เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 337 อ่านาจที่น่าเกรงขาม

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 337 อ่านาจที่น่าเกรงขาม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 337 อ่านาจที่น่าเกรงขาม

เทพธิดาไท่อน

หนึ่งในว่าที่เทพธิดาของดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลักไก่อินจากประตูเซียน ทั้งความสามารถและพรสวรรค์นั้นสูงที่สุดในกลุ่มคนทั้งห้า

ถ้าไม่ใช่เพราะความสําคัญของตราประทับไก่อินของดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลักไก่อินและเพราะความกังวลในการมอบสมบัติล้ําค่านี้ให้กับศิษย์สาวกคนอื่นๆก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เทพธิดาท่อนจะมาโลกมนุษย์ด้วยตนเอง

เวลาผ่านไปกว่าหมื่นปี แม้แต่ผู้คนภายในประตูเซียนก็ไม่รู้ว่าโลกมนุษย์ในปัจจุบันเป็นเช่นไร

เมื่อเทพธิดาไท่อนลงมือ ร่วมกับการต่อต้านของเซียนเทพปฐพี่ทั้งสี่ สายฟ้าสีม่วงที่ปกคลุมทั่วทั้งผืนฟ้าก็ค่อยๆ หายไป

เมฆด่าลอยหายไปเผยให้เห็นท้องฟ้ากว้างไกล

ชายหนุ่มท่าทางอ่อนแอและคนอื่นๆ ที่เหลือก็รู้สึกโล่งใจอย่างมาก เป็นการยากที่จะซ่อนความตกใจที่แสดงออกมาผ่านสีหน้า

แม้พวกเขาทั้งสี่จะไม่ใช่เซียนเทพปฐพี่ขั้นแบ่งจิตระดับสูงสุด แต่เมื่อพวกเขารวมพลังกันใช้พลังออกจนสุดตัวย่อมพอจะต่อกรกับจุดสูงสุดของขั้นแบ่งจิตได้ แต่ซูฉินที่อยู่เบื้องหน้าใช้ทั้ง ฝ่ามือมีด หมัดก็สามารถเอาชนะพวกเขาได้แล้ว ในตอนสุดท้ายยังเรียกสายฟ้าสวรรค์เก้าชั้นฟ้าออกมาอีก

ถ้าไม่ใช่เพราะเทพธิดาไท่อินแม้ว่าทั้งสี่คนจะยังไม่ตายแต่ก็คงได้รับบาดเจ็บสาหัส

พลังอันน่ากลัวนี้มันคือสิ่งใด?

เมื่อเทียบกับบุตรสวรรค์และเทพธิดาจากประตูเซียนก็ไม่นับว่าต่างกันมากเท่าไหร่มิใช่หรือ?

“น่าเสียดายจริงๆ”

ซูฉินส่ายศีรษะเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าคนทั้งห้าสามารถปิดกั้นหมื่นสายฟ้าฉุดกระชากได้

แม้ว่าหมื่นสายฟ้าฉุดกระชากจะเป็นกระบวนท่าไม้ตายธาตุสายฟ้า แต่คนทั้งห้าที่อยู่เบื้องหน้านี้ก็ล้วนเป็นคนจากประตูเซียน ห่างชั้นไปไกลหากจะนํามาเทียบเซียนเทพปฐพีอย่างเหลยเฉียนจือที่เพิ่งเข้าสู่ขั้นแบ่งจิต โดยเฉพาะเทพธิดาไท่อินที่ลงมือในตอนสุดท้ายไอพลังรุนแรงมากคาดว่าใกล้จะถึงจุดสูงสุดของขั้นแบ่งจิตแล้ว

แม้ว่าความแข็งแกร่งของซูฉินจะครอบงําผู้คน แต่ก็ค่อนข้างยากที่จะปราบเซียนเทพปฐพี่ทั้งห้าซึ่งหนึ่งในนั้นยังเป็นผู้ที่อยู่ใกล้กับจุดสูงสุดของขั้นแบ่งจิต

แน่นอนว่าเหตุผลคือซูฉันยังไม่ได้ใช้ไพ่ในมืออย่างจริงจังหมื่นสายฟ้าฉุดกระชากไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่ากระบวนท่าสังหารที่ซูฉินได้รับจากการลงชื่อเข้าใช้บนเกาะเทพเจ้าสายฟ้ามันยังห่างไกลจากไพ่ลับในมือของเขาอีกมาก

“เจ้ากล้าที่จะหยุดยั้งข้า เจ้าไม่กลัวความตายหรือ?” ซูฉันมองไปที่เทพธิดาไท่อน ถ้าไม่ใช่เพราะการเคลื่อนไหวของเทพธิดาไทอิน อย่างน้อยกลุ่มของชายท่าทางอ่อนแอคงจะได้รับบาดเจ็บไม่น้อย

“พรรคพวกจากประตูเซียน หากพวกเขาตายไปจนหมด ข้าคงไม่สามารถอธิบายสิ่งใดได้ยามเมื่อกลับไป”เทพธิดาไท่อินมีน้ำเสียงที่เย็นชาแต่สีหน้าที่ดูเคร่งเครียดของนางแสดงให้เห็นว่านางไม่ได้สงบเหมือนอย่างที่เห็นภายนอก

ในสายตาของกลุ่มชายท่าทางอ่อนแอทั้งสี่คน หลังจากที่เทพธิดาไท่อนเคลื่อนไหวพวกเขาก็สามารถปิดกั้นสายฟ้าสวรรค์เก้าชั้นฟ้าได้ ซึ่งดูเหมือนจะเทียบได้กับซูฉิน

มีเพียงแค่เทพธิดาไท่อนเท่านั้นที่รู้ว่าราคาที่ต้องจ่ายไปมันมากเท่าไหร่

จนถึงตอนนี้เทพธิดาไก่อินยังคงรู้สึกชาตามร่างกายเล็กน้อย

“นอกจากนี้ แม้ว่าข้าจะไม่เคลื่อนไหว แต่ข้านั้นจะรอดหรือหากสหายเต่สังหารพวกเขาไปหมดแล้ว?”ความรู้สึกไร้หนทางปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเทพธิดาไท่อน

เนื่องจากซูฉันรู้จักประตูเซียน เป็นปกติที่เขาจะต้องรู้ว่ามันเป็นมรดกที่สืบทอดมาจากผู้ทรงพลังถึงขีดสุดด้วยสถานการณ์เช่นนี้ หากซูฉันเลือกทําอะไรบางอย่างกับกลุ่มของชายท่าทางอ่อนแอเขาจะไม่มีวันปล่อยให้อีกฝ่ายมีชีวิตอยู่และกลับไปรายงาน

กล่าวอีกนัยหนึ่งหากเทพธิดาไท่อนไม่ต้องการจะถูกไล่ล่าโดยซูฉิน นางก็จําเป็นจะต้องร่วมมือกับเซียนเทพปฐพีทั้งสี่เท่านั้น

“เจ้าฉลาดน” รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน

เขาไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยเทพธิดาไก่อินไปจริงๆ เมื่อเลือกที่จะลงมือแล้ว ก็ต้องขุดรากถอนโคนให้เพี้ยน

“เมื่อเป็นเช่นนั้น”

“พวกเจ้าก็จงตายกันเสียให้หมดเถอะ”

ดวงตาของซูฉินสงบนิ่ง ก้าวขาออกไปหนึ่งก้าว ไอพลังที่น่าสะพรึงกลัวสั่นสะเทือนท้องฟ้าและผืนดิน

“ลงมือให้เต็มที่ ร่วมมือกัน ไม่เช่นนั้นข้าเกรงว่าเราจะต้องทิ้งร่างอยู่ที่นี่ในวันนี้แล้ว” เสียงของเทพธิดาไท่อนนั้นชัดแจ้ง แต่ความกังวลก็มีอยู่มาก

“เทพธิดาไท่อนไม่ต้องกังวลไป หลังจากนี้ข้ารู้แล้วว่าต้องทําเช่นไร” ชายหนุ่มท่าทางอ่อนแอดูเคร่งเครียดกล่าวออกอย่างสุขุม ส่วนอีกสามคนก็พยักหน้ารับเช่นเดียวกัน

เมื่อมาถึงระดับนี้ เห็นได้ชัดว่าทางเลือกเดียวคือต้องรวมพลังกันปิดกันซูฉิน ส่วนเรื่องการหลบหนีมีแต่จะทําให้พวกเขาอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกไล่ล่าสังหารเท่านั้น

จะเกิดอะไรขึ้นหากพวกเขาหลบหนีไป? ตราประทับไก่อินก็ยังฟื้นฟูพลังไม่เสร็จ เป็นไปไม่ได้ที่จะคุ้มกันทั้งห้าคนให้ข้ามผ่านช่องว่างแห่งความว่างเปล่าไปได้ในระหว่างนั้นพวกเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับซูฉิน

“ดาบสวรรค์ กระบวนท่าที่สี่!” ดาบยาวในมือเด็กหนุ่มปรากฏขึ้นอีกครั้ง รวมตัวกันเป็นแสงศักดิ์ สิทธิ์ เจตจํานงแห่งดาบอันกว้างใหญ่ดูเหมือนเงาสลัวคลุมเครือ คมกริบถึงขนาดตัดผืนโลกทั้ง เก้าชั้นลงไปใต้พิภพ

เป้ง!

ซูฉินดังคมมีดเทพเจ้าสายฟ้าออกมาดั่งใจนึก พุ่งเข้าใส่เจตจํานงดาบของเด็กหนุ่มทันใดนั้นกลิ่นอายสยดสยองก็พวยพุ่งร่างของเด็กหนุ่มสั่นเทา มองมาที่ซูฉินด้วยความตกใจ

ดาบสวรรค์เก้ารูปแบบเป็นท่าไม้ตายที่สืบทอดมาในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาดาบสวรรค์ด้วยความแข็งแกร่งของเขาสามารถฟาดฟันได้มากที่สุดก็แค่รูปแบบที่สามเท่านั้นแต่กระนั้นมันก็เพียงพอที่จะใช้อาละวาดไปได้ทั่วดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว

และตอนนี้ เด็กหนุ่มยอมสูญเสีย ฝืนใช้ดาบสวรรค์รูปแบบที่สื่ออกมาพลังของมันเกินกว่าขั้นแบ่งจิตไปอย่างสิ้นเชิงเดิมทีเขาจะคิดว่ากระบวนท่านี้คงจะถ่วงรั้งซุฉินได้ชั่วขณะหนึ่งแต่ท้ายที่สุดกลับถูกซูฉินบังคับให้ล่าถอยกลับไปอีกครั้ง

ต่อจากนั้น ซฉินก็ยังคงออกกระบวนท่าต่อไป กดขี่เซียนเทพปฐพี่ทั้งห้าอย่างต่อเนื่องถ้าเทพธิดาท่อนไม่ได้เข้าร่วมด้วยและใช้พลังจันทราเข้าสู่ซึ่งพอจะถ่วงเวลาซูฉินได้บ้างเกรงว่าพวกเขาทั้งสี่คงถูกเล่นงานไปแล้ว

แต่ถึงกระนั้น สถานการณ์ต่อสู้ก็ดูจะไม่ได้เอนเอียงมาทางฝั่งของคนทั้งห้าจากประตูเซียน

“คนผู้นี้คือใครกัน?”

“ตัวตนผิดปกติเช่นนี้เกิดขึ้นบนโลกมนุษย์ในยุคที่กระแสปราณจี้เงียบงันได้อย่างไร?”ชายชราคิ้วขาวกระอักเลือดออกมา

ในบรรดาคนทั้งห้า ชายชราคิ้วขาวเป็นคนที่รู้สึกกดดันมากที่สุด เขาเก่งในด้านการใช้จิตวิญญาณแรกกําเนิดซึ่งอ่อนแอกว่าเซียนเทพปฐพีคนอื่นๆ ทั้งในด้านร่างกายและพลังแห่งกฎเกณฑ์ธรรมชาติ

เพียงแต่ว่าซูฉันน่าจะกลัวการโจมตีจากจิตวิญญาณแรกกําเนิดน้อยที่สุดแล้วด้วยองค์ยูไลทองค่าภายในกึ่งกลางระหว่างคิ้วของซูฉินทําให้สามารถป้องกันการโจมตีทางจิตวิญญาณได้ทั้งหมด

ดังนั้นแม้ว่าชายชราคิ้วขาวจะใช้ท่าไม้ตายจิตวิญญาณแรกกําเนิดใส่ซูฉินมากเพียงไรมันก็เหมือนเพียงก้อนหินที่ตกลงบนพื้นมหาสมุทรเกิดคลื่นขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นในทางกลับกันผลจากหมัดที่ปล่อยออกไปส่งๆของซูฉินกลับเพียงพอที่จะทําร้ายชายชราคิ้วขาว

การต่อสู้ของทั้งคู่ไม่มีความเท่าเทียมกันแต่ประการใด

ถ้าไม่ใช่เพราะเทพธิดาไปอินที่มาอยู่ด้านข้างเป็นครั้งคราว ชายชราคิ้วขาวคงจะต้องตกตายเป็นคนแรกอย่างแน่นอน

“จงมอบชีวิตมาให้ข้า!?”

ก่อนที่หมานโหยวชายร่างกํายําจะก้าวไปด้านหน้าตาของเขาก็กลายเป็นสีแดงเลือดและเส้นผมที่เป็นสีดําก็เปลี่ยนไปเป็นสีขาวตั้งแต่รากยันปลายผม ผิวมันเงามีสีเข้มมากขึ้น

ทําให้ชายร่างกายได้รับแรงผลักดันบางอย่าง ก้าวข้ามขั้นแบ่งจิตระดับกลางไปอย่างรวดเร็วพุ่งไปถึงจุดสูงสุดของขั้นแบ่งจิต

เห็นได้ชัดว่าหมานโหยวนผู้นี้เริ่มลงมือสุดกําลัง วิธีที่เขาใช้เพิ่มความแข็งแกร่งเป็นทักษะต้องห้ามแม้จะมาจากประตูเซียนแต่ก็มันสร้างความเสียหายอย่างมากต่อแก่นแท้แห่งพลังแม้จะใช้ออกเพียงครั้งเดียว

“ฮ่าฮ่า….”

ซูฉินหัวเราะออกมา กําหมัดขวา เหวี่ยงตัดอากาศประทับเข้าที่หน้าอกต่อหน้าสายตาเหลือเชื่อของชายร่างกาย่าบูม!

หมานโหยวชายร่างกําย่ากระเด็นลอยกลับหัวกลับหาง กระแทกพื้นอย่างรุนแรง

“เจ้า?!”

หมานโหยวกระอักเลือด มันมีแม้กระทั่งเศษอวัยวะภายในไหลออกมา ริมฝีปากของเขากระตุกต้องการจะพูดบางอย่างแต่สายตาของเขาเริ่มหม่นแสงสุดท้ายก็ดับลงไม่เหลือแววตาแห่งชีวิตอีกต่อไป

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 337 อ่านาจที่น่าเกรงขาม

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 337 อ่านาจที่น่าเกรงขาม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 337 อ่านาจที่น่าเกรงขาม

เทพธิดาไท่อน

หนึ่งในว่าที่เทพธิดาของดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลักไก่อินจากประตูเซียน ทั้งความสามารถและพรสวรรค์นั้นสูงที่สุดในกลุ่มคนทั้งห้า

ถ้าไม่ใช่เพราะความสําคัญของตราประทับไก่อินของดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลักไก่อินและเพราะความกังวลในการมอบสมบัติล้ําค่านี้ให้กับศิษย์สาวกคนอื่นๆก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เทพธิดาท่อนจะมาโลกมนุษย์ด้วยตนเอง

เวลาผ่านไปกว่าหมื่นปี แม้แต่ผู้คนภายในประตูเซียนก็ไม่รู้ว่าโลกมนุษย์ในปัจจุบันเป็นเช่นไร

เมื่อเทพธิดาไท่อนลงมือ ร่วมกับการต่อต้านของเซียนเทพปฐพี่ทั้งสี่ สายฟ้าสีม่วงที่ปกคลุมทั่วทั้งผืนฟ้าก็ค่อยๆ หายไป

เมฆด่าลอยหายไปเผยให้เห็นท้องฟ้ากว้างไกล

ชายหนุ่มท่าทางอ่อนแอและคนอื่นๆ ที่เหลือก็รู้สึกโล่งใจอย่างมาก เป็นการยากที่จะซ่อนความตกใจที่แสดงออกมาผ่านสีหน้า

แม้พวกเขาทั้งสี่จะไม่ใช่เซียนเทพปฐพี่ขั้นแบ่งจิตระดับสูงสุด แต่เมื่อพวกเขารวมพลังกันใช้พลังออกจนสุดตัวย่อมพอจะต่อกรกับจุดสูงสุดของขั้นแบ่งจิตได้ แต่ซูฉินที่อยู่เบื้องหน้าใช้ทั้ง ฝ่ามือมีด หมัดก็สามารถเอาชนะพวกเขาได้แล้ว ในตอนสุดท้ายยังเรียกสายฟ้าสวรรค์เก้าชั้นฟ้าออกมาอีก

ถ้าไม่ใช่เพราะเทพธิดาไท่อินแม้ว่าทั้งสี่คนจะยังไม่ตายแต่ก็คงได้รับบาดเจ็บสาหัส

พลังอันน่ากลัวนี้มันคือสิ่งใด?

เมื่อเทียบกับบุตรสวรรค์และเทพธิดาจากประตูเซียนก็ไม่นับว่าต่างกันมากเท่าไหร่มิใช่หรือ?

“น่าเสียดายจริงๆ”

ซูฉินส่ายศีรษะเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าคนทั้งห้าสามารถปิดกั้นหมื่นสายฟ้าฉุดกระชากได้

แม้ว่าหมื่นสายฟ้าฉุดกระชากจะเป็นกระบวนท่าไม้ตายธาตุสายฟ้า แต่คนทั้งห้าที่อยู่เบื้องหน้านี้ก็ล้วนเป็นคนจากประตูเซียน ห่างชั้นไปไกลหากจะนํามาเทียบเซียนเทพปฐพีอย่างเหลยเฉียนจือที่เพิ่งเข้าสู่ขั้นแบ่งจิต โดยเฉพาะเทพธิดาไท่อินที่ลงมือในตอนสุดท้ายไอพลังรุนแรงมากคาดว่าใกล้จะถึงจุดสูงสุดของขั้นแบ่งจิตแล้ว

แม้ว่าความแข็งแกร่งของซูฉินจะครอบงําผู้คน แต่ก็ค่อนข้างยากที่จะปราบเซียนเทพปฐพี่ทั้งห้าซึ่งหนึ่งในนั้นยังเป็นผู้ที่อยู่ใกล้กับจุดสูงสุดของขั้นแบ่งจิต

แน่นอนว่าเหตุผลคือซูฉันยังไม่ได้ใช้ไพ่ในมืออย่างจริงจังหมื่นสายฟ้าฉุดกระชากไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่ากระบวนท่าสังหารที่ซูฉินได้รับจากการลงชื่อเข้าใช้บนเกาะเทพเจ้าสายฟ้ามันยังห่างไกลจากไพ่ลับในมือของเขาอีกมาก

“เจ้ากล้าที่จะหยุดยั้งข้า เจ้าไม่กลัวความตายหรือ?” ซูฉันมองไปที่เทพธิดาไท่อน ถ้าไม่ใช่เพราะการเคลื่อนไหวของเทพธิดาไทอิน อย่างน้อยกลุ่มของชายท่าทางอ่อนแอคงจะได้รับบาดเจ็บไม่น้อย

“พรรคพวกจากประตูเซียน หากพวกเขาตายไปจนหมด ข้าคงไม่สามารถอธิบายสิ่งใดได้ยามเมื่อกลับไป”เทพธิดาไท่อินมีน้ำเสียงที่เย็นชาแต่สีหน้าที่ดูเคร่งเครียดของนางแสดงให้เห็นว่านางไม่ได้สงบเหมือนอย่างที่เห็นภายนอก

ในสายตาของกลุ่มชายท่าทางอ่อนแอทั้งสี่คน หลังจากที่เทพธิดาไท่อนเคลื่อนไหวพวกเขาก็สามารถปิดกั้นสายฟ้าสวรรค์เก้าชั้นฟ้าได้ ซึ่งดูเหมือนจะเทียบได้กับซูฉิน

มีเพียงแค่เทพธิดาไท่อนเท่านั้นที่รู้ว่าราคาที่ต้องจ่ายไปมันมากเท่าไหร่

จนถึงตอนนี้เทพธิดาไก่อินยังคงรู้สึกชาตามร่างกายเล็กน้อย

“นอกจากนี้ แม้ว่าข้าจะไม่เคลื่อนไหว แต่ข้านั้นจะรอดหรือหากสหายเต่สังหารพวกเขาไปหมดแล้ว?”ความรู้สึกไร้หนทางปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเทพธิดาไท่อน

เนื่องจากซูฉันรู้จักประตูเซียน เป็นปกติที่เขาจะต้องรู้ว่ามันเป็นมรดกที่สืบทอดมาจากผู้ทรงพลังถึงขีดสุดด้วยสถานการณ์เช่นนี้ หากซูฉันเลือกทําอะไรบางอย่างกับกลุ่มของชายท่าทางอ่อนแอเขาจะไม่มีวันปล่อยให้อีกฝ่ายมีชีวิตอยู่และกลับไปรายงาน

กล่าวอีกนัยหนึ่งหากเทพธิดาไท่อนไม่ต้องการจะถูกไล่ล่าโดยซูฉิน นางก็จําเป็นจะต้องร่วมมือกับเซียนเทพปฐพีทั้งสี่เท่านั้น

“เจ้าฉลาดน” รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน

เขาไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยเทพธิดาไก่อินไปจริงๆ เมื่อเลือกที่จะลงมือแล้ว ก็ต้องขุดรากถอนโคนให้เพี้ยน

“เมื่อเป็นเช่นนั้น”

“พวกเจ้าก็จงตายกันเสียให้หมดเถอะ”

ดวงตาของซูฉินสงบนิ่ง ก้าวขาออกไปหนึ่งก้าว ไอพลังที่น่าสะพรึงกลัวสั่นสะเทือนท้องฟ้าและผืนดิน

“ลงมือให้เต็มที่ ร่วมมือกัน ไม่เช่นนั้นข้าเกรงว่าเราจะต้องทิ้งร่างอยู่ที่นี่ในวันนี้แล้ว” เสียงของเทพธิดาไท่อนนั้นชัดแจ้ง แต่ความกังวลก็มีอยู่มาก

“เทพธิดาไท่อนไม่ต้องกังวลไป หลังจากนี้ข้ารู้แล้วว่าต้องทําเช่นไร” ชายหนุ่มท่าทางอ่อนแอดูเคร่งเครียดกล่าวออกอย่างสุขุม ส่วนอีกสามคนก็พยักหน้ารับเช่นเดียวกัน

เมื่อมาถึงระดับนี้ เห็นได้ชัดว่าทางเลือกเดียวคือต้องรวมพลังกันปิดกันซูฉิน ส่วนเรื่องการหลบหนีมีแต่จะทําให้พวกเขาอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกไล่ล่าสังหารเท่านั้น

จะเกิดอะไรขึ้นหากพวกเขาหลบหนีไป? ตราประทับไก่อินก็ยังฟื้นฟูพลังไม่เสร็จ เป็นไปไม่ได้ที่จะคุ้มกันทั้งห้าคนให้ข้ามผ่านช่องว่างแห่งความว่างเปล่าไปได้ในระหว่างนั้นพวกเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับซูฉิน

“ดาบสวรรค์ กระบวนท่าที่สี่!” ดาบยาวในมือเด็กหนุ่มปรากฏขึ้นอีกครั้ง รวมตัวกันเป็นแสงศักดิ์ สิทธิ์ เจตจํานงแห่งดาบอันกว้างใหญ่ดูเหมือนเงาสลัวคลุมเครือ คมกริบถึงขนาดตัดผืนโลกทั้ง เก้าชั้นลงไปใต้พิภพ

เป้ง!

ซูฉินดังคมมีดเทพเจ้าสายฟ้าออกมาดั่งใจนึก พุ่งเข้าใส่เจตจํานงดาบของเด็กหนุ่มทันใดนั้นกลิ่นอายสยดสยองก็พวยพุ่งร่างของเด็กหนุ่มสั่นเทา มองมาที่ซูฉินด้วยความตกใจ

ดาบสวรรค์เก้ารูปแบบเป็นท่าไม้ตายที่สืบทอดมาในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาดาบสวรรค์ด้วยความแข็งแกร่งของเขาสามารถฟาดฟันได้มากที่สุดก็แค่รูปแบบที่สามเท่านั้นแต่กระนั้นมันก็เพียงพอที่จะใช้อาละวาดไปได้ทั่วดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว

และตอนนี้ เด็กหนุ่มยอมสูญเสีย ฝืนใช้ดาบสวรรค์รูปแบบที่สื่ออกมาพลังของมันเกินกว่าขั้นแบ่งจิตไปอย่างสิ้นเชิงเดิมทีเขาจะคิดว่ากระบวนท่านี้คงจะถ่วงรั้งซุฉินได้ชั่วขณะหนึ่งแต่ท้ายที่สุดกลับถูกซูฉินบังคับให้ล่าถอยกลับไปอีกครั้ง

ต่อจากนั้น ซฉินก็ยังคงออกกระบวนท่าต่อไป กดขี่เซียนเทพปฐพี่ทั้งห้าอย่างต่อเนื่องถ้าเทพธิดาท่อนไม่ได้เข้าร่วมด้วยและใช้พลังจันทราเข้าสู่ซึ่งพอจะถ่วงเวลาซูฉินได้บ้างเกรงว่าพวกเขาทั้งสี่คงถูกเล่นงานไปแล้ว

แต่ถึงกระนั้น สถานการณ์ต่อสู้ก็ดูจะไม่ได้เอนเอียงมาทางฝั่งของคนทั้งห้าจากประตูเซียน

“คนผู้นี้คือใครกัน?”

“ตัวตนผิดปกติเช่นนี้เกิดขึ้นบนโลกมนุษย์ในยุคที่กระแสปราณจี้เงียบงันได้อย่างไร?”ชายชราคิ้วขาวกระอักเลือดออกมา

ในบรรดาคนทั้งห้า ชายชราคิ้วขาวเป็นคนที่รู้สึกกดดันมากที่สุด เขาเก่งในด้านการใช้จิตวิญญาณแรกกําเนิดซึ่งอ่อนแอกว่าเซียนเทพปฐพีคนอื่นๆ ทั้งในด้านร่างกายและพลังแห่งกฎเกณฑ์ธรรมชาติ

เพียงแต่ว่าซูฉันน่าจะกลัวการโจมตีจากจิตวิญญาณแรกกําเนิดน้อยที่สุดแล้วด้วยองค์ยูไลทองค่าภายในกึ่งกลางระหว่างคิ้วของซูฉินทําให้สามารถป้องกันการโจมตีทางจิตวิญญาณได้ทั้งหมด

ดังนั้นแม้ว่าชายชราคิ้วขาวจะใช้ท่าไม้ตายจิตวิญญาณแรกกําเนิดใส่ซูฉินมากเพียงไรมันก็เหมือนเพียงก้อนหินที่ตกลงบนพื้นมหาสมุทรเกิดคลื่นขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นในทางกลับกันผลจากหมัดที่ปล่อยออกไปส่งๆของซูฉินกลับเพียงพอที่จะทําร้ายชายชราคิ้วขาว

การต่อสู้ของทั้งคู่ไม่มีความเท่าเทียมกันแต่ประการใด

ถ้าไม่ใช่เพราะเทพธิดาไปอินที่มาอยู่ด้านข้างเป็นครั้งคราว ชายชราคิ้วขาวคงจะต้องตกตายเป็นคนแรกอย่างแน่นอน

“จงมอบชีวิตมาให้ข้า!?”

ก่อนที่หมานโหยวชายร่างกํายําจะก้าวไปด้านหน้าตาของเขาก็กลายเป็นสีแดงเลือดและเส้นผมที่เป็นสีดําก็เปลี่ยนไปเป็นสีขาวตั้งแต่รากยันปลายผม ผิวมันเงามีสีเข้มมากขึ้น

ทําให้ชายร่างกายได้รับแรงผลักดันบางอย่าง ก้าวข้ามขั้นแบ่งจิตระดับกลางไปอย่างรวดเร็วพุ่งไปถึงจุดสูงสุดของขั้นแบ่งจิต

เห็นได้ชัดว่าหมานโหยวนผู้นี้เริ่มลงมือสุดกําลัง วิธีที่เขาใช้เพิ่มความแข็งแกร่งเป็นทักษะต้องห้ามแม้จะมาจากประตูเซียนแต่ก็มันสร้างความเสียหายอย่างมากต่อแก่นแท้แห่งพลังแม้จะใช้ออกเพียงครั้งเดียว

“ฮ่าฮ่า….”

ซูฉินหัวเราะออกมา กําหมัดขวา เหวี่ยงตัดอากาศประทับเข้าที่หน้าอกต่อหน้าสายตาเหลือเชื่อของชายร่างกาย่าบูม!

หมานโหยวชายร่างกําย่ากระเด็นลอยกลับหัวกลับหาง กระแทกพื้นอย่างรุนแรง

“เจ้า?!”

หมานโหยวกระอักเลือด มันมีแม้กระทั่งเศษอวัยวะภายในไหลออกมา ริมฝีปากของเขากระตุกต้องการจะพูดบางอย่างแต่สายตาของเขาเริ่มหม่นแสงสุดท้ายก็ดับลงไม่เหลือแววตาแห่งชีวิตอีกต่อไป

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+