เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 350 หุบเหวอับแสง ปะทะ พลังแห่งสมบัติล่าค่า

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 350 หุบเหวอับแสง ปะทะ พลังแห่งสมบัติล่าค่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 350 หุบเหวอับแสง ปะทะ พลังแห่งสมบัติล่าค่า

ด้านนอกประตูหินโบราณขนาดใหญ่

จ้าวแห่งลมจากหุบเขาเทพพระพายและอีกสองคนจ้องมองซูฉินที่เดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า รู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อย

เหล่าเจ้าลัทธิดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้บอกพวกเขาไว้ก่อนแล้วว่าบนโลกมนุษย์ยุคปัจจุบันไม่มีแม้แต่เซียนเทพปฐพี่ขั้นแบ่งจิต เป็นบทสรุปที่ได้มาจากการเฝ้ามองผ่านดวงตาเทพเจ้าปีศาจ

แต่ตอนนี้ กลิ่นอายที่ซูฉินปลดปล่อยออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจนั้นมันเหนือกว่าเซียนเทพปฐพีขั้นแบ่งจิตไปแล้วไม่ใช่หรือ? อย่างน้อยก็ต้องเป็นเซียนเทพปฐพีในขั้นกลับคืนต้นกําเนิดเหมือนๆ กับพวกเขา

นอกจากนี้กลุ่มของจ้าวแห่งลมทั้งสามยังรู้สึกได้ชัดเจนว่าทุกทิศทางถูกปกคลุมไปด้วยอาณาเขต และภายใต้พลังของอาณาเขตนี้ปราณเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในกายและความแข็งแกร่งของพวกมันถูกระงับไปอย่างน้อยๆ ก็สี่ส่วน

ช่างน่าเหลือเชื่ออะไรเช่นนี้?

รู้หรือไม่ว่ากลุ่มจ้าวแห่งลมทั้งสามคนต่างเป็นเซียนเทพปฐพีขั้นกลับคืนต้นกําเนิด ด้วยการร่วมมือกันของทั้งสาม แม้จะพบจุดสูงสุดของขั้นกลับคืนต้นกําเนิดพวกเขาก็ไม่เกรงกลัว และแม้แต่เซียนเทพปฐพีขั้นสถิตเทพก็ไม่มีทางที่จะระงับความแข็งแกร่งของพวกเขาลงได้ถึงสี่ส่วนมิใช่หรือ?

“มันคือพลังของอาณาเขตงั้นหรือ?”

“ไม่ถูกต้อง อาณาเขตนี้แข็งแกร่งกว่าอาณาเขตขั้นกลับคืนต้นกําเนิดของพวกเราถึงสิบเท่า?”

นักพรตหมื่นกําเนิดจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงบ่นพึมพํากับตนเองย่างไม่อยากเชื่อ

ไม่ว่าจะเป็นเซียนเทพปฐพีขั้นแบ่งจิต เซียนเทพปฐพี่ขั้นกลับคืนต้นกําเนิด หรือเซียนเทพปฐพีขั้นสถิตเทพ อาณาเขตที่ครอบครองในแต่ละระดับนั้นมีทั้งสูงและต่ํา แต่ไม่ได้มีการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ที่มากถึงสิบเท่าแน่

นักพรตหมื่นกําเนิดย่อมไม่รู้ว่าอาณาเขตที่ซูฉินครอบครองไม่ใช่อาณาเขตของเซียนเทพปฐพีธรรมดาๆ อีกต่อไป กลับเป็นอาณาเขตเทพสงครามที่แม้แต่ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดไม่สามารถครอบครองได้ สามารถพัฒนาโลกขึ้นภายในอาณาเขต จะนําอาณาเขตขนาดใหญ่มาเปรียบเทียบได้อย่างไร?

“ท่านตั้งใจมาที่นี้เป็นพิเศษเพื่อรอพวกเราหรือ?” จอมดาบเก่าสัมผัสแห่งภูเขาดาบสวรรค์มองไปที่ซูฉินพร้อมกับกล่าวถามด้วยความเคร่งขรึม

ไม่นานนักหลังจากที่พวกเขาออกจากประตูเซียน พวกเขาก็ได้พบเข้ากับซูฉิน และอีกฝ่ายก็ได้ใช้วิธีการบางอย่างที่ไม่อาจทราบได้เพื่อลดพลังของพวกเขาลงกว่าสี่ส่วน เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเตรียมพร้อมมาก่อนแล้ว

“มิผิด” ซูฉินพยักหน้าด้วยอาการสงบไม่คิดปิดบัง

หลังจากที่หลีกเลี่ยงสายตาจากดวงตาเทพเจ้าปีศาจที่แอบมองมา ซูฉินก็รู้ว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายภายในประตูเซียนจะต้องลงมือทําอะไรอีกแน่ ดังนั้นเขาจึงมารอที่หน้าประตูเซียนก่อนเวลา

หากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ส่งเหล่าเซียนเทพปฐพี่ขั้นสถิตเทพออกมาจากประตูเซียน ซูฉินจะหันหลังกลับโดยไม่กล่าวอะไรแม้แต่คําเดียว ด้วยการปิดบังกลิ่นอายโดยใช้อาณาเขตเทพสงคราม ตราบใดที่ซฉันไม่ได้เดินผ่านเซียนเทพปฐพี่ขั้นสถิตเทพ ตัวเขาก็จะไม่มีทางถูกค้นพบ

และหากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ส่งเพียงเซียนเทพปฐพี่ที่ต่ํากว่าขั้นสถิตเทพออกมา ซูฉินย่อมปราบปรามได้อย่างง่ายดาย

“ให้ทางเลือกพวกเจ้าสองทาง ยอมจํานนด้วยตัวเอง หรือตาย!” ซูฉินขี้เกียจเกินกว่าจะพูดคุยเรื่องไร้สาระ จึงกล่าวออกมาตรงๆ

คําพูดที่ออกมา

ใบหน้าของจ้าวแห่งลมและคนอื่นๆ ก็บิดเบี้ยวน่าเกลียด

ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็เป็นถึงเซียนเทพปฐพี่ขั้นกลับคืนต้นกําเนิด แม้จะเผชิญหน้ากับยักษ์ใหญ่อย่างขั้นสถิตเทพ ก็ยังมีหวังที่จะหลบหนี แต่ซูฉินกลับให้พวกเขายอมจํานนด้วยตนเอง?

“ดูเหมือนว่าศิษย์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ตกตายบนโลกมนุษย์นี้คงเป็นเพราะฝีมือของเจ้า” ใบหน้าของจ้าวแห่งลมจากหุบเขาเทพพระพายเปลี่ยนเป็นเย็นชา มองตรงไปที่ซูฉิน

ในฐานะที่เป็นเซียนเทพปฐพี่ขั้นกลับคืนต้นกําเนิด จิตวิญญาณแรกก่าเนิดนั้นแข็งแกร่งเพียงใด? แค่เพียงครู่เดียวก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด

“เจ้าหลบเลี่ยงดวงตาเทพเจ้าปีศาจได้อย่างไร?” นักพรตหมื่นกําเนิดจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่เข้าใจว่าทําไมดวงตาเทพเจ้าปีศาจถึงไม่สังเกตเห็นซูฉิน

“พวกเจ้าพูดมากกันเกินไปแล้ว” ซูฉินก้าวขาออกไปหนึ่งก้าว ใช้มือขวาล่วงเข้าไปในส่วนลึกของความว่างเปล่า ทิ้งคมมีดเทพเจ้าปีศาจออกมาแล้วฟันเข้าใส่ทั้งสามคน

ทันใดนั้น ฟ้าดินก็กลายเป็นสีดําสนิท ประกายคมมีดที่คล้ายกับเป็นช่องว่างมิติก็วูบวาบไปมา แม้แต่บรรยากาศก็บิดเบี้ยวไปในทุกที่ที่มันพาดผ่าน ราวกับไม่สามารถแบกรับพลังงานที่อยู่ในคมมีดนั้นได้

“เจ้าประเมินเราต่ําไปแล้ว” จอมดาบเก่าสัมผัสจากภูเขาดาบสวรรค์กล่าวออกเบาๆ แม้ว่าซูฉินจะแข็งแกร่งไม่อ่อนแอ แต่ในฐานะที่เป็นเซียนเทพปฐพี่ขั้นกลับคืนต้นกําเนิด กลับกล้าที่จะสู้หนึ่งต่อสามกับระดับขั้นเดียวกัน มันช่างเป็นความคิดที่เย่อหยิ่งเหลือแสน

หวึ่ง!!

เห็นประกายดาบที่สว่างไสวพุ่งออกจากมือของจอมดาบเก่าสัมผัส ฟันออกไปทางซูฉิน

“ภูเขาดาบสวรรค์ของข้าเชี่ยวชาญในด้านเพลงดาบ หากเจ้าต้องการจะสู้กับข้า…” ก่อนที่จอมดาบเก่าสัมผัสจะเผยใบหน้าแย้มยิ้ม เขาก็ได้เห็นฉากที่น่าเหลือเชื่ออย่างยิ่ง

เห็นได้ว่าประกายคมมีดสีดํานั้นทําลายทุกอย่างได้อย่างง่ายดาย ประกายดาบที่สว่างไสวของจอมดาบเก่าสัมผัสกลายเป็นเหมือนกระดาษแผ่นบางๆ สลายหายไปในทันที แต่ประกายคมมีดสีดํายังคงเคลื่อนที่ต่อไปโดยไม่ลดความเร็วลงแม้แต่น้อย พุ่งเข้าหาจอมดาบเก่าสัมผัสและคนอื่นๆ อย่างเงียบๆ

“เป็นไปได้อย่างไร?!”

ร่างของจอมดาบเก้าสัมผัสสั่นไหว

ภูเขาดาบสวรรค์เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ก่อตั้งขึ้นโดยผู้ทรงพลังถึงขีดสุดที่เชี่ยวชาญในด้านเพลงดาบ แต่ยามนี้กระบวนท่าที่สืบทอดต่อมาในภูเขาดาบสวรรค์ได้พังทลายลงเมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน? เป็นไปได้เช่นไร? เป็นไปได้ไหมว่าวิชาคมมีดของซูฉินนั้นก็มาจากผู้ทรงพลังถึงขีดสุดในด้านวิชาดาบเช่นเดียวกัน?

ในขณะที่จอมดาบเก้าสัมผัสก่าลังตกตะลึง ประกายคมมีดสีด่าก็เข้าใกล้คนทั้งสามแล้ว จอมดาบเก้าสัมผัสไม่มีเวลาคิดอะไรทั้งสิ้น รีบตวัดดาบออกไปอีกหลายสิบครั้งอย่างรวดเร็ว ร่วมมือกับเจ้าแห่งลมและนักพรตหมื่นกําเนิดเข้าขัดขวางประกายคมมีดเอาไว้

“น่ากลัวเกินไปแล้ว”

ใจของจอมดาบเก่าสัมผัสสั่นไหว

แม้พวกเขาจะอยู่ภายใต้อาณาเขตเทพสงครามทําให้ความแข็งแกร่งถูกระงับไปสี่ส่วน แต่ด้วยการร่วมมือของทั้งสามคนกลับทําได้เพียงปิดกั้นการโจมตีของซูฉินเท่านั้น นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะอ้างได้ว่าเป็นเพราะความแข็งแกร่งถูกระงับ

ต่อให้ทั้งสามยังมีความแข็งแกร่งเต็มที่ ไม่ได้ถูกปกคลุมด้วยอาณาเขตเทพสงคราม ก็คาดว่า พวกเขาคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซูฉิน

“เป็นไปได้ไหมว่าคนผู้นี้อยู่ในจุดสูงสุดของขั้นกลับคืนต้นกําเนิด?”

จอมดาบเก่าสัมผัสรู้สึกเหมือนน้ําเย็นซัดสาดเข้าใส่ มีเพียงจุดสูงสุดขั้นกลับคืนต้นกําเนิดเท่านั้น และต้องไม่จุดสูงสุดของขั้นกลับคืนต้นกําเนิดธรรมดาๆ แต่เป็นเซียนเทพปฐพี่ที่พร้อมทะลวงเข้าสู่ขั้นสถิตเทพได้ตลอดเวลาจึงจะมีพลังพอระงับคนทั้งสามได้

“ไม่จริงน่า!”

“เหตุใดกระบวนท่าสังหารจิตวิญญาณแรกกําเนิดของข้าจึงทําอะไรเจ้าไม่ได้?”

เมื่อเทียบกับความตกใจของจอมดาบเก่าสัมผัส นักพรตหมื่นกําเนิดที่อยู่ด้านข้างนั้นถึงกับ ตกตะลึง

ขณะที่ซูฉินและจอมดาบเก่าสัมผัสต่อสู้กัน นักพรตหมื่นกําเนิดได้ออกกระบวนท่าสังหารจิตวิญญาณแรกกําเนิดกว่าสิบรูปแบบติดต่อกัน กระบวนท่าเหล่านี้ใช้พลังจิตวิญญาณแรกกําเนิดของนักพรตหมื่นกําเนิดไปถึงหกส่วน ทั้งหมดพุ่งเข้าใส่ซูฉิน

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทําให้นักพรตหมื่นกําเนิดไม่อาจเชื่อได้ก็คือกระบวนท่าสังหารจิตวิญญาณแรกกําเนิดทั้งหมด เมื่อพุ่งเข้าสู่ร่างของซูฉิน ก็ราวกับเป็นฝนโปรยปรายที่ตกลงบนมหาสมุทรไม่มีแม้แต่เกลียวคลื่นใดเกิดขึ้น

เป็นไปได้เช่นไร?

แม้ว่าจิตวิญญาณแรกกําเนิดของซูฉินจะมีอยู่อย่างมหาศาล เหนือกว่านักพรตหมื่นกําเนิด แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเพิกเฉยต่อกระบวนท่าสังหารจิตวิญญาณแรกกําเนิดนับสิบ

แต่ซูฉินเล่า?

เขาไม่แม้แต่จะกะพริบตา

ถ้าไม่ใช่เพราะนักพรตหมื่นกําเนิดรู้สึกว่าพลังจิตวิญญาณแรกกําเนิดของเขาถูกเผาผลาญไปมาก เกรงว่าเขาคงคิดไปว่าตนไม่ได้ใช้กระบวนท่าสังหารจิตวิญญาณแรกกําเนิดออกไปเป็นแน่

“ไม่ดีแล้ว!”

“กลับไปที่ประตูเซียนเดี๋ยวนี้”

จ้าวแห่งลมเมื่อเห็นฉากนี้ ก็ตระหนักได้ถึงความห่างชั้น และรีบถอยกลับไปที่ประตูหินโบราณขนาดใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังโดยไม่ลังเล

เช่นเดียวกับนักพรตหมื่นกําเนิดและจอมดาบเก่าสัมผัส

พวกเขาใช้เวลาเจ็ดถึงแปดร้อยปีกว่าจะมาถึงขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ขั้นกลับคืนต้นกําเนิดย่อมหวงแหนชีวิตเป็นธรรมดา หลังจากที่รู้ว่าซูฉินนั้นไร้เทียมทานก็ไม่ลังเลเลยที่จะกลับไปยังประตูเซียน

ช่องว่างมิติก่อนจะถึงประตูเซียนนั้นเต็มไปด้วยเศษเสี้ยวชิ้นส่วนมิติ และการสนับสนุนจากเจ้าลัทธิ ตราบใดที่พวกเขากลับไปยังประตูเซียนได้ พวกเขาก็จะปลอดภัย

“ต้องการที่จะจากไป?”

ซูฉินส่ายศีรษะเล็กน้อย ร่องรอยดูถูกเหยียดหยามปรากฏขึ้นบนใบหน้า

ตั้งแต่เขากล้าลงมือที่ด้านนอกประตูเซียน เขาย่อมไม่กลัวเรื่องที่จ้าวแห่งลมและคนอื่นจะหนีไปได้

“อาณาเขตเทพสงคราม”

ความคิดของซูฉินสั่งการ

ทันใดนั้นอาณาเขตเทพสงครามแต่เดิมที่ครอบคลุมรัศมีหลายสิบลี้ก็หดตัวแคบลงเป็นอาณาเขตเล็กๆ ที่มีระยะทางไม่กี่ลี้ แต่ภายในอาณาเขตนี้ ความเร็วของกลุ่มจ้าวแห่งลมทั้งสามกลับลดลงมาก

“นี่คือ?!”

จ้าวแห่งลมและคนอื่นๆ หยุดมองหน้ากัน และเลิกวิ่งหนีในทันที

“นี่มันอะไรกันเนี่ย?” เจ้าแห่งลมคํารามออกมาด้วยเสียงต่ําอย่างเหลืออด

ถ้าไม่ใช่เพราะการปราบปรามของอาณาเขตเทพสงคราม แม้ว่าทั้งสามจะพ่ายแพ้ให้กับซูฉิน แต่ก็ไม่มีปัญหาในการล่าถอยกลับไปอย่างครบสามสิบสอง อย่างไรก็ตามเนื่องจากพลังของอาณาเขตเทพสงครามนั้นเข้มข้นขึ้น มันจึงกลายเป็นเรื่องยากสําหรับเจ้าแห่งลมและคนอื่นๆ ที่จะกลับไปยังประตูเซียนในตอนนี้

และในตอนนั้นเอง

ซูฉินก็เดินตรงเข้ามา

คราวนี้ซูฉินไม่ได้ใช้คมมีดเทพเจ้าปีศาจ แต่กํามือขวาแน่น โคจรพลังภายในร่างแล้วพุ่งเข้าใส่กลุ่มของจ้าวแห่งลม

ครืน!

ร่างกายของซูฉินไม่รู้ว่าแข็งแกร่งขึ้นมากเพียงใดในเวลานี้ หลังจากบุกทะลวงขั้นกลับคืนต้นกําเนิด พลังจากทะเลปราณก็ถูกจิตวิญญาณแรกกําเนิดของซูฉินดึงมาขัดเกลาอีกครั้ง ภาพดวงตะวันขนาดมหึมาก็เริ่มส่องสว่างมากขึ้น จากเดิมที่มีจุดแสงห้าร้อยจุดพลันเพิ่มขึ้นเป็นสองพันจุดโดยตรง

เป็นผลให้ร่างศักดิ์สิทธิ์อีกาทองคํามีระดับที่สูงขึ้นและปราณโลหิตก็กว้างใหญ่พอๆ กับมหาสมุทร

ในขณะที่หมัดนี้ถูกปล่อยออกมา เซียนเทพปฐพีขั้นกลับคืนต้นกําเนิดทั้งสามล้วนรู้สึกขนลุกซู่ หนังศีรษะชาวาบ ภาพความตายพลันผุดขึ้นมาในใจ

“รับใช้สมบัติล้ําค่าที่ท่านเจ้าลัทธิมอบให้เร็วเข้า!!” ใบหน้าของจอมดาบเก่าสัมผัสเปลี่ยนไปอย่างมาก ภายใต้การปราบปรามจากอาณาเขตเทพสงคราม พวกเขาไม่สามารถซ่อนตัวจากหมัดนี้ได้เลย พวกเขาเหลือเพียงทางเลือกเดียวเท่านั้นหากต้องการมีชีวิตอยู่ต่อ

บางอย่างค่อยๆ ก่อตัวขึ้น

“สมบัติล้ําค่า!!”

จ้าวแห่งลมสูดลมหายใจเข้า และปราณภายในร่างก็ค่อยๆ ถูกเทเข้าไปภายในสมบัติล้ําค่ารูปหอคอยอย่างต่อเนื่องฉับพลัน

หวึ่ง!!!

เห็นสมบัติล้ําค่ารูปร่างเหมือนหอคอยลอยเอื้อยๆ หยุดอยู่เหนือหัวของเจ้าแห่งลมและคนอื่นๆ จากนั้นม่านแสงหนาทึบก็เข้ากําบังพวกเขาทั้งสามคนเอาไว้

สมบัติล้ําค่ารูปทรงหอคอยนี้เป็นสมบัติที่ใช้ในการป้องกันซึ่งเจ้าลัทธิจากประตูเซียนได้มอบเอาไว้ให้กลุ่มของจ้าวแห่งลมทั้งสามคนสามารถเดินทางผ่านความว่างเปล่าไปได้

เดิมที่จ้าวแห่งลมไม่เต็มใจจะใช้สมบัติล้ําค่านี้ ท้ายที่สุดเจ้าลัทธิดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต้าฉือก็อนุญาตให้พวกเขาใช้สมบัติล้ําค่าเพื่อข้ามผ่านช่องว่างมิติมาเท่านั้น ไม่ได้บอกพวกเขาว่าสามารถใช้สมบัตินี้ได้ตามใจ

หากจ้าวแห่งลมใช้สมบัติล้ําค่านี้ไปโดยพลการ ยามเมื่อกลับไปที่ประตูเซียน จะต้องสร้างความขุ่นเคืองให้กับเจ้าลัทธิผู้ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน

แต่ในเวลานี้ แม้แต่ตนเองเละคนอื่นๆ ก็แทบจะเอาชีวิตรอด จ้าวแห่งลมจะมาสนใจเรื่องความพึงพอใจของเจ้าลัทธิต้าฉือได้อย่างไร?

ครู่ต่อมา!

ซูฉินต่อยเข้าไปที่ม่านแสงหนาทึบที่ห้อยลงมาจากสมบัติล้ําค่ารูปหอคอย

บูม!

เห็นว่าม่านแสงเกิดระลอกคลื่น แต่มันก็กลับมาสงบลงอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นฉากนี้ กลุ่มของจ้าวแห่งลมทั้งสามก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“สมบัติล้ําค่า?”

ซูฉินถอนหมัดขวาออกมา

ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเห็นสมบัติล้ําค่ามาก่อน ตอนที่เขาเหยียบย่านิกายเทพเจ้าสายฟ้าจนจมดิน เขาก็ได้ปะทะกับระฆังเทพสายฟ้าด้วยกายเนื้อล้วนๆ มาแล้ว

เพียงแต่ว่าในตอนที่ซูฉินปะทะกับระฆังเทพสายฟ้านั้น มันเป็นเพราะบรรพชนของนิกายเทพเจ้าสายฟ้าไม่สามารถใช้พลังที่แท้จริงของสมบัติล้ําค่าออกมา แต่ยามนี้ มีเซียนเทพปฐพีขั้นกลับคืนต้นกําเนิดถึงสามคนส่งพลังเข้าไปในสมบัติล้ําค่ารูปหอคอยอย่างต่อเนื่อง จึงทําให้ความน่ากลัวที่แท้จริงถูกเปิดเผย

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

“มีสมบัติล้ําค่าคอยปกป้องเช่นนี้ เจ้ายังคิดที่จะสังหารพวกเราอีกหรือ ฝันไปก่อนเถอะ”

จ้าวแห่งลมหัวเราะดังลั่น และจอมดาบเก้าสัมผัสกับนักพรตหมื่นกําเนิดที่อยู่ด้านข้างก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้ามองมาทางซูฉิน

เพียงเท่านั้น

เมื่อเซียนเทพปฐพีขั้นกลับคืนต้นกําเนิดทั้งสามสบตากับซูฉิน พวกเขาก็พบว่าดวงตาของซูฉินนั้นลึกล้ําราวกับมีโลกที่กว้างใหญ่แฝงอยู่

มันคือกระบวนท่าสังหารจิตวิญญาณแรกกําเนิด หุบเหวอับแสง ที่ซูฉินลงชื่อเข้าใช้ได้จากเกาะแดนสามพันมายา

ดวงตาล่องลอย กลุ่มจ้าวแห่งลมทั้งสามคนเริ่มสูญเสียสติสัมปชัญญะ ราวกับถูกดูดเข้าไปอยู่ในโลกอันกว้างใหญ่นั้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 350 หุบเหวอับแสง ปะทะ พลังแห่งสมบัติล่าค่า

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 350 หุบเหวอับแสง ปะทะ พลังแห่งสมบัติล่าค่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 350 หุบเหวอับแสง ปะทะ พลังแห่งสมบัติล่าค่า

ด้านนอกประตูหินโบราณขนาดใหญ่

จ้าวแห่งลมจากหุบเขาเทพพระพายและอีกสองคนจ้องมองซูฉินที่เดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า รู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อย

เหล่าเจ้าลัทธิดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้บอกพวกเขาไว้ก่อนแล้วว่าบนโลกมนุษย์ยุคปัจจุบันไม่มีแม้แต่เซียนเทพปฐพี่ขั้นแบ่งจิต เป็นบทสรุปที่ได้มาจากการเฝ้ามองผ่านดวงตาเทพเจ้าปีศาจ

แต่ตอนนี้ กลิ่นอายที่ซูฉินปลดปล่อยออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจนั้นมันเหนือกว่าเซียนเทพปฐพีขั้นแบ่งจิตไปแล้วไม่ใช่หรือ? อย่างน้อยก็ต้องเป็นเซียนเทพปฐพีในขั้นกลับคืนต้นกําเนิดเหมือนๆ กับพวกเขา

นอกจากนี้กลุ่มของจ้าวแห่งลมทั้งสามยังรู้สึกได้ชัดเจนว่าทุกทิศทางถูกปกคลุมไปด้วยอาณาเขต และภายใต้พลังของอาณาเขตนี้ปราณเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในกายและความแข็งแกร่งของพวกมันถูกระงับไปอย่างน้อยๆ ก็สี่ส่วน

ช่างน่าเหลือเชื่ออะไรเช่นนี้?

รู้หรือไม่ว่ากลุ่มจ้าวแห่งลมทั้งสามคนต่างเป็นเซียนเทพปฐพีขั้นกลับคืนต้นกําเนิด ด้วยการร่วมมือกันของทั้งสาม แม้จะพบจุดสูงสุดของขั้นกลับคืนต้นกําเนิดพวกเขาก็ไม่เกรงกลัว และแม้แต่เซียนเทพปฐพีขั้นสถิตเทพก็ไม่มีทางที่จะระงับความแข็งแกร่งของพวกเขาลงได้ถึงสี่ส่วนมิใช่หรือ?

“มันคือพลังของอาณาเขตงั้นหรือ?”

“ไม่ถูกต้อง อาณาเขตนี้แข็งแกร่งกว่าอาณาเขตขั้นกลับคืนต้นกําเนิดของพวกเราถึงสิบเท่า?”

นักพรตหมื่นกําเนิดจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงบ่นพึมพํากับตนเองย่างไม่อยากเชื่อ

ไม่ว่าจะเป็นเซียนเทพปฐพีขั้นแบ่งจิต เซียนเทพปฐพี่ขั้นกลับคืนต้นกําเนิด หรือเซียนเทพปฐพีขั้นสถิตเทพ อาณาเขตที่ครอบครองในแต่ละระดับนั้นมีทั้งสูงและต่ํา แต่ไม่ได้มีการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ที่มากถึงสิบเท่าแน่

นักพรตหมื่นกําเนิดย่อมไม่รู้ว่าอาณาเขตที่ซูฉินครอบครองไม่ใช่อาณาเขตของเซียนเทพปฐพีธรรมดาๆ อีกต่อไป กลับเป็นอาณาเขตเทพสงครามที่แม้แต่ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดไม่สามารถครอบครองได้ สามารถพัฒนาโลกขึ้นภายในอาณาเขต จะนําอาณาเขตขนาดใหญ่มาเปรียบเทียบได้อย่างไร?

“ท่านตั้งใจมาที่นี้เป็นพิเศษเพื่อรอพวกเราหรือ?” จอมดาบเก่าสัมผัสแห่งภูเขาดาบสวรรค์มองไปที่ซูฉินพร้อมกับกล่าวถามด้วยความเคร่งขรึม

ไม่นานนักหลังจากที่พวกเขาออกจากประตูเซียน พวกเขาก็ได้พบเข้ากับซูฉิน และอีกฝ่ายก็ได้ใช้วิธีการบางอย่างที่ไม่อาจทราบได้เพื่อลดพลังของพวกเขาลงกว่าสี่ส่วน เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเตรียมพร้อมมาก่อนแล้ว

“มิผิด” ซูฉินพยักหน้าด้วยอาการสงบไม่คิดปิดบัง

หลังจากที่หลีกเลี่ยงสายตาจากดวงตาเทพเจ้าปีศาจที่แอบมองมา ซูฉินก็รู้ว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายภายในประตูเซียนจะต้องลงมือทําอะไรอีกแน่ ดังนั้นเขาจึงมารอที่หน้าประตูเซียนก่อนเวลา

หากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ส่งเหล่าเซียนเทพปฐพี่ขั้นสถิตเทพออกมาจากประตูเซียน ซูฉินจะหันหลังกลับโดยไม่กล่าวอะไรแม้แต่คําเดียว ด้วยการปิดบังกลิ่นอายโดยใช้อาณาเขตเทพสงคราม ตราบใดที่ซฉันไม่ได้เดินผ่านเซียนเทพปฐพี่ขั้นสถิตเทพ ตัวเขาก็จะไม่มีทางถูกค้นพบ

และหากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ส่งเพียงเซียนเทพปฐพี่ที่ต่ํากว่าขั้นสถิตเทพออกมา ซูฉินย่อมปราบปรามได้อย่างง่ายดาย

“ให้ทางเลือกพวกเจ้าสองทาง ยอมจํานนด้วยตัวเอง หรือตาย!” ซูฉินขี้เกียจเกินกว่าจะพูดคุยเรื่องไร้สาระ จึงกล่าวออกมาตรงๆ

คําพูดที่ออกมา

ใบหน้าของจ้าวแห่งลมและคนอื่นๆ ก็บิดเบี้ยวน่าเกลียด

ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็เป็นถึงเซียนเทพปฐพี่ขั้นกลับคืนต้นกําเนิด แม้จะเผชิญหน้ากับยักษ์ใหญ่อย่างขั้นสถิตเทพ ก็ยังมีหวังที่จะหลบหนี แต่ซูฉินกลับให้พวกเขายอมจํานนด้วยตนเอง?

“ดูเหมือนว่าศิษย์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ตกตายบนโลกมนุษย์นี้คงเป็นเพราะฝีมือของเจ้า” ใบหน้าของจ้าวแห่งลมจากหุบเขาเทพพระพายเปลี่ยนเป็นเย็นชา มองตรงไปที่ซูฉิน

ในฐานะที่เป็นเซียนเทพปฐพี่ขั้นกลับคืนต้นกําเนิด จิตวิญญาณแรกก่าเนิดนั้นแข็งแกร่งเพียงใด? แค่เพียงครู่เดียวก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด

“เจ้าหลบเลี่ยงดวงตาเทพเจ้าปีศาจได้อย่างไร?” นักพรตหมื่นกําเนิดจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่เข้าใจว่าทําไมดวงตาเทพเจ้าปีศาจถึงไม่สังเกตเห็นซูฉิน

“พวกเจ้าพูดมากกันเกินไปแล้ว” ซูฉินก้าวขาออกไปหนึ่งก้าว ใช้มือขวาล่วงเข้าไปในส่วนลึกของความว่างเปล่า ทิ้งคมมีดเทพเจ้าปีศาจออกมาแล้วฟันเข้าใส่ทั้งสามคน

ทันใดนั้น ฟ้าดินก็กลายเป็นสีดําสนิท ประกายคมมีดที่คล้ายกับเป็นช่องว่างมิติก็วูบวาบไปมา แม้แต่บรรยากาศก็บิดเบี้ยวไปในทุกที่ที่มันพาดผ่าน ราวกับไม่สามารถแบกรับพลังงานที่อยู่ในคมมีดนั้นได้

“เจ้าประเมินเราต่ําไปแล้ว” จอมดาบเก่าสัมผัสจากภูเขาดาบสวรรค์กล่าวออกเบาๆ แม้ว่าซูฉินจะแข็งแกร่งไม่อ่อนแอ แต่ในฐานะที่เป็นเซียนเทพปฐพี่ขั้นกลับคืนต้นกําเนิด กลับกล้าที่จะสู้หนึ่งต่อสามกับระดับขั้นเดียวกัน มันช่างเป็นความคิดที่เย่อหยิ่งเหลือแสน

หวึ่ง!!

เห็นประกายดาบที่สว่างไสวพุ่งออกจากมือของจอมดาบเก่าสัมผัส ฟันออกไปทางซูฉิน

“ภูเขาดาบสวรรค์ของข้าเชี่ยวชาญในด้านเพลงดาบ หากเจ้าต้องการจะสู้กับข้า…” ก่อนที่จอมดาบเก่าสัมผัสจะเผยใบหน้าแย้มยิ้ม เขาก็ได้เห็นฉากที่น่าเหลือเชื่ออย่างยิ่ง

เห็นได้ว่าประกายคมมีดสีดํานั้นทําลายทุกอย่างได้อย่างง่ายดาย ประกายดาบที่สว่างไสวของจอมดาบเก่าสัมผัสกลายเป็นเหมือนกระดาษแผ่นบางๆ สลายหายไปในทันที แต่ประกายคมมีดสีดํายังคงเคลื่อนที่ต่อไปโดยไม่ลดความเร็วลงแม้แต่น้อย พุ่งเข้าหาจอมดาบเก่าสัมผัสและคนอื่นๆ อย่างเงียบๆ

“เป็นไปได้อย่างไร?!”

ร่างของจอมดาบเก้าสัมผัสสั่นไหว

ภูเขาดาบสวรรค์เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ก่อตั้งขึ้นโดยผู้ทรงพลังถึงขีดสุดที่เชี่ยวชาญในด้านเพลงดาบ แต่ยามนี้กระบวนท่าที่สืบทอดต่อมาในภูเขาดาบสวรรค์ได้พังทลายลงเมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน? เป็นไปได้เช่นไร? เป็นไปได้ไหมว่าวิชาคมมีดของซูฉินนั้นก็มาจากผู้ทรงพลังถึงขีดสุดในด้านวิชาดาบเช่นเดียวกัน?

ในขณะที่จอมดาบเก้าสัมผัสก่าลังตกตะลึง ประกายคมมีดสีด่าก็เข้าใกล้คนทั้งสามแล้ว จอมดาบเก้าสัมผัสไม่มีเวลาคิดอะไรทั้งสิ้น รีบตวัดดาบออกไปอีกหลายสิบครั้งอย่างรวดเร็ว ร่วมมือกับเจ้าแห่งลมและนักพรตหมื่นกําเนิดเข้าขัดขวางประกายคมมีดเอาไว้

“น่ากลัวเกินไปแล้ว”

ใจของจอมดาบเก่าสัมผัสสั่นไหว

แม้พวกเขาจะอยู่ภายใต้อาณาเขตเทพสงครามทําให้ความแข็งแกร่งถูกระงับไปสี่ส่วน แต่ด้วยการร่วมมือของทั้งสามคนกลับทําได้เพียงปิดกั้นการโจมตีของซูฉินเท่านั้น นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะอ้างได้ว่าเป็นเพราะความแข็งแกร่งถูกระงับ

ต่อให้ทั้งสามยังมีความแข็งแกร่งเต็มที่ ไม่ได้ถูกปกคลุมด้วยอาณาเขตเทพสงคราม ก็คาดว่า พวกเขาคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซูฉิน

“เป็นไปได้ไหมว่าคนผู้นี้อยู่ในจุดสูงสุดของขั้นกลับคืนต้นกําเนิด?”

จอมดาบเก่าสัมผัสรู้สึกเหมือนน้ําเย็นซัดสาดเข้าใส่ มีเพียงจุดสูงสุดขั้นกลับคืนต้นกําเนิดเท่านั้น และต้องไม่จุดสูงสุดของขั้นกลับคืนต้นกําเนิดธรรมดาๆ แต่เป็นเซียนเทพปฐพี่ที่พร้อมทะลวงเข้าสู่ขั้นสถิตเทพได้ตลอดเวลาจึงจะมีพลังพอระงับคนทั้งสามได้

“ไม่จริงน่า!”

“เหตุใดกระบวนท่าสังหารจิตวิญญาณแรกกําเนิดของข้าจึงทําอะไรเจ้าไม่ได้?”

เมื่อเทียบกับความตกใจของจอมดาบเก่าสัมผัส นักพรตหมื่นกําเนิดที่อยู่ด้านข้างนั้นถึงกับ ตกตะลึง

ขณะที่ซูฉินและจอมดาบเก่าสัมผัสต่อสู้กัน นักพรตหมื่นกําเนิดได้ออกกระบวนท่าสังหารจิตวิญญาณแรกกําเนิดกว่าสิบรูปแบบติดต่อกัน กระบวนท่าเหล่านี้ใช้พลังจิตวิญญาณแรกกําเนิดของนักพรตหมื่นกําเนิดไปถึงหกส่วน ทั้งหมดพุ่งเข้าใส่ซูฉิน

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทําให้นักพรตหมื่นกําเนิดไม่อาจเชื่อได้ก็คือกระบวนท่าสังหารจิตวิญญาณแรกกําเนิดทั้งหมด เมื่อพุ่งเข้าสู่ร่างของซูฉิน ก็ราวกับเป็นฝนโปรยปรายที่ตกลงบนมหาสมุทรไม่มีแม้แต่เกลียวคลื่นใดเกิดขึ้น

เป็นไปได้เช่นไร?

แม้ว่าจิตวิญญาณแรกกําเนิดของซูฉินจะมีอยู่อย่างมหาศาล เหนือกว่านักพรตหมื่นกําเนิด แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเพิกเฉยต่อกระบวนท่าสังหารจิตวิญญาณแรกกําเนิดนับสิบ

แต่ซูฉินเล่า?

เขาไม่แม้แต่จะกะพริบตา

ถ้าไม่ใช่เพราะนักพรตหมื่นกําเนิดรู้สึกว่าพลังจิตวิญญาณแรกกําเนิดของเขาถูกเผาผลาญไปมาก เกรงว่าเขาคงคิดไปว่าตนไม่ได้ใช้กระบวนท่าสังหารจิตวิญญาณแรกกําเนิดออกไปเป็นแน่

“ไม่ดีแล้ว!”

“กลับไปที่ประตูเซียนเดี๋ยวนี้”

จ้าวแห่งลมเมื่อเห็นฉากนี้ ก็ตระหนักได้ถึงความห่างชั้น และรีบถอยกลับไปที่ประตูหินโบราณขนาดใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังโดยไม่ลังเล

เช่นเดียวกับนักพรตหมื่นกําเนิดและจอมดาบเก่าสัมผัส

พวกเขาใช้เวลาเจ็ดถึงแปดร้อยปีกว่าจะมาถึงขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ขั้นกลับคืนต้นกําเนิดย่อมหวงแหนชีวิตเป็นธรรมดา หลังจากที่รู้ว่าซูฉินนั้นไร้เทียมทานก็ไม่ลังเลเลยที่จะกลับไปยังประตูเซียน

ช่องว่างมิติก่อนจะถึงประตูเซียนนั้นเต็มไปด้วยเศษเสี้ยวชิ้นส่วนมิติ และการสนับสนุนจากเจ้าลัทธิ ตราบใดที่พวกเขากลับไปยังประตูเซียนได้ พวกเขาก็จะปลอดภัย

“ต้องการที่จะจากไป?”

ซูฉินส่ายศีรษะเล็กน้อย ร่องรอยดูถูกเหยียดหยามปรากฏขึ้นบนใบหน้า

ตั้งแต่เขากล้าลงมือที่ด้านนอกประตูเซียน เขาย่อมไม่กลัวเรื่องที่จ้าวแห่งลมและคนอื่นจะหนีไปได้

“อาณาเขตเทพสงคราม”

ความคิดของซูฉินสั่งการ

ทันใดนั้นอาณาเขตเทพสงครามแต่เดิมที่ครอบคลุมรัศมีหลายสิบลี้ก็หดตัวแคบลงเป็นอาณาเขตเล็กๆ ที่มีระยะทางไม่กี่ลี้ แต่ภายในอาณาเขตนี้ ความเร็วของกลุ่มจ้าวแห่งลมทั้งสามกลับลดลงมาก

“นี่คือ?!”

จ้าวแห่งลมและคนอื่นๆ หยุดมองหน้ากัน และเลิกวิ่งหนีในทันที

“นี่มันอะไรกันเนี่ย?” เจ้าแห่งลมคํารามออกมาด้วยเสียงต่ําอย่างเหลืออด

ถ้าไม่ใช่เพราะการปราบปรามของอาณาเขตเทพสงคราม แม้ว่าทั้งสามจะพ่ายแพ้ให้กับซูฉิน แต่ก็ไม่มีปัญหาในการล่าถอยกลับไปอย่างครบสามสิบสอง อย่างไรก็ตามเนื่องจากพลังของอาณาเขตเทพสงครามนั้นเข้มข้นขึ้น มันจึงกลายเป็นเรื่องยากสําหรับเจ้าแห่งลมและคนอื่นๆ ที่จะกลับไปยังประตูเซียนในตอนนี้

และในตอนนั้นเอง

ซูฉินก็เดินตรงเข้ามา

คราวนี้ซูฉินไม่ได้ใช้คมมีดเทพเจ้าปีศาจ แต่กํามือขวาแน่น โคจรพลังภายในร่างแล้วพุ่งเข้าใส่กลุ่มของจ้าวแห่งลม

ครืน!

ร่างกายของซูฉินไม่รู้ว่าแข็งแกร่งขึ้นมากเพียงใดในเวลานี้ หลังจากบุกทะลวงขั้นกลับคืนต้นกําเนิด พลังจากทะเลปราณก็ถูกจิตวิญญาณแรกกําเนิดของซูฉินดึงมาขัดเกลาอีกครั้ง ภาพดวงตะวันขนาดมหึมาก็เริ่มส่องสว่างมากขึ้น จากเดิมที่มีจุดแสงห้าร้อยจุดพลันเพิ่มขึ้นเป็นสองพันจุดโดยตรง

เป็นผลให้ร่างศักดิ์สิทธิ์อีกาทองคํามีระดับที่สูงขึ้นและปราณโลหิตก็กว้างใหญ่พอๆ กับมหาสมุทร

ในขณะที่หมัดนี้ถูกปล่อยออกมา เซียนเทพปฐพีขั้นกลับคืนต้นกําเนิดทั้งสามล้วนรู้สึกขนลุกซู่ หนังศีรษะชาวาบ ภาพความตายพลันผุดขึ้นมาในใจ

“รับใช้สมบัติล้ําค่าที่ท่านเจ้าลัทธิมอบให้เร็วเข้า!!” ใบหน้าของจอมดาบเก่าสัมผัสเปลี่ยนไปอย่างมาก ภายใต้การปราบปรามจากอาณาเขตเทพสงคราม พวกเขาไม่สามารถซ่อนตัวจากหมัดนี้ได้เลย พวกเขาเหลือเพียงทางเลือกเดียวเท่านั้นหากต้องการมีชีวิตอยู่ต่อ

บางอย่างค่อยๆ ก่อตัวขึ้น

“สมบัติล้ําค่า!!”

จ้าวแห่งลมสูดลมหายใจเข้า และปราณภายในร่างก็ค่อยๆ ถูกเทเข้าไปภายในสมบัติล้ําค่ารูปหอคอยอย่างต่อเนื่องฉับพลัน

หวึ่ง!!!

เห็นสมบัติล้ําค่ารูปร่างเหมือนหอคอยลอยเอื้อยๆ หยุดอยู่เหนือหัวของเจ้าแห่งลมและคนอื่นๆ จากนั้นม่านแสงหนาทึบก็เข้ากําบังพวกเขาทั้งสามคนเอาไว้

สมบัติล้ําค่ารูปทรงหอคอยนี้เป็นสมบัติที่ใช้ในการป้องกันซึ่งเจ้าลัทธิจากประตูเซียนได้มอบเอาไว้ให้กลุ่มของจ้าวแห่งลมทั้งสามคนสามารถเดินทางผ่านความว่างเปล่าไปได้

เดิมที่จ้าวแห่งลมไม่เต็มใจจะใช้สมบัติล้ําค่านี้ ท้ายที่สุดเจ้าลัทธิดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต้าฉือก็อนุญาตให้พวกเขาใช้สมบัติล้ําค่าเพื่อข้ามผ่านช่องว่างมิติมาเท่านั้น ไม่ได้บอกพวกเขาว่าสามารถใช้สมบัตินี้ได้ตามใจ

หากจ้าวแห่งลมใช้สมบัติล้ําค่านี้ไปโดยพลการ ยามเมื่อกลับไปที่ประตูเซียน จะต้องสร้างความขุ่นเคืองให้กับเจ้าลัทธิผู้ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน

แต่ในเวลานี้ แม้แต่ตนเองเละคนอื่นๆ ก็แทบจะเอาชีวิตรอด จ้าวแห่งลมจะมาสนใจเรื่องความพึงพอใจของเจ้าลัทธิต้าฉือได้อย่างไร?

ครู่ต่อมา!

ซูฉินต่อยเข้าไปที่ม่านแสงหนาทึบที่ห้อยลงมาจากสมบัติล้ําค่ารูปหอคอย

บูม!

เห็นว่าม่านแสงเกิดระลอกคลื่น แต่มันก็กลับมาสงบลงอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นฉากนี้ กลุ่มของจ้าวแห่งลมทั้งสามก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“สมบัติล้ําค่า?”

ซูฉินถอนหมัดขวาออกมา

ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเห็นสมบัติล้ําค่ามาก่อน ตอนที่เขาเหยียบย่านิกายเทพเจ้าสายฟ้าจนจมดิน เขาก็ได้ปะทะกับระฆังเทพสายฟ้าด้วยกายเนื้อล้วนๆ มาแล้ว

เพียงแต่ว่าในตอนที่ซูฉินปะทะกับระฆังเทพสายฟ้านั้น มันเป็นเพราะบรรพชนของนิกายเทพเจ้าสายฟ้าไม่สามารถใช้พลังที่แท้จริงของสมบัติล้ําค่าออกมา แต่ยามนี้ มีเซียนเทพปฐพีขั้นกลับคืนต้นกําเนิดถึงสามคนส่งพลังเข้าไปในสมบัติล้ําค่ารูปหอคอยอย่างต่อเนื่อง จึงทําให้ความน่ากลัวที่แท้จริงถูกเปิดเผย

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

“มีสมบัติล้ําค่าคอยปกป้องเช่นนี้ เจ้ายังคิดที่จะสังหารพวกเราอีกหรือ ฝันไปก่อนเถอะ”

จ้าวแห่งลมหัวเราะดังลั่น และจอมดาบเก้าสัมผัสกับนักพรตหมื่นกําเนิดที่อยู่ด้านข้างก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้ามองมาทางซูฉิน

เพียงเท่านั้น

เมื่อเซียนเทพปฐพีขั้นกลับคืนต้นกําเนิดทั้งสามสบตากับซูฉิน พวกเขาก็พบว่าดวงตาของซูฉินนั้นลึกล้ําราวกับมีโลกที่กว้างใหญ่แฝงอยู่

มันคือกระบวนท่าสังหารจิตวิญญาณแรกกําเนิด หุบเหวอับแสง ที่ซูฉินลงชื่อเข้าใช้ได้จากเกาะแดนสามพันมายา

ดวงตาล่องลอย กลุ่มจ้าวแห่งลมทั้งสามคนเริ่มสูญเสียสติสัมปชัญญะ ราวกับถูกดูดเข้าไปอยู่ในโลกอันกว้างใหญ่นั้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+