เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 352 (I) ประตูเซียนพิโรธ

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 352 (I) ประตูเซียนพิโรธ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 352 (I) ประตูเซียนพิโรธ

“เจ้ายังฉลาดอยู่นี่….”

ซูฉินเหลือบมองไปที่นักพรตหมื่นกําเนิดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

เดิมทีเขาคิดว่านักพรตหมื่นกําเนิดคงจะดิ้นรนอีกสักหน่อยในฐานะที่เป็นเซียนเทพปฐพี่ที่บ่มเพาะในด้านจิตวิญญาณแรกกําเนิด หากนักพรตหมื่นกําเนิดเต็มใจละทิ้งร่างกายและหลบหนีไป แค่จิตวิญญาณแรกกําเนิดก็พอจะมีหวังที่จะหลุดรอดออกจากอาณาเขตเทพสงครามไปได้

แต่นั่นก็เป็นเพียงความหวังอันริบหรี่

ด้วยการควบคุมและปราบปรามของอาณาเขตเทพสงคราม โอกาสที่นักพรตหมื่นกําเนิดจะหลุดรอดไปได้นั้นมีน้อยกว่าหนึ่งในหมื่น

นอกจากนี้…

แม้ว่านักพรตหมื่นกําเนิดจะโชคดีรอดพ้นออกไปได้จริงๆ เขาจะทําอะไรต่อไปได้?

สูญเสียสมบัติล้ําค่ารูปหอคอยไป นักพรตหมื่นกําเนิดย่อมไม่สามารถผ่านช่องว่างมิติไปยังประตูเซียนด้วยจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้ และทําได้เพียงซ่อนตัวอยู่มุมใดมุมหนึ่งของโลก

และด้วยการตรวจจับพลังจากดวงตาแห่งสัจจะ นักพรตหมื่นกําเนิดก็ไม่มีทางหลบหนีไปจากเงื้อมมือของซูฉินได้แม้แต่น้อย

“ความแข็งแกร่งของสหายเต่นั้นยากแท้หยั่งถึง หมื่นกําเนิดไหนจะกล้าทุบก้อนหินด้วยเม็ดกรวดดินทราย?” นักพรตหมื่นกําเนิดพูดไปพลางส่ายศีรษะไป

นักพรตหมื่นกําเนิดไม่ทราบว่าซูฉินมีทิพยอํานาจในการจับพลังฉีอย่างดวงตาแห่งสัจจะ แต่เพียงแค่การขยับมือของซูฉินก็จัดการพวกเขาทั้งสามที่เป็นเซียนเทพปฐพีขั้นกลับคืนต้นกําเนิดได้อยู่หมัด โดยเฉพาะหมัดที่กระแทกเข้าใส่สมบัติล้ําค่ารูปหอคอยจนกระเด็นนั่น…ช่างน่าเหลือเชื่ออะไรเช่นนี้?

รู้หรือไม่ว่านั่นคือสมบัติล้ําค่า และยังเป็นสมบัติล้ําค่าที่เด่นในด้านการป้องกัน แม้เศษซากมิติที่เข้าทําลายทุกอย่าง ก็ไม่อาจผ่านการป้องกันของสมบัติล้ําค่าชิ้นนี้ไปได้

แม้ว่าตอนที่ซูฉินเหวี่ยงหมัดเข้าใส่สมบัติล้ําค่ารูปหอคอย เขาจะใช้กระบวนท่าสังหารจิตวิญญาณแรกกําเนิด หุบเหวอับแสง” เพื่อยับยั้งคนทั้งสามเป็นการชั่วคราว จนทําให้ไม่มีพลัง เพียงพอมาเจือจุนสมบัติล่าค่าอีกต่อไป…

แต่กระนั้น สมบัติล้ําค่ารูปหอคอยนี้ก็ไม่อาจสั่นคลอนได้ด้วยเซียนเทพปฐพีขั้นกลับคืนต้นกําเนิดอยู่ดี

“ดี”

“อย่าได้ต่อต้าน”

เพียงความคิดหนึ่งของซูฉินขยับ พลังจิตวิญญาณแรกกําเนิดก็กลายเป็นเมล็ดพันธุ์บางอย่างค่อยๆ ฝังรากลงไปที่หว่างคิ้วของนักพรตหมื่นกําเนิด

มันคือ [เคล็ดหยั่งรากหัวใจมาร] ที่ซูฉินได้มาจากการลงชื่อเข้าใช้ นี่เป็นเคล็ดวิชาระดับสูงอันลึกลับที่ใช้เพื่อทําให้ผู้อื่นตกเป็นทาส และนอกจากการตกเป็นทาสแล้ว ซูฉันยังสัมผัสได้ถึงอารมณ์ความรู้สึกที่ผันแปรไปมาของอีกฝ่ายด้วย ซึ่งเคล็ดวิชาระดับสูงนี้จะช่วยตัดสินว่าอีกฝ่ายโกหกหรือไม่

“นี่..”

นักพรตหมื่นกําเนิดตระหนักได้ว่าช่องว่างระหว่างคิ้วของเขานั้นถูกบุกรุก ในใจก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่ไม่ได้หยุดยั้ง ปล่อยให้อีกฝ่ายรุกล้ําเข้ามาภายในช่องว่างระหว่างคิ้วได้ตามสะดวก

ด้วยความสําเร็จด้านจิตวิญญาณแรกกําเนิดของนักพรตหมื่นกําเนิด หากต้องการจะปี ดกัน[เคล็ดหยั่งรากหัวใจมาร] เป็นธรรมดาที่จะไม่มีปัญหาใด แต่นักพรตหมื่นกําเนิดนั้นไม่กล้า

ซูฉินอยู่ตรงหน้าเขานี่เอง และหากคิดที่จะทําอะไรขึ้นมา เขาคงเป็นเหมือนกับจ้าวแห่งลมและจอมดาบเก่าสัมผัสที่ถูกตบตายกลายเป็นเศษเนื้อโดยซูฉิน

หลังจากที่[เคล็ดหยั่งรากหัวใจมาร]หยั่งรากลึกลงไปในช่องว่างระหว่างคิ้วของนักพรตหมื่นกําเนิด ซูฉินก็พยักหน้าเล็กน้อย ถามออกอย่างเป็นกันเอง “เจ้ามาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งใด”

“เรียนนายท่าน หมื่นกําเนิดผู้นี้มาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง” นักพรตหมื่นกําเนิดโค้งคำนับ

“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง?”

ซูฉินแตะปลายคาง ดูเหมือนจะเป็นไปตามที่เขาคาดการณ์ไว้

เทพธิดาไท่อินได้บอกเขาเกี่ยวกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหกภายในประตูเซียนเอาไว้ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือดินแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงที่บ่มเพาะด้านจิตวิญญาณแรกกําเนิดอยู่เพียงแห่งเดียว ซูฉินจึงคาดเดาที่มาที่ไปของอีกฝ่ายได้เป็นธรรมดา

“ภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงของเจ้า มีขั้นสถิตเทพระดับสูงสุดอยู่เท่าใด?” ซูฉินถามออกอย่างตรงไปตรงมา

ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของซูฉิน แม้ว่าเขาจะได้พบเข้ากับขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ขั้นสถิตเทพ หากสู้ไม่ได้เขาก็ยังสามารถล่าถอยกลับมาได้ มีเพียงจุดสูงสุดของขั้นสถิตเทพที่เริ่มสัมผัสได้ถึงพลังของพื้นที่มิติแล้วเท่านั้นจึงจะก่อให้เกิดอันตรายต่อซุฉินได้

จําเป็นต้องทราบว่าพลังของจุดสูงสุดของขั้นสถิตเทพ ถูกเรียกว่าเป็นพลังที่สูงที่สุดของโลก แล้วเพียงเดินต่อไปอีกก้าว ฉีกทําลายความว่างเปล่า ก็จะกลายเป็นผู้ทรงพลังถึงขีดสุด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่ขั้นสถิตเทพระดับสูงสุดได้ถือครองสมบัติล้ําค่าโดยกําเนิดของผู้ทรงพลังถึงขีดสุด ในทุกกระบวนท่าเกรงว่าเขาจะสามารถดึงพลังออกมาได้เต็มร้อย

“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงในตอนนี้มีจุดสูงสุดขั้นสถิตเทพอยู่ทั้งสิ้นสามคน….” นักพรตหมื่นกําเนิดลังเลอยู่ครู่หนึ่ง กัดฟันแน่นแล้วกล่าวออกมาว่า “มีสองคนซ่อนเร้นอยู่เบื้องลึกภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ อีกท่านเป็นเจ้าลัทธิ……”

“นอกจากนี้ยังมีทายาทสายตรงของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงของข้าด้วย แต่ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใด”

นักพรตหมื่นกําเนิดไม่ลังเลที่จะบอกความลับอันยิ่งใหญ่ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง

ทายาทสายตรงของผู้ทรงพลังถึงขีดสุด!

ต้องทราบว่าถึงแม้จะมีลูกหลานของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดมากมายภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลักจากประตูเซียน แต่ความจริงคือผู้ที่สายเลือดตื่นขึ้นได้สืบทอดความสามารถบางอย่างจากผู้ทรง พลังถึงขีดสุด กลายเป็นทายาทสายตรง อาจจะมีไม่ถึงหนึ่งในหมื่นหนึ่งในแสน หรือบางทีอาจจะหนึ่งในล้าน

ทายาทสายตรงของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดที่ตื่นขึ้นนั้นจะมีศักยภาพไร้ขีดจํากัด จะเร็วหรือช้าก็สามารถข้ามผ่านเหล่าจุดสูงสุดขั้นสถิตเทพ และครองโลกภายในประตูเซียน

อย่างไรก็ตาม ภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลักทั้งหกแห่งจากประตูเซียนนั้น ไม่ใช่ว่าศิษย์อัจฉริยะทั้งหลายจะไม่ได้อยู่ในสายตาของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เพียงแต่ทายาทของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดนั้น…..

คือพลังที่สามารถส่งผลกระทบต่อโลกทั้งใบภายในประตูเซียน…หากทายาทสายตรงของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดเติบโตขึ้นโดยสมบูรณ์ ย่อมไม่มีดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งใดกล้ายั่วยุ

อย่างไรก็ตาม ทายาทสายตรงของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดที่ยังไม่เติบโต เมื่อดินแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นได้ล่วงรู้ก่อน ในเมื่อพวกเขาไม่สามารถนํามาใช้ประโยชน์เพื่อตนเอง ก็เกรงว่าจะเป็นการดึงดูดให้เกิดการลอบสังหารขึ้นได้

ท้ายที่สุดแม้ศักยภาพของทายาทสายตรงของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดจะแข็งแกร่ง แต่มันก็เป็นเพียงศักยภาพ เมื่อใดก็ตามที่ตายไปก่อนวัยอันควรก็เท่ากับเสียเปล่า

ดังนั้นดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลักทั้งหกแห่งภายในประตูเซียนจึงต้องปกป้องทายาทสายตรงของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดอย่างเข้มงวดกวดขัน และเป็นไปไม่ได้เลยที่คนอื่นจะล่วงรู้ก่อนความแข็งแกร่งของพวกเขาจะเติบโตเต็มที่

นักพรตหมื่นกําเนิดเป็นศิษย์ระดับสูงคนหนึ่งภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง เขาย่อมรู้ว่ามีลูกหลานของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงปลุกสายเลือดขึ้นมาได้

แต่ก็เท่านั้น

สําหรับเรื่องที่ว่าคนผู้นั้นเป็นใคร ไม่ใช่สิ่งที่นักพรตหมื่นกําเนิดสามารถรู้ได้

ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง ผู้ที่รู้ว่าทายาทสายตรงของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดเป็นใคร น่าจะมีเพียงเจ้าลัทธิและตัวตนระดับสูงอีกสองท่าน

“ทายาทสายตรงของผู้ทรงพลังถึงขีดสุด……”

ใบหน้าของซูฉินดูครุ่นคิด

ตามที่เทพธิดาไท่อินกล่าวเอาไว้ ก่อนที่ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลักทั้งหกแห่งภายในประตูเซียนจะจากไปด้วยวัยชรา พวกเขาได้ถ่ายโลหิตบางส่วนให้กับศิษย์ทุกคนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของตนเอง

สายโลหิตเหล่านี้ส่วนใหญ่จะนิ่งเงียบ แต่ก็มีความเป็นไปได้เล็กน้อยที่หลังจากนั้นหลายสิบชั่วอายุคน สายเลือดจะตื่นขึ้น

และนั่นย่อมเป็นทายาทสายตรงของผู้ทรงพลังถึงขีดสุด

สิ่งที่เรียกว่าทายาทสายตรงไม่ใช่ลูกหลานของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดจริงๆ อันที่จริงยิ่งอยู่ในระดับที่สูงขึ้นไป โอกาสที่จะให้กําเนิดลูกหลานก็ยิ่งมีโอกาสต่ําลง โดยเฉพาะผู้ทรงพลังถึงขีดสุด ในขอบเขตทลายนภากาศ แทบจะเป็นไม่ได้ที่จะมีทายาทสืบต่อไป

แต่การที่ไม่สามารถให้กําเนิดทายาทได้ ไม่ได้แปลว่าสายเลือดจะไม่สามารถสืบทอดต่อไป

“นายท่าน ข้าไม่ทราบจริงๆ ว่าผู้ใดเป็นทายาทสายตรงของผู้ทรงพลังถึงขีดสุด…” นักพรตหมื่นกําเนิดกล่าวออกมาทันทีด้วยความตื่นตระหนกเมื่อเห็นซูฉินไม่พูดอะไรออกมา

“ข้าเข้าใจ” ซูฉินพูดเบาๆ

เมื่อสัมผัสถึงอารมณ์ความรู้สึกที่แท้จริงของนักพรตหมื่นกําเนิดผ่าน [เคล็ดหยั่งรากหัวใจมาร] ซูฉินย่อมเข้าใจเป็นธรรมดาว่านักพรตหมื่นกําเนิดไม่ได้ปิดบังสิ่งใดเลย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 352 (I) ประตูเซียนพิโรธ

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 352 (I) ประตูเซียนพิโรธ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 352 (I) ประตูเซียนพิโรธ

“เจ้ายังฉลาดอยู่นี่….”

ซูฉินเหลือบมองไปที่นักพรตหมื่นกําเนิดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

เดิมทีเขาคิดว่านักพรตหมื่นกําเนิดคงจะดิ้นรนอีกสักหน่อยในฐานะที่เป็นเซียนเทพปฐพี่ที่บ่มเพาะในด้านจิตวิญญาณแรกกําเนิด หากนักพรตหมื่นกําเนิดเต็มใจละทิ้งร่างกายและหลบหนีไป แค่จิตวิญญาณแรกกําเนิดก็พอจะมีหวังที่จะหลุดรอดออกจากอาณาเขตเทพสงครามไปได้

แต่นั่นก็เป็นเพียงความหวังอันริบหรี่

ด้วยการควบคุมและปราบปรามของอาณาเขตเทพสงคราม โอกาสที่นักพรตหมื่นกําเนิดจะหลุดรอดไปได้นั้นมีน้อยกว่าหนึ่งในหมื่น

นอกจากนี้…

แม้ว่านักพรตหมื่นกําเนิดจะโชคดีรอดพ้นออกไปได้จริงๆ เขาจะทําอะไรต่อไปได้?

สูญเสียสมบัติล้ําค่ารูปหอคอยไป นักพรตหมื่นกําเนิดย่อมไม่สามารถผ่านช่องว่างมิติไปยังประตูเซียนด้วยจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้ และทําได้เพียงซ่อนตัวอยู่มุมใดมุมหนึ่งของโลก

และด้วยการตรวจจับพลังจากดวงตาแห่งสัจจะ นักพรตหมื่นกําเนิดก็ไม่มีทางหลบหนีไปจากเงื้อมมือของซูฉินได้แม้แต่น้อย

“ความแข็งแกร่งของสหายเต่นั้นยากแท้หยั่งถึง หมื่นกําเนิดไหนจะกล้าทุบก้อนหินด้วยเม็ดกรวดดินทราย?” นักพรตหมื่นกําเนิดพูดไปพลางส่ายศีรษะไป

นักพรตหมื่นกําเนิดไม่ทราบว่าซูฉินมีทิพยอํานาจในการจับพลังฉีอย่างดวงตาแห่งสัจจะ แต่เพียงแค่การขยับมือของซูฉินก็จัดการพวกเขาทั้งสามที่เป็นเซียนเทพปฐพีขั้นกลับคืนต้นกําเนิดได้อยู่หมัด โดยเฉพาะหมัดที่กระแทกเข้าใส่สมบัติล้ําค่ารูปหอคอยจนกระเด็นนั่น…ช่างน่าเหลือเชื่ออะไรเช่นนี้?

รู้หรือไม่ว่านั่นคือสมบัติล้ําค่า และยังเป็นสมบัติล้ําค่าที่เด่นในด้านการป้องกัน แม้เศษซากมิติที่เข้าทําลายทุกอย่าง ก็ไม่อาจผ่านการป้องกันของสมบัติล้ําค่าชิ้นนี้ไปได้

แม้ว่าตอนที่ซูฉินเหวี่ยงหมัดเข้าใส่สมบัติล้ําค่ารูปหอคอย เขาจะใช้กระบวนท่าสังหารจิตวิญญาณแรกกําเนิด หุบเหวอับแสง” เพื่อยับยั้งคนทั้งสามเป็นการชั่วคราว จนทําให้ไม่มีพลัง เพียงพอมาเจือจุนสมบัติล่าค่าอีกต่อไป…

แต่กระนั้น สมบัติล้ําค่ารูปหอคอยนี้ก็ไม่อาจสั่นคลอนได้ด้วยเซียนเทพปฐพีขั้นกลับคืนต้นกําเนิดอยู่ดี

“ดี”

“อย่าได้ต่อต้าน”

เพียงความคิดหนึ่งของซูฉินขยับ พลังจิตวิญญาณแรกกําเนิดก็กลายเป็นเมล็ดพันธุ์บางอย่างค่อยๆ ฝังรากลงไปที่หว่างคิ้วของนักพรตหมื่นกําเนิด

มันคือ [เคล็ดหยั่งรากหัวใจมาร] ที่ซูฉินได้มาจากการลงชื่อเข้าใช้ นี่เป็นเคล็ดวิชาระดับสูงอันลึกลับที่ใช้เพื่อทําให้ผู้อื่นตกเป็นทาส และนอกจากการตกเป็นทาสแล้ว ซูฉันยังสัมผัสได้ถึงอารมณ์ความรู้สึกที่ผันแปรไปมาของอีกฝ่ายด้วย ซึ่งเคล็ดวิชาระดับสูงนี้จะช่วยตัดสินว่าอีกฝ่ายโกหกหรือไม่

“นี่..”

นักพรตหมื่นกําเนิดตระหนักได้ว่าช่องว่างระหว่างคิ้วของเขานั้นถูกบุกรุก ในใจก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่ไม่ได้หยุดยั้ง ปล่อยให้อีกฝ่ายรุกล้ําเข้ามาภายในช่องว่างระหว่างคิ้วได้ตามสะดวก

ด้วยความสําเร็จด้านจิตวิญญาณแรกกําเนิดของนักพรตหมื่นกําเนิด หากต้องการจะปี ดกัน[เคล็ดหยั่งรากหัวใจมาร] เป็นธรรมดาที่จะไม่มีปัญหาใด แต่นักพรตหมื่นกําเนิดนั้นไม่กล้า

ซูฉินอยู่ตรงหน้าเขานี่เอง และหากคิดที่จะทําอะไรขึ้นมา เขาคงเป็นเหมือนกับจ้าวแห่งลมและจอมดาบเก่าสัมผัสที่ถูกตบตายกลายเป็นเศษเนื้อโดยซูฉิน

หลังจากที่[เคล็ดหยั่งรากหัวใจมาร]หยั่งรากลึกลงไปในช่องว่างระหว่างคิ้วของนักพรตหมื่นกําเนิด ซูฉินก็พยักหน้าเล็กน้อย ถามออกอย่างเป็นกันเอง “เจ้ามาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งใด”

“เรียนนายท่าน หมื่นกําเนิดผู้นี้มาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง” นักพรตหมื่นกําเนิดโค้งคำนับ

“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง?”

ซูฉินแตะปลายคาง ดูเหมือนจะเป็นไปตามที่เขาคาดการณ์ไว้

เทพธิดาไท่อินได้บอกเขาเกี่ยวกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหกภายในประตูเซียนเอาไว้ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือดินแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงที่บ่มเพาะด้านจิตวิญญาณแรกกําเนิดอยู่เพียงแห่งเดียว ซูฉินจึงคาดเดาที่มาที่ไปของอีกฝ่ายได้เป็นธรรมดา

“ภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงของเจ้า มีขั้นสถิตเทพระดับสูงสุดอยู่เท่าใด?” ซูฉินถามออกอย่างตรงไปตรงมา

ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของซูฉิน แม้ว่าเขาจะได้พบเข้ากับขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ขั้นสถิตเทพ หากสู้ไม่ได้เขาก็ยังสามารถล่าถอยกลับมาได้ มีเพียงจุดสูงสุดของขั้นสถิตเทพที่เริ่มสัมผัสได้ถึงพลังของพื้นที่มิติแล้วเท่านั้นจึงจะก่อให้เกิดอันตรายต่อซุฉินได้

จําเป็นต้องทราบว่าพลังของจุดสูงสุดของขั้นสถิตเทพ ถูกเรียกว่าเป็นพลังที่สูงที่สุดของโลก แล้วเพียงเดินต่อไปอีกก้าว ฉีกทําลายความว่างเปล่า ก็จะกลายเป็นผู้ทรงพลังถึงขีดสุด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่ขั้นสถิตเทพระดับสูงสุดได้ถือครองสมบัติล้ําค่าโดยกําเนิดของผู้ทรงพลังถึงขีดสุด ในทุกกระบวนท่าเกรงว่าเขาจะสามารถดึงพลังออกมาได้เต็มร้อย

“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงในตอนนี้มีจุดสูงสุดขั้นสถิตเทพอยู่ทั้งสิ้นสามคน….” นักพรตหมื่นกําเนิดลังเลอยู่ครู่หนึ่ง กัดฟันแน่นแล้วกล่าวออกมาว่า “มีสองคนซ่อนเร้นอยู่เบื้องลึกภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ อีกท่านเป็นเจ้าลัทธิ……”

“นอกจากนี้ยังมีทายาทสายตรงของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงของข้าด้วย แต่ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใด”

นักพรตหมื่นกําเนิดไม่ลังเลที่จะบอกความลับอันยิ่งใหญ่ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง

ทายาทสายตรงของผู้ทรงพลังถึงขีดสุด!

ต้องทราบว่าถึงแม้จะมีลูกหลานของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดมากมายภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลักจากประตูเซียน แต่ความจริงคือผู้ที่สายเลือดตื่นขึ้นได้สืบทอดความสามารถบางอย่างจากผู้ทรง พลังถึงขีดสุด กลายเป็นทายาทสายตรง อาจจะมีไม่ถึงหนึ่งในหมื่นหนึ่งในแสน หรือบางทีอาจจะหนึ่งในล้าน

ทายาทสายตรงของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดที่ตื่นขึ้นนั้นจะมีศักยภาพไร้ขีดจํากัด จะเร็วหรือช้าก็สามารถข้ามผ่านเหล่าจุดสูงสุดขั้นสถิตเทพ และครองโลกภายในประตูเซียน

อย่างไรก็ตาม ภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลักทั้งหกแห่งจากประตูเซียนนั้น ไม่ใช่ว่าศิษย์อัจฉริยะทั้งหลายจะไม่ได้อยู่ในสายตาของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เพียงแต่ทายาทของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดนั้น…..

คือพลังที่สามารถส่งผลกระทบต่อโลกทั้งใบภายในประตูเซียน…หากทายาทสายตรงของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดเติบโตขึ้นโดยสมบูรณ์ ย่อมไม่มีดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งใดกล้ายั่วยุ

อย่างไรก็ตาม ทายาทสายตรงของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดที่ยังไม่เติบโต เมื่อดินแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นได้ล่วงรู้ก่อน ในเมื่อพวกเขาไม่สามารถนํามาใช้ประโยชน์เพื่อตนเอง ก็เกรงว่าจะเป็นการดึงดูดให้เกิดการลอบสังหารขึ้นได้

ท้ายที่สุดแม้ศักยภาพของทายาทสายตรงของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดจะแข็งแกร่ง แต่มันก็เป็นเพียงศักยภาพ เมื่อใดก็ตามที่ตายไปก่อนวัยอันควรก็เท่ากับเสียเปล่า

ดังนั้นดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลักทั้งหกแห่งภายในประตูเซียนจึงต้องปกป้องทายาทสายตรงของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดอย่างเข้มงวดกวดขัน และเป็นไปไม่ได้เลยที่คนอื่นจะล่วงรู้ก่อนความแข็งแกร่งของพวกเขาจะเติบโตเต็มที่

นักพรตหมื่นกําเนิดเป็นศิษย์ระดับสูงคนหนึ่งภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง เขาย่อมรู้ว่ามีลูกหลานของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงปลุกสายเลือดขึ้นมาได้

แต่ก็เท่านั้น

สําหรับเรื่องที่ว่าคนผู้นั้นเป็นใคร ไม่ใช่สิ่งที่นักพรตหมื่นกําเนิดสามารถรู้ได้

ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง ผู้ที่รู้ว่าทายาทสายตรงของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดเป็นใคร น่าจะมีเพียงเจ้าลัทธิและตัวตนระดับสูงอีกสองท่าน

“ทายาทสายตรงของผู้ทรงพลังถึงขีดสุด……”

ใบหน้าของซูฉินดูครุ่นคิด

ตามที่เทพธิดาไท่อินกล่าวเอาไว้ ก่อนที่ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลักทั้งหกแห่งภายในประตูเซียนจะจากไปด้วยวัยชรา พวกเขาได้ถ่ายโลหิตบางส่วนให้กับศิษย์ทุกคนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของตนเอง

สายโลหิตเหล่านี้ส่วนใหญ่จะนิ่งเงียบ แต่ก็มีความเป็นไปได้เล็กน้อยที่หลังจากนั้นหลายสิบชั่วอายุคน สายเลือดจะตื่นขึ้น

และนั่นย่อมเป็นทายาทสายตรงของผู้ทรงพลังถึงขีดสุด

สิ่งที่เรียกว่าทายาทสายตรงไม่ใช่ลูกหลานของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดจริงๆ อันที่จริงยิ่งอยู่ในระดับที่สูงขึ้นไป โอกาสที่จะให้กําเนิดลูกหลานก็ยิ่งมีโอกาสต่ําลง โดยเฉพาะผู้ทรงพลังถึงขีดสุด ในขอบเขตทลายนภากาศ แทบจะเป็นไม่ได้ที่จะมีทายาทสืบต่อไป

แต่การที่ไม่สามารถให้กําเนิดทายาทได้ ไม่ได้แปลว่าสายเลือดจะไม่สามารถสืบทอดต่อไป

“นายท่าน ข้าไม่ทราบจริงๆ ว่าผู้ใดเป็นทายาทสายตรงของผู้ทรงพลังถึงขีดสุด…” นักพรตหมื่นกําเนิดกล่าวออกมาทันทีด้วยความตื่นตระหนกเมื่อเห็นซูฉินไม่พูดอะไรออกมา

“ข้าเข้าใจ” ซูฉินพูดเบาๆ

เมื่อสัมผัสถึงอารมณ์ความรู้สึกที่แท้จริงของนักพรตหมื่นกําเนิดผ่าน [เคล็ดหยั่งรากหัวใจมาร] ซูฉินย่อมเข้าใจเป็นธรรมดาว่านักพรตหมื่นกําเนิดไม่ได้ปิดบังสิ่งใดเลย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+