เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 31 ชีวิตและความตาย

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 31 ชีวิตและความตาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 31 ชีวิตและความตาย

 

 

“พระตัวน้อย”

 

“ข้าขอถามอะไรสักอย่างได้หรือไม่?”

 

จากนั้นไม่นานองค์หญิงตัวน้อยก็สงบเสงี่ยมลงและถามออกอย่างระมัดระวัง

 

“ถามมาสิ” ซูฉินตอบกลับเรียบๆ

 

เขาไม่ได้มีความสนใจองค์หญิงราชวงศ์ถังคนนี้

 

ท้ายที่สุดองค์หญิงน้อยพระองค์นี้ก็อายุเพียงสิบกว่าขวบ ซูฉินหาได้เป็นนักเล่นแร่แปรทองแดง[1]ไม่ เขาจึงไม่ได้ให้ความสนใจนัก

 

“เจ้าคิดว่าอาณาจักรถังจะปลอดภัยดีหรือเปล่า?”

 

องค์หญิงมองไปรอบๆ เพื่อให้มั่นใจว่ารอบข้างไม่มีใครอยู่จากนั้นจึงลดเสียงลง

 

“อาณาจักรถังจะอยู่รอดปลอดภัยไหมงั้นหรือ?”

 

ซูฉินไม่คาดคิดว่าองค์หญิงพระองค์น้อยจะถามคำถามเช่นนี้ออกมา

 

ถ้าองค์หญิงถามว่าองค์จักรพรรดิถังจะปลอดภัยหรือไม่ ซูฉินยังพอเข้าใจได้ แต่นี่องค์หญิงถามถึงอาณาจักรถังจริงๆ รึ?

 

“นั่นก็ขึ้นอยู่กับการเสด็จสวรรคตขององค์จักรพรรดิ”

 

ซูฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “หากจักรพรรดิถังสถาปนารัชทายาทแล้วเนรเทศองค์ชายพระองค์อื่นๆ ก่อนที่พระองค์จะเสด็จสวรรคต วังหลวงก็ย่อมมีเสถียรภาพและดำรงอยู่ได้ต่อไปอีกเป็นร้อยปี”

 

น้ำเสียงของซูฉินราบเรียบราวกับเรื่องราวการเนรเทศและการตายของเหล่าองค์ชาย เป็นเรื่องง่ายๆ ราวกับการกินข้าวสองสามชามยามเที่ยง

 

ถ้าคนอื่นได้ยินคำพูดของซูฉิน แม้แต่เจ้าอาวาสก็ต้องตกใจ

 

แม้ว่าจะเป็นขุนนางชั้นสูงก็มิกล้าจะแสดงความเห็นเกี่ยวกับเหล่าองค์ชายในลักษณะนี้

 

แต่องค์หญิงน้อยคิดเป็นจริงเป็นจังกับสิ่งนี้ ส่ายหัวแล้วพูดขึ้นว่า “เป็นไปไม่ได้ แม้แต่ข้าเองยังรู้เลยว่าเบื้องหลังพี่น้องขององค์จักรพรรดิ[2]นั้นมีขุนนางน้อยใหญ่และเหล่าองค์ชายที่สนับสนุน”

 

“เมื่อน้องชายของจักรพรรดิต้องโทษประหารชีวิตจะต้องนำไปสู่การลุกฮือของราชวงศ์และขุนนาง ความวุ่นวายจะมาสู่ราชสำนักอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”

 

“งั้นก็กวาดล้างศักดินาและชำระศาลขุนนางเสียใหม่!” ซูฉินกล่าวถ้อยคำเชื่องช้า

 

ใบหน้าขององค์หญิงเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำกล่าวนั้น

 

เหล่าข้าราชบริพารต่างยืนหยัดในฝักในฝ่ายของตัวเอง สนับสนุน เสริมแกร่งพวกพ้องของตนเอง หากโค่นล้มตระกูลศักดินาลงได้จริงก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการปกครองราชวงศ์ถังต่อไปในอนาคต

 

“พระตัวน้อย วิสัยทัศน์ของเจ้าแจ่มชัดยิ่ง”

 

องค์หญิงตัวเล็กมองไปที่ซูฉินอย่างลึกซึ้ง

 

หนึ่งเดือนต่อมา

 

กลุ่มของพระชายาลี่เฟยเข้าอำลาเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวิน

 

พอเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินได้ข่าวจึงไปส่งพระนางลี่เฟยออกจากวัดพร้อมกับพวกหัวหน้าตำหนัก

 

“พระนางลี่เฟยกลับไปในเวลานี้ ในวังหลวงมีเรื่องราวผิดปกติใดหรือไม่นะ?” หัวหน้าลานอรหันต์ขมวดคิ้วและพูดขึ้นขณะมองไปยังเสลี่ยงหยกที่กำลังเคลื่อนห่างออกไปจนลับสายตา

 

“อาตมาได้ยินข่าวมาว่า จ้าวกงกงขันทีข้างพระวรกายเหมือนจะใช้วิธีบางอย่างเพื่อยืดอายุขัยของจักรพรรดิถังออกไปอีกสองสามปี”

 

หัวหน้าฝ่ายวินัยสงฆ์พูดกระซิบ

 

เมื่อได้ยินคำกล่าวนั้น หัวหน้าลานอรหันต์ก็อุทานออกมา “จ้าวกงกงผู้นี้เป็นมีผู้มีความรู้ความสามารถมากมายยิ่งนัก ยังไม่นับว่าชายผู้นี้ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของระดับชั้นที่หนึ่งอีกนะ กับการเป็นชายไม่สมบูรณ์แต่ความสำเร็จของเขานั้นสมบูรณ์แบบยิ่ง น่าเลื่อมใสๆ!”

 

“เอาหละ ไม่ต้องไปยุ่งถกเถียงข้องเกี่ยวกับโลกภายนอกมากนักหรอก” เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินเหลือบมองหัวหน้าตำหนักทั้งสองก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก

 

ด้วยการจากไปของลี่เฟยและคณะ วัดเส้าหลินก็หวนคืนสู่สภาพเดิมดั่งอดีตอีกครั้ง

 

ทว่าไม่กี่เดือนถัดมา

 

วันและคืนผ่านพ้น

 

ซูฉินจู่ๆ ก็รู้สึกได้ถึงบางอย่าง ร่างของเขาวูบไหวกะพริบ แล้วมาปรากฏตัวอีกทีที่ด้านหน้าห้องของหัวหน้าลานจิปาถะ

 

ด้วยจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่ซึมผ่านเข้าไป

 

แม้จะถูกกั้นด้วยประตู แต่ซูฉินก็รู้ทุกอย่างในห้องนั้นดี

 

ภายใต้จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ ซูฉินรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงพลังชีวิตของหัวหน้าลานจิปาถะกำลังค่อยๆ อ่อนกำลังลง อ่อนกำลังลง

 

ซูฉินเงียบงัน

 

จากสภาพของหัวหน้าลานจิปาถะในปัจจุบัน ควรจะมรณภาพภายในวันนี้ อีกไม่นานคงจะจากไป

 

หัวหน้าลานจิปาถะเป็นคนพาซูฉินมาลานจิปาถะเป็นการส่วนตัว หากไม่ได้ท่านละก็ ซูฉินคงมิอาจจะนมัสการเข้าร่วมกับวัดเส้าหลินได้

 

“ท่านหัวหน้าตำหนัก…”

 

ซูฉินถอนหายใจเบาๆ ผลักประตูเปิดออกแล้วเดินเข้าไปอย่างช้าๆ

 

“เจินกวนนี่เอง……” หัวหน้าลานจิปาถะลืมตาขึ้น ยิ้มเย็นมองไปที่เจินกวนและพูดว่า “สุดท้ายแล้วก็เป็นเจ้าที่มาอยู่ข้างกายข้าในยามนี้”

 

“หัวหน้าตำหนักท่านมีความปรารถนาใดหรือไม่?” ซูฉินเหลือบมองสภาพร่างกายของหัวหน้าตำหนักแล้วเอ่ยถามขึ้น

 

“ความปรารถนา?”

 

หัวหน้าลานจิปาถะส่ายหัว “ข้าอยู่มาเกือบร้อยปีแล้ว เมื่อสมัยหนุ่มๆ ข้าใช้ดาบเพื่อปรนเปรอดื่มด่ำในความรักความฝัน แล้วหลังจากนั้นจึงได้ละทางโลกเข้าร่วมกับวัดเส้าหลิน ข้ามีความสุขดี ได้เพลิดเพลินกับทุกสิ่งที่ตนควรจะมีแล้ว จะไปขอพรอะไรได้อีก”

 

หัวหน้าลานจิปาถะเปิดเผยทุกอย่าง

 

ในฐานะผู้ฝึกยุทธแม้จะอยู่ในช่วงสุดท้ายของชีวิต ก็ยังสามารถพูดคุยเรื่องราวต่างๆ ออกมาได้

 

หัวหน้าลานจิปาถะมองไปที่ซูฉินแล้วกล่าวคำ “ตอนที่เจ้ามานมัสการวัดเส้าหลินเมื่อสิบกว่าปีก่อน ข้ารู้ได้เลยว่าเจ้าแตกต่างจากเด็กกำพร้าคนอื่นๆ”

 

“ต่อมาตระกูลซูเคยขอให้ข้าสึกเจ้าออกไป และข้ารู้ดีว่าเจ้าไม่ใช่เด็กกำพร้า เจ้าเข้านมัสการวัดเส้าหลินเพราะหลีกหนีหายนะมา”

 

ซูฉินเงียบ

 

เกี่ยวกับความจริงที่ว่าเขาเป็นสมาชิกของตระกูลซู เขาไม่เคยคิดจะปกปิดมัน

 

“ข้าเคยเรียนเรื่องนี้กับท่านเจ้าอาวาสไปแล้ว ถ้าเจ้าอยากจะสึกออกไป ท่านจะไม่ห้ามปรามเจ้าหรอก”

 

เสียงของหัวหน้าตำหนักดูโรยแรงลงเรื่อยๆ “เอาหละ เจ้ากลับไปก่อนเถอะ ข้าอยากจะอยู่คนเดียวสักพัก”

 

“ขอรับท่านหัวหน้าตำหนัก”

 

ซูฉินพยักหน้าแล้วปิดประตู แต่เขายังไม่ได้จากไป เพียงยืนรออยู่ตรงหน้าประตูเงียบๆ

 

ซูฉินไม่ได้หมุนตัวจากไปไหนจนกระทั่งลมหายใจของหัวหน้าตำหนักได้สิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์

 

 

วันต่อมา

 

เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินและหัวหน้าตำหนักต่างๆ พากันมาที่ลานจิปาถะ

 

และสองสามวันต่อมา

 

เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินมาหาซูฉินเป็นการส่วนตัวและถามซูฉินเรื่องการสึกกลับไปใช้ชีวิตเป็นฆราวาส

 

เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่หัวหน้าลานจิปาถะพูดก่อนมรณภาพเป็นความจริง ท่านได้คุยกับเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินเกี่ยวกับการสึกของซูฉินเอาไว้แล้ว

 

“ท่านเจ้าอาวาส”

 

“ตั้งแต่ที่ตัวข้าเข้านมัสการวัดเส้าหลินแล้ว ทางโลกก็มิได้มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับข้าอีกต่อไป”

 

ซูฉินกล่าวคำปฏิเสธ

 

สำหรับซูฉินแล้ว วัดเส้าหลินก็คือบ่อเงินบ่อทองที่สามารถจัดหายาวิเศษ เคล็ดวิชา และวิชาลับให้เขาได้อย่างต่อเนื่อง

 

ซูฉินจะไม่จากวัดเส้าหลินไปจนกว่าเขาจะคงกระพันไร้พ่ายในใต้หล้า

 

หลังจากการจากไปของหัวหน้าลานจิปาถะ วันเวลาก็ดูจะเนิ่นนานและเดินช้าลงไปอีก

 

สำหรับซูฉิน การตายของหัวหน้าลานจิปาถะทำให้เขาเกิดความรู้สึกขึ้นเล็กน้อย และเพราะแบบนั้นเองยิ่งกระตุ้นแรงปรารถนาของเขาที่อยากจะแข็งแกร่งขึ้น

 

ถ้าเขายังหยุดนิ่งอยู่อย่างปัจจุบัน อีกสามร้อยเจ็ดสิบปี เขาก็จะถึงอายุขัยแบบที่หัวหน้าลานจิปาถะเป็นทำได้เพียงนอนรอความตาย

 

ชัดเจนว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่ซูฉินต้องการ

 

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

 

ผ่านไปอีกหนึ่งปี

 

ในช่วงปีนี้ซูฉินกำลังขัดเกลาความแข็งแกร่งของกำลังภายใน ซึ่งจะทำให้สิ่งที่ขาดอยู่ได้เติมเต็มกลายเป็นความสมบูรณ์แบบเพื่อขึ้นไปสู่ระดับ‘อรหันต์‘

 

“กำลังภายในนั้นก็กำเนิดขึ้นมาจากภายในกาย แล้วทำอย่างไรจึงจะแปรสภาพมันให้มีศักยภาพเต็มพิกัด?”

 

ซูฉินเอาแต่ครุ่นคิดหาวิถีทางในประเด็นนี้

 

การขัดเกลาร่างกายนั้นซูฉินได้รับพลังหยางสุดแกร่งจากความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของกายาวัชระคงกระพัน และพลังหยินสุดขั้วจากเคล็ดวิชาขัดเกลากายาจันทรา

 

การกลั่นจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ซูฉินใช้วิธีกลืน ‘โอสถกักเก็บพลังศักดิ์สิทธิ์‘ จำนวนนับไม่ถ้วนเพื่อเสริมสร้าง ‘พลังศักดิ์สิทธิ์‘ ให้มีปริมาณมากขึ้น และใช้ ‘โอสถควบรวมไอศักดิ์สิทธิ์‘ ควบแน่นพลังศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นให้กลายมาเป็นจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์

 

แต่การเปลี่ยนแปลงของกำลังภายในนั้น…

 

จนถึงตอนนี้ซูฉินยังไม่พบเงื่อนงำที่จะไปถึง

 

เขาจำไม่ได้แล้วว่าเขาไปลงชื่อเข้าใช้ที่ลานโพธิ์มากี่ครั้งแล้วในปีที่ผ่านมา และได้รับ ‘โอสถควบรวมไอศักดิ์สิทธิ์‘ มาหลายสิบเม็ดด้วยซ้ำ

 

แต่โอสถสำหรับเปลี่ยนสภาพของกำลังภายในนั้นไม่เคยพบเห็นมาก่อน

 

“หรือบางทีข้าควรไปที่ภูเขาด้านหลัง?”

 

ซูฉินมองไปที่ภูเขาด้านหลังของวัดเส้าหลิน

 

ภูเขาด้านหลังเป็นเขตหวงห้ามของวัดเส้าหลิน มีการสะกดมารพุทธะที่เกือบจะทำลายวัดเส้าหลินเมื่อเก้าร้อยปีก่อนเอาไว้

 

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในขณะที่ความแข็งแกร่งของซูฉินก้าวไปอีกขั้นนั้น เขาก็ได้ไปเยี่ยมชมสถานที่หวงห้ามอื่นๆ ในวัดเส้าหลินและลงชื่อเข้าใช้มาบ้างแล้ว

 

แต่มีเพียงแค่ภูเขาด้านหลังเท่านั้นที่ยังไม่เคยไปเหยียบย่าง

 

 

————————————————-

[1] 炼铜术士หรือนักเล่นแร่แปรทองแดง มีความเชื่อมโยงกับคำว่าถลุงทองแดงซึ่งสื่อความหมายถึงเฒ่าหัวงู

[2] พี่น้องขององค์จักรพรรดิก็เป็นองค์ชายเช่นกัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 31 ชีวิตและความตาย

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 31 ชีวิตและความตาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 31 ชีวิตและความตาย

 

 

“พระตัวน้อย”

 

“ข้าขอถามอะไรสักอย่างได้หรือไม่?”

 

จากนั้นไม่นานองค์หญิงตัวน้อยก็สงบเสงี่ยมลงและถามออกอย่างระมัดระวัง

 

“ถามมาสิ” ซูฉินตอบกลับเรียบๆ

 

เขาไม่ได้มีความสนใจองค์หญิงราชวงศ์ถังคนนี้

 

ท้ายที่สุดองค์หญิงน้อยพระองค์นี้ก็อายุเพียงสิบกว่าขวบ ซูฉินหาได้เป็นนักเล่นแร่แปรทองแดง[1]ไม่ เขาจึงไม่ได้ให้ความสนใจนัก

 

“เจ้าคิดว่าอาณาจักรถังจะปลอดภัยดีหรือเปล่า?”

 

องค์หญิงมองไปรอบๆ เพื่อให้มั่นใจว่ารอบข้างไม่มีใครอยู่จากนั้นจึงลดเสียงลง

 

“อาณาจักรถังจะอยู่รอดปลอดภัยไหมงั้นหรือ?”

 

ซูฉินไม่คาดคิดว่าองค์หญิงพระองค์น้อยจะถามคำถามเช่นนี้ออกมา

 

ถ้าองค์หญิงถามว่าองค์จักรพรรดิถังจะปลอดภัยหรือไม่ ซูฉินยังพอเข้าใจได้ แต่นี่องค์หญิงถามถึงอาณาจักรถังจริงๆ รึ?

 

“นั่นก็ขึ้นอยู่กับการเสด็จสวรรคตขององค์จักรพรรดิ”

 

ซูฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “หากจักรพรรดิถังสถาปนารัชทายาทแล้วเนรเทศองค์ชายพระองค์อื่นๆ ก่อนที่พระองค์จะเสด็จสวรรคต วังหลวงก็ย่อมมีเสถียรภาพและดำรงอยู่ได้ต่อไปอีกเป็นร้อยปี”

 

น้ำเสียงของซูฉินราบเรียบราวกับเรื่องราวการเนรเทศและการตายของเหล่าองค์ชาย เป็นเรื่องง่ายๆ ราวกับการกินข้าวสองสามชามยามเที่ยง

 

ถ้าคนอื่นได้ยินคำพูดของซูฉิน แม้แต่เจ้าอาวาสก็ต้องตกใจ

 

แม้ว่าจะเป็นขุนนางชั้นสูงก็มิกล้าจะแสดงความเห็นเกี่ยวกับเหล่าองค์ชายในลักษณะนี้

 

แต่องค์หญิงน้อยคิดเป็นจริงเป็นจังกับสิ่งนี้ ส่ายหัวแล้วพูดขึ้นว่า “เป็นไปไม่ได้ แม้แต่ข้าเองยังรู้เลยว่าเบื้องหลังพี่น้องขององค์จักรพรรดิ[2]นั้นมีขุนนางน้อยใหญ่และเหล่าองค์ชายที่สนับสนุน”

 

“เมื่อน้องชายของจักรพรรดิต้องโทษประหารชีวิตจะต้องนำไปสู่การลุกฮือของราชวงศ์และขุนนาง ความวุ่นวายจะมาสู่ราชสำนักอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”

 

“งั้นก็กวาดล้างศักดินาและชำระศาลขุนนางเสียใหม่!” ซูฉินกล่าวถ้อยคำเชื่องช้า

 

ใบหน้าขององค์หญิงเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำกล่าวนั้น

 

เหล่าข้าราชบริพารต่างยืนหยัดในฝักในฝ่ายของตัวเอง สนับสนุน เสริมแกร่งพวกพ้องของตนเอง หากโค่นล้มตระกูลศักดินาลงได้จริงก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการปกครองราชวงศ์ถังต่อไปในอนาคต

 

“พระตัวน้อย วิสัยทัศน์ของเจ้าแจ่มชัดยิ่ง”

 

องค์หญิงตัวเล็กมองไปที่ซูฉินอย่างลึกซึ้ง

 

หนึ่งเดือนต่อมา

 

กลุ่มของพระชายาลี่เฟยเข้าอำลาเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวิน

 

พอเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินได้ข่าวจึงไปส่งพระนางลี่เฟยออกจากวัดพร้อมกับพวกหัวหน้าตำหนัก

 

“พระนางลี่เฟยกลับไปในเวลานี้ ในวังหลวงมีเรื่องราวผิดปกติใดหรือไม่นะ?” หัวหน้าลานอรหันต์ขมวดคิ้วและพูดขึ้นขณะมองไปยังเสลี่ยงหยกที่กำลังเคลื่อนห่างออกไปจนลับสายตา

 

“อาตมาได้ยินข่าวมาว่า จ้าวกงกงขันทีข้างพระวรกายเหมือนจะใช้วิธีบางอย่างเพื่อยืดอายุขัยของจักรพรรดิถังออกไปอีกสองสามปี”

 

หัวหน้าฝ่ายวินัยสงฆ์พูดกระซิบ

 

เมื่อได้ยินคำกล่าวนั้น หัวหน้าลานอรหันต์ก็อุทานออกมา “จ้าวกงกงผู้นี้เป็นมีผู้มีความรู้ความสามารถมากมายยิ่งนัก ยังไม่นับว่าชายผู้นี้ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของระดับชั้นที่หนึ่งอีกนะ กับการเป็นชายไม่สมบูรณ์แต่ความสำเร็จของเขานั้นสมบูรณ์แบบยิ่ง น่าเลื่อมใสๆ!”

 

“เอาหละ ไม่ต้องไปยุ่งถกเถียงข้องเกี่ยวกับโลกภายนอกมากนักหรอก” เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินเหลือบมองหัวหน้าตำหนักทั้งสองก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก

 

ด้วยการจากไปของลี่เฟยและคณะ วัดเส้าหลินก็หวนคืนสู่สภาพเดิมดั่งอดีตอีกครั้ง

 

ทว่าไม่กี่เดือนถัดมา

 

วันและคืนผ่านพ้น

 

ซูฉินจู่ๆ ก็รู้สึกได้ถึงบางอย่าง ร่างของเขาวูบไหวกะพริบ แล้วมาปรากฏตัวอีกทีที่ด้านหน้าห้องของหัวหน้าลานจิปาถะ

 

ด้วยจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่ซึมผ่านเข้าไป

 

แม้จะถูกกั้นด้วยประตู แต่ซูฉินก็รู้ทุกอย่างในห้องนั้นดี

 

ภายใต้จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ ซูฉินรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงพลังชีวิตของหัวหน้าลานจิปาถะกำลังค่อยๆ อ่อนกำลังลง อ่อนกำลังลง

 

ซูฉินเงียบงัน

 

จากสภาพของหัวหน้าลานจิปาถะในปัจจุบัน ควรจะมรณภาพภายในวันนี้ อีกไม่นานคงจะจากไป

 

หัวหน้าลานจิปาถะเป็นคนพาซูฉินมาลานจิปาถะเป็นการส่วนตัว หากไม่ได้ท่านละก็ ซูฉินคงมิอาจจะนมัสการเข้าร่วมกับวัดเส้าหลินได้

 

“ท่านหัวหน้าตำหนัก…”

 

ซูฉินถอนหายใจเบาๆ ผลักประตูเปิดออกแล้วเดินเข้าไปอย่างช้าๆ

 

“เจินกวนนี่เอง……” หัวหน้าลานจิปาถะลืมตาขึ้น ยิ้มเย็นมองไปที่เจินกวนและพูดว่า “สุดท้ายแล้วก็เป็นเจ้าที่มาอยู่ข้างกายข้าในยามนี้”

 

“หัวหน้าตำหนักท่านมีความปรารถนาใดหรือไม่?” ซูฉินเหลือบมองสภาพร่างกายของหัวหน้าตำหนักแล้วเอ่ยถามขึ้น

 

“ความปรารถนา?”

 

หัวหน้าลานจิปาถะส่ายหัว “ข้าอยู่มาเกือบร้อยปีแล้ว เมื่อสมัยหนุ่มๆ ข้าใช้ดาบเพื่อปรนเปรอดื่มด่ำในความรักความฝัน แล้วหลังจากนั้นจึงได้ละทางโลกเข้าร่วมกับวัดเส้าหลิน ข้ามีความสุขดี ได้เพลิดเพลินกับทุกสิ่งที่ตนควรจะมีแล้ว จะไปขอพรอะไรได้อีก”

 

หัวหน้าลานจิปาถะเปิดเผยทุกอย่าง

 

ในฐานะผู้ฝึกยุทธแม้จะอยู่ในช่วงสุดท้ายของชีวิต ก็ยังสามารถพูดคุยเรื่องราวต่างๆ ออกมาได้

 

หัวหน้าลานจิปาถะมองไปที่ซูฉินแล้วกล่าวคำ “ตอนที่เจ้ามานมัสการวัดเส้าหลินเมื่อสิบกว่าปีก่อน ข้ารู้ได้เลยว่าเจ้าแตกต่างจากเด็กกำพร้าคนอื่นๆ”

 

“ต่อมาตระกูลซูเคยขอให้ข้าสึกเจ้าออกไป และข้ารู้ดีว่าเจ้าไม่ใช่เด็กกำพร้า เจ้าเข้านมัสการวัดเส้าหลินเพราะหลีกหนีหายนะมา”

 

ซูฉินเงียบ

 

เกี่ยวกับความจริงที่ว่าเขาเป็นสมาชิกของตระกูลซู เขาไม่เคยคิดจะปกปิดมัน

 

“ข้าเคยเรียนเรื่องนี้กับท่านเจ้าอาวาสไปแล้ว ถ้าเจ้าอยากจะสึกออกไป ท่านจะไม่ห้ามปรามเจ้าหรอก”

 

เสียงของหัวหน้าตำหนักดูโรยแรงลงเรื่อยๆ “เอาหละ เจ้ากลับไปก่อนเถอะ ข้าอยากจะอยู่คนเดียวสักพัก”

 

“ขอรับท่านหัวหน้าตำหนัก”

 

ซูฉินพยักหน้าแล้วปิดประตู แต่เขายังไม่ได้จากไป เพียงยืนรออยู่ตรงหน้าประตูเงียบๆ

 

ซูฉินไม่ได้หมุนตัวจากไปไหนจนกระทั่งลมหายใจของหัวหน้าตำหนักได้สิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์

 

 

วันต่อมา

 

เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินและหัวหน้าตำหนักต่างๆ พากันมาที่ลานจิปาถะ

 

และสองสามวันต่อมา

 

เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินมาหาซูฉินเป็นการส่วนตัวและถามซูฉินเรื่องการสึกกลับไปใช้ชีวิตเป็นฆราวาส

 

เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่หัวหน้าลานจิปาถะพูดก่อนมรณภาพเป็นความจริง ท่านได้คุยกับเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินเกี่ยวกับการสึกของซูฉินเอาไว้แล้ว

 

“ท่านเจ้าอาวาส”

 

“ตั้งแต่ที่ตัวข้าเข้านมัสการวัดเส้าหลินแล้ว ทางโลกก็มิได้มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับข้าอีกต่อไป”

 

ซูฉินกล่าวคำปฏิเสธ

 

สำหรับซูฉินแล้ว วัดเส้าหลินก็คือบ่อเงินบ่อทองที่สามารถจัดหายาวิเศษ เคล็ดวิชา และวิชาลับให้เขาได้อย่างต่อเนื่อง

 

ซูฉินจะไม่จากวัดเส้าหลินไปจนกว่าเขาจะคงกระพันไร้พ่ายในใต้หล้า

 

หลังจากการจากไปของหัวหน้าลานจิปาถะ วันเวลาก็ดูจะเนิ่นนานและเดินช้าลงไปอีก

 

สำหรับซูฉิน การตายของหัวหน้าลานจิปาถะทำให้เขาเกิดความรู้สึกขึ้นเล็กน้อย และเพราะแบบนั้นเองยิ่งกระตุ้นแรงปรารถนาของเขาที่อยากจะแข็งแกร่งขึ้น

 

ถ้าเขายังหยุดนิ่งอยู่อย่างปัจจุบัน อีกสามร้อยเจ็ดสิบปี เขาก็จะถึงอายุขัยแบบที่หัวหน้าลานจิปาถะเป็นทำได้เพียงนอนรอความตาย

 

ชัดเจนว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่ซูฉินต้องการ

 

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

 

ผ่านไปอีกหนึ่งปี

 

ในช่วงปีนี้ซูฉินกำลังขัดเกลาความแข็งแกร่งของกำลังภายใน ซึ่งจะทำให้สิ่งที่ขาดอยู่ได้เติมเต็มกลายเป็นความสมบูรณ์แบบเพื่อขึ้นไปสู่ระดับ‘อรหันต์‘

 

“กำลังภายในนั้นก็กำเนิดขึ้นมาจากภายในกาย แล้วทำอย่างไรจึงจะแปรสภาพมันให้มีศักยภาพเต็มพิกัด?”

 

ซูฉินเอาแต่ครุ่นคิดหาวิถีทางในประเด็นนี้

 

การขัดเกลาร่างกายนั้นซูฉินได้รับพลังหยางสุดแกร่งจากความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของกายาวัชระคงกระพัน และพลังหยินสุดขั้วจากเคล็ดวิชาขัดเกลากายาจันทรา

 

การกลั่นจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ซูฉินใช้วิธีกลืน ‘โอสถกักเก็บพลังศักดิ์สิทธิ์‘ จำนวนนับไม่ถ้วนเพื่อเสริมสร้าง ‘พลังศักดิ์สิทธิ์‘ ให้มีปริมาณมากขึ้น และใช้ ‘โอสถควบรวมไอศักดิ์สิทธิ์‘ ควบแน่นพลังศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นให้กลายมาเป็นจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์

 

แต่การเปลี่ยนแปลงของกำลังภายในนั้น…

 

จนถึงตอนนี้ซูฉินยังไม่พบเงื่อนงำที่จะไปถึง

 

เขาจำไม่ได้แล้วว่าเขาไปลงชื่อเข้าใช้ที่ลานโพธิ์มากี่ครั้งแล้วในปีที่ผ่านมา และได้รับ ‘โอสถควบรวมไอศักดิ์สิทธิ์‘ มาหลายสิบเม็ดด้วยซ้ำ

 

แต่โอสถสำหรับเปลี่ยนสภาพของกำลังภายในนั้นไม่เคยพบเห็นมาก่อน

 

“หรือบางทีข้าควรไปที่ภูเขาด้านหลัง?”

 

ซูฉินมองไปที่ภูเขาด้านหลังของวัดเส้าหลิน

 

ภูเขาด้านหลังเป็นเขตหวงห้ามของวัดเส้าหลิน มีการสะกดมารพุทธะที่เกือบจะทำลายวัดเส้าหลินเมื่อเก้าร้อยปีก่อนเอาไว้

 

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในขณะที่ความแข็งแกร่งของซูฉินก้าวไปอีกขั้นนั้น เขาก็ได้ไปเยี่ยมชมสถานที่หวงห้ามอื่นๆ ในวัดเส้าหลินและลงชื่อเข้าใช้มาบ้างแล้ว

 

แต่มีเพียงแค่ภูเขาด้านหลังเท่านั้นที่ยังไม่เคยไปเหยียบย่าง

 

 

————————————————-

[1] 炼铜术士หรือนักเล่นแร่แปรทองแดง มีความเชื่อมโยงกับคำว่าถลุงทองแดงซึ่งสื่อความหมายถึงเฒ่าหัวงู

[2] พี่น้องขององค์จักรพรรดิก็เป็นองค์ชายเช่นกัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+