เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 145 ปราชัย

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 145 ปราชัย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 145 ปราชัย

เงียบ!

 

เงียบสนิท!

 

กองทัพของเหล่าราชาหัวเมืองที่เหลือต่างจ้องมองมาด้วยสายตาว่างเปล่า ราชาหัวเมืองทั้งสิบพระองค์ถูกสังหารด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์อันนั้น หัวใจของพวกเขาเต้นตุบ ตื่นตะลึงคาดไม่ถึง

 

แสงศักดิ์สิทธิ์ที่พุ่งข้ามท้องฟ้าตกลงมาบริเวณจุดที่ตั้งกระโจมของราชาหัวเมืองทั้งสิบอย่างเฉพาะเจาะจง

 

ดังนั้นถึงแม้ว่าทหารหลายหมื่นนายจะได้รับผลกระทบ แต่ก็ยังเหลือกองทหารอีกจํานวนมากกําลังเฝ้ามองราชาของตนด้วยความรู้สึกว่างเปล่า มันไม่เหลือสิ่งใดเลย

 

“ไม่นะ!”

 

“เป็นไปไม่ได้”

 

นายทหารหลายคนดวงตาแดงก่ํา พวกเขาแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง

 

พวกเขาร่วมก่อกบฏกับราชาหัวเมืองและคิดมานานแล้ว ว่าชะตากรรมที่เลวร้ายที่สุดแม้การก่อกบฏจะล้มเหลวในสุดท้าย มันก็ต้องผ่านการต่อสู้อันแสนดุเดือดกันก่อน

 

แต่ตอนนี้?

 

มันเกิดอะไรขึ้น?

 

พวกเขายังไม่ได้เห็นแม้แต่กองทัพของอาณาจักรถัง แล้วราชาของพวกเขากลับถูกทวยเทพกําจัดไป?

 

ทหารจํานวนมากขยี้ตาแล้วขยี้ตาอีก หวังว่าทุกสิ่งที่เห็น เมื่อครู่จะเป็นเพราะตาฝาดไป

 

อย่างไรก็ตาม ช่างน่าเสียดาย

 

เมื่อเวลาผ่านเลยไป ความตื่นตระหนกนี้ก็แพร่กระจายออกไปในหมู่ทหาร เหล่าทหารทําได้เพียงยอมรับผลที่เกิดขึ้น

 

มันคือความจริง

 

ทั้งหมดมันคือความจริง

 

พวกเขาเดิมพันทุกอย่าง รวบรวมกองทัพนับล้านก่อการกบฏ หวังจะผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน แต่ทุกอย่างจบลง ตั้งแต่ยังไม่เริ่มต้นด้วยซ้ํา

 

“เป็นไปได้หรือไม่ว่านี่คือชะตากรรมของตระกูลหลีแห่งอาณาจักรถัง พวกเราก่อกบฏเลยถูกสวรรค์ลงทัณฑ์?” 

 

ทหารบางคนทรุดตัวลงกับพื้นร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่ง

 

ในความจริงไม่ใช่แค่ทหารคนนี้ที่คิดแบบนั้น ตอนที่ผู้คนจํานวนนับไม่ถ้วนได้เห็นแสงอันศักดิ์สิทธิ์ปกคลุมพื้นที่ที่ราชาหัวเมืองอยู่โดยสมบูรณ์ พวกเขาไม่สามารถคิดเป็นอื่นได้ ว่านอกจากทวยเทพแล้วจะมีใครสามารถส่งแสงอันศักดิ์สิทธิ์ ลงมาจากท้องฟ้าได้อีก?

 

ในขณะที่กองทหารจํานวนมหาศาลตกอยู่ในความโกลาหล

 

ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งนับสิบคนก็เดินออกมา และเริ่มจัดการแก้ไขความวุ่นวายภายในกองทัพ

 

ปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของราชาหัวเมืองทั้งสิบ เมื่อยามที่ปรากฏการโจมตีจากฟากฟ้า พวกเขาเหล่านี้ไม่ได้อยู่ร่วมกับราชาหัวเมือง แต่อยู่รอบนอกของกองทัพเพื่อควบคุมสถานการณ์

 

ด้วยเหตุนี้พวกเขาทั้งหมดจึงหนีรอดความตายมาได้ 

 

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

 

ผ่านไปสองสามชั่วโมง

 

ในที่สุดทั้งกองทัพก็เริ่มสงบลง

 

เหตุผลที่เหล่าราชาหัวเมืองทั้งสิบกล้าก่อกบฏนอกเหนือจากได้ผู้สนับสนุนรายใหม่แล้ว พวกเขาก็อาศัยกองทัพนับล้านนี่แหละเป็นพื้นฐานความมั่นใจ

 

กองกําลังนับล้านเหล่านี้ได้รับการฝึกฝนอย่างดีจากเหล่า ราชาหัวเมืองและภักดีต่อราชาหัวเมืองทั้งสิบคนอย่างมาก ดังนั้นพวกเขาแทบจะไม่สามารถสงบใจลงได้เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น

 

แต่ถ้าหากเป็นกองทัพอื่นเมื่อเผชิญกับความวุ่นวายเช่นนี้ อาจจะนับว่าพ่ายแพ้ไปนานแล้ว

 

“ตอนนี้พวกเราควรทําเช่นไรดี?”

 

ภายในกระโจมทหารที่ตั้งขึ้นชั่วคราวโดยยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งมากกว่าสิบคน ทั้งหมดกําลังนั่งจ้องหน้ากัน ท่าทางของพวกเขาดูสง่าผ่าเผย

 

“ทําเช่นไร?”

 

ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งที่ดูเหมือนอยู่ในวัยกลางคนก็ตั้งสติได้ แล้วมองไปยังทิศทางที่แสงศักดิ์สิทธิ์พุ่งมา

 

“เมืองฉางอัน…”

 

ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งคนหนึ่งรู้สึกหัวใจสั่นไหวในทรวง

 

เขาเป็นแม่ทัพของราชาชวอฟาง และเป็นผู้ที่มีประสาทสัมผัสเฉียบคม

 

ทหารคนอื่นๆ อาจจะคิดว่าแสงอันนั้นเป็นการลงโทษจากสรวงสวรรค์ แต่เขาตระหนักดีว่าทิศทางของแสงศักดิ์สิทธิ์มาจากเมืองฉางอัน

 

นั่นหมายความว่าเช่นไร?

 

หมายความว่าแสงอันศักดิ์สิทธิ์นั้นมีแนวโน้มว่าเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น

 

“เรา…ควรจะต่อต้านดีไหม…”

 

ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งคนหนึ่งที่เงียบอยู่นาน อดไม่ได้ที่ถามขึ้น

 

คําที่กล่าวออกมา

 

ความขมขึ้นเล็กๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งคนอื่นๆ

 

ต่อต้าน?

 

พวกเขาจะทําเช่นนั้นได้อย่างไร?

 

ขนาดเหล่าองค์ชายยังสิ้นพระชนม์ไปหมดแล้ว แม้ว่าพวกเขาที่นั่งอยู่ตอนนี้จะทําให้กองทัพสงบลงชั่วคราวได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปจะมีปัญหาตามมาทีหลังเป็นแน่

 

ในตอนนี้ถึงกองทัพของเหล่าราชาหัวเมืองจะมีอยู่นับล้าน แต่จริงๆแล้วเปราะบางอย่างมาก หากมีอะไรผิดปกติก็มีโอกาสที่จะแตกฉานซ่านเซ็นได้ง่าย

 

“กลับกันเถอะ”

 

“กลับไปที่เขตแดนของพวกเรา และรอให้ราชาหัวเมืองคนใหม่ขึ้นครองตําแหน่ง ก่อนที่จะปรึกษาหารือกันใหม่อีกครั้ง”

 

ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งคนหนึ่งพูดขึ้น

 

“ไม่เลว”

 

“ตอนนี้สถานการณ์วุ่นวายยิ่ง ภายในกองทัพไม่มีผู้นําอีกแล้ว ถ้าพวกเจ้าอยู่ต่อ เป็นไปได้ว่าเราอาจจะโดนอาณาจักรถังกวาดล้างได้”

 

ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งคนอื่นพยักหน้าเห็นด้วย

 

แม่ทัพของราชาชวอฟางผู้นี้เท่านั้นที่รอบคอบที่สุด

 

ควรรีบกลับไปในตอนนี้ จากนั้นก็รอให้ราชาหัวเมืองคนใหม่ขึ้นครองตําแหน่งแล้วค่อยจัดตั้งกองทัพขึ้นมาใหม่คงเป็นวิธีที่ดีที่สุด

 

เพียงแต่ว่าอาณาจักรถังจะให้โอกาสพวกเขาหรือ?

 

ทั้งยังมีตัวตนที่ปล่อยแสงอันศักดิ์สิทธิ์นั้นออกมาได้ สิ่งนั้นมันคืออะไรกันแน่?

 

ในเวลาเดียวกัน

 

ตําหนักไท่จี้

 

จักรพรรดิหลีเชิงแห่งราชวงศ์ถังและเหล่าขุนนางกําลังหารือกันเกี่ยวกับเรื่องสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองฉางอันเมื่อไม่นานมานี้

 

พลังฉีฟ้าดินในรัศมีหลายสิบลี้หลั่งไหลเข้ามาในเมืองฉางอันอย่างฉับพลัน และตอนนี้แม้ว่าจะค่อยๆ กระจายกลับไปแล้ว แต่มันก็มีผลกระทบตามมาอย่างใหญ่หลวง

 

นอกจากนี้ยังมีแสงศักดิ์สิทธิ์ที่พุ่งออกมาจากส่วนลึกของวังหลวง ทําให้จักรพรรดิหลี่เชิงกังวลมากขึ้นไปอีก

 

ทันใดนั้น

 

ตอนนั้นเอง

 

หน่วยสอดแนมจากแนวหน้าก็รีบเข้ามาภายในท้องพระโรงอย่างรวดเร็ว คุกเข่าลงข้างหนึ่งแล้วกล่าวเสียงดัง “ฝ่าบาทมีรายงานด่วนจากแนวหน้า!”

 

“รายงานด่วน?”

 

จักรพรรดิถังตกตะลึง

 

มันไม่ใช่ความลับอะไรเรื่องที่ราชาหัวเมืองก่อกบฏ นําทัพมาเป็นล้านนาย แล้วตอนนี้ยังจะมีรายงานด่วนอะไรอีก?

 

ข้าราชบริพารที่เหลือต่างก็คาดเดาและเริ่มรู้สึกไม่สบาย

 

“พูดมา”

 

จักรพรรดิถังหลี่เชิงเหลือบมองขุนนางทั้งฝ่ายทหารและ ฝ่ายพลเรือนจากนั้นจึงค่อยกล่าวคําออกมา

 

“กองทัพของเหล่าองค์ชาย กองทัพของเหล่าองค์ชายกําลังถอยทัพกลับไป…” เห็นได้ชัดว่าหน่วยสอดแนมเองก็รู้สึกว่ามันแปลกๆ แต่เขาก็ยังรายงานออกมาอย่างรวดเร็ว

 

กองทัพของเหล่าองค์ชาย…ถอยทัพไปแล้ว?”

 

จักรพรรดิถังหลี่เชิงเบิกตากว้างไม่อยากจะเชื่อ

 

เขาเพิ่งจะคิดว่ากองทัพของเหล่าองค์ชายอาจจะล้อมกรอบเมืองอยู่เมื่อครู่นี่เอง แต่มิคาดคิด อีกฝ่ายกลับถอยทัพกลับไป?

 

รู้หรือไม่ว่าการก่อความวุ่นวายจากเหล่าราชาหัวเมือง ทั้งสิบนั่นเทียบเท่ากับการฉีกหน้าของอาณาจักรถังออกอย่างสมบูรณ์ คนอื่นอาจจะคิดล่าถอยได้ แต่ราชาหัวเมือง ทั้งสิบเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้วคงไม่สามารถล่าถอยได้อีกต่อไป

 

เพราะแม้ว่าพวกเขาจะถอยทัพกลับ อาณาจักรถังก็ไม่สามารถปล่อยให้ราชาหัวเมืองที่ก่อกบฏมีชีวิตรอดต่อไปได้แน่ๆ

 

ในกรณีนี้คงจะเป็นการดีกว่าที่จะรวมกําลังกันเข้าโจมตีอาณาจักรถัง

 

ถ้าจักรพรรดิถังหลี่เชิงยังสามารถคิดเรื่องนี้ได้ เหล่าองค์ชายก็ต้องคิดได้เช่นกัน

 

“เพราะเหตุใดกัน?”

 

ความคิดของจักรพรรดิถังวิ่งวุ่นในหัว และกล่าวถามออกมาในทันที

 

“ตามข้อมูลที่ได้รับมา เหมือนว่าจะมีแสงศักดิ์สิทธิ์พุ่งลงมาจากท้องฟ้า กวาดล้างราชาหัวเมืองทั้งสิบไปจนสิ้นพะย่ะค่ะ”

 

“กองทัพของเหล่าองค์ชายจึงเลือกล่าถอย เพราะไม่มีผู้นํากองทัพนับล้าน…”

 

หน่วยสอดแนมกัดฟันกล่าวถ้อยคําทั้งหมดออกมา

 

อันที่จริงเมื่อได้ฟังข้อมูลเหล่านี้ ตัวเขาเองก็แทบจะไม่เชื่อ เช่นกัน เมื่อยามที่รายงานออกไปจึงเริ่มต้นอธิบายด้วยคําว่า ‘เหมือนว่า’…

 

นั่นเป็นเหตุผลว่าทําไมในฐานะที่เป็นคนในหน่วยสอดแนมข้อมูลทุกอย่างต้องถูกถ่ายทอดออกไปอย่างถูกต้อง จึงใช้คําที่มีความหมายคลุมเครืออย่าง ‘เหมือนว่า’

 

“แสงศักดิ์สิทธิ์?”

 

เหมือนมีเสียงดังก้องอยู่ภายในใจของจักรพรรดิถังหลีเชิง

 

ประกายความคิดแวบขึ้นมาในหัว จักรพรรดิถังนึกไปถึงแสงศักดิ์สิทธิ์ที่พุ่งออกมาจากส่วนลึกของพระราชวังเมื่อไม่นานมานี้

 

เวลาของทั้งสองเหตุการณ์ใกล้เคียงกันมาก ทันทีที่เกิดเหตุการณ์ในวังหลวง เหล่าราชาหัวเมืองก็ตกตายในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน

 

“มันคือแสงศักดิ์สิทธิ์อันนั้นที่พุ่งขึ้นสู่ฟากฟ้ามุ่งหมายจะสังหารราชาหัวเมืองจนสิ้นชีพ?”

 

“ระยะทางห่างไกลกว่าหลายพันลี ท่ามกลางกองทหารนับล้าน สามารถสังหารราชาหัวเมืองทั้งสิบได้?”

 

จักรพรรดิหลี่เชิงกลืนน้ําลาย รู้สึกเหมือนตนกําลังตกอยู่ในความฝัน

 

หากเรื่องที่เขาคิดเป็นความจริง เกรงว่าตัวตนที่มีพลังเช่นนั้นควรจะเทียบเท่าทวยเทพเสียแล้ว

 

“มีเทพยุทธซ่อนตัวอยู่ในวังหลวงเช่นนั้นหรือ?”

 

จักรพรรดิถังหลี่เชิงแอบตกตะลึงอยู่ในใจ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 145 ปราชัย

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 145 ปราชัย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 145 ปราชัย

เงียบ!

 

เงียบสนิท!

 

กองทัพของเหล่าราชาหัวเมืองที่เหลือต่างจ้องมองมาด้วยสายตาว่างเปล่า ราชาหัวเมืองทั้งสิบพระองค์ถูกสังหารด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์อันนั้น หัวใจของพวกเขาเต้นตุบ ตื่นตะลึงคาดไม่ถึง

 

แสงศักดิ์สิทธิ์ที่พุ่งข้ามท้องฟ้าตกลงมาบริเวณจุดที่ตั้งกระโจมของราชาหัวเมืองทั้งสิบอย่างเฉพาะเจาะจง

 

ดังนั้นถึงแม้ว่าทหารหลายหมื่นนายจะได้รับผลกระทบ แต่ก็ยังเหลือกองทหารอีกจํานวนมากกําลังเฝ้ามองราชาของตนด้วยความรู้สึกว่างเปล่า มันไม่เหลือสิ่งใดเลย

 

“ไม่นะ!”

 

“เป็นไปไม่ได้”

 

นายทหารหลายคนดวงตาแดงก่ํา พวกเขาแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง

 

พวกเขาร่วมก่อกบฏกับราชาหัวเมืองและคิดมานานแล้ว ว่าชะตากรรมที่เลวร้ายที่สุดแม้การก่อกบฏจะล้มเหลวในสุดท้าย มันก็ต้องผ่านการต่อสู้อันแสนดุเดือดกันก่อน

 

แต่ตอนนี้?

 

มันเกิดอะไรขึ้น?

 

พวกเขายังไม่ได้เห็นแม้แต่กองทัพของอาณาจักรถัง แล้วราชาของพวกเขากลับถูกทวยเทพกําจัดไป?

 

ทหารจํานวนมากขยี้ตาแล้วขยี้ตาอีก หวังว่าทุกสิ่งที่เห็น เมื่อครู่จะเป็นเพราะตาฝาดไป

 

อย่างไรก็ตาม ช่างน่าเสียดาย

 

เมื่อเวลาผ่านเลยไป ความตื่นตระหนกนี้ก็แพร่กระจายออกไปในหมู่ทหาร เหล่าทหารทําได้เพียงยอมรับผลที่เกิดขึ้น

 

มันคือความจริง

 

ทั้งหมดมันคือความจริง

 

พวกเขาเดิมพันทุกอย่าง รวบรวมกองทัพนับล้านก่อการกบฏ หวังจะผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน แต่ทุกอย่างจบลง ตั้งแต่ยังไม่เริ่มต้นด้วยซ้ํา

 

“เป็นไปได้หรือไม่ว่านี่คือชะตากรรมของตระกูลหลีแห่งอาณาจักรถัง พวกเราก่อกบฏเลยถูกสวรรค์ลงทัณฑ์?” 

 

ทหารบางคนทรุดตัวลงกับพื้นร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่ง

 

ในความจริงไม่ใช่แค่ทหารคนนี้ที่คิดแบบนั้น ตอนที่ผู้คนจํานวนนับไม่ถ้วนได้เห็นแสงอันศักดิ์สิทธิ์ปกคลุมพื้นที่ที่ราชาหัวเมืองอยู่โดยสมบูรณ์ พวกเขาไม่สามารถคิดเป็นอื่นได้ ว่านอกจากทวยเทพแล้วจะมีใครสามารถส่งแสงอันศักดิ์สิทธิ์ ลงมาจากท้องฟ้าได้อีก?

 

ในขณะที่กองทหารจํานวนมหาศาลตกอยู่ในความโกลาหล

 

ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งนับสิบคนก็เดินออกมา และเริ่มจัดการแก้ไขความวุ่นวายภายในกองทัพ

 

ปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของราชาหัวเมืองทั้งสิบ เมื่อยามที่ปรากฏการโจมตีจากฟากฟ้า พวกเขาเหล่านี้ไม่ได้อยู่ร่วมกับราชาหัวเมือง แต่อยู่รอบนอกของกองทัพเพื่อควบคุมสถานการณ์

 

ด้วยเหตุนี้พวกเขาทั้งหมดจึงหนีรอดความตายมาได้ 

 

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

 

ผ่านไปสองสามชั่วโมง

 

ในที่สุดทั้งกองทัพก็เริ่มสงบลง

 

เหตุผลที่เหล่าราชาหัวเมืองทั้งสิบกล้าก่อกบฏนอกเหนือจากได้ผู้สนับสนุนรายใหม่แล้ว พวกเขาก็อาศัยกองทัพนับล้านนี่แหละเป็นพื้นฐานความมั่นใจ

 

กองกําลังนับล้านเหล่านี้ได้รับการฝึกฝนอย่างดีจากเหล่า ราชาหัวเมืองและภักดีต่อราชาหัวเมืองทั้งสิบคนอย่างมาก ดังนั้นพวกเขาแทบจะไม่สามารถสงบใจลงได้เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น

 

แต่ถ้าหากเป็นกองทัพอื่นเมื่อเผชิญกับความวุ่นวายเช่นนี้ อาจจะนับว่าพ่ายแพ้ไปนานแล้ว

 

“ตอนนี้พวกเราควรทําเช่นไรดี?”

 

ภายในกระโจมทหารที่ตั้งขึ้นชั่วคราวโดยยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งมากกว่าสิบคน ทั้งหมดกําลังนั่งจ้องหน้ากัน ท่าทางของพวกเขาดูสง่าผ่าเผย

 

“ทําเช่นไร?”

 

ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งที่ดูเหมือนอยู่ในวัยกลางคนก็ตั้งสติได้ แล้วมองไปยังทิศทางที่แสงศักดิ์สิทธิ์พุ่งมา

 

“เมืองฉางอัน…”

 

ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งคนหนึ่งรู้สึกหัวใจสั่นไหวในทรวง

 

เขาเป็นแม่ทัพของราชาชวอฟาง และเป็นผู้ที่มีประสาทสัมผัสเฉียบคม

 

ทหารคนอื่นๆ อาจจะคิดว่าแสงอันนั้นเป็นการลงโทษจากสรวงสวรรค์ แต่เขาตระหนักดีว่าทิศทางของแสงศักดิ์สิทธิ์มาจากเมืองฉางอัน

 

นั่นหมายความว่าเช่นไร?

 

หมายความว่าแสงอันศักดิ์สิทธิ์นั้นมีแนวโน้มว่าเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น

 

“เรา…ควรจะต่อต้านดีไหม…”

 

ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งคนหนึ่งที่เงียบอยู่นาน อดไม่ได้ที่ถามขึ้น

 

คําที่กล่าวออกมา

 

ความขมขึ้นเล็กๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งคนอื่นๆ

 

ต่อต้าน?

 

พวกเขาจะทําเช่นนั้นได้อย่างไร?

 

ขนาดเหล่าองค์ชายยังสิ้นพระชนม์ไปหมดแล้ว แม้ว่าพวกเขาที่นั่งอยู่ตอนนี้จะทําให้กองทัพสงบลงชั่วคราวได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปจะมีปัญหาตามมาทีหลังเป็นแน่

 

ในตอนนี้ถึงกองทัพของเหล่าราชาหัวเมืองจะมีอยู่นับล้าน แต่จริงๆแล้วเปราะบางอย่างมาก หากมีอะไรผิดปกติก็มีโอกาสที่จะแตกฉานซ่านเซ็นได้ง่าย

 

“กลับกันเถอะ”

 

“กลับไปที่เขตแดนของพวกเรา และรอให้ราชาหัวเมืองคนใหม่ขึ้นครองตําแหน่ง ก่อนที่จะปรึกษาหารือกันใหม่อีกครั้ง”

 

ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งคนหนึ่งพูดขึ้น

 

“ไม่เลว”

 

“ตอนนี้สถานการณ์วุ่นวายยิ่ง ภายในกองทัพไม่มีผู้นําอีกแล้ว ถ้าพวกเจ้าอยู่ต่อ เป็นไปได้ว่าเราอาจจะโดนอาณาจักรถังกวาดล้างได้”

 

ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งคนอื่นพยักหน้าเห็นด้วย

 

แม่ทัพของราชาชวอฟางผู้นี้เท่านั้นที่รอบคอบที่สุด

 

ควรรีบกลับไปในตอนนี้ จากนั้นก็รอให้ราชาหัวเมืองคนใหม่ขึ้นครองตําแหน่งแล้วค่อยจัดตั้งกองทัพขึ้นมาใหม่คงเป็นวิธีที่ดีที่สุด

 

เพียงแต่ว่าอาณาจักรถังจะให้โอกาสพวกเขาหรือ?

 

ทั้งยังมีตัวตนที่ปล่อยแสงอันศักดิ์สิทธิ์นั้นออกมาได้ สิ่งนั้นมันคืออะไรกันแน่?

 

ในเวลาเดียวกัน

 

ตําหนักไท่จี้

 

จักรพรรดิหลีเชิงแห่งราชวงศ์ถังและเหล่าขุนนางกําลังหารือกันเกี่ยวกับเรื่องสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองฉางอันเมื่อไม่นานมานี้

 

พลังฉีฟ้าดินในรัศมีหลายสิบลี้หลั่งไหลเข้ามาในเมืองฉางอันอย่างฉับพลัน และตอนนี้แม้ว่าจะค่อยๆ กระจายกลับไปแล้ว แต่มันก็มีผลกระทบตามมาอย่างใหญ่หลวง

 

นอกจากนี้ยังมีแสงศักดิ์สิทธิ์ที่พุ่งออกมาจากส่วนลึกของวังหลวง ทําให้จักรพรรดิหลี่เชิงกังวลมากขึ้นไปอีก

 

ทันใดนั้น

 

ตอนนั้นเอง

 

หน่วยสอดแนมจากแนวหน้าก็รีบเข้ามาภายในท้องพระโรงอย่างรวดเร็ว คุกเข่าลงข้างหนึ่งแล้วกล่าวเสียงดัง “ฝ่าบาทมีรายงานด่วนจากแนวหน้า!”

 

“รายงานด่วน?”

 

จักรพรรดิถังตกตะลึง

 

มันไม่ใช่ความลับอะไรเรื่องที่ราชาหัวเมืองก่อกบฏ นําทัพมาเป็นล้านนาย แล้วตอนนี้ยังจะมีรายงานด่วนอะไรอีก?

 

ข้าราชบริพารที่เหลือต่างก็คาดเดาและเริ่มรู้สึกไม่สบาย

 

“พูดมา”

 

จักรพรรดิถังหลี่เชิงเหลือบมองขุนนางทั้งฝ่ายทหารและ ฝ่ายพลเรือนจากนั้นจึงค่อยกล่าวคําออกมา

 

“กองทัพของเหล่าองค์ชาย กองทัพของเหล่าองค์ชายกําลังถอยทัพกลับไป…” เห็นได้ชัดว่าหน่วยสอดแนมเองก็รู้สึกว่ามันแปลกๆ แต่เขาก็ยังรายงานออกมาอย่างรวดเร็ว

 

กองทัพของเหล่าองค์ชาย…ถอยทัพไปแล้ว?”

 

จักรพรรดิถังหลี่เชิงเบิกตากว้างไม่อยากจะเชื่อ

 

เขาเพิ่งจะคิดว่ากองทัพของเหล่าองค์ชายอาจจะล้อมกรอบเมืองอยู่เมื่อครู่นี่เอง แต่มิคาดคิด อีกฝ่ายกลับถอยทัพกลับไป?

 

รู้หรือไม่ว่าการก่อความวุ่นวายจากเหล่าราชาหัวเมือง ทั้งสิบนั่นเทียบเท่ากับการฉีกหน้าของอาณาจักรถังออกอย่างสมบูรณ์ คนอื่นอาจจะคิดล่าถอยได้ แต่ราชาหัวเมือง ทั้งสิบเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้วคงไม่สามารถล่าถอยได้อีกต่อไป

 

เพราะแม้ว่าพวกเขาจะถอยทัพกลับ อาณาจักรถังก็ไม่สามารถปล่อยให้ราชาหัวเมืองที่ก่อกบฏมีชีวิตรอดต่อไปได้แน่ๆ

 

ในกรณีนี้คงจะเป็นการดีกว่าที่จะรวมกําลังกันเข้าโจมตีอาณาจักรถัง

 

ถ้าจักรพรรดิถังหลี่เชิงยังสามารถคิดเรื่องนี้ได้ เหล่าองค์ชายก็ต้องคิดได้เช่นกัน

 

“เพราะเหตุใดกัน?”

 

ความคิดของจักรพรรดิถังวิ่งวุ่นในหัว และกล่าวถามออกมาในทันที

 

“ตามข้อมูลที่ได้รับมา เหมือนว่าจะมีแสงศักดิ์สิทธิ์พุ่งลงมาจากท้องฟ้า กวาดล้างราชาหัวเมืองทั้งสิบไปจนสิ้นพะย่ะค่ะ”

 

“กองทัพของเหล่าองค์ชายจึงเลือกล่าถอย เพราะไม่มีผู้นํากองทัพนับล้าน…”

 

หน่วยสอดแนมกัดฟันกล่าวถ้อยคําทั้งหมดออกมา

 

อันที่จริงเมื่อได้ฟังข้อมูลเหล่านี้ ตัวเขาเองก็แทบจะไม่เชื่อ เช่นกัน เมื่อยามที่รายงานออกไปจึงเริ่มต้นอธิบายด้วยคําว่า ‘เหมือนว่า’…

 

นั่นเป็นเหตุผลว่าทําไมในฐานะที่เป็นคนในหน่วยสอดแนมข้อมูลทุกอย่างต้องถูกถ่ายทอดออกไปอย่างถูกต้อง จึงใช้คําที่มีความหมายคลุมเครืออย่าง ‘เหมือนว่า’

 

“แสงศักดิ์สิทธิ์?”

 

เหมือนมีเสียงดังก้องอยู่ภายในใจของจักรพรรดิถังหลีเชิง

 

ประกายความคิดแวบขึ้นมาในหัว จักรพรรดิถังนึกไปถึงแสงศักดิ์สิทธิ์ที่พุ่งออกมาจากส่วนลึกของพระราชวังเมื่อไม่นานมานี้

 

เวลาของทั้งสองเหตุการณ์ใกล้เคียงกันมาก ทันทีที่เกิดเหตุการณ์ในวังหลวง เหล่าราชาหัวเมืองก็ตกตายในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน

 

“มันคือแสงศักดิ์สิทธิ์อันนั้นที่พุ่งขึ้นสู่ฟากฟ้ามุ่งหมายจะสังหารราชาหัวเมืองจนสิ้นชีพ?”

 

“ระยะทางห่างไกลกว่าหลายพันลี ท่ามกลางกองทหารนับล้าน สามารถสังหารราชาหัวเมืองทั้งสิบได้?”

 

จักรพรรดิหลี่เชิงกลืนน้ําลาย รู้สึกเหมือนตนกําลังตกอยู่ในความฝัน

 

หากเรื่องที่เขาคิดเป็นความจริง เกรงว่าตัวตนที่มีพลังเช่นนั้นควรจะเทียบเท่าทวยเทพเสียแล้ว

 

“มีเทพยุทธซ่อนตัวอยู่ในวังหลวงเช่นนั้นหรือ?”

 

จักรพรรดิถังหลี่เชิงแอบตกตะลึงอยู่ในใจ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+