เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 329 ผู้มาเยือนจากประตูเซียน

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 329 ผู้มาเยือนจากประตูเซียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 329 ผู้มาเยือนจากประตูเซียน

เกาะเทพเจ้าสายฟ้านั้นใหญ่มาก

เป็นสถานที่ที่สืบทอดมรดกนิกายเทพเจ้าสายฟ้ามานับหมื่นปี เกาะเทพเจ้าสายฟ้ามีขนาดกว่าห้าร้อย

นอกจากนี้ยังมีค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่จัดตั้งอยู่มากมายทั่วทั้งเกาะ รวมถึงค่ายกลสังหาร ค่ายกลเขาวงกต ค่ายกลภูตลวงตา ต่านานยุทธธรรมดาๆ หากหลงเข้าไปในค่ายกลเหล่านี้โดยบังเอิญ แม้ว่าจะไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัส

น่าเสียดายที่ค่ายกลขนาดใหญ่จํานวนมากบนเกาะเทพเจ้าสายฟ้าได้ถูกทําลายลงจากผลของการต่อสู้ระหว่างซูฉินกับระฆังเทพสายฟ้า แม้จะหลงเหลือเศษเสียวเล็กๆ ของค่ายกลอยู่ แต่จะทําอะไรซูฉินได้?

ซูฉันเดินเข้ามาจนสุดทาง แต่ไม่พบศิษย์สาวกของนิกายเทพเจ้าสายฟ้าเลย

ทันทีที่ซูฉินทะลวงผ่านค่ายกลสังหารทั้งเก้าชั้นมาได้ ศิษย์นิกายเทพเจ้าสายฟ้าส่วนใหญ่ก็หนีไป และศิษย์บางส่วนที่เหลืออยู่ เมื่อเห็นว่าซุฉินปราบสมบัติล่าค่าระฆังเทพสายฟ้าได้ ก็ตระหนักได้ว่าพวกเขาไม่สามารถกลับคืนสู่ความรุ่งโรจน์ได้อีกแล้ว จึงหนีไปด้วย

แม้แต่ศิษย์สาวกที่ภักดีต่อนิกายเทพเจ้าสายฟ้าอย่างสุดหัวใจก็ไม่มีความคิดที่จะแก้แค้น

ซูฉันนั้นแข็งแกร่งเกินไป

ทําลายค่ายกลสังหารทั้งเก้าชั้นได้ในไม่กี่กระบวนท่า ใช้ร่างกายปะทะจนสมบัติล้ําค่าสั่นสะเทือน แม้มนุษย์สวรรค์นิกายเทพเจ้าสายฟ้าในแต่ละยุคจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซูฉันอยู่ดี แล้วอย่างพวกเขาจะไปทําอะไรได้?

สิ่งเดียวที่เหล่าศิษย์นิกายเทพเจ้าสายฟ้าทําได้คือหนีไปที่อื่น เอาตัวรอดเพื่อรักษามรดกของนิกายเทพเจ้าสายฟ้าเอาไว้

แน่นอนว่าซูฉินทราบเรื่องนี้ดี ตราบเท่าที่เขาต้องการ ก็อาจจะใช้เวลาสักครู่หนึ่งในการลงทัณฑ์ศิษย์นิกายเทพเจ้าสายฟ้า แม้ศิษย์เหล่านั้นจะหนีไปจนสุดขอบโลกก็หนีไม่พ้นจากการจับตําแหน่งของดวงตาแห่งสัจจะ

โลกทั้งใบมีสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วน แต่พลังฉีนั้นมีเอกลักษณ์หนึ่งเดียว ซูฉินได้ตรวจสอบไอพลังทั้งหมดบนเกาะเทพเจ้าสายฟ้าด้วยดวงตาแห่งสัจจะตั้งแต่ก่อนเริ่มโจมตีนิกายเทพเจ้าสายฟ้า

ด้วยความสามารถของดวงตาแห่งสัจจะ ตราบใดที่ซูฉินได้เห็นพลังฉีไปแล้ว เขาก็สามารถจับตําแหน่งได้โดยไม่เกี่ยงระยะทาง

แต่ซูฉินขี้เกียจเกินกว่าที่จะทําเช่นนั้น

ประการแรกเป็นเพราะความดูแคลน แม้ว่าศิษย์นิกายเทพเจ้าสายฟ้าจะได้รับอนุญาตให้หลบหนีออกไป แล้วมันจะเป็นเช่นไรเล่า? นิกายเทพเจ้าสายฟ้าเจริญรุ่งเรืองมาโดยตลอด แต่ก็ยังถูกทําลายลงได้โดยฝีมือของซูฉันไม่ใช่หรือไร? ตอนนี้หากอาศัยเพียงศิษย์นิกายเทพเจ้าสายฟ้าซึ่งไม่มีแม้แต่ตํานานยุทธขั้นสูงสุด จะเอาอะไรมาคุกคามซูฉินได้?

ประการที่สอง คือ การทําลายล้างนิกายเทพเจ้าสายฟ้านั้น แม้ว่าซูฉินจะไม่เคลื่อนไหว แต่นิกายใหญ่จํานวนมากก็จะเริ่มไล่ตามศิษย์สาวกที่หลบหนีเหล่านั้นเพื่อเอาใจซูฉินอยู่ดี

“นี่คือส่วนที่สําคัญที่สุดของนิกายเทพเจ้าสายฟ้า?” ซูฉินหยุดฝีเท้ากะทันหัน มองตรงไปด้านหน้า

ซูฉินได้มาอยู่ในจตุรัสหยกขาวขนาดใหญ่ ที่ใจกลางจตุรัสมีรูปปั้นเทพเจ้าสูงตระหง่านกว่าร้อยจ้าง

รูปปั้นเทพเจ้าสูงร้อยจ้างนี้ เปล่งประกายยิ่งใหญ่ มีไอพลังที่ดูเก่าแก่แผ่ออกมา เมื่อซูฉินได้ เห็นรูปปั้นนี้ ก็เหมือนได้มองเห็นทะเลสายฟ้าอันกว้างใหญ่ ตามมาด้วยประกายสายฟ้าสีทองอ่อนๆ อยู่ภายใน

“นี่ควรจะเป็นสถานที่ประทับของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดภายในนิกายเทพเจ้าสายฟ้าหรือไม่?” ซูฉินแตะปลายคาง จิตใจของเขาฟื้นกลับมาอย่างรวดเร็ว

ในช่วงท้ายของยุคกระแสปราณฉีเฟื่องฟู นิกายเทพเจ้าสายฟ้าน่าจะมีความสัมพันธ์กับผู้ทรงพลังถึงขีดสุด และระฆังเทพสายฟ้าก็ได้รับมาจากผู้ทรงพลังถึงขีดสุดผู้นั้น

อย่างไรก็ตาม ซูฉินคาดการณ์ว่าความสัมพันธ์ระหว่างนิกายเทพเจ้าสายฟ้ากับผู้ทรงพลังถึงขีดสุดคงจะไม่ได้ลึกซึ้งนัก ไม่เช่นนั้นผู้ทรงพลังถึงขีดสุดจะไม่ใช่มอบเพียงระฆังเทพสายฟ้า แต่จะเป็นสมบัติล้ําค่าโดยกําเนิดให้แทน

“เมื่อเข้าสู่วิถีในขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ ว่ากันตามจริงก็ไม่นับว่าเป็นผู้ฝึกยุทธแล้ว จิต วิญญาณแรกกําเนิดหลอมรวมเข้ากับทะเลปราณ ร่างกายถูกขัดเกลาด้วยพลังจากทะเลปราณ มีอายุขัยยาวนานกว่าหนึ่งพันปี ก้าวไปสู่การเป็นสิ่งมีชีวิตในระดับที่สูงขึ้นไปอีกขั้น……”

ซูฉันมองดูรูปปั้นเทพเจ้าสูงร้อยจ้าง ความคิดผันผวนไปมา

“ส่วนผู้ทรงพลังถึงขีดสุด…” ซูฉินส่ายศีรษะเล็กน้อย จมอยู่ภายในความคิด

ในมุมของซูฉิน ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดในขอบเขตทลายนภากาศก็ไม่ต่างไปจากเทพเซียนในตํานาน ทําลายความว่างเปล่าและสร้างโลกขึ้นมา ถ้านี่ไม่ใช่เทพเซียนแล้วเทพเซียนคือสิ่งใดอีก?

ขณะที่ซูฉันมองดูรูปปั้นของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดอยู่นั้น ผลการต่อสู้บนเกาะเทพเจ้าสายฟ้าก็กระจายไปทั่วทุกทิศทางด้วยความเร็วราวกับพาย

ชาวยุทธจํานวนนับไม่ถ้วนที่ได้ยินข่าวต่างตกตะลึง หัวใจหนาวเหน็บมาจากภายในลามออกมายันภายนอก

“นิกายเทพเจ้าสายฟ้าสืบทอดต่อกันมากว่าหมื่นปี ไม่ว่ามนุษย์สวรรค์อาณาจักรถังจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่จะเหยียบย่านิกายใหญ่ระดับสูงได้ง่ายดายเพียงนี้เชียวหรือ?” เพียงเวลาไม่นานก็มีเหล่าตํานานยุทธขั้นสูงสุดที่ไปชมฉากต่อสู้บนเกาะเทพเจ้าสายฟ้าได้กลับมา

“มันเป็นข่าวที่กขึ้นมาหรือเปล่า?” มีต่านานยุทธอีกคนหนึ่งที่สงสัยขึ้นมา

เพราะการที่ซฉินได้ก้าวข้ามนิกายเทพเจ้าสายฟ้านั้นมันน่าเหลือเชื่อจริงๆ นับตั้งแต่สิ้นสดยุคเฟื่องฟกระแสปราณฉี นิกายเทพเจ้าสายฟ้าก็ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลก ไม่รู้ว่าพบเจอภัยพิบัติมาแล้วกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ก็ผ่านพ้นมาได้ตลอด จะมาถูกทําลายด้วยฝีมือของซูฉินได้อย่างไร?

“กุข่าว?”

“จะเป็นการกุข่าวปลอมขึ้นมาได้อย่างไร?”

“มนุษย์สวรรค์อาณาจักรถังได้ทะลวงค่ายกลสังหารทั้งเก้าชั้นบนเกาะเทพเจ้าสายฟ้าด้วยตนเอง ในท้ายที่สุดก็ได้ใช้ร่างกายของตนเองเข้าปะทะกับสมบัติล้ําค่าอย่างสง่าผ่าเผย ผู้คนจํานวนมากได้เห็นมันกับตา จะบอกว่าเป็นของปลอมได้อย่างไร?”

ทันใดนั้นก็มีตํานานยุทธยืนขึ้นพร้อมกับกล่าวคําเย้ยหยัน “ถ้าเจ้าไม่เชื่อ เจ้าก็สามารถไปถาม พวกนิกายใหญ่ได้ ดูว่าพวกเขากล้าดูหมิ่นมนุษย์สวรรค์อาณาจักรถังหรือไม่”

เพียงครู่เดียว โลกยุทธภพต่างแดนก็สั่นสะเทือนหลังจากซูฉินเหยียบย่านิกายเทพเจ้าสายฟ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมบัติล่าค่าของนิกายเทพเจ้าสายฟ้าเองก็ยังถูกระงับ ความแข็งแกร่งที่แสดงให้เห็นนี้เรียกได้ว่ามีอํานาจเหนือตะวันจันทรา สั่นสะเทือนฟ้าดิน ต่อจากนี้ไป ยังจะมีใครในโลกที่กล้าเป็นศัตรูกับซูฉัน?

“ดูท่า ดูท่าว่าจะมีเพียงประตูเซียนในต่านานเท่านั้นถึงจะเป็นขุมพลังที่เทียบเคียงได้กับมนุษย์สวรรค์อาณาจักรถัง…….” จอมยุทธชราถอนหายใจแล้วกล่าวออกมาช้าๆ

“ประตูเซียน……”

รูม่านตาของจอมยุทธคนอื่นๆ หดตัวลง

สําหรับประตูเซียน แม้จะถือเป็นความลับในยุทธภพดินแดนโพ้นทะเล แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีใครรู้ ก่อนจะหมดยุคเฟื่องฟูกระแสปราณฉี ครั้งหนึ่งผู้ทรงพลังถึงขีดสุดได้นํามรดกของตนเองหลบหนีเข้าไปในประตูเซียน หมื่นปีผ่านไป กระแสปราณฉีตกอยู่ในความเงียบงัน แม้แต่เซียนเทพปฐพี่ก็ยากที่จะเกิดขึ้นสักคนในช่วงพันปี

แต่ภายในประตูเซียน เกรงว่ายุคเฟื่องฟูกระแสปราณฉีจะยังคงมีอยู่ อาจจะไม่ถึงขึ้นที่มีผู้ทรงพลังถึงขีดสุด แต่จํานวนเซียนเทพปฐพี่ต้องมากเกินกว่าโลกมนุษย์ไปไกลอย่างแน่นอน

เมืองฉางอัน อาณาจักรถัง

“พี่สามได้เหยียบย่านิกายเทพเจ้าสายฟ้าเรียบร้อยแล้วหรือ?” จักรพรรดิถังนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร ดวงตาเบิกกว้าง ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน

ในตอนที่ซูฉินออกจากเมืองฉางอันไป เขาไม่ได้แจ้งให้จักรพรรดิถังและคนอื่นๆ ทราบ

ดังนั้นในความคิดของจักรพรรดิถัง ซูฉินนั้นยังอยู่ในการปิดด่านฝึกตน

แต่บัดนี้ จู่ๆก็มีข่าวว่านิกายเทพเจ้าสายฟ้าถูกซูฉินทําลายลงแล้ว จักรพรรดิถังจึงตกใจไม่น้อย

“เป็นไปตามนั้นอย่างแน่นอน”

ชายชราเฟียยวที่ยืนอยู่ด้านข้างก็มีสีหน้าที่ตกตะลึงเช่นกัน

เดิมที่การที่ซูฉินสังหารขอบเขตเซียนเทพปฐพีอย่างเหลยเฉียนจือ ก็ทําให้ทั้งโลกต้องตกตะลึงแล้ว มันเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนับตั้งแต่สิ้นยุคเฟื่องฟูกระแสปราณฉีครั้งสุดท้าย เซียนเทพปฐพี่นั้นหาได้ยากยิ่งในรอบพันปี ยากนักที่จะเกิดในยุคเดียวกัน นับประสาอะไรกับการที่เซียนเทพปฐพี่สองคนต่อสู้กันแต่ยามนี้

แม้แต่นิกายเทพเจ้าสายฟ้าที่สูงส่งสืบทอดมรดกมานับหมื่นปี ก็ยังถูกซูฉินเหยียบย่ลงกับพื้น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตกใจอย่างมาก

รู้หรือไม่ว่านิกายเทพเจ้าสายฟ้ามีภูมหลังมากมาย ยิ่งกว่านั้น เซียนเทพปฐพีที่ต้องการจะเหยียบนิกายเทพเจ้าสายฟ้าให้จมดิน จําเป็นจะต้องจัดการกับสมบัติล้ําค่า แต่นั่นจะเป็นไปได้เช่นไร?

สมบัติล้ําค่าที่ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดทิ้งไว้เบื้องหลัง แม้แต่ในยุคเฟื่องฟูกระแสปราณฉีครั้งล่าสุด ยังสามารถใช้มันเพื่อเรืองอํานาจได้เลย แล้วเช่นนี้เซียนเทพปฐพี่จะทําอะไรได้?

“ฝีมือของพี่สามดูเหลือเชื่อมากขึ้นเรื่อยๆ …” จักรพรรดิถังเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนแววความตื่นเต้นจะปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

การเหยียบย่านิกายเทพเจ้าสายฟ้าของซูฉินนั้นเทียบเท่าการทําลายความมั่นใจด่านสุดท้ายของเหล่านิกายใหญ่

เดิมที่ตอนที่ซูฉินสังหารเหลยเฉียนจือ สําหรับนิกายใหญ่ระดับสูงอย่างสํานักผู้วิเศษ แม้จะเกรงกลัวอย่างยิ่ง แต่ก็รู้สึกว่ายังมีทางหนีทีไล่อยู่ สามารถหลบอยู่ภายในนิกายได้ อย่างไรเสีย การปกป้องจากสมบัติล้ําค่า ก็ทําให้เซียนเทพปฐพี่เข้ามาไม่ได้ในช่วงเวลาหลายร้อยปี

แต่ตอนนี้

ซูฉินเหยียบนิกายเทพเจ้าสายฟ้าจนจมดิน รวมถึงปราบสมบัติล้ําค่าของนิกายเทพเจ้าสายฟ้า นิกายใหญ่อย่างสํานักผู้วิเศษย่อมสั่นกลัว กลัวว่าเป้าหมายต่อไปของซูฉันอาจเป็นพวกเขา ดังนั้นจะกล้าไม่เชื่อฟังอาณาจักรถังได้อย่างไร?

การยอมจํานนของเหล่านิกายใหญ่จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนาอาณาจักรถัง แม้ว่านิกายใหญ่จะไม่ใช่อาณาจักร แต่ก็สืบทอดมรดกมานับพันนับหมื่นปี ไม่รู้ผ่านยุคสมัยมากี่ราชวงศ์แล้ว หากพวกเขาสามารถดึงพลังของนิกายใหญ่มาได้ มันก็เพียงพอแล้วที่จะยกระดับอาณาจักรถังขึ้นมาในระยะเวลาอันสั้น

“มานี้ซิ”

“ให้เหล่าขุนนางไปที่ท้องพระโรงไท่จี”

“ข้ามีเรื่องจะประกาศ” จักรพรรดิถังยังคงเดินไปเดินมาอยู่ภายในโถงชีวิตนิรันดร์ ในที่สุดก็มองไปยังขันที่ที่อยู่ใกล้มือ ก่อนจะกล่าวคําาสั่งออกไป

ขณะจักรพรรดิถังกําลังเตรียมจะประกาศแผนการอันยิ่งใหญ่

ตอนเหนือสุดของดินแดนโพ้นทะเล

ที่แห่งนี้แทบไม่มีปราณฉีอยู่เลย แม้ว่ากระแสปราณฉีบนโลกจะเริ่มฟื้นตัวแล้ว แต่ก็ไม่ได้แพร่กระจายเข้าไปในที่แห่งนี้

ในขณะนี้ ประตูหินตั้งตรงได้ปรากฏขึ้น ค่อยๆ โผล่ออกมาจากส่วนลึกของความว่างเปล่า เข้ามาสู่โลกมนุษย์

ช่วงเวลาต่อมา

ประตูหินนี้ก็สั่นไหว แหวกเปิดช่องว่างอากาศออกมา

ร่างห้าร่างเดินออกมาจากด้านใน ร่างทั้งห้านี้มีทั้งหญิงและชาย ชราและเยาว์ มีกลิ่นอายจางๆที่เชื่อมโยงเข้ากับทะเลปราณอันกว้างใหญ่ไพศาล
เมื่อคนทั้งห้าเดินออกมาจากช่องว่างอากาศ พวกเขาก็เห็นพายุมิติที่ก่อตัวอยู่ด้านหลังพวกเขา เพียงเศษเสี้ยวเล็กๆน้อยๆของมันก็มากพอจะฉีกเฉือนความว่างเปล่า พุ่งเข้าหาคนทั้งห้าอย่างต่อเนื่อง

แต่ก็เท่านั้น

พายมิติและเศษชิ้นส่วนของความว่างเปล่าทั้งหมด เมื่อเข้ามาถึงระยะสิบเมตรรอบตัวของคนทั้งห้า ดูเหมือนจะถูกระงับด้วยพลังบางอย่างและสลายหายไปอย่างรวดเร็ว

“ไม่คาดคิดเลย ช่องว่างที่เชื่อมประตูเซียนกับโลกมนุษย์ช่างน่ากลัวเหลือเกิน ไม่รู้ว่ามีเศษเสี้ยวมิตซ่อนอยู่มากเพียงใด ถ้าไม่มีตราประทับที่สืบทอดมาจากผู้ทรงพลังถึงขีดสุดอันนี้ เกรงว่าเราคงโดนทุบจนกระดูกแตกไปนานแล้ว”

ร่องรอยความกลัวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายร่างสูงใหญ่กําย่า แม้ว่าเขาจะเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่และจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้เชื่อมต่อกับทะเลปราณ ใช้พลังฟ้าดินได้ต่างมือต่างเท้า แต่เมื่อเจอเข้ากับพลังของความว่างเปล่า มันก็อ่อนแอราวกับเศษฝุ่น

“เจ้ากล่าวผิดไปแล้ว”

ในเวลานี้ ชายที่ดูท่าทางอ่อนแอคนหนึ่ง สวมใส่ชุดบัณฑิต สายศีรษะแล้วกล่าวว่า “หากไม่มีตราประทับนี้ อาศัยกําลังของพวกเรา หากต้องการผ่านช่องว่างอากาศ มันจะไม่ง่ายดายเหมือน กับแค่กระดูกแตกหักเป็นชิ้นๆแน่ อย่างน้อยลักษณ์จิตวิญญาณคงถูกทําลายจนหมด”

คําที่กล่าวออกมา

ชายที่มีร่างกําย่าก็หยุดนิ่ง เห็นได้ชัดว่าเห็นด้วยกับสิ่งที่ชายซึ่งดูท่าทางอ่อนแอได้กล่าว

พลังของมิติและความว่างเปล่านั้น ต่อให้เป็นผู้ทรงพลังถึงขีดสุดก็ยากจะมีอํานาจปกครอง มันมีอยู่ทุกหนแห่ง สามารถบดขยี้ได้ทุกสิ่ง นับประสาอะไรกับพวกเขา แม้แต่เซียนเทพปฐพีขั้นสถิตเทพระดับสูงสุดก็ไม่สามารถต้านทานพลังของมิติความว่างเปล่าได้แม้แต่น้อย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 329 ผู้มาเยือนจากประตูเซียน

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 329 ผู้มาเยือนจากประตูเซียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 329 ผู้มาเยือนจากประตูเซียน

เกาะเทพเจ้าสายฟ้านั้นใหญ่มาก

เป็นสถานที่ที่สืบทอดมรดกนิกายเทพเจ้าสายฟ้ามานับหมื่นปี เกาะเทพเจ้าสายฟ้ามีขนาดกว่าห้าร้อย

นอกจากนี้ยังมีค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่จัดตั้งอยู่มากมายทั่วทั้งเกาะ รวมถึงค่ายกลสังหาร ค่ายกลเขาวงกต ค่ายกลภูตลวงตา ต่านานยุทธธรรมดาๆ หากหลงเข้าไปในค่ายกลเหล่านี้โดยบังเอิญ แม้ว่าจะไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัส

น่าเสียดายที่ค่ายกลขนาดใหญ่จํานวนมากบนเกาะเทพเจ้าสายฟ้าได้ถูกทําลายลงจากผลของการต่อสู้ระหว่างซูฉินกับระฆังเทพสายฟ้า แม้จะหลงเหลือเศษเสียวเล็กๆ ของค่ายกลอยู่ แต่จะทําอะไรซูฉินได้?

ซูฉันเดินเข้ามาจนสุดทาง แต่ไม่พบศิษย์สาวกของนิกายเทพเจ้าสายฟ้าเลย

ทันทีที่ซูฉินทะลวงผ่านค่ายกลสังหารทั้งเก้าชั้นมาได้ ศิษย์นิกายเทพเจ้าสายฟ้าส่วนใหญ่ก็หนีไป และศิษย์บางส่วนที่เหลืออยู่ เมื่อเห็นว่าซุฉินปราบสมบัติล่าค่าระฆังเทพสายฟ้าได้ ก็ตระหนักได้ว่าพวกเขาไม่สามารถกลับคืนสู่ความรุ่งโรจน์ได้อีกแล้ว จึงหนีไปด้วย

แม้แต่ศิษย์สาวกที่ภักดีต่อนิกายเทพเจ้าสายฟ้าอย่างสุดหัวใจก็ไม่มีความคิดที่จะแก้แค้น

ซูฉันนั้นแข็งแกร่งเกินไป

ทําลายค่ายกลสังหารทั้งเก้าชั้นได้ในไม่กี่กระบวนท่า ใช้ร่างกายปะทะจนสมบัติล้ําค่าสั่นสะเทือน แม้มนุษย์สวรรค์นิกายเทพเจ้าสายฟ้าในแต่ละยุคจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซูฉันอยู่ดี แล้วอย่างพวกเขาจะไปทําอะไรได้?

สิ่งเดียวที่เหล่าศิษย์นิกายเทพเจ้าสายฟ้าทําได้คือหนีไปที่อื่น เอาตัวรอดเพื่อรักษามรดกของนิกายเทพเจ้าสายฟ้าเอาไว้

แน่นอนว่าซูฉินทราบเรื่องนี้ดี ตราบเท่าที่เขาต้องการ ก็อาจจะใช้เวลาสักครู่หนึ่งในการลงทัณฑ์ศิษย์นิกายเทพเจ้าสายฟ้า แม้ศิษย์เหล่านั้นจะหนีไปจนสุดขอบโลกก็หนีไม่พ้นจากการจับตําแหน่งของดวงตาแห่งสัจจะ

โลกทั้งใบมีสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วน แต่พลังฉีนั้นมีเอกลักษณ์หนึ่งเดียว ซูฉินได้ตรวจสอบไอพลังทั้งหมดบนเกาะเทพเจ้าสายฟ้าด้วยดวงตาแห่งสัจจะตั้งแต่ก่อนเริ่มโจมตีนิกายเทพเจ้าสายฟ้า

ด้วยความสามารถของดวงตาแห่งสัจจะ ตราบใดที่ซูฉินได้เห็นพลังฉีไปแล้ว เขาก็สามารถจับตําแหน่งได้โดยไม่เกี่ยงระยะทาง

แต่ซูฉินขี้เกียจเกินกว่าที่จะทําเช่นนั้น

ประการแรกเป็นเพราะความดูแคลน แม้ว่าศิษย์นิกายเทพเจ้าสายฟ้าจะได้รับอนุญาตให้หลบหนีออกไป แล้วมันจะเป็นเช่นไรเล่า? นิกายเทพเจ้าสายฟ้าเจริญรุ่งเรืองมาโดยตลอด แต่ก็ยังถูกทําลายลงได้โดยฝีมือของซูฉันไม่ใช่หรือไร? ตอนนี้หากอาศัยเพียงศิษย์นิกายเทพเจ้าสายฟ้าซึ่งไม่มีแม้แต่ตํานานยุทธขั้นสูงสุด จะเอาอะไรมาคุกคามซูฉินได้?

ประการที่สอง คือ การทําลายล้างนิกายเทพเจ้าสายฟ้านั้น แม้ว่าซูฉินจะไม่เคลื่อนไหว แต่นิกายใหญ่จํานวนมากก็จะเริ่มไล่ตามศิษย์สาวกที่หลบหนีเหล่านั้นเพื่อเอาใจซูฉินอยู่ดี

“นี่คือส่วนที่สําคัญที่สุดของนิกายเทพเจ้าสายฟ้า?” ซูฉินหยุดฝีเท้ากะทันหัน มองตรงไปด้านหน้า

ซูฉินได้มาอยู่ในจตุรัสหยกขาวขนาดใหญ่ ที่ใจกลางจตุรัสมีรูปปั้นเทพเจ้าสูงตระหง่านกว่าร้อยจ้าง

รูปปั้นเทพเจ้าสูงร้อยจ้างนี้ เปล่งประกายยิ่งใหญ่ มีไอพลังที่ดูเก่าแก่แผ่ออกมา เมื่อซูฉินได้ เห็นรูปปั้นนี้ ก็เหมือนได้มองเห็นทะเลสายฟ้าอันกว้างใหญ่ ตามมาด้วยประกายสายฟ้าสีทองอ่อนๆ อยู่ภายใน

“นี่ควรจะเป็นสถานที่ประทับของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดภายในนิกายเทพเจ้าสายฟ้าหรือไม่?” ซูฉินแตะปลายคาง จิตใจของเขาฟื้นกลับมาอย่างรวดเร็ว

ในช่วงท้ายของยุคกระแสปราณฉีเฟื่องฟู นิกายเทพเจ้าสายฟ้าน่าจะมีความสัมพันธ์กับผู้ทรงพลังถึงขีดสุด และระฆังเทพสายฟ้าก็ได้รับมาจากผู้ทรงพลังถึงขีดสุดผู้นั้น

อย่างไรก็ตาม ซูฉินคาดการณ์ว่าความสัมพันธ์ระหว่างนิกายเทพเจ้าสายฟ้ากับผู้ทรงพลังถึงขีดสุดคงจะไม่ได้ลึกซึ้งนัก ไม่เช่นนั้นผู้ทรงพลังถึงขีดสุดจะไม่ใช่มอบเพียงระฆังเทพสายฟ้า แต่จะเป็นสมบัติล้ําค่าโดยกําเนิดให้แทน

“เมื่อเข้าสู่วิถีในขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ ว่ากันตามจริงก็ไม่นับว่าเป็นผู้ฝึกยุทธแล้ว จิต วิญญาณแรกกําเนิดหลอมรวมเข้ากับทะเลปราณ ร่างกายถูกขัดเกลาด้วยพลังจากทะเลปราณ มีอายุขัยยาวนานกว่าหนึ่งพันปี ก้าวไปสู่การเป็นสิ่งมีชีวิตในระดับที่สูงขึ้นไปอีกขั้น……”

ซูฉันมองดูรูปปั้นเทพเจ้าสูงร้อยจ้าง ความคิดผันผวนไปมา

“ส่วนผู้ทรงพลังถึงขีดสุด…” ซูฉินส่ายศีรษะเล็กน้อย จมอยู่ภายในความคิด

ในมุมของซูฉิน ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดในขอบเขตทลายนภากาศก็ไม่ต่างไปจากเทพเซียนในตํานาน ทําลายความว่างเปล่าและสร้างโลกขึ้นมา ถ้านี่ไม่ใช่เทพเซียนแล้วเทพเซียนคือสิ่งใดอีก?

ขณะที่ซูฉันมองดูรูปปั้นของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดอยู่นั้น ผลการต่อสู้บนเกาะเทพเจ้าสายฟ้าก็กระจายไปทั่วทุกทิศทางด้วยความเร็วราวกับพาย

ชาวยุทธจํานวนนับไม่ถ้วนที่ได้ยินข่าวต่างตกตะลึง หัวใจหนาวเหน็บมาจากภายในลามออกมายันภายนอก

“นิกายเทพเจ้าสายฟ้าสืบทอดต่อกันมากว่าหมื่นปี ไม่ว่ามนุษย์สวรรค์อาณาจักรถังจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่จะเหยียบย่านิกายใหญ่ระดับสูงได้ง่ายดายเพียงนี้เชียวหรือ?” เพียงเวลาไม่นานก็มีเหล่าตํานานยุทธขั้นสูงสุดที่ไปชมฉากต่อสู้บนเกาะเทพเจ้าสายฟ้าได้กลับมา

“มันเป็นข่าวที่กขึ้นมาหรือเปล่า?” มีต่านานยุทธอีกคนหนึ่งที่สงสัยขึ้นมา

เพราะการที่ซฉินได้ก้าวข้ามนิกายเทพเจ้าสายฟ้านั้นมันน่าเหลือเชื่อจริงๆ นับตั้งแต่สิ้นสดยุคเฟื่องฟกระแสปราณฉี นิกายเทพเจ้าสายฟ้าก็ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลก ไม่รู้ว่าพบเจอภัยพิบัติมาแล้วกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ก็ผ่านพ้นมาได้ตลอด จะมาถูกทําลายด้วยฝีมือของซูฉินได้อย่างไร?

“กุข่าว?”

“จะเป็นการกุข่าวปลอมขึ้นมาได้อย่างไร?”

“มนุษย์สวรรค์อาณาจักรถังได้ทะลวงค่ายกลสังหารทั้งเก้าชั้นบนเกาะเทพเจ้าสายฟ้าด้วยตนเอง ในท้ายที่สุดก็ได้ใช้ร่างกายของตนเองเข้าปะทะกับสมบัติล้ําค่าอย่างสง่าผ่าเผย ผู้คนจํานวนมากได้เห็นมันกับตา จะบอกว่าเป็นของปลอมได้อย่างไร?”

ทันใดนั้นก็มีตํานานยุทธยืนขึ้นพร้อมกับกล่าวคําเย้ยหยัน “ถ้าเจ้าไม่เชื่อ เจ้าก็สามารถไปถาม พวกนิกายใหญ่ได้ ดูว่าพวกเขากล้าดูหมิ่นมนุษย์สวรรค์อาณาจักรถังหรือไม่”

เพียงครู่เดียว โลกยุทธภพต่างแดนก็สั่นสะเทือนหลังจากซูฉินเหยียบย่านิกายเทพเจ้าสายฟ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมบัติล่าค่าของนิกายเทพเจ้าสายฟ้าเองก็ยังถูกระงับ ความแข็งแกร่งที่แสดงให้เห็นนี้เรียกได้ว่ามีอํานาจเหนือตะวันจันทรา สั่นสะเทือนฟ้าดิน ต่อจากนี้ไป ยังจะมีใครในโลกที่กล้าเป็นศัตรูกับซูฉัน?

“ดูท่า ดูท่าว่าจะมีเพียงประตูเซียนในต่านานเท่านั้นถึงจะเป็นขุมพลังที่เทียบเคียงได้กับมนุษย์สวรรค์อาณาจักรถัง…….” จอมยุทธชราถอนหายใจแล้วกล่าวออกมาช้าๆ

“ประตูเซียน……”

รูม่านตาของจอมยุทธคนอื่นๆ หดตัวลง

สําหรับประตูเซียน แม้จะถือเป็นความลับในยุทธภพดินแดนโพ้นทะเล แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีใครรู้ ก่อนจะหมดยุคเฟื่องฟูกระแสปราณฉี ครั้งหนึ่งผู้ทรงพลังถึงขีดสุดได้นํามรดกของตนเองหลบหนีเข้าไปในประตูเซียน หมื่นปีผ่านไป กระแสปราณฉีตกอยู่ในความเงียบงัน แม้แต่เซียนเทพปฐพี่ก็ยากที่จะเกิดขึ้นสักคนในช่วงพันปี

แต่ภายในประตูเซียน เกรงว่ายุคเฟื่องฟูกระแสปราณฉีจะยังคงมีอยู่ อาจจะไม่ถึงขึ้นที่มีผู้ทรงพลังถึงขีดสุด แต่จํานวนเซียนเทพปฐพี่ต้องมากเกินกว่าโลกมนุษย์ไปไกลอย่างแน่นอน

เมืองฉางอัน อาณาจักรถัง

“พี่สามได้เหยียบย่านิกายเทพเจ้าสายฟ้าเรียบร้อยแล้วหรือ?” จักรพรรดิถังนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร ดวงตาเบิกกว้าง ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน

ในตอนที่ซูฉินออกจากเมืองฉางอันไป เขาไม่ได้แจ้งให้จักรพรรดิถังและคนอื่นๆ ทราบ

ดังนั้นในความคิดของจักรพรรดิถัง ซูฉินนั้นยังอยู่ในการปิดด่านฝึกตน

แต่บัดนี้ จู่ๆก็มีข่าวว่านิกายเทพเจ้าสายฟ้าถูกซูฉินทําลายลงแล้ว จักรพรรดิถังจึงตกใจไม่น้อย

“เป็นไปตามนั้นอย่างแน่นอน”

ชายชราเฟียยวที่ยืนอยู่ด้านข้างก็มีสีหน้าที่ตกตะลึงเช่นกัน

เดิมที่การที่ซูฉินสังหารขอบเขตเซียนเทพปฐพีอย่างเหลยเฉียนจือ ก็ทําให้ทั้งโลกต้องตกตะลึงแล้ว มันเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนับตั้งแต่สิ้นยุคเฟื่องฟูกระแสปราณฉีครั้งสุดท้าย เซียนเทพปฐพี่นั้นหาได้ยากยิ่งในรอบพันปี ยากนักที่จะเกิดในยุคเดียวกัน นับประสาอะไรกับการที่เซียนเทพปฐพี่สองคนต่อสู้กันแต่ยามนี้

แม้แต่นิกายเทพเจ้าสายฟ้าที่สูงส่งสืบทอดมรดกมานับหมื่นปี ก็ยังถูกซูฉินเหยียบย่ลงกับพื้น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตกใจอย่างมาก

รู้หรือไม่ว่านิกายเทพเจ้าสายฟ้ามีภูมหลังมากมาย ยิ่งกว่านั้น เซียนเทพปฐพีที่ต้องการจะเหยียบนิกายเทพเจ้าสายฟ้าให้จมดิน จําเป็นจะต้องจัดการกับสมบัติล้ําค่า แต่นั่นจะเป็นไปได้เช่นไร?

สมบัติล้ําค่าที่ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดทิ้งไว้เบื้องหลัง แม้แต่ในยุคเฟื่องฟูกระแสปราณฉีครั้งล่าสุด ยังสามารถใช้มันเพื่อเรืองอํานาจได้เลย แล้วเช่นนี้เซียนเทพปฐพี่จะทําอะไรได้?

“ฝีมือของพี่สามดูเหลือเชื่อมากขึ้นเรื่อยๆ …” จักรพรรดิถังเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนแววความตื่นเต้นจะปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

การเหยียบย่านิกายเทพเจ้าสายฟ้าของซูฉินนั้นเทียบเท่าการทําลายความมั่นใจด่านสุดท้ายของเหล่านิกายใหญ่

เดิมที่ตอนที่ซูฉินสังหารเหลยเฉียนจือ สําหรับนิกายใหญ่ระดับสูงอย่างสํานักผู้วิเศษ แม้จะเกรงกลัวอย่างยิ่ง แต่ก็รู้สึกว่ายังมีทางหนีทีไล่อยู่ สามารถหลบอยู่ภายในนิกายได้ อย่างไรเสีย การปกป้องจากสมบัติล้ําค่า ก็ทําให้เซียนเทพปฐพี่เข้ามาไม่ได้ในช่วงเวลาหลายร้อยปี

แต่ตอนนี้

ซูฉินเหยียบนิกายเทพเจ้าสายฟ้าจนจมดิน รวมถึงปราบสมบัติล้ําค่าของนิกายเทพเจ้าสายฟ้า นิกายใหญ่อย่างสํานักผู้วิเศษย่อมสั่นกลัว กลัวว่าเป้าหมายต่อไปของซูฉันอาจเป็นพวกเขา ดังนั้นจะกล้าไม่เชื่อฟังอาณาจักรถังได้อย่างไร?

การยอมจํานนของเหล่านิกายใหญ่จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนาอาณาจักรถัง แม้ว่านิกายใหญ่จะไม่ใช่อาณาจักร แต่ก็สืบทอดมรดกมานับพันนับหมื่นปี ไม่รู้ผ่านยุคสมัยมากี่ราชวงศ์แล้ว หากพวกเขาสามารถดึงพลังของนิกายใหญ่มาได้ มันก็เพียงพอแล้วที่จะยกระดับอาณาจักรถังขึ้นมาในระยะเวลาอันสั้น

“มานี้ซิ”

“ให้เหล่าขุนนางไปที่ท้องพระโรงไท่จี”

“ข้ามีเรื่องจะประกาศ” จักรพรรดิถังยังคงเดินไปเดินมาอยู่ภายในโถงชีวิตนิรันดร์ ในที่สุดก็มองไปยังขันที่ที่อยู่ใกล้มือ ก่อนจะกล่าวคําาสั่งออกไป

ขณะจักรพรรดิถังกําลังเตรียมจะประกาศแผนการอันยิ่งใหญ่

ตอนเหนือสุดของดินแดนโพ้นทะเล

ที่แห่งนี้แทบไม่มีปราณฉีอยู่เลย แม้ว่ากระแสปราณฉีบนโลกจะเริ่มฟื้นตัวแล้ว แต่ก็ไม่ได้แพร่กระจายเข้าไปในที่แห่งนี้

ในขณะนี้ ประตูหินตั้งตรงได้ปรากฏขึ้น ค่อยๆ โผล่ออกมาจากส่วนลึกของความว่างเปล่า เข้ามาสู่โลกมนุษย์

ช่วงเวลาต่อมา

ประตูหินนี้ก็สั่นไหว แหวกเปิดช่องว่างอากาศออกมา

ร่างห้าร่างเดินออกมาจากด้านใน ร่างทั้งห้านี้มีทั้งหญิงและชาย ชราและเยาว์ มีกลิ่นอายจางๆที่เชื่อมโยงเข้ากับทะเลปราณอันกว้างใหญ่ไพศาล
เมื่อคนทั้งห้าเดินออกมาจากช่องว่างอากาศ พวกเขาก็เห็นพายุมิติที่ก่อตัวอยู่ด้านหลังพวกเขา เพียงเศษเสี้ยวเล็กๆน้อยๆของมันก็มากพอจะฉีกเฉือนความว่างเปล่า พุ่งเข้าหาคนทั้งห้าอย่างต่อเนื่อง

แต่ก็เท่านั้น

พายมิติและเศษชิ้นส่วนของความว่างเปล่าทั้งหมด เมื่อเข้ามาถึงระยะสิบเมตรรอบตัวของคนทั้งห้า ดูเหมือนจะถูกระงับด้วยพลังบางอย่างและสลายหายไปอย่างรวดเร็ว

“ไม่คาดคิดเลย ช่องว่างที่เชื่อมประตูเซียนกับโลกมนุษย์ช่างน่ากลัวเหลือเกิน ไม่รู้ว่ามีเศษเสี้ยวมิตซ่อนอยู่มากเพียงใด ถ้าไม่มีตราประทับที่สืบทอดมาจากผู้ทรงพลังถึงขีดสุดอันนี้ เกรงว่าเราคงโดนทุบจนกระดูกแตกไปนานแล้ว”

ร่องรอยความกลัวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายร่างสูงใหญ่กําย่า แม้ว่าเขาจะเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่และจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้เชื่อมต่อกับทะเลปราณ ใช้พลังฟ้าดินได้ต่างมือต่างเท้า แต่เมื่อเจอเข้ากับพลังของความว่างเปล่า มันก็อ่อนแอราวกับเศษฝุ่น

“เจ้ากล่าวผิดไปแล้ว”

ในเวลานี้ ชายที่ดูท่าทางอ่อนแอคนหนึ่ง สวมใส่ชุดบัณฑิต สายศีรษะแล้วกล่าวว่า “หากไม่มีตราประทับนี้ อาศัยกําลังของพวกเรา หากต้องการผ่านช่องว่างอากาศ มันจะไม่ง่ายดายเหมือน กับแค่กระดูกแตกหักเป็นชิ้นๆแน่ อย่างน้อยลักษณ์จิตวิญญาณคงถูกทําลายจนหมด”

คําที่กล่าวออกมา

ชายที่มีร่างกําย่าก็หยุดนิ่ง เห็นได้ชัดว่าเห็นด้วยกับสิ่งที่ชายซึ่งดูท่าทางอ่อนแอได้กล่าว

พลังของมิติและความว่างเปล่านั้น ต่อให้เป็นผู้ทรงพลังถึงขีดสุดก็ยากจะมีอํานาจปกครอง มันมีอยู่ทุกหนแห่ง สามารถบดขยี้ได้ทุกสิ่ง นับประสาอะไรกับพวกเขา แม้แต่เซียนเทพปฐพีขั้นสถิตเทพระดับสูงสุดก็ไม่สามารถต้านทานพลังของมิติความว่างเปล่าได้แม้แต่น้อย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+