เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 309 เข้าสู่ระบบ! น้ําเต้ามิติ!

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 309 เข้าสู่ระบบ! น้ําเต้ามิติ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 309 เข้าสู่ระบบ! น้ําเต้ามิติ!

โถงไท่จี้

ขุนนางทั้งฝ่ายพลเรือนและฝ่ายทหารต่างตกตะลึง เกือบจะคิดว่าตนได้ยินผิดไป

ผู้นํานิกายใหญ่หลายคนเช่นนี้ ในสายตาของเหล่าขุนนางก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันอยู่แล้ว แต่พวกเขาไม่คาดคิดว่าจุดประสงค์ของผู้นํานิกายใหญ่เหล่านี้จะกลายเป็นการมาขออภัย?

ไม่น่าแปลกใจเลยที่เหล่าขุนนางจะคิดเช่นนั้น แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าซูฉินได้ต่อสู้กับครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเชียนเทพปฐพีทั้งเจ็ดคนเมื่อไม่นานมานี้ แต่พวกเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่เจ็ดคนนั้นหมายถึงสิ่งใด?

เช่นเดียวกับสงครามระหว่างสองอาณาจักร เพียงช่วงเวลาไม่นาน เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดีก็จะเดินทางมาเพื่อขออภัยโทษแล้วอย่างนั้นหรือ?

จากภูมิหลังของนิกายใหญ่ทั้งหลาย ถึงการที่ครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่จะตกตายไปถึงเจ็ดคน ได้ทําลายรากฐานของพวกมันไปมาก แต่ก็ไม่ถึงกับสิ้นไร้ไม้ตอก นิกายใหญ่ที่มีความเป็นมานับหมื่นปีอย่างสํานักผู้วิเศษหรือนิกายเทพเจ้าสายฟ้ามีความสามารถสูงจนสามารถปิดกั้นเซียนเทพปฐพีได้ด้วยซ้ํา

“ขออภัยโทษ?”

“มาขออภัยโทษจากพี่สาม?”

ท่าทีของจักรพรรดิถังดูตกตะลึง และต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะตอบสนองได้

แม้ว่าจักรพรรดิถังจะรู้สึกไม่อยากจะเชื่อกับการตัดสินใจมาขออภัยของนิกายทั้งหลาย อย่างไรก็ตาม ในฐานะจักรพรรดิแห่งอาณาจักรถัง ความคิดอ่านของเขาเหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไป แม้ว่าจะคาดไม่ถึงแต่ก็คิดวิธีการจัดการเรื่องนี้ในทันที

“ให้พวกเขาเข้ามา”

จักรพรรดิถังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวออกมา

ผู้นํานิกายใหญ่ทรงเกียรติมากเพียงใด เมื่อพวกเขาริเริ่มจะมาขออภัยโทษ วางตัวต่ําเพียงนี้ จักรพรรดิถังก็ไม่ติดปัญหาใดที่จะพบพวกเขา

“ฝ่าบาท”

“พวกเขากล่าวว่าไม่กล้าที่จะเข้ามาภายในวัง หากไม่ได้รับอนุญาตจากพระมาตุลาแห่งอาณาจักร…” แม่ทัพแห่งวังหลวงกล่าวด้วยความขมขื่น

ในโลกยุทธภพต่างแดน ผู้แข็งแกร่งทุกคนมีถ้ําเซียนเป็นของตัวเอง และซูฉินก็อาศัยอยู่ภายในวังหลวง ในสายตาของผู้นํานิกายทั้งหลาย พระราชวังทั้งหมดจึงเป็นถ้ําเซียนของซูฉิน

หากไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของถ้ํา จอมยุทธคนใดที่เข้าไปในถ้ําโดยไม่ได้รับอนุญาต ย่อมก่อให้เกิดความไม่พอใจกับเจ้าของถ้ํา ถึงขั้นที่เจ้าของถ้ําอาจจะสังหารทิ้งเลยก็เป็นได้

ดังนั้น หากปราศจากคําอนุญาตที่ชัดเจนของซูฉิน ผู้นํานิกายเหล่านี้จะกล้าเข้ามาได้อย่างไร? แม้แต่การที่พวกเขาเดินทางมายังเมืองฉางอันพร้อมกันนี้ พวกเขาก็เสี่ยงอันตรายมากพออยู่แล้ว อย่างไรเสีย หากว่ากันตามจริงเมืองฉางอันทั้งเมืองก็อาจจะจัดอยู่ในพื้นที่ถ้ําเซียนของซูฉินด้วย

“ไม่กล้าเข้ามาอย่างนั้นหรือ?”

จักรพรรดิถังเงียบไปครู่หนึ่ง

ในเวลานี้ เขาตระหนักถึงความน่ากลัวของอํานาจยับยั้งจากซูฉินได้มากขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่ต้องพูดสิ่งใดกลับทําให้ผู้นํานิกายทั้งหลายต้องออกมาขออภัยโทษ และแม้แต่วังหลวงก็ไม่กล้าเข้ามา

ขุนนางราชสํานักทั้งหลายต่างมองหน้ากันอย่างไม่อยากจะเชื่อ

นับตั้งแต่ช่วงฟื้นคืนของกระแสปราณฉี ข่าวสารจากยุทธภพต่างแดนก็แพร่กระจายไปทั่วอาณาจักรถัง ในสายตาของเหล่าขุนนางนิกาย ใหญ่ที่ปกครองดินแดนโพ้นทะเลสามารถนับได้ ว่าเป็นจ้าวครองพิภพได้อย่างไม่มีปัญหา

แต่ตอนนี้

ภายในหัวใจของเหล่าข้าราชบริพารยักษ์ใหญ่ เหล่านี้เริ่มถูกลดทอนความยิ่งใหญ่ลงไปแล้ว

“พี่สามอยู่ภายในพระราชวังตะวันออกหรือไม่?”

จักรพรรดิถังลังเลอยู่ครู่หนึ่ง มองไปยังแม่ทัพแห่งวังหลวงแล้วจึงเอ่ยถาม

“ทูลฝ่าบาท พระมาตุลาแห่งอาณาจักรไม่ได้อยู่ในพระราชวังตะวันออก” แม่ทัพแห่งวังหลวงกระซิบตอบ

“ถ้าพี่สามไม่ได้อยู่ภายในพระราชวังตะวันออก ดังนั้นเขาน่าจะอยู่ในด่านฝึกตน” จักรพรรดิถังพูดอยู่กับตนเอง

“ถ้าเป็นเช่นนั้น เจ้าไม่จําเป็นต้องรบกวนพี่สาม ข้าจะไปเจอผู้นํานิกายเหล่านั้นด้วยตนเอง” จักรพรรดิถังคิดอยู่นาน และในที่สุดก็ตัดสินใจได้

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เว้นแต่จะจําเป็นจริงๆ เขาจะไม่รบกวนการบ่มเพาะของซูฉินเด็ดขาด ส่ว
นเรื่องของผู้นํานิกาย จักรพรรดิถังก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่“ตามพระประสงค์”

แม่ทัพแห่งวังหลวงกล่าวออกอย่างเคารพ

และในตอนนี้

ภายนอกวังก็คราคร่ําไปด้วยจอมยุทธต่างดินแดนมาสักพักใหญ่แล้ว

จอมยุทธต่างดินแดนเหล่านี้ ส่วนใหญ่เข้ามาหลังจากได้ยินความเกรียงไกรของซูฉินในช่วงที่กระแสปราณฉีกําลังฟื้นคืนกลับมา และบางคนก็เป็นศิษย์สาวกของนิกายใหญ่

แต่ในเวลานี้ เมื่อผู้นํานิกายใหญ่หลายต่อหลายคนมาเยือนเมืองฉางอันด้วยตนเองและอยู่ด้านนอกพระราชวัง พวกเขาก็ได้ดึงดูดความสนใจของจอมยุทธต่างแดนเกือบทั้งหมดไปในทันที

ต้องรู้ว่าเพื่อแสดงความจริงใจ ผู้นํานิกายใหญ่เหล่านี้ไม่ได้ปกปิดพลังของตนเอาไว้ เฝ้ารออยู่ภายนอกวังโดยไม่มีการปิดบัง

“เจ้าตําหนักเทพเจ้าหิมะ?”

“ผู้นํานิกายเทพเจ้าสายฟ้า?”

“เจ้าสํานักผู้วิเศษ?”

“พวกเขามาที่นี่ได้อย่างไร?”

จอมยุทธนับไม่ถ้วนต่างรีบมาที่นี่เพื่อดูและพูดคุยกันอย่างต่อเนื่อง

แม้ว่าผู้นํานิกายใหญ่จะไม่ใช่จอมยุทธที่แข็งแกร่งที่สุด แต่การที่ขึ้นเป็นผู้นํานิกายได้ก็นับเป็นหน้าเป็นตาของนิกายใหญ่ ในตอนนี้ผู้นํานิกายเหล่านี้มารวมตัวกัน ผลกระทบที่เกิดย่อมขยายวงกว้าง

“เฮ่ๆ ครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ทั้งเจ็ดคนตกตายไปแล้วโดยตํานานยุทธอาณาจักรถัง ผู้นํานิกายใหญ่เหล่านี้รู้ตัวว่าพวกเขาไม่มีหวังจะต่อต้าน ดังนั้นพวกเขาจึงมาขออภัยโทษน่ะสิ..

ตํานานยุทธคนหนึ่งกล่าวเยาะเย้ย

“ขออภัยโทษ?”

“ตํานานยุทธอาณาจักรถังสังหารบรรพชนครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีของพวกเขาการที่ผู้นําเหล่านี้ไม่ได้มาแก้แค้นยังพอว่า แต่นี่ถึงกับมาที่นี่เพื่อขออภัยโทษเลยหรือ?”

มีจอมยุทธผู้หนึ่งแสดงสีหน้างุนงง อดไม่ได้ที่จะถามออกมา

“ตํานานยุทธอาณาจักรถัง?”

“เกรงว่าเจ้าจะกล่าวผิดไปแล้ว”

“ตอนนี้ไม่ควรจะเรียกว่าตํานานยุทธแห่งอาณาจักรถังอีกต่อไปแล้ว และควรจะเรียกว่ามนุษย์สวรรค์แห่งอาณาจักรถังเสียมากกว่า” จอมยุทธชรากะพริบตาหนึ่งครั้งพร้อมกับกล่าวคําหนงครงพร้อมกับกล่าวคํา

คําที่กล่าวออกมา

ทันใดนั้นทุกคนในที่แห่งนี้ก็ตกอยู่ในความเงียบงัน

มนุษย์สวรรค์ มนุษย์สวรรค์? มนุษย์สวรรค์คือสิ่งใด?

เซียนเทพปฐพีก็คือผู้ที่สามารถรวมความเป็นมนุษย์เข้ากับสวรรค์ได้ สามารถดึงทะเลปราณอันกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุดได้เพียงแค่เคลื่อนไหว ดังนั้นเซียนเทพปฐพี่จึงถูกเรียกว่ามนุษย์สวรรค์

จอมยุทธชราเรียกซูฉินว่ามนุษย์สวรรค์แห่งอาณาจักรถังก็แสดงให้เห็นว่าเขาเชื่ออย่างชัดเจนว่าซูฉินได้กลายเป็นเซียนเทพปฐพี่แล้ว

ความจริงที่ซูฉินสังหารครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีทั้งเจ็ดคนได้ในคราวเดียว ผู้คนนับไม่ถ้วนก็คาดเดาว่าซูฉินเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีไปแล้ว แต่การคาดเดาก็เป็นเพียงเรื่องของการคาดเดา ทว่ายามนี้ผู้นํานิกายใหญ่ทั้งหลายกลับออกมาขออภัยโทษพร้อมๆกัน แค่นี้ก็พอจะพิสูจน์เรื่องที่คาดเดาเอาไว้ได้แล้ว

ถ้าซูฉินไม่ใช่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี ผู้นํานิกายใหญ่ทั้งหลายจะยอมอ่อนข้อมาขออภัยโทษเช่นนี้หรือ?

แม้แต่ผู้นํานิกายใหญ่เหล่านี้ยังคิดว่าซูฉินเป็นเซียนเทพปฐพี ดังนั้นใครเล่าจะกล้าสงสัยเรื่องนี้ต่อไปอีก?

“เซียนเทพปฐพี ในที่สุดก็มีเซียนเทพปฐพี่อีก คนหนึ่งปรากฏขึ้นบนโลกใบนี้แล้ว และใช่แล้ว นอกจากเซียนเทพปฐพี ใครเล่าที่จะสามารถทําให้ผู้นํานิกายใหญ่มีความคิดริเริ่มที่จะขออภัยโทษได้?”

“นี่เป็นมนุษย์คนแรกในรอบเกือบพันปี น่าเสียดาย เดิมที่ข้าคิดว่าเหลยเฉียนจือจากนิกายเทพเจ้าสายฟ้าน่จะมาถึงจุดนี้ได้เหมือนกัน”

“เหลยเฉียนจือ มิผิด เหลยเฉียนจือมีหวังที่จะก ลายเป็นเซียนเทพปฐพี แต่มันก็เป็นเพียงแค่ความหวัง จะนํามาเปรียบเทียบกับมนุษย์สวรรค์แห่งอาณาจักรถังได้อย่างไร?”

จอมยุทธทั้งหลายมองมาด้วยสีหน้าตกตะลึง แม้แต่เสียงสนทนาก็เงียบลงอย่างมาก กลัวว่าจะไปรบกวนซูฉินเข้า

นี่คือพลังอันยิ่งใหญ่ของขอบเขตเซียนเทพปฐพี เขาสามารถครอบงําผู้คนได้โดยไม่ต้องก้าวออกไปไหนทั้งนั้น แม้แต่นิกายใหญ่ระดับสูง อย่างสํานักผู้วิเศษและนิกายเทพเจ้าสายฟ้าที่สืบทอดมรดกมาจากยุคเฟื่องฟูกระแสปราณฉีครั้งล่าสุด เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับเซียนเทพปฐพี่มันก็ต้องมีสั่นสะท้านกันบ้าง

แม้จะมีหวังที่จะใช้สมบัติปิดกั้นเซียนเทพปฐพี แต่สมบัตินั้นสุดท้ายก็เป็นแค่สิ่งของ จําเป็นต้องใช้ทรัพยากรมากมายเติมเข้าไป หากซูฉินต้องการจัดการกับสํานักผู้วิเศษและนิกายเทพเจ้าสายฟ้าจริงๆ เขาไม่จําเป็นต้องทําอะไรเลย แค่เพียงต้องปล่อยไอพลังอยู่หน้านิกายเท่านั้น

ใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่สิบปี นิกายใหญ่เหล่านี้ย่อมเสื่อมโทรมลง มรดกที่ตกทอดมาอาจจะถูกตัดขาด

แน่นอนว่าโดยทั่วไป ไม่มีเซียนเทพปฐพี่คนไหนที่จะทําเช่นนี้ ประการแรกคือสมบัติที่ผู้ทรงพลังอย่างถึงขีดสุดทิ้งเอาไว้นั้นพวกเขาไม่สามารถนํามาใช้ได้ประโยชน์ได้ แม้จะได้มันมาก็ตาม ประการที่สอง เซียนเทพปฐพี่มีอายุพันกว่าปีเท่านั้น จะไม่ยอมฉีกเนื้อเฉือนหนังของตนเองจนหมดแน่

ไม่เช่นนั้น หลังจากที่เซียนเทพปฐพี่เสียชีวิตไป มรดกที่เขาทิ้งไว้เบื้องหลังเกรงว่าจะต้องได้รับเคราะห์จากนิกายใหญ่แห่งอื่นๆด้วย

ในขณะที่จอมยุทธกําลังพูดคุยกันถึงเรื่องนี้

จักรพรรดิถังและเหล่าขุนนางก็เดินทางมาถึงกําแพงวัง และมองลงไปยังผู้นํานิกายใหญ่ที่อยู่นอกวัง

“คารวะองค์จักรพรรดิ

ผู้นํานิกายหลายคนเหลือบมองจักรพรรดิและโค้งคารวะให้เล็กน้อย ด้วยตัวตนของพวกเขาไม่จําเป็นต้องใส่ใจกับจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ไหนๆเลย เพียงแต่เบื้องหลังของจักรพรรดิถังมีมนุษย์สวรรค์อย่างซูฉินยืนอยู่
“พวกท่านคิดจะมาขออภัยโทษเช่นนั้นหรือ?” จักรพรรดิถังถามอย่างตรงไปตรงมาไม่มีอ้อมค้อม

คําพูดนั้นจบลง

ผู้นํานิกายใหญ่ทั้งหลายก็มองหน้ากัน

ในที่สุดผู้นํานิกายเฮยหยวนก็ยกมือขวาขึ้น ทันใดนั้นสิ่งของสิบชิ้น เช่น ระฆัง ขวาน มีด ดาบก็หล่นออกมา

“นิกายเฮยหยวนของข้าเต็มใจจะเสนอมรดก นิกายอาวุธวิเศษสิบชิ้นเพื่อขออภัยโทษ”

ผู้นํานิกายเฮยหยวนโค้งคารวะไปทางส่วนลึกของพระราชวังด้วยความเคารพ

ในชั่วพริบตา

ทุกคนในที่แห่งนั้นก็เดือดพล่าน

“อาวุธวิเศษสิบชิ้น? นิกายเฮยหยวนสืบทอดมรดกมาไม่กี่พันปี และอาวุธวิเศษที่ครอบครองอยู่ก็มีรวมกันราวๆ สิบกว่าชิ้นใช่หรือไม่? ตอนนี้กลับเสนออาวุธวิเศษถึงสิบชิ้นในคราวเดียว?”

“นี่ นิกายเฮยหยวนบ้าไปแล้วหรือ? อาวุธวิเศษ ไม่ใช่ของทั่วๆไป มันสามารถใช้ปกป้องนิกาย และส่งต่อไปยังรุ่นต่อๆไปได้ ไม่ต้องกล่าวถึงสิบชิ้นเลย แม้จะเสนอเพียงชิ้นเดียวก็นับเป็นราคาที่สูงแล้ว……”

จอมยุทธหลายต่อหลายคนตกตะลึง รู้สึกไม่อยากจะเชื่อ

ต่อให้ตํานานยุทธขั้นสูงสุดใช้ความพยายามทั้งหมดก็ไม่สามารถสร้างอาวุธวิเศษขึ้นมาได้ คงจะมีแต่เซียนเทพปฐพี่เท่านั้นที่มีคุณสมบัติพอจะสร้างอาวุธวิเศษและสืบทอดมรดกต่อไป

ข้อบกพร่องของนิกายเฮยหยวนทําให้ไม่มี เซียนเทพปฐพีกําเนิดขึ้นเลย ฉะนั้นวิธีที่จะได้รับอาวุธวิเศษมาคือจะต้องแลกเปลี่ยนกับนิกายใหญ่แห่งอื่นๆ หรือไม่ก็ปล้นมาจากจอมยุทธคนอื่นๆ

หลังจากสะสมมรดกมานานนับพันปี พวกเขาก็มีอาวุธวิเศษแค่สิบกว่าชิ้นเท่านั้น

แต่ตอนนี้ เพียงแค่ขออภัยโทษจากซูฉิน ถึงกับมอบมรดกเป็นอาวุธวิเศษถึงสิบชิ้น นี่เทียบกับเป็นการหลั่งเลือดของนิกายเฮยหยวน…..

อย่างไรก็ตาม

ไม่ทันให้จอมยุทธจํานวนมากได้ตอบสนอง

เจ้าสํานักเทพโอสถก็ก้าวไปด้านหน้าและกล่าวด้วยความเคารพ “สํานักเทพโอสถของข้า ยินดีที่จะมอบโอสถจิตวิญญาณสิบขวดเพื่อไถ่บาปที่เคยทํากับท่านมนุษย์สวรรค์”

“โอสถจิตวิญญาณ?”

“สิบขวด?”

ตํานานยุทธต่างมือสั่น และจิตใจเองก็ไหวหวั่นไม่ต่างกัน

แม้แต่ในยุคเฟื่องฟูของกระแสปราณฉี โอสถจิตวิญญาณก็นับว่าล้ําค่าอย่างยิ่ง นับประสา อะไรกับยุคที่กระแสปราณฉีเงียบงันเช่นนี้ ตํานานยุทธธรรมดาๆ ตลอดชีวิตไม่เคยแม้แต่จะเห็นโอสถจิตวิญญาณแม้แต่หยดเดียว

“นิกายเทพเจ้าสายฟ้าของข้ายินดีเสนอหินแหล่งกําเนิดสายฟ้าหนึ่งซึ่งเพื่อไถ่บาปที่เคยก่อ..”

“สํานักผู้วิเศษของข้ายินดีมอบ…”

“ตําหนักเทพเจ้าหิมะของข้ายินดีเสนอ…

ชั่วครู่หลังจากนั้น ผู้นํานิกายใหญ่ทั้งหลายก็ยืนขึ้นเสนอสมบัติออกมาด้วยเคารพ ร้องขอการอภัยโทษจากซูฉิน

ขณะที่ผู้นํานิกายใหญ่กําลังร้องขออย่างกระวนกระวายใจ ซูฉินในชุดคลุมสีดําก็มาปรากฏตัวอยู่ที่ชั้นบนของหอดูดาว

“มาที่นี่เพื่อขออภัยโทษ?”

ซูฉินในชุดดํามองออกไปนอกวัง ด้วยท่าทีที่ไม่แยแส

“นานมากแล้วที่ข้าไม่ได้ลงชื่อเข้าใช้ภายในวังหลวง”

“ระบบ ลงชื่อเข้าใช้!”

ช่วงเวลาต่อมา

เสียงจักรกลเย็นชาก็ดังขึ้นในโสตประสาทของซูฉิน

[ขอแสดงความยินดี โฮสต์ลงชื่อเข้าใช้สําเร็จ ได้รับน้ําเต้ามิติ]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 309 เข้าสู่ระบบ! น้ําเต้ามิติ!

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 309 เข้าสู่ระบบ! น้ําเต้ามิติ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 309 เข้าสู่ระบบ! น้ําเต้ามิติ!

โถงไท่จี้

ขุนนางทั้งฝ่ายพลเรือนและฝ่ายทหารต่างตกตะลึง เกือบจะคิดว่าตนได้ยินผิดไป

ผู้นํานิกายใหญ่หลายคนเช่นนี้ ในสายตาของเหล่าขุนนางก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันอยู่แล้ว แต่พวกเขาไม่คาดคิดว่าจุดประสงค์ของผู้นํานิกายใหญ่เหล่านี้จะกลายเป็นการมาขออภัย?

ไม่น่าแปลกใจเลยที่เหล่าขุนนางจะคิดเช่นนั้น แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าซูฉินได้ต่อสู้กับครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเชียนเทพปฐพีทั้งเจ็ดคนเมื่อไม่นานมานี้ แต่พวกเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่เจ็ดคนนั้นหมายถึงสิ่งใด?

เช่นเดียวกับสงครามระหว่างสองอาณาจักร เพียงช่วงเวลาไม่นาน เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดีก็จะเดินทางมาเพื่อขออภัยโทษแล้วอย่างนั้นหรือ?

จากภูมิหลังของนิกายใหญ่ทั้งหลาย ถึงการที่ครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่จะตกตายไปถึงเจ็ดคน ได้ทําลายรากฐานของพวกมันไปมาก แต่ก็ไม่ถึงกับสิ้นไร้ไม้ตอก นิกายใหญ่ที่มีความเป็นมานับหมื่นปีอย่างสํานักผู้วิเศษหรือนิกายเทพเจ้าสายฟ้ามีความสามารถสูงจนสามารถปิดกั้นเซียนเทพปฐพีได้ด้วยซ้ํา

“ขออภัยโทษ?”

“มาขออภัยโทษจากพี่สาม?”

ท่าทีของจักรพรรดิถังดูตกตะลึง และต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะตอบสนองได้

แม้ว่าจักรพรรดิถังจะรู้สึกไม่อยากจะเชื่อกับการตัดสินใจมาขออภัยของนิกายทั้งหลาย อย่างไรก็ตาม ในฐานะจักรพรรดิแห่งอาณาจักรถัง ความคิดอ่านของเขาเหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไป แม้ว่าจะคาดไม่ถึงแต่ก็คิดวิธีการจัดการเรื่องนี้ในทันที

“ให้พวกเขาเข้ามา”

จักรพรรดิถังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวออกมา

ผู้นํานิกายใหญ่ทรงเกียรติมากเพียงใด เมื่อพวกเขาริเริ่มจะมาขออภัยโทษ วางตัวต่ําเพียงนี้ จักรพรรดิถังก็ไม่ติดปัญหาใดที่จะพบพวกเขา

“ฝ่าบาท”

“พวกเขากล่าวว่าไม่กล้าที่จะเข้ามาภายในวัง หากไม่ได้รับอนุญาตจากพระมาตุลาแห่งอาณาจักร…” แม่ทัพแห่งวังหลวงกล่าวด้วยความขมขื่น

ในโลกยุทธภพต่างแดน ผู้แข็งแกร่งทุกคนมีถ้ําเซียนเป็นของตัวเอง และซูฉินก็อาศัยอยู่ภายในวังหลวง ในสายตาของผู้นํานิกายทั้งหลาย พระราชวังทั้งหมดจึงเป็นถ้ําเซียนของซูฉิน

หากไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของถ้ํา จอมยุทธคนใดที่เข้าไปในถ้ําโดยไม่ได้รับอนุญาต ย่อมก่อให้เกิดความไม่พอใจกับเจ้าของถ้ํา ถึงขั้นที่เจ้าของถ้ําอาจจะสังหารทิ้งเลยก็เป็นได้

ดังนั้น หากปราศจากคําอนุญาตที่ชัดเจนของซูฉิน ผู้นํานิกายเหล่านี้จะกล้าเข้ามาได้อย่างไร? แม้แต่การที่พวกเขาเดินทางมายังเมืองฉางอันพร้อมกันนี้ พวกเขาก็เสี่ยงอันตรายมากพออยู่แล้ว อย่างไรเสีย หากว่ากันตามจริงเมืองฉางอันทั้งเมืองก็อาจจะจัดอยู่ในพื้นที่ถ้ําเซียนของซูฉินด้วย

“ไม่กล้าเข้ามาอย่างนั้นหรือ?”

จักรพรรดิถังเงียบไปครู่หนึ่ง

ในเวลานี้ เขาตระหนักถึงความน่ากลัวของอํานาจยับยั้งจากซูฉินได้มากขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่ต้องพูดสิ่งใดกลับทําให้ผู้นํานิกายทั้งหลายต้องออกมาขออภัยโทษ และแม้แต่วังหลวงก็ไม่กล้าเข้ามา

ขุนนางราชสํานักทั้งหลายต่างมองหน้ากันอย่างไม่อยากจะเชื่อ

นับตั้งแต่ช่วงฟื้นคืนของกระแสปราณฉี ข่าวสารจากยุทธภพต่างแดนก็แพร่กระจายไปทั่วอาณาจักรถัง ในสายตาของเหล่าขุนนางนิกาย ใหญ่ที่ปกครองดินแดนโพ้นทะเลสามารถนับได้ ว่าเป็นจ้าวครองพิภพได้อย่างไม่มีปัญหา

แต่ตอนนี้

ภายในหัวใจของเหล่าข้าราชบริพารยักษ์ใหญ่ เหล่านี้เริ่มถูกลดทอนความยิ่งใหญ่ลงไปแล้ว

“พี่สามอยู่ภายในพระราชวังตะวันออกหรือไม่?”

จักรพรรดิถังลังเลอยู่ครู่หนึ่ง มองไปยังแม่ทัพแห่งวังหลวงแล้วจึงเอ่ยถาม

“ทูลฝ่าบาท พระมาตุลาแห่งอาณาจักรไม่ได้อยู่ในพระราชวังตะวันออก” แม่ทัพแห่งวังหลวงกระซิบตอบ

“ถ้าพี่สามไม่ได้อยู่ภายในพระราชวังตะวันออก ดังนั้นเขาน่าจะอยู่ในด่านฝึกตน” จักรพรรดิถังพูดอยู่กับตนเอง

“ถ้าเป็นเช่นนั้น เจ้าไม่จําเป็นต้องรบกวนพี่สาม ข้าจะไปเจอผู้นํานิกายเหล่านั้นด้วยตนเอง” จักรพรรดิถังคิดอยู่นาน และในที่สุดก็ตัดสินใจได้

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เว้นแต่จะจําเป็นจริงๆ เขาจะไม่รบกวนการบ่มเพาะของซูฉินเด็ดขาด ส่ว
นเรื่องของผู้นํานิกาย จักรพรรดิถังก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่“ตามพระประสงค์”

แม่ทัพแห่งวังหลวงกล่าวออกอย่างเคารพ

และในตอนนี้

ภายนอกวังก็คราคร่ําไปด้วยจอมยุทธต่างดินแดนมาสักพักใหญ่แล้ว

จอมยุทธต่างดินแดนเหล่านี้ ส่วนใหญ่เข้ามาหลังจากได้ยินความเกรียงไกรของซูฉินในช่วงที่กระแสปราณฉีกําลังฟื้นคืนกลับมา และบางคนก็เป็นศิษย์สาวกของนิกายใหญ่

แต่ในเวลานี้ เมื่อผู้นํานิกายใหญ่หลายต่อหลายคนมาเยือนเมืองฉางอันด้วยตนเองและอยู่ด้านนอกพระราชวัง พวกเขาก็ได้ดึงดูดความสนใจของจอมยุทธต่างแดนเกือบทั้งหมดไปในทันที

ต้องรู้ว่าเพื่อแสดงความจริงใจ ผู้นํานิกายใหญ่เหล่านี้ไม่ได้ปกปิดพลังของตนเอาไว้ เฝ้ารออยู่ภายนอกวังโดยไม่มีการปิดบัง

“เจ้าตําหนักเทพเจ้าหิมะ?”

“ผู้นํานิกายเทพเจ้าสายฟ้า?”

“เจ้าสํานักผู้วิเศษ?”

“พวกเขามาที่นี่ได้อย่างไร?”

จอมยุทธนับไม่ถ้วนต่างรีบมาที่นี่เพื่อดูและพูดคุยกันอย่างต่อเนื่อง

แม้ว่าผู้นํานิกายใหญ่จะไม่ใช่จอมยุทธที่แข็งแกร่งที่สุด แต่การที่ขึ้นเป็นผู้นํานิกายได้ก็นับเป็นหน้าเป็นตาของนิกายใหญ่ ในตอนนี้ผู้นํานิกายเหล่านี้มารวมตัวกัน ผลกระทบที่เกิดย่อมขยายวงกว้าง

“เฮ่ๆ ครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ทั้งเจ็ดคนตกตายไปแล้วโดยตํานานยุทธอาณาจักรถัง ผู้นํานิกายใหญ่เหล่านี้รู้ตัวว่าพวกเขาไม่มีหวังจะต่อต้าน ดังนั้นพวกเขาจึงมาขออภัยโทษน่ะสิ..

ตํานานยุทธคนหนึ่งกล่าวเยาะเย้ย

“ขออภัยโทษ?”

“ตํานานยุทธอาณาจักรถังสังหารบรรพชนครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีของพวกเขาการที่ผู้นําเหล่านี้ไม่ได้มาแก้แค้นยังพอว่า แต่นี่ถึงกับมาที่นี่เพื่อขออภัยโทษเลยหรือ?”

มีจอมยุทธผู้หนึ่งแสดงสีหน้างุนงง อดไม่ได้ที่จะถามออกมา

“ตํานานยุทธอาณาจักรถัง?”

“เกรงว่าเจ้าจะกล่าวผิดไปแล้ว”

“ตอนนี้ไม่ควรจะเรียกว่าตํานานยุทธแห่งอาณาจักรถังอีกต่อไปแล้ว และควรจะเรียกว่ามนุษย์สวรรค์แห่งอาณาจักรถังเสียมากกว่า” จอมยุทธชรากะพริบตาหนึ่งครั้งพร้อมกับกล่าวคําหนงครงพร้อมกับกล่าวคํา

คําที่กล่าวออกมา

ทันใดนั้นทุกคนในที่แห่งนี้ก็ตกอยู่ในความเงียบงัน

มนุษย์สวรรค์ มนุษย์สวรรค์? มนุษย์สวรรค์คือสิ่งใด?

เซียนเทพปฐพีก็คือผู้ที่สามารถรวมความเป็นมนุษย์เข้ากับสวรรค์ได้ สามารถดึงทะเลปราณอันกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุดได้เพียงแค่เคลื่อนไหว ดังนั้นเซียนเทพปฐพี่จึงถูกเรียกว่ามนุษย์สวรรค์

จอมยุทธชราเรียกซูฉินว่ามนุษย์สวรรค์แห่งอาณาจักรถังก็แสดงให้เห็นว่าเขาเชื่ออย่างชัดเจนว่าซูฉินได้กลายเป็นเซียนเทพปฐพี่แล้ว

ความจริงที่ซูฉินสังหารครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีทั้งเจ็ดคนได้ในคราวเดียว ผู้คนนับไม่ถ้วนก็คาดเดาว่าซูฉินเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีไปแล้ว แต่การคาดเดาก็เป็นเพียงเรื่องของการคาดเดา ทว่ายามนี้ผู้นํานิกายใหญ่ทั้งหลายกลับออกมาขออภัยโทษพร้อมๆกัน แค่นี้ก็พอจะพิสูจน์เรื่องที่คาดเดาเอาไว้ได้แล้ว

ถ้าซูฉินไม่ใช่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี ผู้นํานิกายใหญ่ทั้งหลายจะยอมอ่อนข้อมาขออภัยโทษเช่นนี้หรือ?

แม้แต่ผู้นํานิกายใหญ่เหล่านี้ยังคิดว่าซูฉินเป็นเซียนเทพปฐพี ดังนั้นใครเล่าจะกล้าสงสัยเรื่องนี้ต่อไปอีก?

“เซียนเทพปฐพี ในที่สุดก็มีเซียนเทพปฐพี่อีก คนหนึ่งปรากฏขึ้นบนโลกใบนี้แล้ว และใช่แล้ว นอกจากเซียนเทพปฐพี ใครเล่าที่จะสามารถทําให้ผู้นํานิกายใหญ่มีความคิดริเริ่มที่จะขออภัยโทษได้?”

“นี่เป็นมนุษย์คนแรกในรอบเกือบพันปี น่าเสียดาย เดิมที่ข้าคิดว่าเหลยเฉียนจือจากนิกายเทพเจ้าสายฟ้าน่จะมาถึงจุดนี้ได้เหมือนกัน”

“เหลยเฉียนจือ มิผิด เหลยเฉียนจือมีหวังที่จะก ลายเป็นเซียนเทพปฐพี แต่มันก็เป็นเพียงแค่ความหวัง จะนํามาเปรียบเทียบกับมนุษย์สวรรค์แห่งอาณาจักรถังได้อย่างไร?”

จอมยุทธทั้งหลายมองมาด้วยสีหน้าตกตะลึง แม้แต่เสียงสนทนาก็เงียบลงอย่างมาก กลัวว่าจะไปรบกวนซูฉินเข้า

นี่คือพลังอันยิ่งใหญ่ของขอบเขตเซียนเทพปฐพี เขาสามารถครอบงําผู้คนได้โดยไม่ต้องก้าวออกไปไหนทั้งนั้น แม้แต่นิกายใหญ่ระดับสูง อย่างสํานักผู้วิเศษและนิกายเทพเจ้าสายฟ้าที่สืบทอดมรดกมาจากยุคเฟื่องฟูกระแสปราณฉีครั้งล่าสุด เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับเซียนเทพปฐพี่มันก็ต้องมีสั่นสะท้านกันบ้าง

แม้จะมีหวังที่จะใช้สมบัติปิดกั้นเซียนเทพปฐพี แต่สมบัตินั้นสุดท้ายก็เป็นแค่สิ่งของ จําเป็นต้องใช้ทรัพยากรมากมายเติมเข้าไป หากซูฉินต้องการจัดการกับสํานักผู้วิเศษและนิกายเทพเจ้าสายฟ้าจริงๆ เขาไม่จําเป็นต้องทําอะไรเลย แค่เพียงต้องปล่อยไอพลังอยู่หน้านิกายเท่านั้น

ใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่สิบปี นิกายใหญ่เหล่านี้ย่อมเสื่อมโทรมลง มรดกที่ตกทอดมาอาจจะถูกตัดขาด

แน่นอนว่าโดยทั่วไป ไม่มีเซียนเทพปฐพี่คนไหนที่จะทําเช่นนี้ ประการแรกคือสมบัติที่ผู้ทรงพลังอย่างถึงขีดสุดทิ้งเอาไว้นั้นพวกเขาไม่สามารถนํามาใช้ได้ประโยชน์ได้ แม้จะได้มันมาก็ตาม ประการที่สอง เซียนเทพปฐพี่มีอายุพันกว่าปีเท่านั้น จะไม่ยอมฉีกเนื้อเฉือนหนังของตนเองจนหมดแน่

ไม่เช่นนั้น หลังจากที่เซียนเทพปฐพี่เสียชีวิตไป มรดกที่เขาทิ้งไว้เบื้องหลังเกรงว่าจะต้องได้รับเคราะห์จากนิกายใหญ่แห่งอื่นๆด้วย

ในขณะที่จอมยุทธกําลังพูดคุยกันถึงเรื่องนี้

จักรพรรดิถังและเหล่าขุนนางก็เดินทางมาถึงกําแพงวัง และมองลงไปยังผู้นํานิกายใหญ่ที่อยู่นอกวัง

“คารวะองค์จักรพรรดิ

ผู้นํานิกายหลายคนเหลือบมองจักรพรรดิและโค้งคารวะให้เล็กน้อย ด้วยตัวตนของพวกเขาไม่จําเป็นต้องใส่ใจกับจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ไหนๆเลย เพียงแต่เบื้องหลังของจักรพรรดิถังมีมนุษย์สวรรค์อย่างซูฉินยืนอยู่
“พวกท่านคิดจะมาขออภัยโทษเช่นนั้นหรือ?” จักรพรรดิถังถามอย่างตรงไปตรงมาไม่มีอ้อมค้อม

คําพูดนั้นจบลง

ผู้นํานิกายใหญ่ทั้งหลายก็มองหน้ากัน

ในที่สุดผู้นํานิกายเฮยหยวนก็ยกมือขวาขึ้น ทันใดนั้นสิ่งของสิบชิ้น เช่น ระฆัง ขวาน มีด ดาบก็หล่นออกมา

“นิกายเฮยหยวนของข้าเต็มใจจะเสนอมรดก นิกายอาวุธวิเศษสิบชิ้นเพื่อขออภัยโทษ”

ผู้นํานิกายเฮยหยวนโค้งคารวะไปทางส่วนลึกของพระราชวังด้วยความเคารพ

ในชั่วพริบตา

ทุกคนในที่แห่งนั้นก็เดือดพล่าน

“อาวุธวิเศษสิบชิ้น? นิกายเฮยหยวนสืบทอดมรดกมาไม่กี่พันปี และอาวุธวิเศษที่ครอบครองอยู่ก็มีรวมกันราวๆ สิบกว่าชิ้นใช่หรือไม่? ตอนนี้กลับเสนออาวุธวิเศษถึงสิบชิ้นในคราวเดียว?”

“นี่ นิกายเฮยหยวนบ้าไปแล้วหรือ? อาวุธวิเศษ ไม่ใช่ของทั่วๆไป มันสามารถใช้ปกป้องนิกาย และส่งต่อไปยังรุ่นต่อๆไปได้ ไม่ต้องกล่าวถึงสิบชิ้นเลย แม้จะเสนอเพียงชิ้นเดียวก็นับเป็นราคาที่สูงแล้ว……”

จอมยุทธหลายต่อหลายคนตกตะลึง รู้สึกไม่อยากจะเชื่อ

ต่อให้ตํานานยุทธขั้นสูงสุดใช้ความพยายามทั้งหมดก็ไม่สามารถสร้างอาวุธวิเศษขึ้นมาได้ คงจะมีแต่เซียนเทพปฐพี่เท่านั้นที่มีคุณสมบัติพอจะสร้างอาวุธวิเศษและสืบทอดมรดกต่อไป

ข้อบกพร่องของนิกายเฮยหยวนทําให้ไม่มี เซียนเทพปฐพีกําเนิดขึ้นเลย ฉะนั้นวิธีที่จะได้รับอาวุธวิเศษมาคือจะต้องแลกเปลี่ยนกับนิกายใหญ่แห่งอื่นๆ หรือไม่ก็ปล้นมาจากจอมยุทธคนอื่นๆ

หลังจากสะสมมรดกมานานนับพันปี พวกเขาก็มีอาวุธวิเศษแค่สิบกว่าชิ้นเท่านั้น

แต่ตอนนี้ เพียงแค่ขออภัยโทษจากซูฉิน ถึงกับมอบมรดกเป็นอาวุธวิเศษถึงสิบชิ้น นี่เทียบกับเป็นการหลั่งเลือดของนิกายเฮยหยวน…..

อย่างไรก็ตาม

ไม่ทันให้จอมยุทธจํานวนมากได้ตอบสนอง

เจ้าสํานักเทพโอสถก็ก้าวไปด้านหน้าและกล่าวด้วยความเคารพ “สํานักเทพโอสถของข้า ยินดีที่จะมอบโอสถจิตวิญญาณสิบขวดเพื่อไถ่บาปที่เคยทํากับท่านมนุษย์สวรรค์”

“โอสถจิตวิญญาณ?”

“สิบขวด?”

ตํานานยุทธต่างมือสั่น และจิตใจเองก็ไหวหวั่นไม่ต่างกัน

แม้แต่ในยุคเฟื่องฟูของกระแสปราณฉี โอสถจิตวิญญาณก็นับว่าล้ําค่าอย่างยิ่ง นับประสา อะไรกับยุคที่กระแสปราณฉีเงียบงันเช่นนี้ ตํานานยุทธธรรมดาๆ ตลอดชีวิตไม่เคยแม้แต่จะเห็นโอสถจิตวิญญาณแม้แต่หยดเดียว

“นิกายเทพเจ้าสายฟ้าของข้ายินดีเสนอหินแหล่งกําเนิดสายฟ้าหนึ่งซึ่งเพื่อไถ่บาปที่เคยก่อ..”

“สํานักผู้วิเศษของข้ายินดีมอบ…”

“ตําหนักเทพเจ้าหิมะของข้ายินดีเสนอ…

ชั่วครู่หลังจากนั้น ผู้นํานิกายใหญ่ทั้งหลายก็ยืนขึ้นเสนอสมบัติออกมาด้วยเคารพ ร้องขอการอภัยโทษจากซูฉิน

ขณะที่ผู้นํานิกายใหญ่กําลังร้องขออย่างกระวนกระวายใจ ซูฉินในชุดคลุมสีดําก็มาปรากฏตัวอยู่ที่ชั้นบนของหอดูดาว

“มาที่นี่เพื่อขออภัยโทษ?”

ซูฉินในชุดดํามองออกไปนอกวัง ด้วยท่าทีที่ไม่แยแส

“นานมากแล้วที่ข้าไม่ได้ลงชื่อเข้าใช้ภายในวังหลวง”

“ระบบ ลงชื่อเข้าใช้!”

ช่วงเวลาต่อมา

เสียงจักรกลเย็นชาก็ดังขึ้นในโสตประสาทของซูฉิน

[ขอแสดงความยินดี โฮสต์ลงชื่อเข้าใช้สําเร็จ ได้รับน้ําเต้ามิติ]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+