัพไม่จำเป็นต้องขอบคุณอันใด”

เซวียเจินพยักหน้าซ้ำๆ “คุณชายเอ่ยถูกต้องแล้ว คุณชาย จวิ้นจู่ เชิญนั่งเถิด”

หนานกงมั่วยิ้มรับ “บุตรชายท่านก็มาด้วย ไม่รู้ว่าแม่เซวียได้พบรึยัง เซวียปิน?”

แน่นอนว่าเซวียเจินย่อมอยากพบบุตรชาย แต่ก็เข้าใจดีว่าสิ่งใดควรไม่ควรในตอนนี้ หากแต่เมื่อหนานกงมั่วเอ่ยปาก เขาจะอดใจได้อย่างไร เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นทหารนายหนึ่งเดินออกมาจากกลุ่มทหารด้านหลัง ก้าวเข้ามาหาแล้วคุกเข่าหันหน้าไปยังเซวียเจิน เอ่ย “ลูกขอคารวะท่านพ่อ”

เซวียเจินมองให้เต็มตา เจ้าลูกชายที่ไม่ได้เห็นหน้ามาตลอดหลายปีเปลี่ยนไปไม่น้อย สองสามปีที่ไม่ได้พบ เดิมเป็นคุณชายรูปงามในเมืองโยวโจว วันนี้กลับสูงโปร่งผิวคล้ำขึ้น แต่ก็ไม่อาจปิดบังความเฉียบแหลมดุจเหยี่ยวในดวงตาได้ และยังไม่เหลือเค้าของคุณชายผู้สำราญคนนั้นเลย หากไม่ใช่เพราะใบหน้าที่เหมือนกับเขาและแววตาอันคุ้นเคย เซวียเจินก็ไม่กล้าคิดว่านี่คือบุตรชายของตน

“ปินเอ๋อร์หรือ”

เซวียปินขำเล็กน้อย “ท่านพ่อ ลูกพึ่งทำผลงานชิ้นใหญ่ คุณชายจึงจะเลื่อนขั้นเป็นรองแม่ทัพ”

เซวียเจินรีบเอ่ย “เจ้าเด็กคนนี้ยังใจกล้าเช่นเคย คุณชายเว่ยไม่ต้องเบามือกับเขา ยังเด็กยังเล็กจะให้เป็นรองแม่ทัพได้เช่นไร” คุณชายเว่ยมีกองกำลังหลายแสนนายอยู่ใต้บังคับบัญชา รองแม่ทัพก็ไม่ถือว่าต่ำต้อย ต้องรู้ก่อนว่าในตอนที่ทหารโยวโจวเริ่มทำสงครามกับราชสำนัก เซวียเจินเป็นขุนพลระดับสูงนายหนึ่ง แน่นอนว่านี่เป็นความเกี่ยวข้องของเยี่ยนอ๋องและราชสำนัก จริงอยู่ที่เซวียเจินดำรงตำแหน่งรองแม่ทัพแต่กลับมีอำนาจมากกว่าทหารของราชสำนัก และไม่อาจนำมาเทียบกับเซวียปินได้ แต่ถึงอย่างนั้นเซวียปินก็ยังคงเด็กเกินไป

หนานกงมั่วยิ้ม “การตีซังสุ่ยสำเร็จในครั้งนี้ เซวียปินมีส่วนร่วมด้วย ผลงานไม่ธรรมดา หากไม่มีรางวัลเกรงว่าเหล่าทหารคงจะรู้สึกอยุติธรรมหรือไม่ แม่ทัพเซวียเจินอย่าได้กังวล เซวียปินเลื่อนขั้นด้วยความสามารถ ไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าท่าน”

เซวียเจินเก้อเขินเล็กน้อย เพราะคิดว่าที่คุณชายเว่ยและซิงเฉิงจวิ้นจู่ดูแลบุตรชายเป็นเพราะเห็นแก่หน้าเขาจริงๆ

เมื่อได้ยินดังนั้นแล้ว เซวียปินก็ไม่ได้ปฏิเสธอันใด

“ตาเฒ่า บุตรชายของท่านอยู่กลางสนามรบเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ท่านจะทำลายความดีความชอบของข้าไม่ได้ เฉินซิวนำข้าไปไกลแล้วด้วยซ้ำ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซวียเจินก็เบิกตากว้างอย่างโมโห “ข้าว่าเจ้าไม่ได้ถูกตีมาหลายปี เนื้อตัวคงจะคันน่าดู!” แต่ดวงตากลับเป็นประกายอย่างโล่งใจพลางยิ้มออกมา

เซวียเจินส่งเสียงหึเบาๆ ไม่กี่ปีที่ผ่านมาเจ้าลูกชายคนนี้ถูกตีน้อยเกินไปแล้วหรือไม่ เขาถึงได้ไม่กลัวโดนตีอีกแล้ว

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *