เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 122 เข้าสู่ระบบ! โลหิตรู้แจ้ง!

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 122 เข้าสู่ระบบ! โลหิตรู้แจ้ง! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 122 เข้าสู่ระบบ! โลหิตรู้แจ้ง!

 

คนในวังต่างแตกตื่น

 

อย่างไรก็ตาม ซูฉินมาที่แท่นบูชาเทพธรณีฯ ด้วยท่าทีสบายๆ

 

ตามจริงแล้วแท่นบูชาเทพธรณีฯ คือสถานที่หวงห้ามมิให้คนทั่วไปเข้ามาใกล้ มันใช้เพื่อบูชาเหล่าทวยเทพที่ปกปักราชวงศ์ถัง แต่ในเมื่อซูฉินเป็นถึงพี่เขย” ของจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน ทหารภายในวังไยจึงจะกล้าห้ามซูฉินไม่ให้เข้าไปยังแท่นบูชาเทพธรณีฯเล่า?

 

“โอกาสลงชื่อเข้าใช้ของวันนี้เพิ่งกลับมาให้ใช้ได้อีกครั้ง เมื่อเป็นเช่นนั้นก็ลงชื่อเข้าใช้เลยแล้วกัน”

 

ซูฉันยืนอยู่หน้าแท่นบูชาเทพธรณีฯ พกความหวังเล็กๆน้อยๆมาด้วยในใจ

 

จากประสบการณ์การลงชื่อเข้าใช้หลายต่อหลายครั้ง ซู ฉันได้พบว่าแท่นบูชาเทพธรณีฯในวังหลวงนี้ควรจะเทียบได้ กับ ลานโพธิ์” ของวัดเส้าหลินซึ่งสามารถลงชื่อเพื่อรับสมบัติที่สามารถใช้เพิ่มความแข็งแกร่งได้

 

ตัวอย่างเช่นหยดน้ำจิตวิญญาณธรรมชาติ

 

“ระบบ ลงชื่อเข้าใช้”

 

ซูฉินกล่าวเงียบๆในใจ

 

[ขอแสดงความยินดี โฮสต์ลงชื่อเข้าใช้สําเร็จ ได้รับ “โลหิตรู้แจ้งx3]

 

เสียงจักรกลอันแสนเย็นชาดังขึ้นที่หูของซูฉิน

 

“โลหิตรู้แจ้ง?”

 

จิตของซูฉินผสานเข้าไปดูคลังของระบบ ในไม่ช้าเขาก็พบโลหิตรู้แจ้งจํานวนสามหยดที่อยู่ตรงมุมหนึ่ง

 

โลหิตรู้แจ้งเป็นสมบัติชิ้นหนึ่งที่มีความแวววาวสดใสสีคล้ายๆ เลือด

 

ตามคําอธิบายของระบบ โลหิตรู้แจ้งอันนี้มีผลในการเพิ่ม พลังความสามารถและใช้รักษาอาการบาดเจ็บสาหัสได้

 

“สิ่งนี้กินได้ไหมนะ?”

 

ซูฉินกลับไปที่ตําหนักชุนฝั่งขวานั่งขัดสมาธิและนําโลหิตรู้แจ้งออกมาจากคลังของระบบ

 

ซูฉินมองไปที่โลหิตรู้แจ้งอย่างระมัดระวัง และพบว่าสิ่งของชิ้นนี้มีลักษณะเป็นของเหลว ใส เมื่อนํามาถือไว้ในมือ มันร้อนราวกับท่อเหล็กลนไฟร้อนเหมือนหินลาวาหนืดสามารถไหลได้

 

“มันไม่ใช่เลือด”

 

ซูฉินส่ายหัวเล็กน้อย

 

อึก

 

ช่วงเวลาต่อมา

 

ซูฉินกลืนโลหิตรู้แจ้งที่อยู่ตรงหน้าของตนเข้าไปตรงๆ

 

“เปรี้ยวๆ หวานๆ รสชาติดีกว่าโอสถพวกนั้นเยอะเลย…”

 

ซูฉินลองเคี้ยวโลหิตรู้แจ้งอยู่สองสามครั้ง รู้ สึกเหมือนกําลังกินสิ่งที่เต็มไปด้วยพลังจิตวิญญาณ ก่อนจะเอ่ยออกมา

 

ในที่สุดน้ําหวานจากโลหิตรู้แจ้งก็กลายเป็นหยาดน้ำร้อน พุ่งไปตามแขนและขาของซูฉิน

 

“ไม่เลวไม่เลว”

 

“มันคล้ายคลึงกับหยดจิตวิญญาณธรรมชาติ”

 

ซูฉินรับความรู้สึกอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วคิดใคร่ครวญในใจ

 

ด้วยพลังที่โลหิตรู้แจ้งมอบให้ซูฉินมานั้นเทียบเท่ากับหยดน้ำจิตวิญญาณธรรมชาติหยดเดียว

 

นอกจากนั้นสิ่งที่แตกต่างระหว่างหยดจิตวิญญาณ ธรรมชาติกับโลหิตรู้แจ้งก็คือมันสดชื่นกว่า

 

ส่วนผลอื่นๆ ของโลหิตรู้แจ้งก็คือช่วยรักษาอาการ บาดเจ็บสาหัส…

 

ซูฉินไม่สามารถรับรู้สิ่งนั้นได้ เนื่องจากร่างกายของซูฉิน ได้รับการเปลี่ยนแปลงมาถึงสี่ครั้งในตอนนี้ และเขาก็เข้าสู่ ขอบเขตอรหันต์ระดับนภาชั้นที่สี่แล้ว ทั้งพลังกายและระดับพลังต่างอยู่ในจุดสูงสุดเสมอ แม้ร่างกายจะได้รับบาดเจ็บมันก็จะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ฉะนั้นผลของโลหิตรู้แจ้งนั้นไม่จําเป็นสําหรับเขาเลย

 

“ไม่คาดคิดว่าจะมีเรื่องทําให้ข้าประหลาดใจได้ ในการลงชื่อเข้าใช้ครั้งนี้ด้วยแฮะ”

 

“ดูเหมือนว่าข้าควรจะมาลงชื่อเข้าใช้ที่แท่นบูชา เทพธรณีฯ ให้บ่อยขึ้นเสียหน่อยในอนาคต”

 

ความคิดของซูฉินพลิกผันไปมา

 

ก่อนหน้านี้ หลังจากที่อยู่ภายในวังมาหนึ่งปีเขาก็ลงชื่อเข้าใช้ภายในวังจนครบทุกที่ และมีมากกว่าสิบแห่งที่สามารถลงชื่อเข้าใช้ซ้ําได้

 

ในหมู่สถานที่ดังกล่าว แท่นบูชาเทพธรณีฯ คือหนึ่งในนั้น

 

ขณะที่ซูฉินลงชื่อเข้าใช้อย่างเงียบๆ อยู่ภายในวัง

 

เมืองฉางอันก็คราคร่ำไปด้วยเหล่ามัจฉาและมังกรภายในเวลาไม่นาน ไม่รู้ว่ามียอดยุทธกคนต่อกี่คนมารวมตัวกันที่นี่เพราะต้องการเป็นสักขีพยานในการต่อสู้กันระหว่างสอง ยอดปรมาจารย์แห่งกระบี่ผู้ยิ่งใหญ่

 

รู้หรือไม่ว่าเรื่องที่ยอดปรมาจารย์จากเมืองไป๋หยุน เย่กู้เฉิงจะประลองกับซีเหมินชุยเฉยู่ภายในพระราชวังถึงได้แพร่ กระจายออกไปทั่วดินแดนแล้ว

 

เป็นเรื่องยากมากที่ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งจะมาต่อสู้กัน นับประสาอะไรกับยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุด

 

ในเมื่อมีโอกาสไม่รู้ว่ามีจอมยุทธกี่คนกันที่ถูกดึงดูดด้วยข่าวนี้

 

ภายในโรงเตี้ยมขนาดเล็กแห่งหนึ่ง ณ เมืองฉางอัน

 

จอมยุทธจํานวนมากจากทุกสารทิศกําลังนั่งดื่มกินรับประทานอาหารและสนทนากัน

 

“เจ้าคิดว่าเจ้าเมืองไปหยุนหรือยอดยุทธซีเหมินใครที่แข็งแกร่งกว่ากัน?” ชายร่างผอมเอ่ยถาม

 

“ยากที่จะพูด”

 

ชายชราอีกคนส่ายหัวเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ไม่ว่าจะเจ้า เมืองไป๋หยุนหรือซีเหมินชุยเฉา ทั้งคู่ต่างก็เป็นยอดปรมาจารย์กระบี่ที่เก่งกาจที่สุด ชัยชนะหรือความพ่ายแพ้นั้นขึ้นอยู่ กับว่าใครออกดาบได้รวดเร็วกว่ากัน”

 

คําที่กล่าวออกมา

 

คนอื่นๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วย

 

หากจะกล่าวถึงสองยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุด การจะดวลเพื่อผลแพ้ชนะนั้น ย่อมต้องอาศัยการออกกระบวนท่าและกลเม็ดเคล็ดลับนับร้อยกระบวน หรืออาจจะมากกว่านั้น

 

แต่ในกรณีของเย่กู้เฉิงและซีเหมินชุยเฉว่อาจจะออกกระบวนท่าเพียงไม่กี่ครั้ง

 

เนื่องจากยอดฝีมือกระบี่มักจะเก่งกาจในด้านการจู่โจม ชีวิตและความตายอาจจะตัดสินกันได้ในกระบวนท่าเดียว

 

หยุดการต่อสู้ด้วยความตาย

 

หยุดไม่ได้ก็คือตาย

 

“ตามข่าวลือที่ได้ยินมา เมื่อสองปีที่แล้วมียอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดสองคนตกตายอยู่นอกวังหลวง ตอนนี้เย่กู้เฉิง และซีเหมินชุยเฉวจะมาต่อสู้กันอีก อาณาจักรถังกําลังจะได้นั่งเฉยๆ แล้วเก็บเกี่ยวผลประโยชน์อีกครั้ง”

 

ชายร่างผอมที่เริ่มพูดออกมาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จากนั้นจึงลดเสียงให้เบาลง

 

“ฮ่าฮ่า…”

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้นชายชราก็ยิ้มออกมาแล้วพูดต่อ “เจ้าคง ไม่คิดว่าจะมีตํานานยุทธอยู่ภายในพระราชวังถึงหรอกใช่ไหม?”

 

“นั่นคือสิ่งที่ข้าคิดจริงๆ”

 

ชายร่างผอมพยักหน้าแล้วจึงกล่าวคํา

 

รู้หรือไม่ว่าการเอาชนะยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดกับการสั่งหารยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดเป็นคนละเรื่องกัน

 

ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดไม่ใช่คนโง่ เขาย่อมหนีไปเป็นธรรมดาหากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นในการต่อสู้

 

ยิ่งไปกว่านั้นคือมียอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุด ได้สิ้นชื่ออยู่ที่ด้านหน้าพระราชวังถึงในเวลานั้น

 

“เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว”

 

ชายชราส่ายหัวแล้วพูดว่า “ตํานานยุทธจะมีอยู่สักกี่ คนกันเชียวบนโลกนี้ ถ้าอาณาจักรถังมีตํานานยุทธจริง ข้าเกรงว่าป่านนี้คงจะออกมาป่าวประกาศไปนานแล้ว จะเงียบเฉยมาจนถึงตอนนี้ได้อย่างไร?”

ชายชราพูดออกมาเช่นนั้น

 

จอมยุทธที่อยู่โดยรอบก็คิดตาม

 

ก็จริง

 

หากมีตํานานยุทธอยู่เบื้องหลังอาณาจักรถังจริงๆ อาณาจักรถังก็ควรจะรวมอาณาจักรให้เป็นหนึ่งเดียวไปแล้ว

 

“แล้วเรื่องที่ยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดที่ตกตายอยู่นอกวัง เรื่องนี้จะอธิบายอย่างไร?” ชายร่างผอมดูยังไม่เข้าใจนัก จึงถามออกมา

 

“เรื่องนี้ง่ายมาก”

 

ชายชรากล่าวด้วยน้ําเสียงที่สงบนิ่ง “ตั้งแต่ที่จักรพรรดิพระองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์เมื่อสองปีก่อน จ้าวกงกงก็ไม่เคยปรากฏตัวให้เห็นภายในวังอีกเลย”

 

“ตอนนี้หลายๆ คนคงคาดเดาแล้วว่าจ้าวกงกงเป็นคนที่หยุดยั้งราชาหรูหยางและอินจิ๋วด้วยการเผา แก่นพลังของตนเข้าน้ำนั่นจนตกตายไปพร้อมกันทุกคน”

 

“แต่แน่นอนว่ามันอาจจะเป็นเพราะเหตุการณ์อื่นก็ได้”

 

“แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยเย่กู้เฉิงและซีเหมินชุยเฉวกระทํา การเช่นนี้ ตราบใดที่ไม่มีสัตว์ประหลาดอย่างเช่นตํานานยุทธ อยู่ภายในพระราชวังถึง พวกนั้นก็คงไม่เกรงกลัวหรอก”

 

ชายชรากล่าวคําช้าๆ

 

“เป็นเช่นนั้นเองสินะ”

 

ชายร่างผอมก็ค่อยๆ เข้าใจมากขึ้น

 

ภายในพระราชวังถัง

 

จักรพรรดิพระองค์ใหม่อย่างหลี่เชิง ประทับอยู่บนบัลลังก์มังกร

 

“ฝ่าบาท มีจอมยุทธมากมายเข้ามาในเมืองฉางอัน ต้องการให้ขุนนางไปขับไล่พวกเขาหรือไม่?

 

แม่ทัพใหญ่ ขุนนางระดับสูง โค้งคํานับก่อนจะเอ่ยถามออกมา

 

“ไม่จําเป็น”

 

หลี่เชิงจักรพรรดิพระองค์ใหม่ครุ่นคิดสักพักแล้วจึงส่ายศีรษะ

 

กองกําลังของอาณาจักรถังควรจะถูกใช้ สําหรับจัดการเรื่องราวในคืนพระจันทร์เต็มดวง สําหรับเหล่าจอมยุทธที่มารวมตัวกันภายในเมืองฉางอัน ไม่คุ้มค่าที่จะเสียกําลังพล

 

หากอาณาจักรถังสามารถปิดกั้นเย่กู้เฉิงและซีเหมินชุยเฉวไม่ให้เข้ามาได้ จอมยุทธเหล่านั้นก็จะไม่กล้ามายุ่งวุ่นวายไปตามธรรมชาติ หากอาณาจักรถังไม่สามารถหยุดดั้งเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้ ก็ไม่มีความหมายที่จะไล่จอมยุทธพวกนั้นไปอยู่ดี

 

“การจัดกระบวนทัพเป็นอย่างไรบ้าง?”

 

จักรพรรดิพระองค์ใหม่อย่างหลี่เชิงตรัสถามด้วยน้ำเสียง ทุ่มลุ่มลึก

 

“รายงานฝ่าบาท กองกําลังได้ตรึงกําลังพลรอคําสั่งอยู่ นอกเมืองแล้ว เพียงพระองค์ออกคําสั่งก็จะเคลื่อนพลได้ทัน

 

ขุนนางระดับสูงจากสภากลาโหมกล่าวด้วยความเคารพ

 

“เยี่ยมมาก”

จักรพรรดิหลี่เชิงพยักหน้าเล็กน้อย ความคิดของเขาล่องลอยออกไป ไม่มีใครรู้ว่ากําลังคิดอะไรอยู่

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 122 เข้าสู่ระบบ! โลหิตรู้แจ้ง!

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 122 เข้าสู่ระบบ! โลหิตรู้แจ้ง! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 122 เข้าสู่ระบบ! โลหิตรู้แจ้ง!

 

คนในวังต่างแตกตื่น

 

อย่างไรก็ตาม ซูฉินมาที่แท่นบูชาเทพธรณีฯ ด้วยท่าทีสบายๆ

 

ตามจริงแล้วแท่นบูชาเทพธรณีฯ คือสถานที่หวงห้ามมิให้คนทั่วไปเข้ามาใกล้ มันใช้เพื่อบูชาเหล่าทวยเทพที่ปกปักราชวงศ์ถัง แต่ในเมื่อซูฉินเป็นถึงพี่เขย” ของจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน ทหารภายในวังไยจึงจะกล้าห้ามซูฉินไม่ให้เข้าไปยังแท่นบูชาเทพธรณีฯเล่า?

 

“โอกาสลงชื่อเข้าใช้ของวันนี้เพิ่งกลับมาให้ใช้ได้อีกครั้ง เมื่อเป็นเช่นนั้นก็ลงชื่อเข้าใช้เลยแล้วกัน”

 

ซูฉันยืนอยู่หน้าแท่นบูชาเทพธรณีฯ พกความหวังเล็กๆน้อยๆมาด้วยในใจ

 

จากประสบการณ์การลงชื่อเข้าใช้หลายต่อหลายครั้ง ซู ฉันได้พบว่าแท่นบูชาเทพธรณีฯในวังหลวงนี้ควรจะเทียบได้ กับ ลานโพธิ์” ของวัดเส้าหลินซึ่งสามารถลงชื่อเพื่อรับสมบัติที่สามารถใช้เพิ่มความแข็งแกร่งได้

 

ตัวอย่างเช่นหยดน้ำจิตวิญญาณธรรมชาติ

 

“ระบบ ลงชื่อเข้าใช้”

 

ซูฉินกล่าวเงียบๆในใจ

 

[ขอแสดงความยินดี โฮสต์ลงชื่อเข้าใช้สําเร็จ ได้รับ “โลหิตรู้แจ้งx3]

 

เสียงจักรกลอันแสนเย็นชาดังขึ้นที่หูของซูฉิน

 

“โลหิตรู้แจ้ง?”

 

จิตของซูฉินผสานเข้าไปดูคลังของระบบ ในไม่ช้าเขาก็พบโลหิตรู้แจ้งจํานวนสามหยดที่อยู่ตรงมุมหนึ่ง

 

โลหิตรู้แจ้งเป็นสมบัติชิ้นหนึ่งที่มีความแวววาวสดใสสีคล้ายๆ เลือด

 

ตามคําอธิบายของระบบ โลหิตรู้แจ้งอันนี้มีผลในการเพิ่ม พลังความสามารถและใช้รักษาอาการบาดเจ็บสาหัสได้

 

“สิ่งนี้กินได้ไหมนะ?”

 

ซูฉินกลับไปที่ตําหนักชุนฝั่งขวานั่งขัดสมาธิและนําโลหิตรู้แจ้งออกมาจากคลังของระบบ

 

ซูฉินมองไปที่โลหิตรู้แจ้งอย่างระมัดระวัง และพบว่าสิ่งของชิ้นนี้มีลักษณะเป็นของเหลว ใส เมื่อนํามาถือไว้ในมือ มันร้อนราวกับท่อเหล็กลนไฟร้อนเหมือนหินลาวาหนืดสามารถไหลได้

 

“มันไม่ใช่เลือด”

 

ซูฉินส่ายหัวเล็กน้อย

 

อึก

 

ช่วงเวลาต่อมา

 

ซูฉินกลืนโลหิตรู้แจ้งที่อยู่ตรงหน้าของตนเข้าไปตรงๆ

 

“เปรี้ยวๆ หวานๆ รสชาติดีกว่าโอสถพวกนั้นเยอะเลย…”

 

ซูฉินลองเคี้ยวโลหิตรู้แจ้งอยู่สองสามครั้ง รู้ สึกเหมือนกําลังกินสิ่งที่เต็มไปด้วยพลังจิตวิญญาณ ก่อนจะเอ่ยออกมา

 

ในที่สุดน้ําหวานจากโลหิตรู้แจ้งก็กลายเป็นหยาดน้ำร้อน พุ่งไปตามแขนและขาของซูฉิน

 

“ไม่เลวไม่เลว”

 

“มันคล้ายคลึงกับหยดจิตวิญญาณธรรมชาติ”

 

ซูฉินรับความรู้สึกอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วคิดใคร่ครวญในใจ

 

ด้วยพลังที่โลหิตรู้แจ้งมอบให้ซูฉินมานั้นเทียบเท่ากับหยดน้ำจิตวิญญาณธรรมชาติหยดเดียว

 

นอกจากนั้นสิ่งที่แตกต่างระหว่างหยดจิตวิญญาณ ธรรมชาติกับโลหิตรู้แจ้งก็คือมันสดชื่นกว่า

 

ส่วนผลอื่นๆ ของโลหิตรู้แจ้งก็คือช่วยรักษาอาการ บาดเจ็บสาหัส…

 

ซูฉินไม่สามารถรับรู้สิ่งนั้นได้ เนื่องจากร่างกายของซูฉิน ได้รับการเปลี่ยนแปลงมาถึงสี่ครั้งในตอนนี้ และเขาก็เข้าสู่ ขอบเขตอรหันต์ระดับนภาชั้นที่สี่แล้ว ทั้งพลังกายและระดับพลังต่างอยู่ในจุดสูงสุดเสมอ แม้ร่างกายจะได้รับบาดเจ็บมันก็จะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ฉะนั้นผลของโลหิตรู้แจ้งนั้นไม่จําเป็นสําหรับเขาเลย

 

“ไม่คาดคิดว่าจะมีเรื่องทําให้ข้าประหลาดใจได้ ในการลงชื่อเข้าใช้ครั้งนี้ด้วยแฮะ”

 

“ดูเหมือนว่าข้าควรจะมาลงชื่อเข้าใช้ที่แท่นบูชา เทพธรณีฯ ให้บ่อยขึ้นเสียหน่อยในอนาคต”

 

ความคิดของซูฉินพลิกผันไปมา

 

ก่อนหน้านี้ หลังจากที่อยู่ภายในวังมาหนึ่งปีเขาก็ลงชื่อเข้าใช้ภายในวังจนครบทุกที่ และมีมากกว่าสิบแห่งที่สามารถลงชื่อเข้าใช้ซ้ําได้

 

ในหมู่สถานที่ดังกล่าว แท่นบูชาเทพธรณีฯ คือหนึ่งในนั้น

 

ขณะที่ซูฉินลงชื่อเข้าใช้อย่างเงียบๆ อยู่ภายในวัง

 

เมืองฉางอันก็คราคร่ำไปด้วยเหล่ามัจฉาและมังกรภายในเวลาไม่นาน ไม่รู้ว่ามียอดยุทธกคนต่อกี่คนมารวมตัวกันที่นี่เพราะต้องการเป็นสักขีพยานในการต่อสู้กันระหว่างสอง ยอดปรมาจารย์แห่งกระบี่ผู้ยิ่งใหญ่

 

รู้หรือไม่ว่าเรื่องที่ยอดปรมาจารย์จากเมืองไป๋หยุน เย่กู้เฉิงจะประลองกับซีเหมินชุยเฉยู่ภายในพระราชวังถึงได้แพร่ กระจายออกไปทั่วดินแดนแล้ว

 

เป็นเรื่องยากมากที่ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งจะมาต่อสู้กัน นับประสาอะไรกับยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุด

 

ในเมื่อมีโอกาสไม่รู้ว่ามีจอมยุทธกี่คนกันที่ถูกดึงดูดด้วยข่าวนี้

 

ภายในโรงเตี้ยมขนาดเล็กแห่งหนึ่ง ณ เมืองฉางอัน

 

จอมยุทธจํานวนมากจากทุกสารทิศกําลังนั่งดื่มกินรับประทานอาหารและสนทนากัน

 

“เจ้าคิดว่าเจ้าเมืองไปหยุนหรือยอดยุทธซีเหมินใครที่แข็งแกร่งกว่ากัน?” ชายร่างผอมเอ่ยถาม

 

“ยากที่จะพูด”

 

ชายชราอีกคนส่ายหัวเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ไม่ว่าจะเจ้า เมืองไป๋หยุนหรือซีเหมินชุยเฉา ทั้งคู่ต่างก็เป็นยอดปรมาจารย์กระบี่ที่เก่งกาจที่สุด ชัยชนะหรือความพ่ายแพ้นั้นขึ้นอยู่ กับว่าใครออกดาบได้รวดเร็วกว่ากัน”

 

คําที่กล่าวออกมา

 

คนอื่นๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วย

 

หากจะกล่าวถึงสองยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุด การจะดวลเพื่อผลแพ้ชนะนั้น ย่อมต้องอาศัยการออกกระบวนท่าและกลเม็ดเคล็ดลับนับร้อยกระบวน หรืออาจจะมากกว่านั้น

 

แต่ในกรณีของเย่กู้เฉิงและซีเหมินชุยเฉว่อาจจะออกกระบวนท่าเพียงไม่กี่ครั้ง

 

เนื่องจากยอดฝีมือกระบี่มักจะเก่งกาจในด้านการจู่โจม ชีวิตและความตายอาจจะตัดสินกันได้ในกระบวนท่าเดียว

 

หยุดการต่อสู้ด้วยความตาย

 

หยุดไม่ได้ก็คือตาย

 

“ตามข่าวลือที่ได้ยินมา เมื่อสองปีที่แล้วมียอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดสองคนตกตายอยู่นอกวังหลวง ตอนนี้เย่กู้เฉิง และซีเหมินชุยเฉวจะมาต่อสู้กันอีก อาณาจักรถังกําลังจะได้นั่งเฉยๆ แล้วเก็บเกี่ยวผลประโยชน์อีกครั้ง”

 

ชายร่างผอมที่เริ่มพูดออกมาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จากนั้นจึงลดเสียงให้เบาลง

 

“ฮ่าฮ่า…”

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้นชายชราก็ยิ้มออกมาแล้วพูดต่อ “เจ้าคง ไม่คิดว่าจะมีตํานานยุทธอยู่ภายในพระราชวังถึงหรอกใช่ไหม?”

 

“นั่นคือสิ่งที่ข้าคิดจริงๆ”

 

ชายร่างผอมพยักหน้าแล้วจึงกล่าวคํา

 

รู้หรือไม่ว่าการเอาชนะยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดกับการสั่งหารยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดเป็นคนละเรื่องกัน

 

ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดไม่ใช่คนโง่ เขาย่อมหนีไปเป็นธรรมดาหากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นในการต่อสู้

 

ยิ่งไปกว่านั้นคือมียอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุด ได้สิ้นชื่ออยู่ที่ด้านหน้าพระราชวังถึงในเวลานั้น

 

“เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว”

 

ชายชราส่ายหัวแล้วพูดว่า “ตํานานยุทธจะมีอยู่สักกี่ คนกันเชียวบนโลกนี้ ถ้าอาณาจักรถังมีตํานานยุทธจริง ข้าเกรงว่าป่านนี้คงจะออกมาป่าวประกาศไปนานแล้ว จะเงียบเฉยมาจนถึงตอนนี้ได้อย่างไร?”

ชายชราพูดออกมาเช่นนั้น

 

จอมยุทธที่อยู่โดยรอบก็คิดตาม

 

ก็จริง

 

หากมีตํานานยุทธอยู่เบื้องหลังอาณาจักรถังจริงๆ อาณาจักรถังก็ควรจะรวมอาณาจักรให้เป็นหนึ่งเดียวไปแล้ว

 

“แล้วเรื่องที่ยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดที่ตกตายอยู่นอกวัง เรื่องนี้จะอธิบายอย่างไร?” ชายร่างผอมดูยังไม่เข้าใจนัก จึงถามออกมา

 

“เรื่องนี้ง่ายมาก”

 

ชายชรากล่าวด้วยน้ําเสียงที่สงบนิ่ง “ตั้งแต่ที่จักรพรรดิพระองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์เมื่อสองปีก่อน จ้าวกงกงก็ไม่เคยปรากฏตัวให้เห็นภายในวังอีกเลย”

 

“ตอนนี้หลายๆ คนคงคาดเดาแล้วว่าจ้าวกงกงเป็นคนที่หยุดยั้งราชาหรูหยางและอินจิ๋วด้วยการเผา แก่นพลังของตนเข้าน้ำนั่นจนตกตายไปพร้อมกันทุกคน”

 

“แต่แน่นอนว่ามันอาจจะเป็นเพราะเหตุการณ์อื่นก็ได้”

 

“แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยเย่กู้เฉิงและซีเหมินชุยเฉวกระทํา การเช่นนี้ ตราบใดที่ไม่มีสัตว์ประหลาดอย่างเช่นตํานานยุทธ อยู่ภายในพระราชวังถึง พวกนั้นก็คงไม่เกรงกลัวหรอก”

 

ชายชรากล่าวคําช้าๆ

 

“เป็นเช่นนั้นเองสินะ”

 

ชายร่างผอมก็ค่อยๆ เข้าใจมากขึ้น

 

ภายในพระราชวังถัง

 

จักรพรรดิพระองค์ใหม่อย่างหลี่เชิง ประทับอยู่บนบัลลังก์มังกร

 

“ฝ่าบาท มีจอมยุทธมากมายเข้ามาในเมืองฉางอัน ต้องการให้ขุนนางไปขับไล่พวกเขาหรือไม่?

 

แม่ทัพใหญ่ ขุนนางระดับสูง โค้งคํานับก่อนจะเอ่ยถามออกมา

 

“ไม่จําเป็น”

 

หลี่เชิงจักรพรรดิพระองค์ใหม่ครุ่นคิดสักพักแล้วจึงส่ายศีรษะ

 

กองกําลังของอาณาจักรถังควรจะถูกใช้ สําหรับจัดการเรื่องราวในคืนพระจันทร์เต็มดวง สําหรับเหล่าจอมยุทธที่มารวมตัวกันภายในเมืองฉางอัน ไม่คุ้มค่าที่จะเสียกําลังพล

 

หากอาณาจักรถังสามารถปิดกั้นเย่กู้เฉิงและซีเหมินชุยเฉวไม่ให้เข้ามาได้ จอมยุทธเหล่านั้นก็จะไม่กล้ามายุ่งวุ่นวายไปตามธรรมชาติ หากอาณาจักรถังไม่สามารถหยุดดั้งเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้ ก็ไม่มีความหมายที่จะไล่จอมยุทธพวกนั้นไปอยู่ดี

 

“การจัดกระบวนทัพเป็นอย่างไรบ้าง?”

 

จักรพรรดิพระองค์ใหม่อย่างหลี่เชิงตรัสถามด้วยน้ำเสียง ทุ่มลุ่มลึก

 

“รายงานฝ่าบาท กองกําลังได้ตรึงกําลังพลรอคําสั่งอยู่ นอกเมืองแล้ว เพียงพระองค์ออกคําสั่งก็จะเคลื่อนพลได้ทัน

 

ขุนนางระดับสูงจากสภากลาโหมกล่าวด้วยความเคารพ

 

“เยี่ยมมาก”

จักรพรรดิหลี่เชิงพยักหน้าเล็กน้อย ความคิดของเขาล่องลอยออกไป ไม่มีใครรู้ว่ากําลังคิดอะไรอยู่

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+