เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 338 (II) พังทลายสิ้น

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 338 (II) พังทลายสิ้น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 338 (II) พังทลายสิ้น

ซูฉินก็เปลี่ยนทิศทางมือและฟันไปทางชายท่าทางอ่อนแอ

แสงใบมีดสีดําสนิทตัดผ่านอากาศภายในเวลาไม่นานก็เกือบจะไปถึงหน้าชายท่าทางอ่อนแออยู่แล้ว

เมื่อเห็นคมมีดเล่มนั้น ชายหนุ่มท่าทางอ่อนแอก็ตกใจกลัว ร่างของเขากลายเป็นสายลมไร้รูปร่างซ่อนตัวห่างออกไปหลายลี้ มองดูคมมีดของซูฉินตัดส่วนหนึ่งของภูเขาออกอย่างง่ายดายเห็นแบบนั้นเขาก็หวาดกลัวจนหัวหด

“โชคดีที่หุบเขาเทพพระพายของข้านั้นเก่งในเรื่องความว่องไวไม่เช่นนั้นคงถูกทําลายจนสิ้นแล้ว”ชายหนุ่มท่าทางอ่อนแอกลืนน้ำลายรีบถอยกลับไปในทันที

ซูฉินน่ากลัวจริงๆ

ในช่วงเวลาสั้นๆ เซียนเทพปฐพีทั้งห้าที่ออกจากประตูเซียนได้ตกตายไปถึงสองคนทั้งยังถูกทําลายจนหมดสิ้นไม่ว่าจะเป็นใครที่ได้เจอสิ่งนี้เกรงว่าพวกเขาจะต้องวิ่งหนีไปให้ไกลที่สุด

“ประกายแสงคมมีดเทพเจ้าปีศาจตัดผ่านอากาศช้าเกินไป” ซูฉันไม่แปลกใจเมื่อเห็นชายท่าทางอ่อนแอหนีไปได้โดยไร้รอยขีดข่วน
หลังจากที่ได้เห็นความคมและความแปลกประหลาดของมีดเทพเจ้าปีศาจ เกรงว่าคงจะไม่มีเซียนเทพปฐพี่คนไหนเลือกที่จะเข้าต้านทานคมมีดเทพเจ้าปีศาจ

“มนุษย์สวรรค์อาณาจักรถังแข็งแกร่งเกินไปไหม?” ด้านนอกเทือกคุนหลุน ชายชราหน้าตอบและจอมยุทธคนอื่นๆ รวบรวมความกล้าเข้าไปใกลี่ยอดเขามากขึ้นเพื่อได้เห็นฉากนี้

ตามความเห็นของพวกเขา การที่เซียนเทพปฐพี่ทั้งห้าได้ผนึกกําลังกัน ไม่ว่ามนุษย์สวรรค์อาณาจักรถังจะไร้เทียมทานเพียงใด อย่างดีที่สุดก็คงเก็บรักษาชีวิตเอาไว้ได้ส่วนการต่อกรหรือเอาชนะนั้น…….ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้

เหล่าเซียนเทพปฐพี่ทั้งห้าผนึกกําลังกัน มนุษย์สวรรค์อาณาจักรถังจะเอาอะไรมาสู้?จะเอาชนะได้อย่างไร?

แต่ความจริงคือสิ่งใด?

ต่อหน้าซูฉินเซียนเทพปฐพี่ทั้งห้าไม่แม้แต่จะทันได้ทําอะไร และตกตายไปถึงสองคน

สังหารเซียนเทพปฐพีราวกับฆ่าสุนัข!

นี่มันการลงมือแบบไหน? ความสามารถนี้คืออะไร?

ไม่เพียงแต่ตํานานยุทธเหล่านั้นที่ไม่กล้าจินตนาการ แม้แต่ชายชราหน้าตอบที่คิดว่าตนเองมีไหวพริบดีแล้ว ก็ยังไม่สามารถจินตนาการถึงเรื่องนี้ได้ฉีก

ซูฉินจับที่ด้ามมีดเทพเจ้าปีศาจจากนั้นจึงใส่มันเข้าไปในพื้นที่ของระบบ และมองดูเซียนเทพปฐพีสามคนที่เหลือ

“ไม่เลว”

“สามารถหลบคมมีดของข้าได้ ประเมินเจ้าต่ําไปจริงๆ” ซูฉินจ้องมองไปที่ชายท่าทางอ่อนแอและกล่าวออกเบาๆ

ในตอนแรก ชายท่าทางอ่อนแอได้ปลดปล่อยกระบวนท่าไม้ตายจากหุบเขาเทพพระพายแต่ในสายตาของซูฉันมันกลับกลายเป็นว่า ‘พลังยังไม่เพียงพอ

แต่ในตอนนี้ ดูเหมือนว่าเคล็ดวิชาของชายท่าทางอ่อนแออย่างน้อยก็ในแง่ความเร็วในการหลบหลีกยังดีกว่าเด็กหนุ่มเมื่อครู่มาก

“ข้า……

ชายหนุ่มท่าทางอ่อนแอเปล่งน้ำเสียงขมขื่น ไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดีดินแดนศักดิ์สิทธิ์หุบเขาเทพพระพายอันสูงสง่าจากประตูเซียนปรากฏว่าได้รับการชื่นชมเพราะการหลบหนี…….

“สหายเต๋”

ขณะที่ซูฉันกําลังจะลงมือต่อ ในที่สุดเทพธิดาไม่อินก็กล่าวคําออกมาอีกครั้ง

เทพธิดาไก่อินจ้องซูฉันเขม็ง แล้วถามออกอย่างไม่แน่ใจ “เปลวเพลิงสีทองที่ปล่อยออก มาจากดวงตาของสหายเต่นั่นควรจะเป็นทิพยอานาจใช่หรือไม่?”

“เจ้ารู้จักทิพยอํานาจด้วย?” ซูฉินหยุดและมองไปทางเทพธิดาไท่อน แสดงความสนใจออกมา

ตั้งแต่ก้าวเข้าสู่แวดวงวิทยายุทธซุฉินก็ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับทิพยอานาจเลย

ตัวอย่างเช่น ซูฉันอ่านคัมภีร์มากมายในวัดเส้าหลินและค้นพบทิพยอํานาจบางประเภทอย่างหูทิพย์การเหาะเหินเดินอากาศรวมไปถึงทิพยอานาจทางพุทธอื่นๆ

แต่ไม่ว่าจะเป็นทิพยอํานาจทางพุทธหรือทิพยอํานาจอื่นๆ พวกมันก็มีอยู่จริงเพียงแค่ในตํานานเท่านั้นและไม่เคยมีใครเห็นทิพยอานาจจริงๆ

ซึ่งเรื่องนี้ แม้แต่ดินแดนโพ้นทะเลก็เป็นเช่นเดียวกัน

และทิพยอํานาจทั้งหลาย ซูฉินก็ได้รับมาเพราะการลงชื่อเข้าใช้ทั้งนั้น

แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าเทพธิดาไก่อินจะรู้จักทิพยอํานาจ ไม่เช่นนั้นจะไม่มีวันคิดว่าดวงตาตะวันสีทองของซูฉินเป็นทิพยอํานาจไปได้

“ข้าเคยเห็นในหนังสือโบราณของดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลักไก่อินว่าผู้ทรงพลังถึงขีดสุดในขอบเขตทลายนภากาศจะมีความสามารถในการควบคุมทิพยอํานาจ”

“นอกจากนี้ทายาทสายตรงของผู้ทรงพลังถึงขีดสุด พวกเขาก็ยังสืบทอดพลังทิพยอานาจเหล่านั้นผ่านทางสายเลือด”

ขณะที่เทพธิดาไม่อินกล่าวเช่นนี้เสียงของนางก็หยุดลงไปชั่วขณะหนึ่ง แล้วกระซิบถามว่า“เป็นไปได้ไหมว่าสหายเต่เป็นทายาทสายตรงของผู้ทรงพลังถึงขีดสุด?”

แม้แต่ในยุคที่กระแสปราณฉีเฟื่องฟู ก็มีเพียงผู้ทรงพลังถึงขีดสุดและทายาทสายตรงของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดเท่านั้นที่สามารถควบคุมทิพยอานาจได้

“อย่างนั้นสินะ” ใบหน้าของซูฉนดครุ่นคิด ในที่สุดก็ส่ายศีรษะ “ข้าไม่ได้เป็นทายาทสายตรงของผู้ทรงพลังถึงขีดสุด”

ทิพยอํานาจทั้งหมดนั้นเขาได้รับมาจากการลงชื่อเข้าใช้ระบบแม้แต่ดวงตาตะวันสีทองทิพยอานาจธาตุไฟประเภทโจมตีก็ได้รับมาจากภาพดวงตะวันขนาดมหึมาซึ่งเป็นของรางวัลที่ได้มา จากการลงชื่อเข้าใช้เช่นกัน

“ไม่ใช่ทายาทสายตรงของผู้ทรงพลังถึงขีดสุด?” เทพธิดาไท่อนเงียบไป

แม้ว่าเทพธิดาไก่อินเค้นสมองให้ตายยังไง ก็ไม่น่าคาดคิดได้ว่าจะมีสิ่งน่าทิ้งอย่างระบบซึ่งสามารถได้รับพลังวิเศษเพียงแค่ลงชื่อเข้าใช้อยู่บนโลกนี้

“เอาล่ะ”

“ถึงเวลาตายแล้ว” ซูฉินขี้เกียจเกินกว่าจะพูดคุยต่อไป ดวงตาของเขาหันมองไปทางชายท่าทางอ่อนแอ

ในตอนนี้ชายท่าทางอ่อนแอแอบถอยห่างออกไปหลายสิบตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เกือบจะออกจากเทือกเขาคุนหลุนไปแล้ว

“ไม่ดีแล้ว”

“ข้าถูกพบตัว”

ชายหนุ่มท่าทางอ่อนแอเริ่มถอยหนีทันที

กลายเป็นสายลมและหายตัวไป

หวิ่ง!!!

หัวใจของซูฉันขยับวูบ

เห็นดาบเล่มเล็กที่ประกอบขึ้นมาจากจิตวิญญาณแรกก่าเนิดล่องลอยออกมา

มันคือเคล็ดหัวใจดาบ

เคล็ดหัวใจดาบเป็นเคล็ดวิชาระดับสูงที่ซูฉันได้รับมาจากการลงชื่อเข้าใช้ภายในเกาะหมื่นดาบซึ่งสามารถควบรวมจิตวิญญาณแรกกําเนิดให้กลายเป็นรูปลักษณ์ดาบเข้าทําลายทุกสิ่งอย่าง

ช่วงเวลาต่อมา

ดาบลวงตาขนาดจิ๋วทะลวงผ่านระยะหลายสิบลี้พุ่งเข้าใส่ชายท่าทางอ่อนแอ

เคล็ดหัวใจดาบเป็นเคล็ดทางจิตวิญญาณระดับสูง การป้องการส่วนใหญ่บนโลกไม่สามารถปีดกันมันได้ เข้าทําลายจิตวิญญาณแรกกําเนิดของชายหนุ่มท่าทางอ่อนแอโดยตรง

และเมื่อจิตวิญญาณแรกกําเนิดไม่เหลืออยู่แล้ว ร่างของชายหนุ่มท่าทางอ่อนแอก็ล้มพับลงกับพื้นถึงแม้ว่าหัวใจยังเต้นอยู่ปราณเลือดก็โคจรตลอดเวลาแต่เมื่อไม่มีจิตวิญญาณแรกกําเนิดคอยควบคุมไม่ว่าร่างกายจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็เป็นได้เพียงศพเดินได้

“ไม่ว่าจะเร็วแค่ไหน ก็คงเร็วไม่เท่าจิตวิญญาณแรกกําเนิดหรอกใช่ไหม?”

ซูฉินสายศีรษะเล็กน้อย พลังจิตวิญญาณแรกกําเนิดนั้นไร้ลักษณ์แต่ทรงพลานุภาพไม่สนใจสิ่งกีดขวางใดๆ จะนําเอาความเร็วของกายเนื้อมาเทียบได้หรือ?

“ตาของพวกเจ้า!”

หลังจากซูฉินสังหารชายท่าทางอ่อนแอเขาก็ยกมือขวาขึ้นฟาดออกไปทางเทพธิดาไท่อนและชายชราคิ้วขาว

“พลังจันทรากระจ่าง!”

สัญลักษณ์รูปดวงจันทร์เจิดจ้าส่องแสงระยับอยู่ที่กึ่งกลางระหว่างคิ้วของเทพธิดาไท่อนจากนั้นพลังจากแสงจันทร์ในรัศมีหลายสิบลก็พวยพุ่งรุนแรงฟาว

เมื่อเทียบกับการเข้าต้านทานของเทพธิดาไท่อินชายชราคิ้วขาวนั้นเด็ดเดี่ยวยิ่งกว่าใช้จิตวิญญาณแรกกําเนิดพุ่งหลบหนีออกจากร่างกายโดยไม่ลังเลและพุ่งทิ้งระยะออกไปไกลไม่น้อยด้วยความว่องไว

หลังจากที่ชายชราคิ้วขาวเห็นว่าซูฉินสังหารเซียนเทพปฐพี่ไปถึงสามคนเพียงขยับกายไหนเลยจะกล้าต่อสู้กับซูฉินอีกจึงละทิ้งกายเนื้อโดยตรงใช้จิตวิญญาณแรกกําเนิดพุ่งหนีไป

ท้ายที่สุดแล้วจิตวิญญาณแรกกาเนิดก็เป็นสิ่งที่ชายชราผมขาวถนัด ตราบใดที่จิตวิญญาณแรกกําเนิดหลบหนีไปได้ก็จะไม่นับว่าสูญเสียอะไรมากนัก ส่วนร่างกายนั้น…..

ขนาดตํานานยุทธขั้นสูงสุดยังสามารถเกิดใหม่ได้ด้วยจิตวิญญาณแรกกําเนิดแล้วเซียนเทพปฐพี่จะทําไม่ได้หรือ?

จิตวิญญาณแรกกําเนิดนั้นรวดเร็วมาก ชั่วครู่ก็ไม่พบร่องรอยของชายชราคิ้วขาวแล้ว

“เจ้าหนีไม่พ้นหรอก”

ซูฉินเบิกเนตรดวงตาแห่งสัจจะ จดจําพลังฉีของชายชราคิ้วขาวเอาไว้

ดวงตาแห่งสัจจะสามารถเห็นปราณฉีได้ทั่วทั้งโลก ตราบใดที่ชายชราคิ้วขาวยังคงอยู่บนโลกแม้จะหนีไปจนสุดขอบโลกยังไงซูฉินก็สามารถจับตําแหน่งได้

เพียงช่วงเวลาสั้นๆ เซียนเทพปฐพี่ทั้งห้าจากประตูเซียนสามคนตกตาย หลบหนีไปหนึ่งคนเหลือเพียงเทพธิดาไท่อนที่มีสีหน้าซีดเซียว

ทุกอย่างแทบจะพังทลายจนหมดสิ้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 338 (II) พังทลายสิ้น

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 338 (II) พังทลายสิ้น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 338 (II) พังทลายสิ้น

ซูฉินก็เปลี่ยนทิศทางมือและฟันไปทางชายท่าทางอ่อนแอ

แสงใบมีดสีดําสนิทตัดผ่านอากาศภายในเวลาไม่นานก็เกือบจะไปถึงหน้าชายท่าทางอ่อนแออยู่แล้ว

เมื่อเห็นคมมีดเล่มนั้น ชายหนุ่มท่าทางอ่อนแอก็ตกใจกลัว ร่างของเขากลายเป็นสายลมไร้รูปร่างซ่อนตัวห่างออกไปหลายลี้ มองดูคมมีดของซูฉินตัดส่วนหนึ่งของภูเขาออกอย่างง่ายดายเห็นแบบนั้นเขาก็หวาดกลัวจนหัวหด

“โชคดีที่หุบเขาเทพพระพายของข้านั้นเก่งในเรื่องความว่องไวไม่เช่นนั้นคงถูกทําลายจนสิ้นแล้ว”ชายหนุ่มท่าทางอ่อนแอกลืนน้ำลายรีบถอยกลับไปในทันที

ซูฉินน่ากลัวจริงๆ

ในช่วงเวลาสั้นๆ เซียนเทพปฐพีทั้งห้าที่ออกจากประตูเซียนได้ตกตายไปถึงสองคนทั้งยังถูกทําลายจนหมดสิ้นไม่ว่าจะเป็นใครที่ได้เจอสิ่งนี้เกรงว่าพวกเขาจะต้องวิ่งหนีไปให้ไกลที่สุด

“ประกายแสงคมมีดเทพเจ้าปีศาจตัดผ่านอากาศช้าเกินไป” ซูฉันไม่แปลกใจเมื่อเห็นชายท่าทางอ่อนแอหนีไปได้โดยไร้รอยขีดข่วน
หลังจากที่ได้เห็นความคมและความแปลกประหลาดของมีดเทพเจ้าปีศาจ เกรงว่าคงจะไม่มีเซียนเทพปฐพี่คนไหนเลือกที่จะเข้าต้านทานคมมีดเทพเจ้าปีศาจ

“มนุษย์สวรรค์อาณาจักรถังแข็งแกร่งเกินไปไหม?” ด้านนอกเทือกคุนหลุน ชายชราหน้าตอบและจอมยุทธคนอื่นๆ รวบรวมความกล้าเข้าไปใกลี่ยอดเขามากขึ้นเพื่อได้เห็นฉากนี้

ตามความเห็นของพวกเขา การที่เซียนเทพปฐพี่ทั้งห้าได้ผนึกกําลังกัน ไม่ว่ามนุษย์สวรรค์อาณาจักรถังจะไร้เทียมทานเพียงใด อย่างดีที่สุดก็คงเก็บรักษาชีวิตเอาไว้ได้ส่วนการต่อกรหรือเอาชนะนั้น…….ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้

เหล่าเซียนเทพปฐพี่ทั้งห้าผนึกกําลังกัน มนุษย์สวรรค์อาณาจักรถังจะเอาอะไรมาสู้?จะเอาชนะได้อย่างไร?

แต่ความจริงคือสิ่งใด?

ต่อหน้าซูฉินเซียนเทพปฐพี่ทั้งห้าไม่แม้แต่จะทันได้ทําอะไร และตกตายไปถึงสองคน

สังหารเซียนเทพปฐพีราวกับฆ่าสุนัข!

นี่มันการลงมือแบบไหน? ความสามารถนี้คืออะไร?

ไม่เพียงแต่ตํานานยุทธเหล่านั้นที่ไม่กล้าจินตนาการ แม้แต่ชายชราหน้าตอบที่คิดว่าตนเองมีไหวพริบดีแล้ว ก็ยังไม่สามารถจินตนาการถึงเรื่องนี้ได้ฉีก

ซูฉินจับที่ด้ามมีดเทพเจ้าปีศาจจากนั้นจึงใส่มันเข้าไปในพื้นที่ของระบบ และมองดูเซียนเทพปฐพีสามคนที่เหลือ

“ไม่เลว”

“สามารถหลบคมมีดของข้าได้ ประเมินเจ้าต่ําไปจริงๆ” ซูฉินจ้องมองไปที่ชายท่าทางอ่อนแอและกล่าวออกเบาๆ

ในตอนแรก ชายท่าทางอ่อนแอได้ปลดปล่อยกระบวนท่าไม้ตายจากหุบเขาเทพพระพายแต่ในสายตาของซูฉันมันกลับกลายเป็นว่า ‘พลังยังไม่เพียงพอ

แต่ในตอนนี้ ดูเหมือนว่าเคล็ดวิชาของชายท่าทางอ่อนแออย่างน้อยก็ในแง่ความเร็วในการหลบหลีกยังดีกว่าเด็กหนุ่มเมื่อครู่มาก

“ข้า……

ชายหนุ่มท่าทางอ่อนแอเปล่งน้ำเสียงขมขื่น ไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดีดินแดนศักดิ์สิทธิ์หุบเขาเทพพระพายอันสูงสง่าจากประตูเซียนปรากฏว่าได้รับการชื่นชมเพราะการหลบหนี…….

“สหายเต๋”

ขณะที่ซูฉันกําลังจะลงมือต่อ ในที่สุดเทพธิดาไม่อินก็กล่าวคําออกมาอีกครั้ง

เทพธิดาไก่อินจ้องซูฉันเขม็ง แล้วถามออกอย่างไม่แน่ใจ “เปลวเพลิงสีทองที่ปล่อยออก มาจากดวงตาของสหายเต่นั่นควรจะเป็นทิพยอานาจใช่หรือไม่?”

“เจ้ารู้จักทิพยอํานาจด้วย?” ซูฉินหยุดและมองไปทางเทพธิดาไท่อน แสดงความสนใจออกมา

ตั้งแต่ก้าวเข้าสู่แวดวงวิทยายุทธซุฉินก็ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับทิพยอานาจเลย

ตัวอย่างเช่น ซูฉันอ่านคัมภีร์มากมายในวัดเส้าหลินและค้นพบทิพยอํานาจบางประเภทอย่างหูทิพย์การเหาะเหินเดินอากาศรวมไปถึงทิพยอานาจทางพุทธอื่นๆ

แต่ไม่ว่าจะเป็นทิพยอํานาจทางพุทธหรือทิพยอํานาจอื่นๆ พวกมันก็มีอยู่จริงเพียงแค่ในตํานานเท่านั้นและไม่เคยมีใครเห็นทิพยอานาจจริงๆ

ซึ่งเรื่องนี้ แม้แต่ดินแดนโพ้นทะเลก็เป็นเช่นเดียวกัน

และทิพยอํานาจทั้งหลาย ซูฉินก็ได้รับมาเพราะการลงชื่อเข้าใช้ทั้งนั้น

แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าเทพธิดาไก่อินจะรู้จักทิพยอํานาจ ไม่เช่นนั้นจะไม่มีวันคิดว่าดวงตาตะวันสีทองของซูฉินเป็นทิพยอํานาจไปได้

“ข้าเคยเห็นในหนังสือโบราณของดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลักไก่อินว่าผู้ทรงพลังถึงขีดสุดในขอบเขตทลายนภากาศจะมีความสามารถในการควบคุมทิพยอํานาจ”

“นอกจากนี้ทายาทสายตรงของผู้ทรงพลังถึงขีดสุด พวกเขาก็ยังสืบทอดพลังทิพยอานาจเหล่านั้นผ่านทางสายเลือด”

ขณะที่เทพธิดาไม่อินกล่าวเช่นนี้เสียงของนางก็หยุดลงไปชั่วขณะหนึ่ง แล้วกระซิบถามว่า“เป็นไปได้ไหมว่าสหายเต่เป็นทายาทสายตรงของผู้ทรงพลังถึงขีดสุด?”

แม้แต่ในยุคที่กระแสปราณฉีเฟื่องฟู ก็มีเพียงผู้ทรงพลังถึงขีดสุดและทายาทสายตรงของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดเท่านั้นที่สามารถควบคุมทิพยอานาจได้

“อย่างนั้นสินะ” ใบหน้าของซูฉนดครุ่นคิด ในที่สุดก็ส่ายศีรษะ “ข้าไม่ได้เป็นทายาทสายตรงของผู้ทรงพลังถึงขีดสุด”

ทิพยอํานาจทั้งหมดนั้นเขาได้รับมาจากการลงชื่อเข้าใช้ระบบแม้แต่ดวงตาตะวันสีทองทิพยอานาจธาตุไฟประเภทโจมตีก็ได้รับมาจากภาพดวงตะวันขนาดมหึมาซึ่งเป็นของรางวัลที่ได้มา จากการลงชื่อเข้าใช้เช่นกัน

“ไม่ใช่ทายาทสายตรงของผู้ทรงพลังถึงขีดสุด?” เทพธิดาไท่อนเงียบไป

แม้ว่าเทพธิดาไก่อินเค้นสมองให้ตายยังไง ก็ไม่น่าคาดคิดได้ว่าจะมีสิ่งน่าทิ้งอย่างระบบซึ่งสามารถได้รับพลังวิเศษเพียงแค่ลงชื่อเข้าใช้อยู่บนโลกนี้

“เอาล่ะ”

“ถึงเวลาตายแล้ว” ซูฉินขี้เกียจเกินกว่าจะพูดคุยต่อไป ดวงตาของเขาหันมองไปทางชายท่าทางอ่อนแอ

ในตอนนี้ชายท่าทางอ่อนแอแอบถอยห่างออกไปหลายสิบตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เกือบจะออกจากเทือกเขาคุนหลุนไปแล้ว

“ไม่ดีแล้ว”

“ข้าถูกพบตัว”

ชายหนุ่มท่าทางอ่อนแอเริ่มถอยหนีทันที

กลายเป็นสายลมและหายตัวไป

หวิ่ง!!!

หัวใจของซูฉันขยับวูบ

เห็นดาบเล่มเล็กที่ประกอบขึ้นมาจากจิตวิญญาณแรกก่าเนิดล่องลอยออกมา

มันคือเคล็ดหัวใจดาบ

เคล็ดหัวใจดาบเป็นเคล็ดวิชาระดับสูงที่ซูฉันได้รับมาจากการลงชื่อเข้าใช้ภายในเกาะหมื่นดาบซึ่งสามารถควบรวมจิตวิญญาณแรกกําเนิดให้กลายเป็นรูปลักษณ์ดาบเข้าทําลายทุกสิ่งอย่าง

ช่วงเวลาต่อมา

ดาบลวงตาขนาดจิ๋วทะลวงผ่านระยะหลายสิบลี้พุ่งเข้าใส่ชายท่าทางอ่อนแอ

เคล็ดหัวใจดาบเป็นเคล็ดทางจิตวิญญาณระดับสูง การป้องการส่วนใหญ่บนโลกไม่สามารถปีดกันมันได้ เข้าทําลายจิตวิญญาณแรกกําเนิดของชายหนุ่มท่าทางอ่อนแอโดยตรง

และเมื่อจิตวิญญาณแรกกําเนิดไม่เหลืออยู่แล้ว ร่างของชายหนุ่มท่าทางอ่อนแอก็ล้มพับลงกับพื้นถึงแม้ว่าหัวใจยังเต้นอยู่ปราณเลือดก็โคจรตลอดเวลาแต่เมื่อไม่มีจิตวิญญาณแรกกําเนิดคอยควบคุมไม่ว่าร่างกายจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็เป็นได้เพียงศพเดินได้

“ไม่ว่าจะเร็วแค่ไหน ก็คงเร็วไม่เท่าจิตวิญญาณแรกกําเนิดหรอกใช่ไหม?”

ซูฉินสายศีรษะเล็กน้อย พลังจิตวิญญาณแรกกําเนิดนั้นไร้ลักษณ์แต่ทรงพลานุภาพไม่สนใจสิ่งกีดขวางใดๆ จะนําเอาความเร็วของกายเนื้อมาเทียบได้หรือ?

“ตาของพวกเจ้า!”

หลังจากซูฉินสังหารชายท่าทางอ่อนแอเขาก็ยกมือขวาขึ้นฟาดออกไปทางเทพธิดาไท่อนและชายชราคิ้วขาว

“พลังจันทรากระจ่าง!”

สัญลักษณ์รูปดวงจันทร์เจิดจ้าส่องแสงระยับอยู่ที่กึ่งกลางระหว่างคิ้วของเทพธิดาไท่อนจากนั้นพลังจากแสงจันทร์ในรัศมีหลายสิบลก็พวยพุ่งรุนแรงฟาว

เมื่อเทียบกับการเข้าต้านทานของเทพธิดาไท่อินชายชราคิ้วขาวนั้นเด็ดเดี่ยวยิ่งกว่าใช้จิตวิญญาณแรกกําเนิดพุ่งหลบหนีออกจากร่างกายโดยไม่ลังเลและพุ่งทิ้งระยะออกไปไกลไม่น้อยด้วยความว่องไว

หลังจากที่ชายชราคิ้วขาวเห็นว่าซูฉินสังหารเซียนเทพปฐพี่ไปถึงสามคนเพียงขยับกายไหนเลยจะกล้าต่อสู้กับซูฉินอีกจึงละทิ้งกายเนื้อโดยตรงใช้จิตวิญญาณแรกกําเนิดพุ่งหนีไป

ท้ายที่สุดแล้วจิตวิญญาณแรกกาเนิดก็เป็นสิ่งที่ชายชราผมขาวถนัด ตราบใดที่จิตวิญญาณแรกกําเนิดหลบหนีไปได้ก็จะไม่นับว่าสูญเสียอะไรมากนัก ส่วนร่างกายนั้น…..

ขนาดตํานานยุทธขั้นสูงสุดยังสามารถเกิดใหม่ได้ด้วยจิตวิญญาณแรกกําเนิดแล้วเซียนเทพปฐพี่จะทําไม่ได้หรือ?

จิตวิญญาณแรกกําเนิดนั้นรวดเร็วมาก ชั่วครู่ก็ไม่พบร่องรอยของชายชราคิ้วขาวแล้ว

“เจ้าหนีไม่พ้นหรอก”

ซูฉินเบิกเนตรดวงตาแห่งสัจจะ จดจําพลังฉีของชายชราคิ้วขาวเอาไว้

ดวงตาแห่งสัจจะสามารถเห็นปราณฉีได้ทั่วทั้งโลก ตราบใดที่ชายชราคิ้วขาวยังคงอยู่บนโลกแม้จะหนีไปจนสุดขอบโลกยังไงซูฉินก็สามารถจับตําแหน่งได้

เพียงช่วงเวลาสั้นๆ เซียนเทพปฐพี่ทั้งห้าจากประตูเซียนสามคนตกตาย หลบหนีไปหนึ่งคนเหลือเพียงเทพธิดาไท่อนที่มีสีหน้าซีดเซียว

ทุกอย่างแทบจะพังทลายจนหมดสิ้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+