เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 115 แว่วเสียงสวรรค์อันอ้างว้าง, ทุกสิ่งจบสิ้น

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 115 แว่วเสียงสวรรค์อันอ้างว้าง ทุกสิ่งจบสิ้น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 115 แว่วเสียงสวรรค์อันอ้างว้าง, ทุกสิ่งจบสิ้น

 

อาณาจักรถังอยู่ยั้งยืนยงมากว่าห้าร้อยหกสิบปี

 

ในช่วงเวลาเหล่านั้น มีหลายครั้งที่องค์ชายยึดครองบัลลังก์ ตัดขาดพี่น้อง

 

แต่อย่างไรก็ตาม ไม่เคยมีองค์ชายคนไหนที่กล้าร่วมมือกับต่างอาณาจักรเช่นนี้ ความร้ายแรงของมันคือการขัดต่อกฎแห่งราชวงศ์ถัง

 

องค์ชายที่ละเมิดข้อห้ามนี้จะต้องถูกปลดออกจากการเป็นสมาชิกราชวงศ์และต้องโทษประหารชีวิต

 

“หลี่เฉิน เจ้าต้องคิดให้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่?!”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด

 

ตอนแรกความสนใจของเขามุ่งไปที่อินจิ่วฝู และเมื่อยามที่ราชาหวู่หยางเงยหน้าขึ้นมา องค์รัชทายาทหลี่เชิงก็ตระหนักได้ว่าสถานการณ์กำลังจะสูญเสียการควบคุม

 

ตอนที่เห็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งเพียงคนเดียวนั้น องค์รัชทายาทหลี่เชิงก็มั่นใจในพื้นฐานอันแข็งแกร่งของจักรวรรดิถัง

 

แต่เมื่อเพิ่มราชาหวู่หยางมาอีกคน…

 

ขุนนางคนอื่นๆ ก็ตกใจและโกรธเกรี้ยวไม่แพ้กัน พากันมองไปที่องค์ชายเฉินด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

 

“ฮ่าฮ่า…”

 

องค์ชายเฉินเบื่อหน่ายที่จะพูดคุยกับทุกคนอีกต่อไป

 

แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร

 

ถ้าเขาได้ขึ้นครองบัลลังก์ในท้ายที่สุด การร่วมมือกับต่างอาณาจักรมันจะเป็นเรื่องราวอันใดได้? แล้วโทษของการทรยศเล่าใครจะลงโทษ?

 

ในเมื่อทุกอย่างมันอยู่ในการตัดสินใจของเขาเองไม่ใช่หรือ?

 

“ราชาหวู่หยางจงลงมือเถิด”

 

องค์ชายเฉินหันศีรษะไปพูดกับราชาหวู่หยาง

 

เมื่อได้ยินดังนั้น ราชาหวู่หยางก็หัวเราะเบาๆ พร้อมก้าวเท้าไปข้างหน้าจากนั้นจึงหายตัวไปจากที่ที่เคยอยู่

 

ทันใดนั้นองค์รัชทายาทหลี่เชิงผู้อยู่ด้านบนราชวังก็รู้สึกใจสั่น

 

“ไม่ดีแล้ว”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงต้องการจะล่าถอย

 

มันสายเกินไป ราชาหวู่หยางปรากฏตัวขึ้นห่างออกไปจากรัชทายาทหลี่เชิงในระยะเพียงสิบเมตร

สำหรับยอดปรมาจารย์ขั้นจุดสูงสุด ระยะทางสิบเมตรนั้นก็เป็นแค่เพียงช่วงเวลาอันแสนสั้น องค์รัชทายาทหลี่เชิงไม่มีทางหลบซ่อนได้ทันแน่นอน

 

“ฝ่าบาท”

 

“ฝ่าบาทระวัง!”

 

เมื่อเหล่าข้าราชบริพารผู้ภักดีเห็นฉากนี้เข้า พวกเขาก็ตกใจและต้องการที่จะเข้าไปขวางเอาไว้

 

ปัง!

 

ในขณะนั้นเอง

 

ขันทีชุดแดงหลายสิบคนก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบๆ ล้อมรอบองค์รัชทายาทหลี่เชิงและป้องกันการจู่โจมของราชาหวู่หยางได้แม้จะยากลำบากเสียหน่อย

 

“โอ้!”

 

ราชาหวู่หยางเลิกคิ้ว มองไปยังขันทีชุดแดงนับสิบคนตรงหน้า

 

ขันทีชุดแดงสิบกว่าคนนี้ล้วนเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่ง และตอนนี้พวกเขากำลังปกป้ององค์รัชทายาทให้รอดพ้นจากความตาย

 

“นี่คือภูมิหลังของอาณาจักรถังเช่นนั้นหรือ?”

 

ราชาหวู่หยางส่ายหัวเล็กน้อย ดูจะไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่

 

“มีปัญหาแล้ว”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงเคร่งเครียดมาก

 

ก่อนที่องค์จักรพรรดิถังจะสิ้นพระชนม์ พระองค์ได้แจ้งรายละเอียดทั้งหมดภายในวังหลวงเอาไว้แล้ว

 

ในวังหลวงมียอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งทั้งหมดยี่สิบสามคน

ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งทั้งยี่สิบสามคนต่างอยู่ใต้คำสั่งขององค์จักรพรรดิถังเท่านั้น และในตอนนี้พวกเขาทั้งหมดต่างก็ตกอยู่ใต้การสั่งการขององค์รัชทายาทหลี่เชิงหลังองค์จักรพรรดิถังสิ้นพระชนม์

 

อย่างไรก็ตาม

 

แม้ว่ายอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งทั้งยี่สิบสามคนนั้นดูเหมือนเป็นจำนวนที่มาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะสกัดกั้นยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดทั้งสองคน

 

ไม่ว่าจะเป็นอินจิ่วฝูหรือราชาหวู่หยาง พวกเขาล้วนแต่เป็นยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุด ยกเว้นแต่จะเป็นตัวตนในระดับเดียวกันเท่านั้นถึงพอจะหยุดยั้งพวกเขาได้

 

ส่วนการใช้กองทัพเข้าปิดล้อมปราบปรามนั้น…

 

หากเป็นนอกเมืองฉางอันก็คงจะใช้วิธีนี้ได้ แม้เป็นยอดฝีมือผู้เก่งกาจ เมื่อติดอยู่ท่ามกลางกองทัพนับล้าน หากไม่หลบหนีไปก็ต้องถูกจัดการอย่างแน่นอน

 

แต่ตอนนี้สถานการณ์มันเกิดในเมืองฉางอัน เห็นได้ชัดว่าไม่เหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้กองทัพเข้าปิดล้อม

 

“ตั้งค่ายกล”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

 

ขันทีชุดแดงกว่าสิบชีวิตมองหน้ากันเมื่อพวกเขาได้ยินคำสั่งนั้น พวกเขาก็ปรับเปลี่ยนรูปแบบการยืนทันทีโดยยืนล้อมราชาหวู่หยางด้วยวิธีการแปลกๆ

 

อีกด้านหนึ่ง ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งอีกสิบกว่าคนที่กำลังเผชิญหน้าอยู่กับอินจิ่วฝูก็ก้าวเท้าไปยังตำแหน่งที่ประสานกันได้อย่างลงตัว ล้อมดักอินจิ่วฝูเอาไว้

 

ค่ายกลรูปแบบนี้ถูกทิ้งไว้โดยปฐมจักรพรรดิของราชวงศ์ถัง สามารถควบรวมความแข็งแกร่งในรูปแบบค่ายกลใช้แรงของผู้ที่อ่อนแอกว่าในการเอาชนะผู้แข็งแกร่ง

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงไม่แน่ใจว่าค่ายกลรูปแบบนี้จะมีประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้ายอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดหรือไม่

 

แต่ตอนนี้สิ่งที่เขาเลือกได้ มีแต่จะต้องทำเช่นนี้เท่านั้น

 

“อื๋อ?”

 

ราชาหวู่หยางหรี่ตาเล็กน้อย รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า “น่าสนใจนี่”

 

“อย่างไรก็ตาม หากพวกเจ้าคิดว่าจะใช้สิ่งนี้เพื่อจัดการกับราชาผู้นี้ได้ เจ้าก็ฝันเฟื่องได้โง่เต็มทน”

 

คำพูดของราชาหวู่หยางยังไม่ทันจบดี

 

ร่างของเขาก็หายไปอีกครั้ง แล้วพุ่งเข้าหาขันทีชุดแดงนับสิบคน

 

 

ในเวลาเดียวกัน

 

ซูฉินเดินช้าๆ ไปที่ห้องโถงชีวิตนิรันดร์

 

ในเวลานี้ห้องโถงชีวิตนิรันดร์เงียบมากจนสามารถได้ยินเสียงแม้แต่เข็มหล่นได้อย่างชัดเจน

 

บรรดาสาวใช้และขันทีพากันออกไปกันหมดแล้วตั้งแต่ที่องค์ชายเฉินเข้ามาภายในวัง

 

ซูฉินเดินเข้าไปด้านในห้องโถงชีวิตนิรันดร์อย่างช้าๆ

 

“เป็นเจ้านั่นเอง?” ถัดจากร่างไร้วิญญาณขององค์จักรพรรดิถัง มีจ้าวกงกงในชุดคลุมสีม่วงยืนอยู่ เขามองตรงมาที่ซูฉินพร้อมทั้งกล่าวคำเบาๆ “มียอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดสองคนอยู่ด้านนอกเขตพระราชฐานส่วนพระองค์ พวกนั้นกำลังจะเข้ามาในเร็วๆ นี้ รีบใช้เวลาตอนนี้หนีไปเสีย รักษาชีวิตของเจ้าเอาไว้”

 

จ้าวกงกงหลับตาลงยามเมื่อเขาพูดจบ

 

ในช่วงสิบปีที่ผ่านมานี้ เพื่อยืดอายุขององค์จักรพรรดิถัง จ้าวกงกงแทบจะใช้พลังชีวิตของตนไปจนหมด

 

ตอนนี้เขาขยับตัวไปไหนไม่ได้ คงจะไม่ได้เอ่ยเกินจริงไปหากจะบอกว่าเขานั้นราวกับตะเกียงที่ไร้น้ำมัน หากนั่งพักสักครู่อาจจะสิ้นใจไปเลยก็ได้

 

“หนี?”

 

ซูฉินยิ้มแต่ไม่ได้ตอบกลับ

 

“อย่างไรก็ตามข้าได้มีโอกาสมาพบกับจักรพรรดิถังแล้วตอนนี้ จึงถือโอกาสมาส่งเสด็จ”

 

ซูฉินกล่าวอย่างตรงประเด็น

 

“จักรพรรดิถัง?”

 

จ้าวกงกงลืมตาขึ้นอีกครั้งหนึ่งแล้วมองไปยังซูฉิน

 

ถ้าไม่ใช่เพราะเขาไม่สามารถขยับตัวได้ในตอนนี้ เกรงว่าคงจะลงโทษซูฉินไปแล้ว

 

มันถือเป็นการไม่เคารพอย่างยิ่งที่กล้าเรียกฝ่าบาทเช่นนั้น

 

“เจ้าคิดจะส่งเสด็จฝ่าบาทเยี่ยงไร?” จ้าวกงกงจ้องมองไปที่ซูฉิน มีแสงวาบที่ดูอันตรายฉายออกมาจากดวงตาของเขา

 

ซูฉินไม่ได้สนใจอะไร เพียงนั่งลงตามใจตน มองไปยังกู่ฉิน[1]ที่อยู่ตรงหน้าตน

 

กู่ฉินอันนี้เป็นสีน้ำเงินเข้ม ดูมีรสนิยมลึกล้ำและดูลึกลับในตัว มันวางอยู่ไม่ไกลจากบัลลังก์มังกรมากนัก เห็นได้ชัดว่าองค์จักรพรรดิถังคงจะชอบมันมากในตอนที่พระองค์ยังมีชีวิตอยู่

 

“ข้าจะบรรเลงเพลงชีวิตหลังความตายส่งเสด็จให้กับเขา”

 

ซูฉินพรมนิ้วมือลงบนสายของเครื่องเล่นเบาๆ

 

“เจ้า?!”

 

ท่าทีของจ้าวกงกงกลายเป็นมืดคล้ำ

 

ไม่ว่าอย่างไรจักรพรรดิถังก็เป็นถึงจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ถังพระองค์ที่เก้า แม้ว่าพระองค์จะสิ้นพระชนม์ไปแล้ว ก็ควรจะเป็นนักดนตรีมืออาชีพที่มาบรรเลงเพลงซึ่งเป็นไปตามครรลองประเพณีภายในราชวงศ์ พฤติกรรมของซูฉินตอนนี้เท่ากับเป็นการดูถูกองค์จักรพรรดิถัง

 

เมื่อจ้าวกงกงกำลังจะลงมือเพื่อหยุดพฤติกรรมต่ำทรามของซูฉิน

 

ตริ๊ง!!!

 

ซูฉินค่อยๆ เกี่ยวสายดนตรีด้วยมือขวา เสียงของกู่ฉินที่แสนจะเงียบเหงาก็แผ่ออกมาผ่านอากาศ บรรยากาศโดยรอบค่อยๆ หนักอึ้งขึ้นราวกับถูกกดทับด้วยขุนเขา

 

“นี่คือ?”

 

ใบหน้าของจ้าวกงกงเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เขามองไปที่ซูฉินด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ

 

 

ด้านนอกเขตพระราชฐานส่วนพระองค์

 

สถานการณ์ใกล้ถึงจุดสิ้นสุดแล้ว

 

ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งทั้งยี่สิบสามคนพยายามใช้ค่ายกลที่ปฐมจักรพรรดิทิ้งเอาไว้เข้าต้านราชาหวู่หยางและอินจิ่วฝูไว้ได้อย่างยากลำบาก

 

และยอดปรมาจารย์ทั้งแปดจากอาณาจักรหนานหมิงก็เข้ามาในพื้นที่ต่อสู้เพื่อรอคอยจังหวะ

 

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”

 

“อ่อนแอจริงๆ แม้แต่กระบวนท่าเดียวก็ทานทนไม่ได้!!”

 

ขณะนี้อินจิ่วฝูหัวเราะอย่างดุร้าย เหวี่ยงแขนขวาส่งยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งถึงสองคนลอยละล่องไปบนฟ้า

 

“องค์รัชทายาท ผ่านไปก็นานแล้วแต่จ้าวกงกงก็ยังไม่ปรากฏตัวออกมา มันคงจะต้องมีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นสินะ”

 

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็จงมอบชีวิตมาให้ชายชราผู้นี้เถอะ”

 

อินจิ่วฝูแลดูเย็นชา ยกมือขวาขึ้นแล้วกดมือลงไปทางองค์รัชทายาทหลี่เชิง

 

“ฝ่าบาท!”

 

เหล่าข้าราชบริพารแห่งราชวงศ์ถังร้องอุทานออกมา

 

“ไม่ดีแล้ว!!”

 

ท่าทางของขันทีชุดแดงที่ล้อมรอบราชาหวู่หยางอยู่เปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขาต้องการจะกลับไปช่วยองค์รัชทายาทหลี่เชิง แต่พวกเขาก็ถูกราชาหวู่หยางสกัดกั้นเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย

 

“หลี่เชิง!”

 

ซูเยว่หยุนที่เพิ่งวิ่งมา เห็นฉากนี้เข้าก็หน้าซีดด้วยความตกใจ

 

“ตายซะ ตายซะ”

 

“เมื่อเจ้าตายแล้ว บัลลังก์ก็จะตกเป็นของข้า”

 

รอยยิ้มอันโหดเหี้ยมปรากฏขึ้นบนใบหน้าขององค์ชายเฉิน

 

“ข้ากำลังจะตายงั้นรึ?”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงตกอยู่ในความสับสนงุนงง มีความรู้สึกเพียงแค่ว่าฝ่ามือของอินจิ่วฝูใหญ่ดูใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนครอบคลุมขอบเขตการมองเห็นของเขาทั้งหมด

 

อินจิ่วฝูคิดว่าหลังจากฟาดฝ่ามือปลิดชีพองค์รัชทายาทหลี่เชิงเสร็จ เขาจะกลับไปสังหารยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งของวังหลวงพวกนั้นต่อ

 

ติ๊ง!!!

 

เสียงเพลงที่ไร้รูปลักษณ์และแสนเงียบเหงาก็ดังขึ้นมาในทันที ความรู้สึกแห่งการเกิดใหม่และการพลัดพรากก็ลอยเอื่อยเข้ามาหา

 

“ใครกัน?!!”

 

ทันใดนั้นความรู้สึกอันน่าสยดสยองก็ฉายออกมาผ่านแววตาของอินจิ่วฝู มือขวาที่ตะครุบไปทางองค์รัชทายาทหลี่เชิงเหมือนจะถูกตรึงเอาไว้อย่างสมบูรณ์ ขยับเขยื้อนไม่ได้สักนิด

 

“ไม่!!!”

 

อินจิ่วฝูร้องคำรามอย่างบ้าคลั่ง

 

ช่วงเวลาต่อมา

 

ท่ามกลางสายตาอึ้งทึ่งของทุกคน

 

ร่างของอินจิ่วฝูพลันระเบิดกลายเป็นละอองโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วน

 

“นี่คือ?!”

 

ทุกคนที่เห็นฉากดังกล่าวต่างยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสายตาว่างเปล่า ความกลัวค่อยๆ เกาะกุมพวกเขาเอาไว้

 

———————————-

[1] 古琴 กู่ฉิน เป็นเครื่องดนตรีชนิดหนึ่งของจีนเป็นเครื่องสายที่มีถึงเจ็ดสาย มีความเก่าแก่มากชิ้นหนึ่ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 115 แว่วเสียงสวรรค์อันอ้างว้าง, ทุกสิ่งจบสิ้น

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 115 แว่วเสียงสวรรค์อันอ้างว้าง ทุกสิ่งจบสิ้น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 115 แว่วเสียงสวรรค์อันอ้างว้าง, ทุกสิ่งจบสิ้น

 

อาณาจักรถังอยู่ยั้งยืนยงมากว่าห้าร้อยหกสิบปี

 

ในช่วงเวลาเหล่านั้น มีหลายครั้งที่องค์ชายยึดครองบัลลังก์ ตัดขาดพี่น้อง

 

แต่อย่างไรก็ตาม ไม่เคยมีองค์ชายคนไหนที่กล้าร่วมมือกับต่างอาณาจักรเช่นนี้ ความร้ายแรงของมันคือการขัดต่อกฎแห่งราชวงศ์ถัง

 

องค์ชายที่ละเมิดข้อห้ามนี้จะต้องถูกปลดออกจากการเป็นสมาชิกราชวงศ์และต้องโทษประหารชีวิต

 

“หลี่เฉิน เจ้าต้องคิดให้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่?!”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด

 

ตอนแรกความสนใจของเขามุ่งไปที่อินจิ่วฝู และเมื่อยามที่ราชาหวู่หยางเงยหน้าขึ้นมา องค์รัชทายาทหลี่เชิงก็ตระหนักได้ว่าสถานการณ์กำลังจะสูญเสียการควบคุม

 

ตอนที่เห็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งเพียงคนเดียวนั้น องค์รัชทายาทหลี่เชิงก็มั่นใจในพื้นฐานอันแข็งแกร่งของจักรวรรดิถัง

 

แต่เมื่อเพิ่มราชาหวู่หยางมาอีกคน…

 

ขุนนางคนอื่นๆ ก็ตกใจและโกรธเกรี้ยวไม่แพ้กัน พากันมองไปที่องค์ชายเฉินด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

 

“ฮ่าฮ่า…”

 

องค์ชายเฉินเบื่อหน่ายที่จะพูดคุยกับทุกคนอีกต่อไป

 

แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร

 

ถ้าเขาได้ขึ้นครองบัลลังก์ในท้ายที่สุด การร่วมมือกับต่างอาณาจักรมันจะเป็นเรื่องราวอันใดได้? แล้วโทษของการทรยศเล่าใครจะลงโทษ?

 

ในเมื่อทุกอย่างมันอยู่ในการตัดสินใจของเขาเองไม่ใช่หรือ?

 

“ราชาหวู่หยางจงลงมือเถิด”

 

องค์ชายเฉินหันศีรษะไปพูดกับราชาหวู่หยาง

 

เมื่อได้ยินดังนั้น ราชาหวู่หยางก็หัวเราะเบาๆ พร้อมก้าวเท้าไปข้างหน้าจากนั้นจึงหายตัวไปจากที่ที่เคยอยู่

 

ทันใดนั้นองค์รัชทายาทหลี่เชิงผู้อยู่ด้านบนราชวังก็รู้สึกใจสั่น

 

“ไม่ดีแล้ว”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงต้องการจะล่าถอย

 

มันสายเกินไป ราชาหวู่หยางปรากฏตัวขึ้นห่างออกไปจากรัชทายาทหลี่เชิงในระยะเพียงสิบเมตร

สำหรับยอดปรมาจารย์ขั้นจุดสูงสุด ระยะทางสิบเมตรนั้นก็เป็นแค่เพียงช่วงเวลาอันแสนสั้น องค์รัชทายาทหลี่เชิงไม่มีทางหลบซ่อนได้ทันแน่นอน

 

“ฝ่าบาท”

 

“ฝ่าบาทระวัง!”

 

เมื่อเหล่าข้าราชบริพารผู้ภักดีเห็นฉากนี้เข้า พวกเขาก็ตกใจและต้องการที่จะเข้าไปขวางเอาไว้

 

ปัง!

 

ในขณะนั้นเอง

 

ขันทีชุดแดงหลายสิบคนก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบๆ ล้อมรอบองค์รัชทายาทหลี่เชิงและป้องกันการจู่โจมของราชาหวู่หยางได้แม้จะยากลำบากเสียหน่อย

 

“โอ้!”

 

ราชาหวู่หยางเลิกคิ้ว มองไปยังขันทีชุดแดงนับสิบคนตรงหน้า

 

ขันทีชุดแดงสิบกว่าคนนี้ล้วนเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่ง และตอนนี้พวกเขากำลังปกป้ององค์รัชทายาทให้รอดพ้นจากความตาย

 

“นี่คือภูมิหลังของอาณาจักรถังเช่นนั้นหรือ?”

 

ราชาหวู่หยางส่ายหัวเล็กน้อย ดูจะไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่

 

“มีปัญหาแล้ว”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงเคร่งเครียดมาก

 

ก่อนที่องค์จักรพรรดิถังจะสิ้นพระชนม์ พระองค์ได้แจ้งรายละเอียดทั้งหมดภายในวังหลวงเอาไว้แล้ว

 

ในวังหลวงมียอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งทั้งหมดยี่สิบสามคน

ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งทั้งยี่สิบสามคนต่างอยู่ใต้คำสั่งขององค์จักรพรรดิถังเท่านั้น และในตอนนี้พวกเขาทั้งหมดต่างก็ตกอยู่ใต้การสั่งการขององค์รัชทายาทหลี่เชิงหลังองค์จักรพรรดิถังสิ้นพระชนม์

 

อย่างไรก็ตาม

 

แม้ว่ายอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งทั้งยี่สิบสามคนนั้นดูเหมือนเป็นจำนวนที่มาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะสกัดกั้นยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดทั้งสองคน

 

ไม่ว่าจะเป็นอินจิ่วฝูหรือราชาหวู่หยาง พวกเขาล้วนแต่เป็นยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุด ยกเว้นแต่จะเป็นตัวตนในระดับเดียวกันเท่านั้นถึงพอจะหยุดยั้งพวกเขาได้

 

ส่วนการใช้กองทัพเข้าปิดล้อมปราบปรามนั้น…

 

หากเป็นนอกเมืองฉางอันก็คงจะใช้วิธีนี้ได้ แม้เป็นยอดฝีมือผู้เก่งกาจ เมื่อติดอยู่ท่ามกลางกองทัพนับล้าน หากไม่หลบหนีไปก็ต้องถูกจัดการอย่างแน่นอน

 

แต่ตอนนี้สถานการณ์มันเกิดในเมืองฉางอัน เห็นได้ชัดว่าไม่เหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้กองทัพเข้าปิดล้อม

 

“ตั้งค่ายกล”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

 

ขันทีชุดแดงกว่าสิบชีวิตมองหน้ากันเมื่อพวกเขาได้ยินคำสั่งนั้น พวกเขาก็ปรับเปลี่ยนรูปแบบการยืนทันทีโดยยืนล้อมราชาหวู่หยางด้วยวิธีการแปลกๆ

 

อีกด้านหนึ่ง ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งอีกสิบกว่าคนที่กำลังเผชิญหน้าอยู่กับอินจิ่วฝูก็ก้าวเท้าไปยังตำแหน่งที่ประสานกันได้อย่างลงตัว ล้อมดักอินจิ่วฝูเอาไว้

 

ค่ายกลรูปแบบนี้ถูกทิ้งไว้โดยปฐมจักรพรรดิของราชวงศ์ถัง สามารถควบรวมความแข็งแกร่งในรูปแบบค่ายกลใช้แรงของผู้ที่อ่อนแอกว่าในการเอาชนะผู้แข็งแกร่ง

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงไม่แน่ใจว่าค่ายกลรูปแบบนี้จะมีประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้ายอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดหรือไม่

 

แต่ตอนนี้สิ่งที่เขาเลือกได้ มีแต่จะต้องทำเช่นนี้เท่านั้น

 

“อื๋อ?”

 

ราชาหวู่หยางหรี่ตาเล็กน้อย รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า “น่าสนใจนี่”

 

“อย่างไรก็ตาม หากพวกเจ้าคิดว่าจะใช้สิ่งนี้เพื่อจัดการกับราชาผู้นี้ได้ เจ้าก็ฝันเฟื่องได้โง่เต็มทน”

 

คำพูดของราชาหวู่หยางยังไม่ทันจบดี

 

ร่างของเขาก็หายไปอีกครั้ง แล้วพุ่งเข้าหาขันทีชุดแดงนับสิบคน

 

 

ในเวลาเดียวกัน

 

ซูฉินเดินช้าๆ ไปที่ห้องโถงชีวิตนิรันดร์

 

ในเวลานี้ห้องโถงชีวิตนิรันดร์เงียบมากจนสามารถได้ยินเสียงแม้แต่เข็มหล่นได้อย่างชัดเจน

 

บรรดาสาวใช้และขันทีพากันออกไปกันหมดแล้วตั้งแต่ที่องค์ชายเฉินเข้ามาภายในวัง

 

ซูฉินเดินเข้าไปด้านในห้องโถงชีวิตนิรันดร์อย่างช้าๆ

 

“เป็นเจ้านั่นเอง?” ถัดจากร่างไร้วิญญาณขององค์จักรพรรดิถัง มีจ้าวกงกงในชุดคลุมสีม่วงยืนอยู่ เขามองตรงมาที่ซูฉินพร้อมทั้งกล่าวคำเบาๆ “มียอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดสองคนอยู่ด้านนอกเขตพระราชฐานส่วนพระองค์ พวกนั้นกำลังจะเข้ามาในเร็วๆ นี้ รีบใช้เวลาตอนนี้หนีไปเสีย รักษาชีวิตของเจ้าเอาไว้”

 

จ้าวกงกงหลับตาลงยามเมื่อเขาพูดจบ

 

ในช่วงสิบปีที่ผ่านมานี้ เพื่อยืดอายุขององค์จักรพรรดิถัง จ้าวกงกงแทบจะใช้พลังชีวิตของตนไปจนหมด

 

ตอนนี้เขาขยับตัวไปไหนไม่ได้ คงจะไม่ได้เอ่ยเกินจริงไปหากจะบอกว่าเขานั้นราวกับตะเกียงที่ไร้น้ำมัน หากนั่งพักสักครู่อาจจะสิ้นใจไปเลยก็ได้

 

“หนี?”

 

ซูฉินยิ้มแต่ไม่ได้ตอบกลับ

 

“อย่างไรก็ตามข้าได้มีโอกาสมาพบกับจักรพรรดิถังแล้วตอนนี้ จึงถือโอกาสมาส่งเสด็จ”

 

ซูฉินกล่าวอย่างตรงประเด็น

 

“จักรพรรดิถัง?”

 

จ้าวกงกงลืมตาขึ้นอีกครั้งหนึ่งแล้วมองไปยังซูฉิน

 

ถ้าไม่ใช่เพราะเขาไม่สามารถขยับตัวได้ในตอนนี้ เกรงว่าคงจะลงโทษซูฉินไปแล้ว

 

มันถือเป็นการไม่เคารพอย่างยิ่งที่กล้าเรียกฝ่าบาทเช่นนั้น

 

“เจ้าคิดจะส่งเสด็จฝ่าบาทเยี่ยงไร?” จ้าวกงกงจ้องมองไปที่ซูฉิน มีแสงวาบที่ดูอันตรายฉายออกมาจากดวงตาของเขา

 

ซูฉินไม่ได้สนใจอะไร เพียงนั่งลงตามใจตน มองไปยังกู่ฉิน[1]ที่อยู่ตรงหน้าตน

 

กู่ฉินอันนี้เป็นสีน้ำเงินเข้ม ดูมีรสนิยมลึกล้ำและดูลึกลับในตัว มันวางอยู่ไม่ไกลจากบัลลังก์มังกรมากนัก เห็นได้ชัดว่าองค์จักรพรรดิถังคงจะชอบมันมากในตอนที่พระองค์ยังมีชีวิตอยู่

 

“ข้าจะบรรเลงเพลงชีวิตหลังความตายส่งเสด็จให้กับเขา”

 

ซูฉินพรมนิ้วมือลงบนสายของเครื่องเล่นเบาๆ

 

“เจ้า?!”

 

ท่าทีของจ้าวกงกงกลายเป็นมืดคล้ำ

 

ไม่ว่าอย่างไรจักรพรรดิถังก็เป็นถึงจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ถังพระองค์ที่เก้า แม้ว่าพระองค์จะสิ้นพระชนม์ไปแล้ว ก็ควรจะเป็นนักดนตรีมืออาชีพที่มาบรรเลงเพลงซึ่งเป็นไปตามครรลองประเพณีภายในราชวงศ์ พฤติกรรมของซูฉินตอนนี้เท่ากับเป็นการดูถูกองค์จักรพรรดิถัง

 

เมื่อจ้าวกงกงกำลังจะลงมือเพื่อหยุดพฤติกรรมต่ำทรามของซูฉิน

 

ตริ๊ง!!!

 

ซูฉินค่อยๆ เกี่ยวสายดนตรีด้วยมือขวา เสียงของกู่ฉินที่แสนจะเงียบเหงาก็แผ่ออกมาผ่านอากาศ บรรยากาศโดยรอบค่อยๆ หนักอึ้งขึ้นราวกับถูกกดทับด้วยขุนเขา

 

“นี่คือ?”

 

ใบหน้าของจ้าวกงกงเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เขามองไปที่ซูฉินด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ

 

 

ด้านนอกเขตพระราชฐานส่วนพระองค์

 

สถานการณ์ใกล้ถึงจุดสิ้นสุดแล้ว

 

ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งทั้งยี่สิบสามคนพยายามใช้ค่ายกลที่ปฐมจักรพรรดิทิ้งเอาไว้เข้าต้านราชาหวู่หยางและอินจิ่วฝูไว้ได้อย่างยากลำบาก

 

และยอดปรมาจารย์ทั้งแปดจากอาณาจักรหนานหมิงก็เข้ามาในพื้นที่ต่อสู้เพื่อรอคอยจังหวะ

 

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”

 

“อ่อนแอจริงๆ แม้แต่กระบวนท่าเดียวก็ทานทนไม่ได้!!”

 

ขณะนี้อินจิ่วฝูหัวเราะอย่างดุร้าย เหวี่ยงแขนขวาส่งยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งถึงสองคนลอยละล่องไปบนฟ้า

 

“องค์รัชทายาท ผ่านไปก็นานแล้วแต่จ้าวกงกงก็ยังไม่ปรากฏตัวออกมา มันคงจะต้องมีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นสินะ”

 

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็จงมอบชีวิตมาให้ชายชราผู้นี้เถอะ”

 

อินจิ่วฝูแลดูเย็นชา ยกมือขวาขึ้นแล้วกดมือลงไปทางองค์รัชทายาทหลี่เชิง

 

“ฝ่าบาท!”

 

เหล่าข้าราชบริพารแห่งราชวงศ์ถังร้องอุทานออกมา

 

“ไม่ดีแล้ว!!”

 

ท่าทางของขันทีชุดแดงที่ล้อมรอบราชาหวู่หยางอยู่เปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขาต้องการจะกลับไปช่วยองค์รัชทายาทหลี่เชิง แต่พวกเขาก็ถูกราชาหวู่หยางสกัดกั้นเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย

 

“หลี่เชิง!”

 

ซูเยว่หยุนที่เพิ่งวิ่งมา เห็นฉากนี้เข้าก็หน้าซีดด้วยความตกใจ

 

“ตายซะ ตายซะ”

 

“เมื่อเจ้าตายแล้ว บัลลังก์ก็จะตกเป็นของข้า”

 

รอยยิ้มอันโหดเหี้ยมปรากฏขึ้นบนใบหน้าขององค์ชายเฉิน

 

“ข้ากำลังจะตายงั้นรึ?”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงตกอยู่ในความสับสนงุนงง มีความรู้สึกเพียงแค่ว่าฝ่ามือของอินจิ่วฝูใหญ่ดูใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนครอบคลุมขอบเขตการมองเห็นของเขาทั้งหมด

 

อินจิ่วฝูคิดว่าหลังจากฟาดฝ่ามือปลิดชีพองค์รัชทายาทหลี่เชิงเสร็จ เขาจะกลับไปสังหารยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งของวังหลวงพวกนั้นต่อ

 

ติ๊ง!!!

 

เสียงเพลงที่ไร้รูปลักษณ์และแสนเงียบเหงาก็ดังขึ้นมาในทันที ความรู้สึกแห่งการเกิดใหม่และการพลัดพรากก็ลอยเอื่อยเข้ามาหา

 

“ใครกัน?!!”

 

ทันใดนั้นความรู้สึกอันน่าสยดสยองก็ฉายออกมาผ่านแววตาของอินจิ่วฝู มือขวาที่ตะครุบไปทางองค์รัชทายาทหลี่เชิงเหมือนจะถูกตรึงเอาไว้อย่างสมบูรณ์ ขยับเขยื้อนไม่ได้สักนิด

 

“ไม่!!!”

 

อินจิ่วฝูร้องคำรามอย่างบ้าคลั่ง

 

ช่วงเวลาต่อมา

 

ท่ามกลางสายตาอึ้งทึ่งของทุกคน

 

ร่างของอินจิ่วฝูพลันระเบิดกลายเป็นละอองโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วน

 

“นี่คือ?!”

 

ทุกคนที่เห็นฉากดังกล่าวต่างยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสายตาว่างเปล่า ความกลัวค่อยๆ เกาะกุมพวกเขาเอาไว้

 

———————————-

[1] 古琴 กู่ฉิน เป็นเครื่องดนตรีชนิดหนึ่งของจีนเป็นเครื่องสายที่มีถึงเจ็ดสาย มีความเก่าแก่มากชิ้นหนึ่ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+