เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 84 ขวัญสะท้าน

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 84 ขวัญสะท้าน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 84 ขวัญสะท้าน

 

 

“นี่…นี่นี่นี่….”

 

เมื่อยามที่ศิษย์สำนักต่างๆ วางแผนจะหลบหนีเอาชีวิตรอดแล้วมาได้เห็นฉากนี้ ก็พลันตกตะลึง พวกเขาไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่ายอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งอย่างชายจมูกงุ้มเหมือนนกอินทรีที่สามารถจัดการยอดฝีมือในขอบเขตสามระดับบนได้อย่างง่ายดาย ตอนนี้กลับถูกตัดแบ่งเป็นสองส่วนอย่างไม่อาจต้านทานอะไรได้เลย

 

“ประกายดาบเมื่อครู่…”

 

นักพรตเฒ่าจากเขาหวู่ตั้งเพิ่งฟื้นขึ้นมาจากอาการหมดสติ สิ่งที่เขาเห็นคือประกายดาบที่พังทลายทุกสิ่ง

 

ด้วยประกายแสงดาบนั่น ราวกับห้วงมิติฟ้าดินจะโดนตัดขาดออกได้ ทุกสิ่งในโลกหล้าถูกบดบังด้วยแสงดาบอันสว่างเจิดจ้า

 

“แม้ว่าจะเป็นศิษย์พี่ลงมือเอง แต่ก็ยังห่างไกลจากความสามารถในการฟาดฟันของดาบเล่มเมื่อครู่…”

 

นักพรตเฒ่าแห่งเขาหวู่ตั้งพึมพำอยู่กับตนเอง การแสดงออกของเขาเหมือนกับยังจมอยู่กับความคิดเรื่องประกายดาบ

 

“ข้า…ข้ารอดแล้วหรือ?”

 

จางเซียวล้มลงกับพื้นเสียงดัง แต่เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดใดๆ กลับเต็มไปด้วยความยินดีแทน

 

ความเกลียดชังที่ชายจมูกงุ้มมีนั้นเอ่อล้นจนจางเซียวไม่จำเป็นต้องคาดเดาว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะรู้ดีว่าหากตกอยู่ในเงื้อมมือของฝ่ายตรงข้าม ต่อให้ร้องขอความเมตตาอย่างไรก็คงหนีไม่พ้นความตายอยู่ดี

 

“เมื่อกี้ข้าเกือบถูกประกายดาบฟาดฟันเข้าให้แล้วไหมเล่า…”

 

หัวใจของจางเซียวแทบจะหยุดนิ่ง แตกต่างจากคนอื่นที่เห็นประกายดาบจากระยะไกล แต่ตัวจางเซียวถูกจับเอาไว้โดยชายจมูกนกเกือบจะถูกดาบผ่าไปพร้อมกัน

 

จากพลังที่เห็นได้จากประกายดาบนั้น ไม่ต้องคิดให้มากความเลยว่าตัวจางเซียวเองคงมีสภาพไม่ต่างไปจากชายจมูกงุ้มผู้นั้นแน่หากโดนประกายดาบนั่นเข้าไป

 

“นายท่านตายแล้วอย่างนั้นหรือ?”

 

กลุ่มคนชุดดำ กองกำลังของชายจมูกงุ้มพากันสั่นสะท้านอย่างถ้วนทั่ว ใบหน้าของพวกมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

 

แม้ว่าจนถึงตอนนี้พวกมันก็ยังไม่รู้ว่าประกายดาบนั่นคืออะไร แต่สิ่งที่รู้คือชายจมูกงุ้มได้ตายจากไปแล้วต่อหน้าต่อตาพวกเขาตรงนี้เลย

 

“ข้าควรทำอย่างไรดี?”

 

คนในชุดคลุมสีดำหลายคนต่างหันมองหน้ากันและล่าถอยให้ห่างจากที่เกิดเหตุ

 

การสูญเสียชายจมูกงุ้มไป ทำให้ความแข็งแกร่งของกลุ่มพวกเขาลดลงเป็นอย่างมาก อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องการเข้าปิดล้อมเหล่าศิษย์จากสำนักต่างๆ เลย เกรงว่าหากไม่ระวังตัว ตอนนี้ก็อาจถูกสังหารเอาได้เหมือนกัน

 

“รีบไปเร็ว”

 

กลุ่มคนชุดดำพวกนี้ตัดสินใจกันได้ในทันที

 

หากชายจมูกงุ้มยังคงมีชีวิตอยู่ พวกเขาจะไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งของยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่ง

 

แต่ตอนนี้ชายจมูกงุ้มก็กลายเป็นเพียงร่างไร้วิญญาณเนื้อตัวเย็นเยียบ ถ้าพวกเขาไม่จากไปในตอนนี้ จะให้จากไปตอนไหนได้อีกเล่า?

 

ถ้าประกายดาบเมื่อครู่มันกลับมาอีกครั้ง พวกเขาไม่ทอดร่างเป็นศพอยู่ที่นี่หรอกหรือ?

 

ฟึ่บ!

 

ฟึ่บ!

 

ฟึ่บ!

 

ทันใดนั้น คนในชุดดำค่อยๆ หายไปทีละคน

 

ในขณะนี้เหล่าศิษย์สำนักนิกายต่างๆ ที่อยู่บริเวณนี้ ไม่ได้สนใจคนในชุดดำเลย สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่เฉียนขู่

 

“นี่คือ?”

 

เฉียนขู่ยังคงไว้ซึ่งใบหน้าที่ดูว่างเปล่า เขากำลังรอคอยความตายอยู่เมื่อครู่ ด้วยความแข็งแกร่งของชายจมูกงุ้ม มันไม่ยากเลยที่จะสังหารเหล่าผู้ฝึกยุทธในขอบเขตสามระดับกลางหรือแม่แต่ระดับชั้นที่สาม

 

“เพราะดาบไม้ที่ท่านผู้ทรงสมณศักดิ์ฯ ได้มอบให้ข้าอย่างงั้นหรือ?

 

เฉียนขู่ได้มองลงไปที่ดาบไม้ที่ยังคงห้อยอยู่กับคอของเขา

 

ในขณะนี้ดาบไม้กลับสู่สภาพปกติอีกครั้ง เพียงแต่มีรอยแตกเล็กๆ ที่แทบจะมองไม่เห็นปรากฏขึ้นที่คมของดาบไม้

 

เมื่อตอนที่เฉียนขู่ยังตกตะลึงอยู่นั้น ศิษย์สำนักอื่นๆ ต่างก็เดินเข้าไปอย่างระมัดระวังจากนั้นจึงหยุดห่างจากเฉียนขู่ประมาณสิบเมตร พากันมองเฉียนขู่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นแต่ไม่กล้าพูดอะไรออกไป

 

พวกเขาต่างเป็นหัวกะทิของสำนักต่างๆ แม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าประกายแสงดาบที่ตัดผ่าทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อครู่คืออะไร แต่พวกเขาก็รู้ชัดว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับเฉียนขู่

 

“เณรน้อย…เฉียนขู่ เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น?”

 

ในตอนนี้เอง จางเซียวก็ฟื้นคืนสติกลับมาได้แล้วจึงเดินไปหาเฉียนขู่ และอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกไป

 

ทันทีที่คำพูดถูกกล่าวออกมา ดวงตาของศิษย์สำนักอื่นๆ สว่างวาวระยับ หูกระพือขึ้นเพื่อฟังว่าเฉียนขู่จะตอบว่าอย่างไร

 

“เกิดอะไรขึ้นงั้นรึ?”

 

เฉียนขู่กะพริบตา ไม่รู้จะเอ่ยอะไรออกไปดี

 

ดาบไม้ด้ามนี้ผู้ทรงสมณศักดิ์ฯ ได้มอบให้กับเขา ภายในดาบไม้คงจะมีวิธีการลับบางอย่างที่ท่านผู้ทรงสมณศักดิ์ฯ ใส่เอาไว้ภายใน

 

ทันใดนั้น

 

เสียงคำรามต่ำก็ดังขึ้น

 

“จางเซียว อย่าได้ถามเรื่องที่มิควรถาม!”

 

เห็นเป็นนักพรตเฒ่าแห่งเขาหวู่ตั้งเดินอย่างรวดเร็วดุดันมาทางจางเซียว

 

ทันใดนั้นนักพรตเฒ่าก็โค้งคำนับอย่างสุดซึ้งในหัวใจให้กับเฉียนขู่ท่ามกลางสายตาอึ้งทึ่งของทุกคน

 

“ขอบคุณความช่วยเหลือจากท่าน เขาหวู่ตั้งจะเก็บบุญคุณครั้งนี้ไว้ในใจ หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นในอนาคต พวกเราจะช่วยเหลือท่านเต็มที่!”

 

คำพูดแต่ละประโยคของนักพรตเฒ่าล้วนมาจากใจ คำพูดเหล่านี้ไม่ใช่สำหรับเฉียนขู่ แต่เป็นการให้เกียรติต่อประกายดาบที่เพิ่งถูกปล่อยออกไปเมื่อครู่

 

ชายชราผู้นี้คร่ำหวอดในยุทธภพมานาน เดิมทีก็เป็นถึงปรมาจารย์ระดับชั้นที่สองอยู่แล้ว ผนวกกับการที่เป็นนักพรตศึกษาตำรามากมายบนเขาหวู่ตั้งมานานนับปี ไม่ว่าจะเป็นสายตาหรือสิ่งอื่นๆ ย่อมเหนือกว่าศิษย์วัยเยาว์เช่นจางเซียว

 

จากประกายแสงดาบเมื่อครู่ นักพรตเฒ่าสามารถสรุปได้ว่าข่าวลือที่ว่าวัดเส้าหลินมีอรหันต์กำเนิดขึ้น น่าจะเป็นความจริง

 

นอกเหนือจากระดับอรหันต์แล้ว จะมีผู้ที่ทรงพลังเหนือสรรพสิ่งอื่นใดเล่าที่จะสามารถใช้ประกายดาบที่สั่นสะเทือนทุกสรรพชีวิตได้ขนาดนี้?

 

เมื่อผู้อาวุโสของสำนักอื่นๆ เห็นฉากดังกล่าว ท่าทีของพวกเขาก็แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย และทำเหมือนนักพรตเฒ่าในทันทีทันใด โดยหันหน้าไปทางเฉียนขู่ แต่จริงๆ คือมุ่งเป้าไปที่ดาบไม้ขนาดเท่าฝ่ามือที่เฉียนขู่ห้อยเอาไว้รอบคอ แล้วต่างโค้งคำนับด้วยใจจริง

 

หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ศิษย์จากสำนักนิกายต่างๆ หมดความสนใจที่จะไปท่องยุทธภพต่อ ทุกคนต่างกลับไปที่สำนักของตนพร้อมกับผู้อาวุโส

 

โดยเฉพาะนักพรตเฒ่าแห่งเขาหวู่ตั้ง ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าชายจมูกงุ้มราวกับนกอินทรีผู้นั้นมุ่งเป้ามาที่จางเซียว?

 

สำหรับเหล่าศิษย์นิกายอื่นๆ ต่างก็กลัวว่าจะเข้าไปข้องเกี่ยวกับปัญหาของเขาหวู่ตั้ง

 

เขาหวู่ตั้งเป็นสำนักที่ทรงพลังแห่งหนึ่งในยุทธภพและนักพรตจางก็เป็นยอดปรมาจารย์ที่ยืนอยู่จุดสูงสุดในยุทธภพ แต่ตอนนี้พวกเขาเกือบจะจมลงไปในกับดักบ้าๆ นี่ แล้วจะไม่ให้นักพรตเฒ่าโกรธเกรี้ยวได้อย่างไร?

 

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้นักพรตเฒ่ารีบกลับไปที่เขาหวู่ตั้งพร้อมกับจางเซียวเพื่อตรวจสอบที่มาชายจมูกงุ้มและค้นหาว่าทำไมเขาถึงกลายมาเป็นศัตรูของเขาหวู่ตั้ง

 

 

 

ณ วัดเส้าหลิน

 

พื้นที่หวงห้ามภูเขาด้านหลัง

 

เมื่อดาบไม้ขนาดเท่าฝ่ามือที่ห้อยอยู่รอบคอเฉียนขู่ปล่อยพลังออกไป ทันใดนั้นซูฉินก็ลืมตาขึ้นแล้วมองไปยังทิศทางหนึ่ง

 

“เจตจำนงดาบถูกกระตุ้น?”

 

ดวงตาของซูฉินมีแววขบคิด

 

ในดาบไม้ที่เขามอบให้เฉียนขู่ไป เต็มไปด้วยเจตจำนงดาบจากเคล็ดวิชาดาบแห่งธรรม

 

เจตจำนงภายในดาบไม้ด้ามนี้ถูกทิ้งไว้โดยซูฉิน ไม่ว่าจะอยู่ห่างไกลกันสักแค่ไหน เมื่อถูกกระตุ้นใช้งาน อย่างไรซูฉินก็ย่อมรู้สึกได้

 

“ตกอยู่ในอันตรายถึงแก่ชีวิตเลยหรือ?”

 

ท่าทีของซูฉินยังคงไม่เปลี่ยนไป เพียงคิดอยู่ในใจเงียบๆ

 

เฉพาะแค่เฉียนขู่เผชิญหน้ากับพลังที่ไม่สามารถยับยั้งได้ มันจึงจะกระตุ้นเจตจำนงในดาบไม้ให้ออกมา

 

“วิกฤติผ่านพ้นไปแล้ว…”

 

เมื่อซูฉินรู้สึกตัวก็กระซิบกับตนเอง

 

เจตจำนงดาบที่เขาทิ้งเอาไว้ในดาบไม้ สามารถฟาดฟันได้ทั้งหมดสามครั้ง ตอนนี้ซูฉินอยู่ในความรู้สึกโล่งใจหลังจากที่รู้ว่าเฉียนขู่น่าจะปลอดภัยดีในตอนนี้

 

มิฉะนั้นเจตจำนงดาบที่เหลืออยู่ในดาบไม้ ย่อมต้องฟาดฟันออกไปอีกสองครั้งตามพลังที่หลงเหลือ ไม่ใช่เงียบหายไปเช่นนี้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 84 ขวัญสะท้าน

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 84 ขวัญสะท้าน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 84 ขวัญสะท้าน

 

 

“นี่…นี่นี่นี่….”

 

เมื่อยามที่ศิษย์สำนักต่างๆ วางแผนจะหลบหนีเอาชีวิตรอดแล้วมาได้เห็นฉากนี้ ก็พลันตกตะลึง พวกเขาไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่ายอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งอย่างชายจมูกงุ้มเหมือนนกอินทรีที่สามารถจัดการยอดฝีมือในขอบเขตสามระดับบนได้อย่างง่ายดาย ตอนนี้กลับถูกตัดแบ่งเป็นสองส่วนอย่างไม่อาจต้านทานอะไรได้เลย

 

“ประกายดาบเมื่อครู่…”

 

นักพรตเฒ่าจากเขาหวู่ตั้งเพิ่งฟื้นขึ้นมาจากอาการหมดสติ สิ่งที่เขาเห็นคือประกายดาบที่พังทลายทุกสิ่ง

 

ด้วยประกายแสงดาบนั่น ราวกับห้วงมิติฟ้าดินจะโดนตัดขาดออกได้ ทุกสิ่งในโลกหล้าถูกบดบังด้วยแสงดาบอันสว่างเจิดจ้า

 

“แม้ว่าจะเป็นศิษย์พี่ลงมือเอง แต่ก็ยังห่างไกลจากความสามารถในการฟาดฟันของดาบเล่มเมื่อครู่…”

 

นักพรตเฒ่าแห่งเขาหวู่ตั้งพึมพำอยู่กับตนเอง การแสดงออกของเขาเหมือนกับยังจมอยู่กับความคิดเรื่องประกายดาบ

 

“ข้า…ข้ารอดแล้วหรือ?”

 

จางเซียวล้มลงกับพื้นเสียงดัง แต่เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดใดๆ กลับเต็มไปด้วยความยินดีแทน

 

ความเกลียดชังที่ชายจมูกงุ้มมีนั้นเอ่อล้นจนจางเซียวไม่จำเป็นต้องคาดเดาว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะรู้ดีว่าหากตกอยู่ในเงื้อมมือของฝ่ายตรงข้าม ต่อให้ร้องขอความเมตตาอย่างไรก็คงหนีไม่พ้นความตายอยู่ดี

 

“เมื่อกี้ข้าเกือบถูกประกายดาบฟาดฟันเข้าให้แล้วไหมเล่า…”

 

หัวใจของจางเซียวแทบจะหยุดนิ่ง แตกต่างจากคนอื่นที่เห็นประกายดาบจากระยะไกล แต่ตัวจางเซียวถูกจับเอาไว้โดยชายจมูกนกเกือบจะถูกดาบผ่าไปพร้อมกัน

 

จากพลังที่เห็นได้จากประกายดาบนั้น ไม่ต้องคิดให้มากความเลยว่าตัวจางเซียวเองคงมีสภาพไม่ต่างไปจากชายจมูกงุ้มผู้นั้นแน่หากโดนประกายดาบนั่นเข้าไป

 

“นายท่านตายแล้วอย่างนั้นหรือ?”

 

กลุ่มคนชุดดำ กองกำลังของชายจมูกงุ้มพากันสั่นสะท้านอย่างถ้วนทั่ว ใบหน้าของพวกมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

 

แม้ว่าจนถึงตอนนี้พวกมันก็ยังไม่รู้ว่าประกายดาบนั่นคืออะไร แต่สิ่งที่รู้คือชายจมูกงุ้มได้ตายจากไปแล้วต่อหน้าต่อตาพวกเขาตรงนี้เลย

 

“ข้าควรทำอย่างไรดี?”

 

คนในชุดคลุมสีดำหลายคนต่างหันมองหน้ากันและล่าถอยให้ห่างจากที่เกิดเหตุ

 

การสูญเสียชายจมูกงุ้มไป ทำให้ความแข็งแกร่งของกลุ่มพวกเขาลดลงเป็นอย่างมาก อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องการเข้าปิดล้อมเหล่าศิษย์จากสำนักต่างๆ เลย เกรงว่าหากไม่ระวังตัว ตอนนี้ก็อาจถูกสังหารเอาได้เหมือนกัน

 

“รีบไปเร็ว”

 

กลุ่มคนชุดดำพวกนี้ตัดสินใจกันได้ในทันที

 

หากชายจมูกงุ้มยังคงมีชีวิตอยู่ พวกเขาจะไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งของยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่ง

 

แต่ตอนนี้ชายจมูกงุ้มก็กลายเป็นเพียงร่างไร้วิญญาณเนื้อตัวเย็นเยียบ ถ้าพวกเขาไม่จากไปในตอนนี้ จะให้จากไปตอนไหนได้อีกเล่า?

 

ถ้าประกายดาบเมื่อครู่มันกลับมาอีกครั้ง พวกเขาไม่ทอดร่างเป็นศพอยู่ที่นี่หรอกหรือ?

 

ฟึ่บ!

 

ฟึ่บ!

 

ฟึ่บ!

 

ทันใดนั้น คนในชุดดำค่อยๆ หายไปทีละคน

 

ในขณะนี้เหล่าศิษย์สำนักนิกายต่างๆ ที่อยู่บริเวณนี้ ไม่ได้สนใจคนในชุดดำเลย สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่เฉียนขู่

 

“นี่คือ?”

 

เฉียนขู่ยังคงไว้ซึ่งใบหน้าที่ดูว่างเปล่า เขากำลังรอคอยความตายอยู่เมื่อครู่ ด้วยความแข็งแกร่งของชายจมูกงุ้ม มันไม่ยากเลยที่จะสังหารเหล่าผู้ฝึกยุทธในขอบเขตสามระดับกลางหรือแม่แต่ระดับชั้นที่สาม

 

“เพราะดาบไม้ที่ท่านผู้ทรงสมณศักดิ์ฯ ได้มอบให้ข้าอย่างงั้นหรือ?

 

เฉียนขู่ได้มองลงไปที่ดาบไม้ที่ยังคงห้อยอยู่กับคอของเขา

 

ในขณะนี้ดาบไม้กลับสู่สภาพปกติอีกครั้ง เพียงแต่มีรอยแตกเล็กๆ ที่แทบจะมองไม่เห็นปรากฏขึ้นที่คมของดาบไม้

 

เมื่อตอนที่เฉียนขู่ยังตกตะลึงอยู่นั้น ศิษย์สำนักอื่นๆ ต่างก็เดินเข้าไปอย่างระมัดระวังจากนั้นจึงหยุดห่างจากเฉียนขู่ประมาณสิบเมตร พากันมองเฉียนขู่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นแต่ไม่กล้าพูดอะไรออกไป

 

พวกเขาต่างเป็นหัวกะทิของสำนักต่างๆ แม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าประกายแสงดาบที่ตัดผ่าทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อครู่คืออะไร แต่พวกเขาก็รู้ชัดว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับเฉียนขู่

 

“เณรน้อย…เฉียนขู่ เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น?”

 

ในตอนนี้เอง จางเซียวก็ฟื้นคืนสติกลับมาได้แล้วจึงเดินไปหาเฉียนขู่ และอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกไป

 

ทันทีที่คำพูดถูกกล่าวออกมา ดวงตาของศิษย์สำนักอื่นๆ สว่างวาวระยับ หูกระพือขึ้นเพื่อฟังว่าเฉียนขู่จะตอบว่าอย่างไร

 

“เกิดอะไรขึ้นงั้นรึ?”

 

เฉียนขู่กะพริบตา ไม่รู้จะเอ่ยอะไรออกไปดี

 

ดาบไม้ด้ามนี้ผู้ทรงสมณศักดิ์ฯ ได้มอบให้กับเขา ภายในดาบไม้คงจะมีวิธีการลับบางอย่างที่ท่านผู้ทรงสมณศักดิ์ฯ ใส่เอาไว้ภายใน

 

ทันใดนั้น

 

เสียงคำรามต่ำก็ดังขึ้น

 

“จางเซียว อย่าได้ถามเรื่องที่มิควรถาม!”

 

เห็นเป็นนักพรตเฒ่าแห่งเขาหวู่ตั้งเดินอย่างรวดเร็วดุดันมาทางจางเซียว

 

ทันใดนั้นนักพรตเฒ่าก็โค้งคำนับอย่างสุดซึ้งในหัวใจให้กับเฉียนขู่ท่ามกลางสายตาอึ้งทึ่งของทุกคน

 

“ขอบคุณความช่วยเหลือจากท่าน เขาหวู่ตั้งจะเก็บบุญคุณครั้งนี้ไว้ในใจ หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นในอนาคต พวกเราจะช่วยเหลือท่านเต็มที่!”

 

คำพูดแต่ละประโยคของนักพรตเฒ่าล้วนมาจากใจ คำพูดเหล่านี้ไม่ใช่สำหรับเฉียนขู่ แต่เป็นการให้เกียรติต่อประกายดาบที่เพิ่งถูกปล่อยออกไปเมื่อครู่

 

ชายชราผู้นี้คร่ำหวอดในยุทธภพมานาน เดิมทีก็เป็นถึงปรมาจารย์ระดับชั้นที่สองอยู่แล้ว ผนวกกับการที่เป็นนักพรตศึกษาตำรามากมายบนเขาหวู่ตั้งมานานนับปี ไม่ว่าจะเป็นสายตาหรือสิ่งอื่นๆ ย่อมเหนือกว่าศิษย์วัยเยาว์เช่นจางเซียว

 

จากประกายแสงดาบเมื่อครู่ นักพรตเฒ่าสามารถสรุปได้ว่าข่าวลือที่ว่าวัดเส้าหลินมีอรหันต์กำเนิดขึ้น น่าจะเป็นความจริง

 

นอกเหนือจากระดับอรหันต์แล้ว จะมีผู้ที่ทรงพลังเหนือสรรพสิ่งอื่นใดเล่าที่จะสามารถใช้ประกายดาบที่สั่นสะเทือนทุกสรรพชีวิตได้ขนาดนี้?

 

เมื่อผู้อาวุโสของสำนักอื่นๆ เห็นฉากดังกล่าว ท่าทีของพวกเขาก็แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย และทำเหมือนนักพรตเฒ่าในทันทีทันใด โดยหันหน้าไปทางเฉียนขู่ แต่จริงๆ คือมุ่งเป้าไปที่ดาบไม้ขนาดเท่าฝ่ามือที่เฉียนขู่ห้อยเอาไว้รอบคอ แล้วต่างโค้งคำนับด้วยใจจริง

 

หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ศิษย์จากสำนักนิกายต่างๆ หมดความสนใจที่จะไปท่องยุทธภพต่อ ทุกคนต่างกลับไปที่สำนักของตนพร้อมกับผู้อาวุโส

 

โดยเฉพาะนักพรตเฒ่าแห่งเขาหวู่ตั้ง ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าชายจมูกงุ้มราวกับนกอินทรีผู้นั้นมุ่งเป้ามาที่จางเซียว?

 

สำหรับเหล่าศิษย์นิกายอื่นๆ ต่างก็กลัวว่าจะเข้าไปข้องเกี่ยวกับปัญหาของเขาหวู่ตั้ง

 

เขาหวู่ตั้งเป็นสำนักที่ทรงพลังแห่งหนึ่งในยุทธภพและนักพรตจางก็เป็นยอดปรมาจารย์ที่ยืนอยู่จุดสูงสุดในยุทธภพ แต่ตอนนี้พวกเขาเกือบจะจมลงไปในกับดักบ้าๆ นี่ แล้วจะไม่ให้นักพรตเฒ่าโกรธเกรี้ยวได้อย่างไร?

 

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้นักพรตเฒ่ารีบกลับไปที่เขาหวู่ตั้งพร้อมกับจางเซียวเพื่อตรวจสอบที่มาชายจมูกงุ้มและค้นหาว่าทำไมเขาถึงกลายมาเป็นศัตรูของเขาหวู่ตั้ง

 

 

 

ณ วัดเส้าหลิน

 

พื้นที่หวงห้ามภูเขาด้านหลัง

 

เมื่อดาบไม้ขนาดเท่าฝ่ามือที่ห้อยอยู่รอบคอเฉียนขู่ปล่อยพลังออกไป ทันใดนั้นซูฉินก็ลืมตาขึ้นแล้วมองไปยังทิศทางหนึ่ง

 

“เจตจำนงดาบถูกกระตุ้น?”

 

ดวงตาของซูฉินมีแววขบคิด

 

ในดาบไม้ที่เขามอบให้เฉียนขู่ไป เต็มไปด้วยเจตจำนงดาบจากเคล็ดวิชาดาบแห่งธรรม

 

เจตจำนงภายในดาบไม้ด้ามนี้ถูกทิ้งไว้โดยซูฉิน ไม่ว่าจะอยู่ห่างไกลกันสักแค่ไหน เมื่อถูกกระตุ้นใช้งาน อย่างไรซูฉินก็ย่อมรู้สึกได้

 

“ตกอยู่ในอันตรายถึงแก่ชีวิตเลยหรือ?”

 

ท่าทีของซูฉินยังคงไม่เปลี่ยนไป เพียงคิดอยู่ในใจเงียบๆ

 

เฉพาะแค่เฉียนขู่เผชิญหน้ากับพลังที่ไม่สามารถยับยั้งได้ มันจึงจะกระตุ้นเจตจำนงในดาบไม้ให้ออกมา

 

“วิกฤติผ่านพ้นไปแล้ว…”

 

เมื่อซูฉินรู้สึกตัวก็กระซิบกับตนเอง

 

เจตจำนงดาบที่เขาทิ้งเอาไว้ในดาบไม้ สามารถฟาดฟันได้ทั้งหมดสามครั้ง ตอนนี้ซูฉินอยู่ในความรู้สึกโล่งใจหลังจากที่รู้ว่าเฉียนขู่น่าจะปลอดภัยดีในตอนนี้

 

มิฉะนั้นเจตจำนงดาบที่เหลืออยู่ในดาบไม้ ย่อมต้องฟาดฟันออกไปอีกสองครั้งตามพลังที่หลงเหลือ ไม่ใช่เงียบหายไปเช่นนี้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+