เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 305 (II) ปิดฉาก

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 305 (II) ปิดฉาก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 305 (II) ปิดฉาก

“แก้แค้นผู้อาวุโส?”

นักพรตเฒ่าตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ส่ายศีรษะแล้วพูดว่า “แค่ในตอนนี้มันสายก็เกินไป แล้วที่เหล่านิกายใหญ่จะร้องขอความเมตตา มีหรือจะกล้าตอบโต้ผู้อาวุโส?”

การตายของครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีทั้งเจ็ด ทําให้นิกายใหญ่ทั้งหลายสูญเสียหนักกว่าที่เคยเป็นมา แม้ว่านิกายใหญ่อย่างสํานักผู้วิเศษและนิกายเทพเจ้าสายฟ้าจะยังคงมีครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่หลับใหลอยู่ แต่ซูฉินที่สังหารมาได้ถึงเจ็ดแล้ว การจะฆ่าอีกสักสองสามคนนั้นเป็นเรื่องง่ายดายอย่างยิ่ง

นิกายใหญ่จะกล้าปลุกบรรพชนขึ้นมาเพื่อรายงานเรื่องของซูฉินหรือ?

ไม่กลัวว่ามรดกนับหมื่นปีจะถูกทําลายลงไปอย่างพรรคหมื่นดาบบ้างหรือ?
ในขณะที่ผู้คนจํานวนนับไม่ถ้วนกําลังตื่นตกใจ

ซูฉินที่ยืนอยู่บนท้องฟ้าสูงหลายพันเมตรนั้นสงบกว่ามาก ราวกับการสังหารครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีของเขานั้นเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความพยายามสักหน่อยเท่านั้น

ซึ่งที่จริงก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

ตอนนี้ซูฉินรวมกับร่างศักดิ์สิทธิ์อีกาทองคําแล้ว และด้วยร่างกายนี้ก็เหนือกว่าร่างกายธรรมดาๆมาก มันสามารถเทียบเท่ากับเซียนเทพปฐพี่ที่แท้จริง

แม้แต่ตอนที่สู้กับครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีทั้งเจ็ด อย่างเจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมาง ซูฉินก็ใช้เพียงพลังกายล้วนๆ ส่วนทักษะอื่น แม้แต่ทิพยอํานาจจากดวงตาที่ตื่นขึ้นพร้อมกับร่างศักดิ์สิทธิ์อีกาทองคําก็ไม่ได้ถูกนําออกมาใช้

“จงมา”

จิตใจของซูฉินขยับวูบ ทันใดนั้นผนึกสายฟ้าสวรรค์ขนาดเท่ากําปั้นที่ได้มาจากบรรพชนสายฟ้าจากนิกายเทพเจ้าสายฟ้า ก็ลอยมาเบื้องหน้าของซูฉินอย่างรวดเร็ว “อาวุธวิเศษชิ้นนี้ค่อนข้างดี”

ซูฉินเหลือบมองผนึกสายฟ้าสวรรค์ พร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย
แม้ว่าผนึกสายฟ้าอันนี้จะถูกประทับรอยหมัด ด้วยฝีมือของซูฉินไปแล้ว แต่ก็ไม่อาจทําให้แก่นสําคัญของมันเสียหาย

รู้หรือไม่ด้วยร่างกายของซูฉิน เป็นเรื่องยากมากที่สิ่งใดจะทานทนหมัดของเขาได้ในตอนนี้ แต่สิ่งนี้กลับมีเพียงรอยหมัดเท่านั้น

“ถ้าได้กลืนพลังงานสายฟ้าจากผนึกเล็กๆชิ้นนี้ เกรงว่ามันจะทําให้ห้าหมัดเทพเจ้าสายฟ้าของข้าพุ่งสูงขึ้นไปอีกขั้น…”

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน
สําหรับซูฉินในตอนนี้ ผลประโยชน์ที่ใหญ่ที่สุด จากผนึกสายฟ้าสวรรค์เป็นเพียงการสร้างความก้าวหน้าให้กับห้าหมัดเทพเจ้าสายฟ้า

หากนิกายเทพเจ้าสายฟ้าได้รู้ว่ามรดกนับหมื่นปีที่สูญเสียไป เมื่อมาอยู่ในมือของซูฉินกลับถูกดูดซับไปใช้ อาจจะเป็นลมหมดสติไปได้

หลังจากนั้น นอกจากผนึกสายฟ้าสวรรค์แล้ว ซูฉันก็ยังเก็บรวบรวมอาวุธวิเศษที่ครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ทั้งเจ็ดได้เหลือเอาไว้ ตัวตนเหล่านี้เป็นรากฐานที่แข็งแกร่งที่สุดของนิกายใหญ่ ย่อมพกพาอาวุธวิเศษติดตัวมาด้วย แต่อาวุธวิเศษส่วนใหญ่กลับสลายกลายเป็นผงด้วยหมัดของซูฉินไปแล้ว เหลืออยู่เพียงไม่กี่ชิ้นอย่างผนึกสายฟ้าสวรรค์ อาวุธชิ้นอื่นแทบไม่เหลือรอด

“น่าเสียดายหม้อยานี้…” ซูฉินเหลือบมองหม้อยาที่เคยเป็นของจ้าวโอสถพร้อมกับส่ายศีรษะเล็กน้อย

เขาลงชื่อเขาใช้มาเป็นเวลาหลายสิบปีแต่ได้รับอาวุธวิเศษกลับมาไม่มากนัก และหม้อยาใบนี้ก็ดูมีเนื้อสัมผัสที่ดี สุดท้ายกลับถูกซูฉินทุบแตก
ขณะที่ซูฉันกําลังเก็บเกี่ยวสิ่งของ

ห่างจากอาณาจักรถังไปไกลลิบ เหล่าผู้นํานิกายใหญ่ระดับสูงต่างมารวมตัวกันบนภูเขาแห่งหนึ่ง

“ครานี้ บรรพชนครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีเป็นคนลงมือ แม้ตํานานยุทธแห่งอาณาจักรถังจะสูงส่งเสียดฟ้า แต่อย่างไรก็ไม่มีทางรอดไปได้..”

ผู้นํานิกายเทพเจ้าสายฟ้าเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ

ครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเชียนเทพปฐพี่ถึงเจ็ดคนร่วมมือกันสังหารตํานานยุทธเมืองฉางอัน เป็นปกติที่พวกเขาจะทราบเรื่องราวเหล่านั้น จึงรวมตัวกันที่นี่เพื่อรอข่าวการล่มสลายของอาณาจักรถัง

“คราวนี้ นิกายเทพเจ้าสายฟ้าของข้าได้นําผนึกสายฟ้าสวรรค์ออกมา นับเป็นการยอมจ่ายที่มหาศาล หลังจากวันนี้ไป นิกายเทพเจ้าสายฟ้าของข้าจะเข้ายึดเมืองฉางอัน” ผู้นํานิกายเทพเจ้าสายฟ้าเหลือบมองไปยังผู้นํานิกายคนอื่นๆ พร้อมกับกล่าวคํา

ในสายตาของเขา ด้วยการที่ครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีทั้งเจ็ดร่วมมือกันสังหารซูฉิน เมื่อซูฉินตกตาย อาณาจักรถังทั้งหมดย่อมแตกสลายอย่างไม่อาจเลี่ยง และจะกลายเป็นเขตปกครองของนิกายใหญ่

เวลานี้ ในสายตาของผู้นํานิกายใหญ่ทั้งหลาย สิ่งที่สําคัญที่สุดคือจะแบ่งแผ่นดินแห่งพลังยุทธฯอย่างไร

“เมืองฉางอัน?”

เมื่อผู้นํานิกายใหญ่คนอื่นๆ ได้ฟังเช่นนั้น คิ้วของพวกเขาก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย

เมืองฉางอันเป็นเมืองหลวงโบราณมากว่าสิบราชวงศ์ เรียกได้ว่าเป็นแกนกลางของแผ่นดินแห่งพลังยุทธอันยิ่งใหญ่ สถานที่เช่นนั้นจะต้องได้รับประโยชน์สูงสุดอย่างแน่นอนจากสถานการณ์ที่กระแสปราณฉีฟื้นคืน นี่เพิ่งจะผ่านจุดเปลี่ยนผ่านครั้งแรกมาก็เกิดแหล่งกําเนิดธาตุไฟขึ้นมาในระยะร้อยล์ห่างจากเมืองฉางอันเสียแล้ว

การที่จะมอบสมบัติล้ําค่าดังกล่าวให้กับนิกายเทพเจ้าสายฟ้า แน่นอนว่าไม่มีผู้นํานิกายใหญ่คนไหนเต็มใจจะทํา

“สหายเต่สายฟ้า บรรพชนสายฟ้าของเจ้ายอมสูญเสียมหาศาล แล้วคิดว่าบรรพชนของสํานักผู้วิเศษของข้านั้นไม่ได้จ่ายอะไรออกไปเลยหรือ?” เจ้าสํานักผู้วิเศษเยาะเย้ย “เมืองฉางอันแห่งนี้ สํานักผู้วิเศษก็ต้องการมันด้วย”
ด้วยคําที่กล่าวออกมา

ทันใดนั้นผู้นํานิกายที่เหลือก็กล่าวออกมาพร้อมกัน พวกเขาต่างต้องการครองเมืองฉางอัน ทุกคนต่างมีครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่หนู นหลัง ย่อมไม่มีใครยอมหลีกทางให้แก่กัน

ในท้ายที่สุดผู้นํานิกายใหญ่ทั้งหลายก็ตัดสินใจว่านิกายใหญ่แต่ละแห่งจะดูแลส่วนหนึ่งของเมืองฉางอัน และร่วมกับครองเมืองหลวงโบราณสิบราชวงศ์แห่งนี้

หลังจากที่แบ่งเมืองฉางอันกันได้ลงตัวแล้ว ต่อจากนั้นก็เริ่มแบ่งสันปันส่วนพื้นที่อาณาจักรถังที่เหลือ

“หนึ่งร้อยกับอีกสองเมืองทางตะวันตกเฉียงใต้ จะอยู่ในการปกครองภายใต้นิกายเฮยหยวนของข้า”

“หนึ่งร้อยสิบสามเมืองทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ตําหนักเทพเจ้าหิมะต้องการมันไว้ในการครอบครอง

“สองร้อยเก้าสิบเมืองทางทิศตะวันออกเฉียงใต้เป็นของสํานักผู้วิเศษ…”

ในชั่วพริบตา

ผู้นํานิกายใหญ่ก็ได้แบ่งพื้นที่ภายในอาณาจักรถังทั้งหมดเรียบร้อย จากนั้นจึงมองไปยังทิศทางของเมืองฉางอัน เต็มเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง

“ดูจากเวลา เหล่าบรรพชนควรจะกลับมาในเร็วๆนี้” พวกเขาต่างอยู่นอกเขตแดนของอาณาจักรถัง ห่างไกลร่วมแสนล้ําจากเมืองฉางอัน เป็นเรื่องปกติที่ไม่สามารถมองเห็นการต่อสู้ที่เกิดขึ้นในเมืองฉางอันได้

แน่นอน ในสายตาของผู้นํานิกาย พวกเขาไม่จําเป็นต้องรู้ก็ได้ เพราะครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ทั้งเจ็ดคนปิดล้อมสังหารซูฉินเอาไว้ ชะตากรรมของตํานานยุทธเมืองฉางอันย่อมถึงวาระแล้ว ไม่มีความเป็นไปได้อื่น

เมื่อทุกคนเฝ้ารออย่างอดทน

นักพรตเจ้าสํานักเอกะวิถีก็กล่าวขึ้น “เจ้าแน่ใจหรือว่าตํานานยุทธแห่งอาณาจักรถังจะตกตาย?”

เสียงของเจ้าสํานักเอกะวิถีเพิ่งจบลง

ผู้นํานิกายเฮยหยวนก็หัวเราะเยาะเย้ย “ท่านเจ้าวิถี ครั้งนี้นิกายใหญ่ต่างร่วมมือกัน แต่ท่านเป็นคนเดียวที่ปฏิเสธข้อเสนอนี้ ดังนั้นการครอบครองแผ่นดินแห่งพลังยุทธฯ นั้นไม่เกี่ยวข้องอะไรกับท่าน….”

แม้ว่าสํานักเอกะวิถีจะสืบทอดมรดกมาจากยุคเฟื่องฟูกระแสปราณฉีครั้งล่าสุด และมีภูมิหลังที่ไกลเกินกว่าสํานักเฮยหยวนจะมีได้ แต่เนื่องจากสํานักเอกะวิถีได้ปฏิเสธการร่วมมือหลายต่อหลายครั้งจนทําให้ผู้นํานิกายใหญ่คนอื่นๆไม่พอใจ และด้วยอํานาจของนิกายใหญ่ระดับสูงทั้งหลายแห่ง แม้จะเป็นสํานักเอกะวิถีก็ทําอะไรไม่ได้

“จ้าววิถี ท่านยังมองสถานการณ์ได้ไม่ชัดเจนงั้นหรือ?”

“บรรพชนครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเชียนเทพปฐพีทั้งเจ็ดคนร่วมกันลงมือ จะมีใครในโลกนี้กันที่หยุดได้ ด้วยพลังท้าทายสวรรค์เช่นนี้ ตํานานยุทธแห่งอาณาจักรถังจะไม่ตายได้อย่างไร?”

เจ้าตําหนักเทพเจ้าหิมะส่ายศีรษะเล็กน้อย เหลีอบมองเจ้าสํานักเอกะวิถีด้วยความเห็นใจ 3

“งั้นรึ?”

ท่าทีของนักพรตเจ้าสํานักเอกะวิถีสงบนิ่ง แต่ก็เกิดคลื่นลมภายในดวงตาของเขา

ฉับพลัน

ในตอนนั้นเอง

จุดแสงหลายดวงที่เกิดจากการใช้ทักษะหลบหนีก็พุ่งออกมาจากใจกลางอาณาจักรถัง เร่งรีบมาหาผู้นํานิกายใหญ่

“ชิงโชวน กลับมาทําไม?”

ผู้นํานิกายเทพเจ้าสายฟ้าสังเกตเห็นว่าในบรรดาผู้ที่ใช้ทักษะหลบหนี มีคนจากนิกายเทพเจ้าสายฟ้าของเขา และยังเป็นศิษย์สายตรงของเขาด้วย ทําให้ต้องยนคิ้วเล็กน้อย

ศิษย์นิกายเทพเจ้าสายฟ้าผู้นี้ชื่อว่า “ชิงโชว” ตอนนี้ถึงเวลาเข้ายึดครองเมืองฉางอันแล้วไม่ใช่หรือ? ยังจะกลับมาทําไมตอนนี้

ผู้นํานิกายใหญ่คนอื่นๆ หลังจากพบว่ามีศิษย์นิกายตนหลบหนีกลับมา การแสดงออกของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความสับสน

“เป็นไปได้ไหมว่าบรรพชนกําลังรอให้พวกเราย้ายนิกายไปยังเมืองฉางอัน?” เจ้าสํานักเทพโอสถอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมา

ผู้นํานิกายใหญ่คนอื่นๆ ต่างพยักหน้าเล็กน้อยหลังจากได้ยินคํากล่าวนั้น

อันที่จริง การคาดเดาของเจ้าสํานักเทพโอสถก็น่าจะเป็นความจริง ไม่เช่นนั้นจะอธิบายเรื่องที่ศิษย์สาวกรีบกลับกันมาได้อย่างไร?

แต่ก็ยังมีผู้นํานิกายใหญ่บางส่วนที่งุนงง เพราะพวกเขาพบว่าแสงจากการหลบหนีนั้นวิ่งกลับมาด้วยความเร็วที่ผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด การที่จะบรรลุถึงความเร็วระดับนี้ได้ จะต้องใช้ทุกสิ่งโดยไม่คํานึงถึงสิ่งที่จะต้องสูญเสียไป ถึงกับใช้ทักษะลับต้องห้าม

แค่เพียงส่งข่าวจากบรรพชน ทําไมต้องใช้วิธีที่สิ้นหวังเช่นนี้?
รู้หรือไม่ว่าทักษะลับต้องห้ามทั้งหลายส่งผลเสียมากมาย หากไม่ใช่ทางเลือกสุดท้ายก็ไม่มีจอมยุทธคนไหนที่เต็มใจจะใช้ทักษะต้องห้าม

หลังจากนั้นไม่นาน

ผู้ที่ใช้ทักษะหลบหนีหลายต่อหลายคนก็มาถึง

“ผู้นํานิกาย!” ศิษย์ของนิกายเทพเจ้าสายฟ้าชิง โชว คุกเข่าลงต่อหน้าผู้นํานิกายเทพเจ้าสายฟ้าเป็นคนแรก ร้องไห้คร่ําครวญทันทีที่มาถึง “ผู้นํานิกาย จบแล้ว จบแล้วทุกอย่าง นิกายเทพเจ้าสายฟ้าเราจบสินแล้ว..”
เสียงร้องไห้ครวญไปถึงปอด แสดงความรู้สึกสูญเสียอย่างหาที่สุดมิได้
เมื่อเห็นเช่นนี้ ผู้นํานิกายเทพเจ้าสายฟ้าก็เปลี่ยนสีหน้าไปทันที

“มันเกิดบ้าอะไรขึ้น?”

“บรรพชนสายฟ้าอยู่ที่ไหน? เป็นบรรพชน สายฟ้าที่ขอให้เจ้ามางั้นหรือ?”

“สถานการณ์ในเมืองฉางอันเป็นเช่นไร ตํานานยุทธแห่งอาณาจักรถังยอมแพ้หรือไม่?” ผู้นํานิกายเทพเจ้าสายฟ้าถามออกหลายคําถามติดต่อกัน

ในตอนนี้ แม้ว่าผู้นํานิกายเทพเจ้าสายฟ้าจะรู้สึกได้ว่าสิ่งต่างๆ ไม่เป็นไปตามที่คาด แต่เขาก็ไม่ได้อยากจะเชื่อ พยายามหลอกตนเองต่อไป

“บรรพชนสายฟ้า?”

ศิษย์นิกายเทพเจ้าสายฟ้าที่ชื่อ ชิงโชว” ก็พลัน รู้สึกเศร้าในทันใด เขาเห็นกับตาว่าบรรพชนสายฟ้าถูกซูฉินโจมตี แม้แต่ผนึกสายฟ้าสวรรค์ก็เบียงกระเด็นออกไป พอผู้นํานิกายเทพเจ้า สายฟ้าถามคําถามเช่นนี้ มันก็ได้กระตุ้นความทรงจําของเขากลับมาอีกครั้ง

“ผู้นํานิกาย”

“บรรพชนสายฟ้าตายแล้ว”

“ตายแล้ว ตายกันหมดแล้ว”

ศิษย์นิกายเทพเจ้าสายฟ้าที่ชื่อชิงโชว” ตัวสั่นไปทั้งร่าง เสียงของเขาแหบพร่า
“ตายแล้ว?”

“บรรพชนสายฟ้าตายแล้วหรือ?”

ผู้นํานิกายเทพเจ้าสายฟ้าตัวสั่น จิตใจว่างเปล่า ไม่สามารถตอบสนองไประยะหนึ่ง

และในขณะนั้น

เสียงของศิษย์สาวกคนอื่นๆ ที่หนีออกจากเมืองฉางอันก็ดังขึ้น

“ผู้นํานิกาย ปฐมบรรพชนได้ล่วงลับไปแล้ว……”

“เจ้าสํานัก เจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางตกตายเช่นกัน…”

“เจ้าตําหนัก บรรพชนหิมะได้จากไปแล้ว……”

ผู้นํานิกายใหญ่ทั้งหลายยืนอึ้งหน้าซีด ตัวสั่นไปทั้งกาย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 305 (II) ปิดฉาก

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 305 (II) ปิดฉาก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 305 (II) ปิดฉาก

“แก้แค้นผู้อาวุโส?”

นักพรตเฒ่าตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ส่ายศีรษะแล้วพูดว่า “แค่ในตอนนี้มันสายก็เกินไป แล้วที่เหล่านิกายใหญ่จะร้องขอความเมตตา มีหรือจะกล้าตอบโต้ผู้อาวุโส?”

การตายของครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีทั้งเจ็ด ทําให้นิกายใหญ่ทั้งหลายสูญเสียหนักกว่าที่เคยเป็นมา แม้ว่านิกายใหญ่อย่างสํานักผู้วิเศษและนิกายเทพเจ้าสายฟ้าจะยังคงมีครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่หลับใหลอยู่ แต่ซูฉินที่สังหารมาได้ถึงเจ็ดแล้ว การจะฆ่าอีกสักสองสามคนนั้นเป็นเรื่องง่ายดายอย่างยิ่ง

นิกายใหญ่จะกล้าปลุกบรรพชนขึ้นมาเพื่อรายงานเรื่องของซูฉินหรือ?

ไม่กลัวว่ามรดกนับหมื่นปีจะถูกทําลายลงไปอย่างพรรคหมื่นดาบบ้างหรือ?
ในขณะที่ผู้คนจํานวนนับไม่ถ้วนกําลังตื่นตกใจ

ซูฉินที่ยืนอยู่บนท้องฟ้าสูงหลายพันเมตรนั้นสงบกว่ามาก ราวกับการสังหารครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีของเขานั้นเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความพยายามสักหน่อยเท่านั้น

ซึ่งที่จริงก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

ตอนนี้ซูฉินรวมกับร่างศักดิ์สิทธิ์อีกาทองคําแล้ว และด้วยร่างกายนี้ก็เหนือกว่าร่างกายธรรมดาๆมาก มันสามารถเทียบเท่ากับเซียนเทพปฐพี่ที่แท้จริง

แม้แต่ตอนที่สู้กับครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีทั้งเจ็ด อย่างเจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมาง ซูฉินก็ใช้เพียงพลังกายล้วนๆ ส่วนทักษะอื่น แม้แต่ทิพยอํานาจจากดวงตาที่ตื่นขึ้นพร้อมกับร่างศักดิ์สิทธิ์อีกาทองคําก็ไม่ได้ถูกนําออกมาใช้

“จงมา”

จิตใจของซูฉินขยับวูบ ทันใดนั้นผนึกสายฟ้าสวรรค์ขนาดเท่ากําปั้นที่ได้มาจากบรรพชนสายฟ้าจากนิกายเทพเจ้าสายฟ้า ก็ลอยมาเบื้องหน้าของซูฉินอย่างรวดเร็ว “อาวุธวิเศษชิ้นนี้ค่อนข้างดี”

ซูฉินเหลือบมองผนึกสายฟ้าสวรรค์ พร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย
แม้ว่าผนึกสายฟ้าอันนี้จะถูกประทับรอยหมัด ด้วยฝีมือของซูฉินไปแล้ว แต่ก็ไม่อาจทําให้แก่นสําคัญของมันเสียหาย

รู้หรือไม่ด้วยร่างกายของซูฉิน เป็นเรื่องยากมากที่สิ่งใดจะทานทนหมัดของเขาได้ในตอนนี้ แต่สิ่งนี้กลับมีเพียงรอยหมัดเท่านั้น

“ถ้าได้กลืนพลังงานสายฟ้าจากผนึกเล็กๆชิ้นนี้ เกรงว่ามันจะทําให้ห้าหมัดเทพเจ้าสายฟ้าของข้าพุ่งสูงขึ้นไปอีกขั้น…”

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน
สําหรับซูฉินในตอนนี้ ผลประโยชน์ที่ใหญ่ที่สุด จากผนึกสายฟ้าสวรรค์เป็นเพียงการสร้างความก้าวหน้าให้กับห้าหมัดเทพเจ้าสายฟ้า

หากนิกายเทพเจ้าสายฟ้าได้รู้ว่ามรดกนับหมื่นปีที่สูญเสียไป เมื่อมาอยู่ในมือของซูฉินกลับถูกดูดซับไปใช้ อาจจะเป็นลมหมดสติไปได้

หลังจากนั้น นอกจากผนึกสายฟ้าสวรรค์แล้ว ซูฉันก็ยังเก็บรวบรวมอาวุธวิเศษที่ครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ทั้งเจ็ดได้เหลือเอาไว้ ตัวตนเหล่านี้เป็นรากฐานที่แข็งแกร่งที่สุดของนิกายใหญ่ ย่อมพกพาอาวุธวิเศษติดตัวมาด้วย แต่อาวุธวิเศษส่วนใหญ่กลับสลายกลายเป็นผงด้วยหมัดของซูฉินไปแล้ว เหลืออยู่เพียงไม่กี่ชิ้นอย่างผนึกสายฟ้าสวรรค์ อาวุธชิ้นอื่นแทบไม่เหลือรอด

“น่าเสียดายหม้อยานี้…” ซูฉินเหลือบมองหม้อยาที่เคยเป็นของจ้าวโอสถพร้อมกับส่ายศีรษะเล็กน้อย

เขาลงชื่อเขาใช้มาเป็นเวลาหลายสิบปีแต่ได้รับอาวุธวิเศษกลับมาไม่มากนัก และหม้อยาใบนี้ก็ดูมีเนื้อสัมผัสที่ดี สุดท้ายกลับถูกซูฉินทุบแตก
ขณะที่ซูฉันกําลังเก็บเกี่ยวสิ่งของ

ห่างจากอาณาจักรถังไปไกลลิบ เหล่าผู้นํานิกายใหญ่ระดับสูงต่างมารวมตัวกันบนภูเขาแห่งหนึ่ง

“ครานี้ บรรพชนครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีเป็นคนลงมือ แม้ตํานานยุทธแห่งอาณาจักรถังจะสูงส่งเสียดฟ้า แต่อย่างไรก็ไม่มีทางรอดไปได้..”

ผู้นํานิกายเทพเจ้าสายฟ้าเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ

ครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเชียนเทพปฐพี่ถึงเจ็ดคนร่วมมือกันสังหารตํานานยุทธเมืองฉางอัน เป็นปกติที่พวกเขาจะทราบเรื่องราวเหล่านั้น จึงรวมตัวกันที่นี่เพื่อรอข่าวการล่มสลายของอาณาจักรถัง

“คราวนี้ นิกายเทพเจ้าสายฟ้าของข้าได้นําผนึกสายฟ้าสวรรค์ออกมา นับเป็นการยอมจ่ายที่มหาศาล หลังจากวันนี้ไป นิกายเทพเจ้าสายฟ้าของข้าจะเข้ายึดเมืองฉางอัน” ผู้นํานิกายเทพเจ้าสายฟ้าเหลือบมองไปยังผู้นํานิกายคนอื่นๆ พร้อมกับกล่าวคํา

ในสายตาของเขา ด้วยการที่ครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีทั้งเจ็ดร่วมมือกันสังหารซูฉิน เมื่อซูฉินตกตาย อาณาจักรถังทั้งหมดย่อมแตกสลายอย่างไม่อาจเลี่ยง และจะกลายเป็นเขตปกครองของนิกายใหญ่

เวลานี้ ในสายตาของผู้นํานิกายใหญ่ทั้งหลาย สิ่งที่สําคัญที่สุดคือจะแบ่งแผ่นดินแห่งพลังยุทธฯอย่างไร

“เมืองฉางอัน?”

เมื่อผู้นํานิกายใหญ่คนอื่นๆ ได้ฟังเช่นนั้น คิ้วของพวกเขาก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย

เมืองฉางอันเป็นเมืองหลวงโบราณมากว่าสิบราชวงศ์ เรียกได้ว่าเป็นแกนกลางของแผ่นดินแห่งพลังยุทธอันยิ่งใหญ่ สถานที่เช่นนั้นจะต้องได้รับประโยชน์สูงสุดอย่างแน่นอนจากสถานการณ์ที่กระแสปราณฉีฟื้นคืน นี่เพิ่งจะผ่านจุดเปลี่ยนผ่านครั้งแรกมาก็เกิดแหล่งกําเนิดธาตุไฟขึ้นมาในระยะร้อยล์ห่างจากเมืองฉางอันเสียแล้ว

การที่จะมอบสมบัติล้ําค่าดังกล่าวให้กับนิกายเทพเจ้าสายฟ้า แน่นอนว่าไม่มีผู้นํานิกายใหญ่คนไหนเต็มใจจะทํา

“สหายเต่สายฟ้า บรรพชนสายฟ้าของเจ้ายอมสูญเสียมหาศาล แล้วคิดว่าบรรพชนของสํานักผู้วิเศษของข้านั้นไม่ได้จ่ายอะไรออกไปเลยหรือ?” เจ้าสํานักผู้วิเศษเยาะเย้ย “เมืองฉางอันแห่งนี้ สํานักผู้วิเศษก็ต้องการมันด้วย”
ด้วยคําที่กล่าวออกมา

ทันใดนั้นผู้นํานิกายที่เหลือก็กล่าวออกมาพร้อมกัน พวกเขาต่างต้องการครองเมืองฉางอัน ทุกคนต่างมีครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่หนู นหลัง ย่อมไม่มีใครยอมหลีกทางให้แก่กัน

ในท้ายที่สุดผู้นํานิกายใหญ่ทั้งหลายก็ตัดสินใจว่านิกายใหญ่แต่ละแห่งจะดูแลส่วนหนึ่งของเมืองฉางอัน และร่วมกับครองเมืองหลวงโบราณสิบราชวงศ์แห่งนี้

หลังจากที่แบ่งเมืองฉางอันกันได้ลงตัวแล้ว ต่อจากนั้นก็เริ่มแบ่งสันปันส่วนพื้นที่อาณาจักรถังที่เหลือ

“หนึ่งร้อยกับอีกสองเมืองทางตะวันตกเฉียงใต้ จะอยู่ในการปกครองภายใต้นิกายเฮยหยวนของข้า”

“หนึ่งร้อยสิบสามเมืองทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ตําหนักเทพเจ้าหิมะต้องการมันไว้ในการครอบครอง

“สองร้อยเก้าสิบเมืองทางทิศตะวันออกเฉียงใต้เป็นของสํานักผู้วิเศษ…”

ในชั่วพริบตา

ผู้นํานิกายใหญ่ก็ได้แบ่งพื้นที่ภายในอาณาจักรถังทั้งหมดเรียบร้อย จากนั้นจึงมองไปยังทิศทางของเมืองฉางอัน เต็มเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง

“ดูจากเวลา เหล่าบรรพชนควรจะกลับมาในเร็วๆนี้” พวกเขาต่างอยู่นอกเขตแดนของอาณาจักรถัง ห่างไกลร่วมแสนล้ําจากเมืองฉางอัน เป็นเรื่องปกติที่ไม่สามารถมองเห็นการต่อสู้ที่เกิดขึ้นในเมืองฉางอันได้

แน่นอน ในสายตาของผู้นํานิกาย พวกเขาไม่จําเป็นต้องรู้ก็ได้ เพราะครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ทั้งเจ็ดคนปิดล้อมสังหารซูฉินเอาไว้ ชะตากรรมของตํานานยุทธเมืองฉางอันย่อมถึงวาระแล้ว ไม่มีความเป็นไปได้อื่น

เมื่อทุกคนเฝ้ารออย่างอดทน

นักพรตเจ้าสํานักเอกะวิถีก็กล่าวขึ้น “เจ้าแน่ใจหรือว่าตํานานยุทธแห่งอาณาจักรถังจะตกตาย?”

เสียงของเจ้าสํานักเอกะวิถีเพิ่งจบลง

ผู้นํานิกายเฮยหยวนก็หัวเราะเยาะเย้ย “ท่านเจ้าวิถี ครั้งนี้นิกายใหญ่ต่างร่วมมือกัน แต่ท่านเป็นคนเดียวที่ปฏิเสธข้อเสนอนี้ ดังนั้นการครอบครองแผ่นดินแห่งพลังยุทธฯ นั้นไม่เกี่ยวข้องอะไรกับท่าน….”

แม้ว่าสํานักเอกะวิถีจะสืบทอดมรดกมาจากยุคเฟื่องฟูกระแสปราณฉีครั้งล่าสุด และมีภูมิหลังที่ไกลเกินกว่าสํานักเฮยหยวนจะมีได้ แต่เนื่องจากสํานักเอกะวิถีได้ปฏิเสธการร่วมมือหลายต่อหลายครั้งจนทําให้ผู้นํานิกายใหญ่คนอื่นๆไม่พอใจ และด้วยอํานาจของนิกายใหญ่ระดับสูงทั้งหลายแห่ง แม้จะเป็นสํานักเอกะวิถีก็ทําอะไรไม่ได้

“จ้าววิถี ท่านยังมองสถานการณ์ได้ไม่ชัดเจนงั้นหรือ?”

“บรรพชนครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเชียนเทพปฐพีทั้งเจ็ดคนร่วมกันลงมือ จะมีใครในโลกนี้กันที่หยุดได้ ด้วยพลังท้าทายสวรรค์เช่นนี้ ตํานานยุทธแห่งอาณาจักรถังจะไม่ตายได้อย่างไร?”

เจ้าตําหนักเทพเจ้าหิมะส่ายศีรษะเล็กน้อย เหลีอบมองเจ้าสํานักเอกะวิถีด้วยความเห็นใจ 3

“งั้นรึ?”

ท่าทีของนักพรตเจ้าสํานักเอกะวิถีสงบนิ่ง แต่ก็เกิดคลื่นลมภายในดวงตาของเขา

ฉับพลัน

ในตอนนั้นเอง

จุดแสงหลายดวงที่เกิดจากการใช้ทักษะหลบหนีก็พุ่งออกมาจากใจกลางอาณาจักรถัง เร่งรีบมาหาผู้นํานิกายใหญ่

“ชิงโชวน กลับมาทําไม?”

ผู้นํานิกายเทพเจ้าสายฟ้าสังเกตเห็นว่าในบรรดาผู้ที่ใช้ทักษะหลบหนี มีคนจากนิกายเทพเจ้าสายฟ้าของเขา และยังเป็นศิษย์สายตรงของเขาด้วย ทําให้ต้องยนคิ้วเล็กน้อย

ศิษย์นิกายเทพเจ้าสายฟ้าผู้นี้ชื่อว่า “ชิงโชว” ตอนนี้ถึงเวลาเข้ายึดครองเมืองฉางอันแล้วไม่ใช่หรือ? ยังจะกลับมาทําไมตอนนี้

ผู้นํานิกายใหญ่คนอื่นๆ หลังจากพบว่ามีศิษย์นิกายตนหลบหนีกลับมา การแสดงออกของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความสับสน

“เป็นไปได้ไหมว่าบรรพชนกําลังรอให้พวกเราย้ายนิกายไปยังเมืองฉางอัน?” เจ้าสํานักเทพโอสถอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมา

ผู้นํานิกายใหญ่คนอื่นๆ ต่างพยักหน้าเล็กน้อยหลังจากได้ยินคํากล่าวนั้น

อันที่จริง การคาดเดาของเจ้าสํานักเทพโอสถก็น่าจะเป็นความจริง ไม่เช่นนั้นจะอธิบายเรื่องที่ศิษย์สาวกรีบกลับกันมาได้อย่างไร?

แต่ก็ยังมีผู้นํานิกายใหญ่บางส่วนที่งุนงง เพราะพวกเขาพบว่าแสงจากการหลบหนีนั้นวิ่งกลับมาด้วยความเร็วที่ผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด การที่จะบรรลุถึงความเร็วระดับนี้ได้ จะต้องใช้ทุกสิ่งโดยไม่คํานึงถึงสิ่งที่จะต้องสูญเสียไป ถึงกับใช้ทักษะลับต้องห้าม

แค่เพียงส่งข่าวจากบรรพชน ทําไมต้องใช้วิธีที่สิ้นหวังเช่นนี้?
รู้หรือไม่ว่าทักษะลับต้องห้ามทั้งหลายส่งผลเสียมากมาย หากไม่ใช่ทางเลือกสุดท้ายก็ไม่มีจอมยุทธคนไหนที่เต็มใจจะใช้ทักษะต้องห้าม

หลังจากนั้นไม่นาน

ผู้ที่ใช้ทักษะหลบหนีหลายต่อหลายคนก็มาถึง

“ผู้นํานิกาย!” ศิษย์ของนิกายเทพเจ้าสายฟ้าชิง โชว คุกเข่าลงต่อหน้าผู้นํานิกายเทพเจ้าสายฟ้าเป็นคนแรก ร้องไห้คร่ําครวญทันทีที่มาถึง “ผู้นํานิกาย จบแล้ว จบแล้วทุกอย่าง นิกายเทพเจ้าสายฟ้าเราจบสินแล้ว..”
เสียงร้องไห้ครวญไปถึงปอด แสดงความรู้สึกสูญเสียอย่างหาที่สุดมิได้
เมื่อเห็นเช่นนี้ ผู้นํานิกายเทพเจ้าสายฟ้าก็เปลี่ยนสีหน้าไปทันที

“มันเกิดบ้าอะไรขึ้น?”

“บรรพชนสายฟ้าอยู่ที่ไหน? เป็นบรรพชน สายฟ้าที่ขอให้เจ้ามางั้นหรือ?”

“สถานการณ์ในเมืองฉางอันเป็นเช่นไร ตํานานยุทธแห่งอาณาจักรถังยอมแพ้หรือไม่?” ผู้นํานิกายเทพเจ้าสายฟ้าถามออกหลายคําถามติดต่อกัน

ในตอนนี้ แม้ว่าผู้นํานิกายเทพเจ้าสายฟ้าจะรู้สึกได้ว่าสิ่งต่างๆ ไม่เป็นไปตามที่คาด แต่เขาก็ไม่ได้อยากจะเชื่อ พยายามหลอกตนเองต่อไป

“บรรพชนสายฟ้า?”

ศิษย์นิกายเทพเจ้าสายฟ้าที่ชื่อ ชิงโชว” ก็พลัน รู้สึกเศร้าในทันใด เขาเห็นกับตาว่าบรรพชนสายฟ้าถูกซูฉินโจมตี แม้แต่ผนึกสายฟ้าสวรรค์ก็เบียงกระเด็นออกไป พอผู้นํานิกายเทพเจ้า สายฟ้าถามคําถามเช่นนี้ มันก็ได้กระตุ้นความทรงจําของเขากลับมาอีกครั้ง

“ผู้นํานิกาย”

“บรรพชนสายฟ้าตายแล้ว”

“ตายแล้ว ตายกันหมดแล้ว”

ศิษย์นิกายเทพเจ้าสายฟ้าที่ชื่อชิงโชว” ตัวสั่นไปทั้งร่าง เสียงของเขาแหบพร่า
“ตายแล้ว?”

“บรรพชนสายฟ้าตายแล้วหรือ?”

ผู้นํานิกายเทพเจ้าสายฟ้าตัวสั่น จิตใจว่างเปล่า ไม่สามารถตอบสนองไประยะหนึ่ง

และในขณะนั้น

เสียงของศิษย์สาวกคนอื่นๆ ที่หนีออกจากเมืองฉางอันก็ดังขึ้น

“ผู้นํานิกาย ปฐมบรรพชนได้ล่วงลับไปแล้ว……”

“เจ้าสํานัก เจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางตกตายเช่นกัน…”

“เจ้าตําหนัก บรรพชนหิมะได้จากไปแล้ว……”

ผู้นํานิกายใหญ่ทั้งหลายยืนอึ้งหน้าซีด ตัวสั่นไปทั้งกาย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+