เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 133 เทพจันทรา!

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 133 เทพจันทรา! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

Sign in Buddha’s palm 133 เทพจันทรา!

 

“ถ้าเจ้ายังไม่ยอมออกมาตอนนี้ จะต้องรอให้ข้าลงมือเองเลยหรือไม่?”

 

เสียงของซูฉินดังขึ้นแต่ไม่มีใครอยู่รอบข้าง ราวกับเขากําลังพูดคุยกับอากาศธาตุ

 

อย่างไรก็ตาม

 

หลังจากนั้นไม่นาน

 

รูปปั้นหยกที่อยู่ไม่ไกลจากซูฉินก็พลันเปล่งแสงออกมาจางๆ แล้วก็มีภาพเงามายาปรากฏขึ้น

 

“ทักทายสหายเต่า”

 

ร่างมายานั้นสวมชุดชาววังที่ดูสวยงามสะอาดสะอ้าน ทุกมุมแสดงให้เห็นถึงเสน่ห์อันลึกลับ ผิวขาวนวลเนียน ท่วงท่าสง่างาม…

 

“เจ้าคือ “เทพจันทรา” ที่พวกลัทธิบูชาจันทร์สรรเสริญใช่หรือไม่?” ซูฉินมองไปยังร่างมายาด้วยความสนใจ

 

ซูฉินเห็นว่าร่างมายาในชุดชาววังนี้ก็คือรังสีจากจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของตํานานยุทธ มันต่างจากจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกทิ้งไว้ในจี้หยกโดยปฐมจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ถัง ตัวตนที่อยู่ตรงหน้าเขา ไม่ใช่จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่ไร้ซึ่งฤทธิ์เดชแต่มันมีสํานึกเป็น ของตัวเอง

 

“มิกล้าเรียกตนว่าเทพจันทราดอก…”

 

ร่างในชุดชาววังถอนหายใจออกมาเบาๆ “สตรีเฉกเช่นข้าก็เพียงแค่อยากจักมีชีวิตอยู่ต่อไป แต่โลกมยุติธรรม แม้ว่าข้าจักกลายเป็นตํานานยุทธก็มีอายุเพียงแค่ห้าร้อยปีเท่านั้น เมื่อห้าร้อยปีผ่านพ้นต่อให้แข็งแกร่งเพียงไรก็ต้องตายจากไปอยู่ดี”

 

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ร่างมายาก็หยุดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวต่อ “แน่นอนว่ามีวิธียืดอายุขัยในดินแดนอันไกลโพ้น แต่มันก็ยึดอายุขัยได้ไม่เกินหนึ่งถึงสองร้อยปีเพียงเท่านั้น หากอ ยากจักยืดอายุขัยให้ยาวนานแท้จริงมีเพียงแต่จะต้องก้าวข้ามนภาทั้งเก้าชั้นในขอบเขตตํานานยุทธ จนกลายเป็น เซียนเทพปฐพี…”

 

“เจ้าเคยไปยังดินแดนอันไกลโพ้นมาก่อนงั้นหรือ?”

 

ซูฉินมองไปยังร่างมายาในชุดคลุมชาววังและเริ่มสนใจมากขึ้น

 

ในตอนแรกซูฉินตั้งใจจะทําลายเงามายาทิ้งเสีย แล้วรีบกลับไปยังพระราชวังถังโดยเร็วที่สุด แต่เมื่อเห็นว่าร่างในชุดชาววังนี้ดูเหมือนจะมีความเข้าใจในดินแดนโพ้นทะ เลก็ไม่รีบร้อนที่จะจากไป

 

และร่างมายาตรงหน้าเขา ด้วยความสามารถในปัจจุบันของซูฉิน แม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะสามารถกลับคืนสู่ยุครุ่งโรจน์ที่สุดของตนเองก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ไม่ต้องนับว่าตอนนี้ นางเหลือเพียงแค่ร่างมายาจากจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์

 

เนื่องจากซูฉินบรรลุขอบเขตอรหันต์แล้ว เขาเคยได้ยินเรื่องดินแดนโพ้นทะเลมามากกว่าหนึ่งครั้ง แต่เขาก็ไม่ได้พบรายละเอียดเพิ่มเติมมากนัก

 

ดูเหมือนว่าสําหรับเหล่าตํานานยุทธหรือเหล่าอรหันต์ เรื่องดินแดนโพ้นทะเลเหมือนเป็นสิ่งต้องห้ามและไม่ได้นาออกมาพูดกันเป็นเรื่องปกติจึงมักไม่มีใครกล่าวถึง

 

“เมื่อสามร้อยปีก่อน สตรีผู้นี้เคยข้ามน้ําข้ามทะเล ไปยังดินแดนอันไกลโพ้น มันเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยพลัง เมื่อเทียบกับดินแดนนี้มันเป็นคนละเรื่องกันเลยเที่ยว”

 

เมื่อร่างมายาเอ่ยปากกล่าวคํา ดูเหมือนนางจะตกอยู่ในห้วงความทรงจําบางอย่าง “น่าเสียดาย ขนาดดินแดนที่สภาพแวดล้อมแสนพิเศษเช่นดินแดนโพ้นทะเลอันไร้ที่สิ้นสุด ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่คนสุดท้ายก็ปรากฏตัวแค่ช่วงหลายพันปีก่อน…”

 

เซียนเทพปฐพี….

 

ความคิดของซูฉินผันผวน

 

เซียนเทพปฐพี่เป็นขอบเขตที่อยู่ถัดจากขอบเขตตํานานยุทธ กล่าวกันว่าเซียนเทพปฐพี่มีอายุยืนยาวกว่าพันปี และดูเผินๆ ก็ไม่แตกต่างไปจากเซียนเทพที่แท้จริงเลย 

 

“เจ้าหมายความว่า แม้แต่ในต่างดินแดนก็ไม่มีขอบเขตเซียนเทพปฐพี่?” ซูฉินเอ่ยถาม

 

“อย่างน้อยนั่นก็คือทั้งหมดที่สตรีผู้นี้รู้มา” ร่างมายาในชุดชาววังส่ายศีรษะแล้วพูดขึ้นว่า “ในดินแดนโพ้นทะเลมีขุมอํานาจมากมาย แต่ไม่มีผู้ที่อยู่ในขอบเขตเซียนเทพปฐพีและไม่มีข่าวคราวใดเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย”

 

ร่างมายาในชุดกระโปรงยาวถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “แม้แต่ตัวข้าเองก็เริ่มสงสัยเช่นเดียวกันว่าขอบเขตเซียนเทพปฐพีมีจริงหรือไม่ หรือการปรากฏตัวของเซียนเทพปฐพี่เมื่อหลายพันปีก่อนอาจจะเป็นเพียงแค่ความเข้าใจผิด…”

 

สีหน้าของร่างมายาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

 

จอมยุทธคนใดก็ตามที่ก้าวเข้าสู่ระดับตํานานยุทธ เรียกได้ว่าอาจจะมีสักหนึ่งในพันล้านเท่านั้น ตั้งแต่ยังเยาว์วัย พวกเขาต้องฝ่าฟันอุปสรรคขวากหนามมามากมายอยู่ ยั้งยืนยงมาหลายยุคหลายสมัย

 

แต่สุดท้ายก็ติดชะงักอยู่ในขอบเขตตํานานยุทธ มันยากเหลือเกินที่จะก้าวหน้าต่อไป ต้องเผชิญหน้ากับความตายอย่างโดดเดี่ยว ใครเล่าจะเข้าใจความทรมานนี้ได้

 

“เป็นเช่นนี้เองสินะ”

 

ซูฉินครุ่นคิด

 

แม้ว่าเขาจะไม่เคยไปดินแดนอื่น แต่เขาก็คิดว่าสิ่งที่ร่างมายาในชุดชาววังพูดคงจะเป็นเรื่องจริง ไม่ว่าจะเรื่องพลังที่มหาศาล หรือวัตถุดิบสวรรค์ สมบัติจากธรรมชาติอันมากมาย แต่มันจะเทียบกับซูฉินได้หรือ?

 

ไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องอื่น แค่การหาหยดนาจิตวิญญาณธรรมชาติและโลหิตรู้แจ้งในดินแดนโพ้นทะเลก็คงไม่ได้มีมากนัก อย่างไรก็ตามซูฉินกลับสามารถดื่มกินพวกมัน ราวกับเป็นขนมขบเคี้ยวได้ทุกวัน นอกจากหยดน้ำวิเศษทั้งสองนี้ ก็ยังมีสมบัติที่ใช้สําหรับบ่มเพาะอีกมากมาย 

 

แต่กระนั้นซูฉันก็ยังติดอยู่ในระดับนภาชั้นที่สี่มาตั้งหลายปี นับประสาอะไรกับเหล่าตํานานยุทธในต่างดินแดน

 

ดังนั้นหากจะบอกว่ามีจอมยุทธที่เหนือกว่าซูฉินอยู่ในต่างแดน เช่น ตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่ห้าและนภาชั้นที่หก ซูฉินก็เชื่อ

 

ท้ายที่สุดแล้วตํานานยุทธที่มีอายุขัยยาวนานกว่าห้าร้อยปี พอมาถึงช่วงสุดท้ายของชีวิตก็อาจจะเข้าถึงระดับพลังเท่านั้นได้จริงๆ

 

แต่หากกล่าวว่ามีจอมยุทธขั้นเซียนเทพปฐพี่อยู่จริง ซูฉินจะไม่ได้เชื่อเป็นจริงเป็นจังมากนัก

 

ตํานานยุทธมีอายุขัยเฉลี่ยห้าร้อยปี แล้วต้องทําอย่างไรถึงจะเข้าสู่ระดับเซียนเทพปฐพีได้เล่า?

 

แน่นอนว่าเรื่องพวกนี้ ซูฉินเป็นข้อยกเว้น

 

แม้ว่าซูฉินจะไม่ใช่เซียนเทพปฐพี แต่เขาก็มีอายุขัยใกล้เคียงกับเซียนเทพปฐพี สามารถมีชีวิตอยู่ได้ร่วมพันปี

 

“สหายเต่า…”

 

ขณะที่ซูฉันกําลังคิดเรื่องนั้นอยู่ ดวงตาของร่างมายาก็อ่อนลงอย่างกะทันหัน และปรายตามองไปที่ซูฉินอย่างน่าสงสาร

 

“สตรีผู้นี้สูญเสียร่างกายไปหมดสิ้นแล้ว เหลือเพียงรัศมีจากจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ช่างโดดเดี่ยวและไร้ทางสู้ หวังว่าสหายเต่าจะเป็นที่พักพิงให้แก่ข้า…”

 

เสียงของร่างมายาในชุดชาววังนั้นนุ่มนวลอ่อนหวาน เสน่ห์อันล้นหลามแผ่กระจายออกมา

 

“ไม่ต้องเป็นห่วง แม้ว่าสตรีผู้นี้จะไม่มีร่างกายเหลืออยู่แล้ว แต่อย่างไรก็เคยเป็นตํานานยุทธ และข้ายังมีความรู้ความเข้าใจในปัญหาหลายๆ อย่างเวลาฝึกยุทธอีกด้วย”

 

“นอกจากนี้ สตรีผู้นี้ยังซ่อนสมบัติที่ได้รับมาในสมัยก่อน เอาไว้ในที่แห่งหนึ่งก่อนที่จะสละร่างกายไป หากสหายเต่าเห็นพ้องต้องกัน ข้าก็พร้อมมอบสมบัติที่สะสมมาชั่วชี วิตให้แก่สหายเต่า…”

 

ถ้อยคําของร่างในชุดชาววังเต็มไปด้วยคําล่อลวงอย่างยิ่ง

 

ไม่ว่าร่างมายาในชุดชาววังจะพูดมากแค่ไหน ตัวนางก็เป็นตํานานยุทธเช่นกัน ความเข้าใจในวิทยายุทธของนางมีค่ามากสําหรับผู้ฝึกยุทธในขอบเขตวิทยายุทธทั้งเก้าระดับชั้น

 

แม้ในสายตาของตํานานยุทธด้วยกันเอง มันก็มีความสําคัญ สามารถใช้เทียบเคียงประสบการณ์อ้างอิง ทําความเข้าใจได้ด้วย

 

สําหรับสมบัติที่สั่งสมมาชั่วชีวิตของตํานานยุทธนั้นกลับน่าสนใจยิ่งกว่า

 

“โอ้? มีเรื่องดีเช่นนั้นด้วยหรือ?” รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน มองไปที่ร่างมายาในชุดชาววัง

 

“แน่นอน…”

 

โดยไม่ทันรู้ตัว ร่างมายาก็เข้ามาอยู่ในระยะห้าเมตรไม่ไกลจากซูฉิน

 

“ตราบใดที่สหายเต๋า…”

 

ตอนที่กําลังพูดอยู่ ร่างมายาก็กลายเป็นลําแสงไหลเข้าไปยังกึ่งกลางระหว่างคิ้วของซูฉิน

 

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

 

“ ข้างบนนี้เป็นรากฐานของเจ้าใช่หรือไม่?”

 

เสียงของร่างมายาดังก้องอยู่ในหูของซูฉิน แสดงให้เห็นถึงความภาคภูมิ

 

ตั้งแต่แรกเริ่ม ร่างมายาในชุดชาววังไม่ได้ตั้งใจจะช่วยเหลือซูฉิน แต่นางเตรียมที่จะยึดครองร่างของซูฉินอยู่แล้ว

 

หากซูฉินระมัดระวังตัวตั้งแต่แรกและรักษาระยะห่างจากนางไกลกว่าห้าเมตร แม้ว่าร่างมายาจะมีความสามารถก็ไม่มีทางทําอะไรซูฉินได้

 

แต่ร่างมายาใช้ข้อมูลเกี่ยวกับดินแดนโพ้นทะเลเป็นสิ่งล่อลวง แกล้งทําให้เห็นว่าตนไม่อันตราย ลดความระมัดระวังของซูฉินลง สุดท้ายก็ล่อหลอกซูฉินด้วยสมบัติจากนั้นจึงเข้ามาใกล้ซูฉินในระยะห้าเมตรได้สําเร็จ

 

ในตอนนี้แผนการของร่างมายาในชุดชาววังก็สําเร็จลุล่วง ไปแล้วกว่าครึ่ง

 

“แม้ว่าสตรีผู้นี้จะหลับใหลมาหลายร้อยปี แต่ก็มีการบูชายัญมาหล่อเลี้ยงจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์อยู่ตลอดเวลา ประจวบกับประสบการณ์ที่ได้รับมาจากต่างแดน จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของข้านั้นมั่นคง การเข้าไปสิงสู่ร่างผู้ฝึกยุทธนั้นย่อมสามารถกระทําได้ไม่ยากหากไม่มีเหตุผิดพลาดใดเกิดขึ้น”

 

ร่างมายาในชุดชาววังเต็มไปด้วยความมั่นใจ

 

ในความคิดของนาง ซูฉนไม่เคยไปยังต่างดินแดนด้วยซ้ำ เขาควรจะมีระดับการบ่มเพาะขอบเขตตํานานยุทธอย่างมากสุดก็ระดับนภาชั้นที่สอง ไม่มีทางที่จะหยุดยั้งการรุกล้ำด้วยจิตสัมผัสศักิดิ์สิทธิ์ของนางได้เลย

 

“รอจนกว่าจะยึดกายเนื้อสําเร็จจนข้ามีพลังป้องกันตนเองได้ เมื่อนั้นก็ถึงเวลาที่ข้าจะต้องไปจัดการบางสิ่งเสียหน่อย…”

 

ร่างมายานึกถึงเรื่องนี้และนางก็แอบรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาไม่น้อย

 

แม้ว่านางจะยึดครองร่างซูฉินได้ แต่นางก็ต้องเปลี่ยนจากหญิงกลายเป็นชาย แต่ตราบใดที่นางสามารถมีชีวิตรอดต่อไปได้ ราคาที่จะต้องจ่ายออกเพียงเท่านี้จะนับเป็นอะ ไรได้?

 

หวึ่ง!!!

 

จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของร่างมายาก็หลั่งไหลเข้ามาที่หว่างคิ้วของซูฉินด้วยความรวดเร็ว แล้วทะลุเข้าไปภายใน

 

อย่างไรก็ตาม

 

ก่อนที่นางจะเคลื่อนที่ต่อไป นางก็เบิกตากว้างมองทุกสิ่งที่อยู่ด้านหน้าด้วยความตกใจ

 

ด้านในส่วนลึกของกึ่งกลางระหว่างคิ้วมีองค์ยูไลทองคําขนาดยักษ์ประทับในท่ายืนอยู่อย่างเงียบๆ ท่ามกลางพลังฟ้าดินอันไม่มีที่สิ้นสุด มือหนึ่งชูจรดฟ้าอีกมือปล่อยชี้ลงพื้น พสุธาบดบังลานสายตาทั้งหมด ราวกับว่าไม่มีอะไรจะยิ่งใหญ่เสมอเหมือนสิ่งนี้อีกแล้ว

 

แสงสว่างจากองค์ยูไลก็ส่องผ่านความมืดมิดเปล่งประกายไปทั่วมิติแห่งนี้

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 133 เทพจันทรา!

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 133 เทพจันทรา! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

Sign in Buddha’s palm 133 เทพจันทรา!

 

“ถ้าเจ้ายังไม่ยอมออกมาตอนนี้ จะต้องรอให้ข้าลงมือเองเลยหรือไม่?”

 

เสียงของซูฉินดังขึ้นแต่ไม่มีใครอยู่รอบข้าง ราวกับเขากําลังพูดคุยกับอากาศธาตุ

 

อย่างไรก็ตาม

 

หลังจากนั้นไม่นาน

 

รูปปั้นหยกที่อยู่ไม่ไกลจากซูฉินก็พลันเปล่งแสงออกมาจางๆ แล้วก็มีภาพเงามายาปรากฏขึ้น

 

“ทักทายสหายเต่า”

 

ร่างมายานั้นสวมชุดชาววังที่ดูสวยงามสะอาดสะอ้าน ทุกมุมแสดงให้เห็นถึงเสน่ห์อันลึกลับ ผิวขาวนวลเนียน ท่วงท่าสง่างาม…

 

“เจ้าคือ “เทพจันทรา” ที่พวกลัทธิบูชาจันทร์สรรเสริญใช่หรือไม่?” ซูฉินมองไปยังร่างมายาด้วยความสนใจ

 

ซูฉินเห็นว่าร่างมายาในชุดชาววังนี้ก็คือรังสีจากจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของตํานานยุทธ มันต่างจากจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกทิ้งไว้ในจี้หยกโดยปฐมจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ถัง ตัวตนที่อยู่ตรงหน้าเขา ไม่ใช่จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่ไร้ซึ่งฤทธิ์เดชแต่มันมีสํานึกเป็น ของตัวเอง

 

“มิกล้าเรียกตนว่าเทพจันทราดอก…”

 

ร่างในชุดชาววังถอนหายใจออกมาเบาๆ “สตรีเฉกเช่นข้าก็เพียงแค่อยากจักมีชีวิตอยู่ต่อไป แต่โลกมยุติธรรม แม้ว่าข้าจักกลายเป็นตํานานยุทธก็มีอายุเพียงแค่ห้าร้อยปีเท่านั้น เมื่อห้าร้อยปีผ่านพ้นต่อให้แข็งแกร่งเพียงไรก็ต้องตายจากไปอยู่ดี”

 

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ร่างมายาก็หยุดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวต่อ “แน่นอนว่ามีวิธียืดอายุขัยในดินแดนอันไกลโพ้น แต่มันก็ยึดอายุขัยได้ไม่เกินหนึ่งถึงสองร้อยปีเพียงเท่านั้น หากอ ยากจักยืดอายุขัยให้ยาวนานแท้จริงมีเพียงแต่จะต้องก้าวข้ามนภาทั้งเก้าชั้นในขอบเขตตํานานยุทธ จนกลายเป็น เซียนเทพปฐพี…”

 

“เจ้าเคยไปยังดินแดนอันไกลโพ้นมาก่อนงั้นหรือ?”

 

ซูฉินมองไปยังร่างมายาในชุดคลุมชาววังและเริ่มสนใจมากขึ้น

 

ในตอนแรกซูฉินตั้งใจจะทําลายเงามายาทิ้งเสีย แล้วรีบกลับไปยังพระราชวังถังโดยเร็วที่สุด แต่เมื่อเห็นว่าร่างในชุดชาววังนี้ดูเหมือนจะมีความเข้าใจในดินแดนโพ้นทะ เลก็ไม่รีบร้อนที่จะจากไป

 

และร่างมายาตรงหน้าเขา ด้วยความสามารถในปัจจุบันของซูฉิน แม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะสามารถกลับคืนสู่ยุครุ่งโรจน์ที่สุดของตนเองก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ไม่ต้องนับว่าตอนนี้ นางเหลือเพียงแค่ร่างมายาจากจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์

 

เนื่องจากซูฉินบรรลุขอบเขตอรหันต์แล้ว เขาเคยได้ยินเรื่องดินแดนโพ้นทะเลมามากกว่าหนึ่งครั้ง แต่เขาก็ไม่ได้พบรายละเอียดเพิ่มเติมมากนัก

 

ดูเหมือนว่าสําหรับเหล่าตํานานยุทธหรือเหล่าอรหันต์ เรื่องดินแดนโพ้นทะเลเหมือนเป็นสิ่งต้องห้ามและไม่ได้นาออกมาพูดกันเป็นเรื่องปกติจึงมักไม่มีใครกล่าวถึง

 

“เมื่อสามร้อยปีก่อน สตรีผู้นี้เคยข้ามน้ําข้ามทะเล ไปยังดินแดนอันไกลโพ้น มันเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยพลัง เมื่อเทียบกับดินแดนนี้มันเป็นคนละเรื่องกันเลยเที่ยว”

 

เมื่อร่างมายาเอ่ยปากกล่าวคํา ดูเหมือนนางจะตกอยู่ในห้วงความทรงจําบางอย่าง “น่าเสียดาย ขนาดดินแดนที่สภาพแวดล้อมแสนพิเศษเช่นดินแดนโพ้นทะเลอันไร้ที่สิ้นสุด ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่คนสุดท้ายก็ปรากฏตัวแค่ช่วงหลายพันปีก่อน…”

 

เซียนเทพปฐพี….

 

ความคิดของซูฉินผันผวน

 

เซียนเทพปฐพี่เป็นขอบเขตที่อยู่ถัดจากขอบเขตตํานานยุทธ กล่าวกันว่าเซียนเทพปฐพี่มีอายุยืนยาวกว่าพันปี และดูเผินๆ ก็ไม่แตกต่างไปจากเซียนเทพที่แท้จริงเลย 

 

“เจ้าหมายความว่า แม้แต่ในต่างดินแดนก็ไม่มีขอบเขตเซียนเทพปฐพี่?” ซูฉินเอ่ยถาม

 

“อย่างน้อยนั่นก็คือทั้งหมดที่สตรีผู้นี้รู้มา” ร่างมายาในชุดชาววังส่ายศีรษะแล้วพูดขึ้นว่า “ในดินแดนโพ้นทะเลมีขุมอํานาจมากมาย แต่ไม่มีผู้ที่อยู่ในขอบเขตเซียนเทพปฐพีและไม่มีข่าวคราวใดเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย”

 

ร่างมายาในชุดกระโปรงยาวถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “แม้แต่ตัวข้าเองก็เริ่มสงสัยเช่นเดียวกันว่าขอบเขตเซียนเทพปฐพีมีจริงหรือไม่ หรือการปรากฏตัวของเซียนเทพปฐพี่เมื่อหลายพันปีก่อนอาจจะเป็นเพียงแค่ความเข้าใจผิด…”

 

สีหน้าของร่างมายาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

 

จอมยุทธคนใดก็ตามที่ก้าวเข้าสู่ระดับตํานานยุทธ เรียกได้ว่าอาจจะมีสักหนึ่งในพันล้านเท่านั้น ตั้งแต่ยังเยาว์วัย พวกเขาต้องฝ่าฟันอุปสรรคขวากหนามมามากมายอยู่ ยั้งยืนยงมาหลายยุคหลายสมัย

 

แต่สุดท้ายก็ติดชะงักอยู่ในขอบเขตตํานานยุทธ มันยากเหลือเกินที่จะก้าวหน้าต่อไป ต้องเผชิญหน้ากับความตายอย่างโดดเดี่ยว ใครเล่าจะเข้าใจความทรมานนี้ได้

 

“เป็นเช่นนี้เองสินะ”

 

ซูฉินครุ่นคิด

 

แม้ว่าเขาจะไม่เคยไปดินแดนอื่น แต่เขาก็คิดว่าสิ่งที่ร่างมายาในชุดชาววังพูดคงจะเป็นเรื่องจริง ไม่ว่าจะเรื่องพลังที่มหาศาล หรือวัตถุดิบสวรรค์ สมบัติจากธรรมชาติอันมากมาย แต่มันจะเทียบกับซูฉินได้หรือ?

 

ไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องอื่น แค่การหาหยดนาจิตวิญญาณธรรมชาติและโลหิตรู้แจ้งในดินแดนโพ้นทะเลก็คงไม่ได้มีมากนัก อย่างไรก็ตามซูฉินกลับสามารถดื่มกินพวกมัน ราวกับเป็นขนมขบเคี้ยวได้ทุกวัน นอกจากหยดน้ำวิเศษทั้งสองนี้ ก็ยังมีสมบัติที่ใช้สําหรับบ่มเพาะอีกมากมาย 

 

แต่กระนั้นซูฉันก็ยังติดอยู่ในระดับนภาชั้นที่สี่มาตั้งหลายปี นับประสาอะไรกับเหล่าตํานานยุทธในต่างดินแดน

 

ดังนั้นหากจะบอกว่ามีจอมยุทธที่เหนือกว่าซูฉินอยู่ในต่างแดน เช่น ตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่ห้าและนภาชั้นที่หก ซูฉินก็เชื่อ

 

ท้ายที่สุดแล้วตํานานยุทธที่มีอายุขัยยาวนานกว่าห้าร้อยปี พอมาถึงช่วงสุดท้ายของชีวิตก็อาจจะเข้าถึงระดับพลังเท่านั้นได้จริงๆ

 

แต่หากกล่าวว่ามีจอมยุทธขั้นเซียนเทพปฐพี่อยู่จริง ซูฉินจะไม่ได้เชื่อเป็นจริงเป็นจังมากนัก

 

ตํานานยุทธมีอายุขัยเฉลี่ยห้าร้อยปี แล้วต้องทําอย่างไรถึงจะเข้าสู่ระดับเซียนเทพปฐพีได้เล่า?

 

แน่นอนว่าเรื่องพวกนี้ ซูฉินเป็นข้อยกเว้น

 

แม้ว่าซูฉินจะไม่ใช่เซียนเทพปฐพี แต่เขาก็มีอายุขัยใกล้เคียงกับเซียนเทพปฐพี สามารถมีชีวิตอยู่ได้ร่วมพันปี

 

“สหายเต่า…”

 

ขณะที่ซูฉันกําลังคิดเรื่องนั้นอยู่ ดวงตาของร่างมายาก็อ่อนลงอย่างกะทันหัน และปรายตามองไปที่ซูฉินอย่างน่าสงสาร

 

“สตรีผู้นี้สูญเสียร่างกายไปหมดสิ้นแล้ว เหลือเพียงรัศมีจากจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ช่างโดดเดี่ยวและไร้ทางสู้ หวังว่าสหายเต่าจะเป็นที่พักพิงให้แก่ข้า…”

 

เสียงของร่างมายาในชุดชาววังนั้นนุ่มนวลอ่อนหวาน เสน่ห์อันล้นหลามแผ่กระจายออกมา

 

“ไม่ต้องเป็นห่วง แม้ว่าสตรีผู้นี้จะไม่มีร่างกายเหลืออยู่แล้ว แต่อย่างไรก็เคยเป็นตํานานยุทธ และข้ายังมีความรู้ความเข้าใจในปัญหาหลายๆ อย่างเวลาฝึกยุทธอีกด้วย”

 

“นอกจากนี้ สตรีผู้นี้ยังซ่อนสมบัติที่ได้รับมาในสมัยก่อน เอาไว้ในที่แห่งหนึ่งก่อนที่จะสละร่างกายไป หากสหายเต่าเห็นพ้องต้องกัน ข้าก็พร้อมมอบสมบัติที่สะสมมาชั่วชี วิตให้แก่สหายเต่า…”

 

ถ้อยคําของร่างในชุดชาววังเต็มไปด้วยคําล่อลวงอย่างยิ่ง

 

ไม่ว่าร่างมายาในชุดชาววังจะพูดมากแค่ไหน ตัวนางก็เป็นตํานานยุทธเช่นกัน ความเข้าใจในวิทยายุทธของนางมีค่ามากสําหรับผู้ฝึกยุทธในขอบเขตวิทยายุทธทั้งเก้าระดับชั้น

 

แม้ในสายตาของตํานานยุทธด้วยกันเอง มันก็มีความสําคัญ สามารถใช้เทียบเคียงประสบการณ์อ้างอิง ทําความเข้าใจได้ด้วย

 

สําหรับสมบัติที่สั่งสมมาชั่วชีวิตของตํานานยุทธนั้นกลับน่าสนใจยิ่งกว่า

 

“โอ้? มีเรื่องดีเช่นนั้นด้วยหรือ?” รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน มองไปที่ร่างมายาในชุดชาววัง

 

“แน่นอน…”

 

โดยไม่ทันรู้ตัว ร่างมายาก็เข้ามาอยู่ในระยะห้าเมตรไม่ไกลจากซูฉิน

 

“ตราบใดที่สหายเต๋า…”

 

ตอนที่กําลังพูดอยู่ ร่างมายาก็กลายเป็นลําแสงไหลเข้าไปยังกึ่งกลางระหว่างคิ้วของซูฉิน

 

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

 

“ ข้างบนนี้เป็นรากฐานของเจ้าใช่หรือไม่?”

 

เสียงของร่างมายาดังก้องอยู่ในหูของซูฉิน แสดงให้เห็นถึงความภาคภูมิ

 

ตั้งแต่แรกเริ่ม ร่างมายาในชุดชาววังไม่ได้ตั้งใจจะช่วยเหลือซูฉิน แต่นางเตรียมที่จะยึดครองร่างของซูฉินอยู่แล้ว

 

หากซูฉินระมัดระวังตัวตั้งแต่แรกและรักษาระยะห่างจากนางไกลกว่าห้าเมตร แม้ว่าร่างมายาจะมีความสามารถก็ไม่มีทางทําอะไรซูฉินได้

 

แต่ร่างมายาใช้ข้อมูลเกี่ยวกับดินแดนโพ้นทะเลเป็นสิ่งล่อลวง แกล้งทําให้เห็นว่าตนไม่อันตราย ลดความระมัดระวังของซูฉินลง สุดท้ายก็ล่อหลอกซูฉินด้วยสมบัติจากนั้นจึงเข้ามาใกล้ซูฉินในระยะห้าเมตรได้สําเร็จ

 

ในตอนนี้แผนการของร่างมายาในชุดชาววังก็สําเร็จลุล่วง ไปแล้วกว่าครึ่ง

 

“แม้ว่าสตรีผู้นี้จะหลับใหลมาหลายร้อยปี แต่ก็มีการบูชายัญมาหล่อเลี้ยงจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์อยู่ตลอดเวลา ประจวบกับประสบการณ์ที่ได้รับมาจากต่างแดน จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของข้านั้นมั่นคง การเข้าไปสิงสู่ร่างผู้ฝึกยุทธนั้นย่อมสามารถกระทําได้ไม่ยากหากไม่มีเหตุผิดพลาดใดเกิดขึ้น”

 

ร่างมายาในชุดชาววังเต็มไปด้วยความมั่นใจ

 

ในความคิดของนาง ซูฉนไม่เคยไปยังต่างดินแดนด้วยซ้ำ เขาควรจะมีระดับการบ่มเพาะขอบเขตตํานานยุทธอย่างมากสุดก็ระดับนภาชั้นที่สอง ไม่มีทางที่จะหยุดยั้งการรุกล้ำด้วยจิตสัมผัสศักิดิ์สิทธิ์ของนางได้เลย

 

“รอจนกว่าจะยึดกายเนื้อสําเร็จจนข้ามีพลังป้องกันตนเองได้ เมื่อนั้นก็ถึงเวลาที่ข้าจะต้องไปจัดการบางสิ่งเสียหน่อย…”

 

ร่างมายานึกถึงเรื่องนี้และนางก็แอบรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาไม่น้อย

 

แม้ว่านางจะยึดครองร่างซูฉินได้ แต่นางก็ต้องเปลี่ยนจากหญิงกลายเป็นชาย แต่ตราบใดที่นางสามารถมีชีวิตรอดต่อไปได้ ราคาที่จะต้องจ่ายออกเพียงเท่านี้จะนับเป็นอะ ไรได้?

 

หวึ่ง!!!

 

จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของร่างมายาก็หลั่งไหลเข้ามาที่หว่างคิ้วของซูฉินด้วยความรวดเร็ว แล้วทะลุเข้าไปภายใน

 

อย่างไรก็ตาม

 

ก่อนที่นางจะเคลื่อนที่ต่อไป นางก็เบิกตากว้างมองทุกสิ่งที่อยู่ด้านหน้าด้วยความตกใจ

 

ด้านในส่วนลึกของกึ่งกลางระหว่างคิ้วมีองค์ยูไลทองคําขนาดยักษ์ประทับในท่ายืนอยู่อย่างเงียบๆ ท่ามกลางพลังฟ้าดินอันไม่มีที่สิ้นสุด มือหนึ่งชูจรดฟ้าอีกมือปล่อยชี้ลงพื้น พสุธาบดบังลานสายตาทั้งหมด ราวกับว่าไม่มีอะไรจะยิ่งใหญ่เสมอเหมือนสิ่งนี้อีกแล้ว

 

แสงสว่างจากองค์ยูไลก็ส่องผ่านความมืดมิดเปล่งประกายไปทั่วมิติแห่งนี้

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+