เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 161 ใจทะเยอทะยานของราชครูแห่งอาณาจักรเหมิงหยวน

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 161 ใจทะเยอทะยานของราชครูแห่งอาณาจักรเหมิงหยวน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 161 ใจทะเยอทะยานของราชครูแห่งอาณาจักรเหมิงหยวน

 

ซูฉันคิดอยู่นานแต่ก็นึกไม่ออกว่าจะมีที่ใดบนโลกบ้างที่จะคุ้มค่ากับการจับจ้องของโลกถ้ําปิศาจใต้พิภพ

 

สิ่งมีชีวิต?

 

เลือดเนื้อ?

 

สิ่งเหล่านี้อาจจะน่าพึงปรารถนาอย่างมากสําหรับปีศาจชั้นต่ํา แต่ในสายตาของตัวตนระดับราชาปีศาจหรือแม้แต่ตัวตนที่อยู่เหนือกว่าราชาปีศาจ สิ่งพวกนี้นั้นไม่นับเป็นอะไรได้เลย

 

ซูฉินตระหนักรู้ถึง “คัมภีร์มารเก่าวิถี” เป็นธรรมดาที่จะเข้าใจชัดเจนว่าสิ่งที่เรียกว่าปีศาจนั้นก็เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งเช่นกัน และก็มีวิธีฝึกตนคล้ายกันกับมนุษย์ เพียงแต่สถานการณ์ที่เป็นอยู่นั้นต่างกัน

 

และเมื่อยามที่ถ้ําปิศาจใต้พิภพได้หลอมรวมเข้ากับโลก เห็นได้ชัดว่าอาจจะเป็นฝีมือของปีศาจที่ทรงพลังบางตน หรือจะกล่าวอีกอย่างว่าแม้แต่ปีศาจที่ทรงพลังภายในโลกถ้ําปีศาจก็ยังหมายตาโลกเอาไว้

 

“ช่างมันเถอะ”

 

“ไม่ต้องไปคิดถึงมันแล้ว”

 

“สิ่งที่สําคัญที่สุดตอนนี้คือการเปลี่ยนแก่นแท้แห่งพลังให้กลายเป็นพลังมาร”

ซูฉินนั่งลงตั้งสมาธิแล้วมองไปรอบๆ

 

ในขณะที่แก่นแท้แห่งพลังของขอบเขตอรหันต์ยังคงหมุนเวียนอยู่ภายในร่างของซูฉิน ตอนแรกเขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก แต่หลังจากผ่านไประยะหนึ่งเขาก็รู้สึกตัวถึงพลังกดขี่ข่มเหงที่โลกใบนี้มีต่อตัวเขา

 

พลังกดขี่นี้ไม่เชิงว่าเป็นการกดขี่ แต่เป็นการปฏิเสธตัวตนชนิดหนึ่ง ราวกับว่าโลกถ้ําปิศาจใต้พิภพนั้นปฏิเสธสิ่งมีชีวิตอื่นที่ไม่ได้เกิดมาในเส้นทางแห่งปีศาจ

 

“ฮึ่ม!”

 

“หากเป็นอรหันต์รูปอื่น หรือแม้แต่ยอดอรหันต์ เซียนเทพปฐพี เมื่อเผชิญกับพลังกดขี่และปฏิเสธตัวตนของเราเช่นนี้ พวกเขาคงทําได้แต่ปวดหัวหรืออาจจะถอยกลับออกไป”

 

“เพราะที่แห่งนี้ไม่ใช่ถิ่นกําเนิดของพวกเขา ถ้าอาศัยอยู่เป็นเวลานานความแข็งแกร่งจะลดลงเป็นอย่างมาก หากได้พบปีศาจที่อยู่ในระดับเดียวกันก็เป็นไปได้ว่าจะต้องตกตาย หายไปตลอดกาล”

 

“แต่ข้านั้นแตกต่าง”

 

ซูฉินมองขึ้นไปบนท้องฟ้า และรูปปั้นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา

 

“ร่างทองมารพุทธะ!!”

 

ตึงตึง!!!

 

ทันใดนั้นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ภายในดวงตาของซูฉินก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน ฝั่งซ้ายเปลี่ยนเป็นสีดํามืด ปราณปีศาจพุ่งพรวดขึ้นมา และด้านขวายังคงเป็นสีทองเจิดจ้าเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังที่ดูเมตตา

 

สิ่งนี้คือสิ่งที่ซูฉินได้รับมาจาก “มารพุทธะ” ที่เขตหวงห้ามด้านหลังวัดเส้าหลิน

 

ร่างทองมารพุทธะเป็นวิชาพื้นฐานของ มารพุทธะ” จากวัดเส้าหลินเมื่อเก้าร้อยปีที่แล้ว ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลง พลังได้ระหว่างพลังสายพุทธและปราณปีศาจได้ตามต้องการ

 

หวิ่ง!!!

 

ซูฉินยังคงโคจรพลังของร่างทองมารพุทธะต่อไป หลังจากนั้นครู่เดียวก็จะเห็นได้ว่าพระพุทธรูปสีทองภายในส่วนลึกของดวงตาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีดําสนิท ปลดปล่อยปราณปีศาจอันน่าสะพรึงกลัวกระจายออกในทุกทิศทาง

 

ห่างจากซูฉินไปหลายสิบ

 

มีกลุ่มปีศาจจากเมืองเมฆาปีศาจเบิกตากว้างมองไปยังทิศ ทางหนึ่งด้วยความตกใจสุดขีด

 

“กลิ่นอายเช่นนี้ หรือว่าจะมีราชาปีศาจกำลังเดินทามาที่เมืองเมฆาปีศาจขอเรา…” หนึ่งในเผ่าปีศาจพึมพำอยู่กับตัวเอง ใบหน้าแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกสยดสยอง

 

“ราชาปีศาจ!”

 

“อย่างน้อยก็เป็นราชาปีศาจระดับสูง!!”

 

ปีศาจที่มีอายุมากกว่าคนแรกนั้นเหมือนคลื่นลมก่อตัวขึ้นภายในใจของมัน

 

เจ้าเมืองเมฆาปีศาจก็เป็นราชาปีศาจเช่นกัน ครอบครองดินแดนในรัศมีหลายพันลี้ ผู้ใดต่อต้านจักต้องตาย ทรงพลานุภาพไร้ขีดจํากัด

 

แต่ในสายตาของปีศาจสูงอายุผู้นี้ แม้แต่เจ้าเมืองเมฆาปีศาจเมื่อนําไปเทียบกับกลิ่นอายที่อยู่ไกลออกไปนี้ก็ยังด้อยก

 

รู้หรือไม่ว่าเจ้าเมืองเมฆาปีศาจได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตราชาปีศาจมาหลายร้อยปีแล้ว และได้ฝึกฝนอยู่ในระดับนี้ไปจนถึงขั้นลึกล้ําแล้ว จะยกเว้นก็แต่เพียงขอบเขตราชาปีศาจระดับสูงที่มีอยู่แต่ในข่าวลือเท่านั้น กลุ่มปีศาจผู้อาวุโสเหล่านี้ ก็คิดถึงตัวตนอื่นไปไม่ได้เลยว่าใครจะสามารถสะกดกลิ่นอายของเจ้าเมืองเมฆาปีศาจได้

 

“เกรงว่าเมืองเมฆาปีศาจอาจจะไม่สงบอีกต่อไปแล้ว”

 

ปีศาจเฒ่าเหลือบมองดูปีศาจตนอื่นๆ แล้วพูดด้วยเสียงต่ํา “ข้าจะจากไปในครานี้ และจะไม่กลับมาที่นี่อีกในช่วงร้อย

 

“ใช่ๆ”

 

ปีศาจตนอื่นๆ ต่างมองหน้ากันและกัน แทบระงับความตกใจภายในหัวใจไว้ไม่อยู่ ต่างรีบตอบรับพร้อมเพรียงกัน

 

เหมิงหยวน

 

ท่ามกลางทุ่งหญ้าเขียวขจีอันกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา

 

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

 

“การไหลของพลังฉี ในที่สุดข้าก็จับการเคลื่อนไหวของพลังฉีได้แล้ว!!”

 

เห็นเป็นชายร่างสูงแหงนมองขึ้นบนท้องฟ้า และคํารามก้องปล่อยรัศมีอันน่าสะพรึงที่สั่นสะเทือนไปทุกหย่อมหญ้า

 

ผู้คนที่อยู่บริเวณใกล้เคียง เมื่อเห็นฉากนี้ก็รีบคุกเข่าลงกับพื้นทันที “ขอแสดงความยินดีกับท่านราชครูที่ก้าวผ่านขั้นตอนสุดท้ายไปได้ พลังของท่านช่างอัศจรรย์ ทรงพลัง แข็งแกร่งอย่างยิ่ง!”

 

“ขั้นตอนสุดท้าย?”

 

ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิงหยวนหันไปมองคนสองสามคนตรงนั้นแล้วส่ายหัว ก่อนจะพูดว่า “ยังหรอก ตอนนี้ข้าเพียงรวมพลังทั้งสามให้เป็นหนึ่งได้ อาจจะใช้เวลาเป็นปีหรืออาจจะแค่ไม่กี่เดือน ข้าถึงจะเข้าสู่ขั้นตอนนั้นได้จริงๆ”

 

น้ําเสียงของราชครูเหมิ่งหยวนแสดงถึงความสุขอันเปี่ยมล้น

 

เป็นเวลากว่าร้อยปีแล้วที่เขาฝึกวิทยายุทธและเฝ้ารอวันนี้ มาโดยตลอด บัดนี้ ความปรารถนาของเขาเป็นจริงแล้ว เขาจะไม่มีความสุขได้อย่างไร?

 

คนไม่กี่คนที่อยู่บริเวณนั้นต่างมองหน้ากัน ท่าทีของพวกเขาก็แสดงออกว่าตื่นเต้นยินดีมากเช่นกัน

 

หลังจากเวลาผ่านมานานนับปี ในที่สุดก็มีตํานานยุทธกําเนิดขึ้นบนทุ่งหญ้าเขียวขจีสุดลูกหูลูกตาแห่งนี้เสียที

 

ในเวลานั้น สีหน้าของราชครูแห่งอาณาจักรเหมิงหยวนก็ค่อยๆสงบลง เขามองไปที่คนโดยรอบและพูดว่า “ไปบอกองค์จักรพรรดิว่าหลังจากนี้อีกสองปี ข้าจะไปทําความรู้จักตํานานยุทธภายในเมืองฉางอันเป็นการส่วนตัวเสียหน่อย!!”

 

หากจักรพรรดิแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนต้องการจะครอบครองโลกใบนี้ อุปสรรคขัดขวางใหญ่ที่เป็นต้นเหตุให้ก้าวผ่านไปไม่ได้ก็คือตํานานยุทธแห่งเมืองฉางอัน มีแต่จะต้องเผชิญหน้าเท่านั้น

 

และตอนนี้ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนก็แทบจะรอไม่ไหวแล้ว

 

แม้ว่าราชครูแห่งอาณาจักรเหมิงหยวนจะไม่ทราบความกล้ําของตํานานยุทธภายในเมืองฉางอัน แต่เนื่องจากคู่ต่อสู้ไม่ได้ออกไปจากทวีปนี้ ความแข็งแกร่งของเขาก็ควรจะอยู่เพียงระดับนภาชั้นที่หนึ่งไม่ก็นภาชั้นที่สอง

 

ราชครูอาณาจักรเหมิ่งหยวนมีพลังชีวิตเลือดเนื้ออันแข็งแกร่งและฝึกฝนวิชาที่เน้นการฆ่าฟัน อีกเหตุผลคือเขามีหน้าที่ต้องรับผิดชอบชะตากรรมของอาณาจักรเหมิงหยวนทั้งหมด แม้ว่าเขาจะพ่ายแพ้ต่อตํานานยุทธผู้นั้นก็ตาม ตัวเขาก็คงไม่มีปัญหาใดๆในการถอยหนีกลับมา

 

ในช่วงเวลาเดียวกัน

 

วังถัง พระราชวังคุนหนิง

 

ฮองเฮาซูเยว่หยุนกําลังจบซุปโสม ใบหน้าซีดเซียว

 

ช่วงนี้ซูเยว่หยุนรู้สึกไม่ค่อยสบายอยู่เสมอ นางได้ขอให้หมอหลวงมาตรวจดูอาการหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่พบสาเหตุ

 

ซุเยว่หยุนก็ได้แต่คาดเดาว่าเป็นเพราะฤดูหนาวปีนี้อากาศหนาวเย็นเกินไปหรือไม่

 

“หน้าหนาวมาอีกแล้ว…”

 

ซูเยว่หยุนมองออกไปนอกหน้าต่าง ในขณะนี้หิมะกําลังตกอย่างแผ่วเบาอยู่ด้านนอก จึงได้เอ่ยปากพูดขึ้น

 

“พระนาง นี่คือซุปโอสถของหมอหลวง ว่ากันว่าทําให้เลือดไหลเวียนดี ร่างกายอบอุ่นขึ้น มันจะต้องทําให้ฮองเฮารู้สึกสบายตัวขึ้นเป็นแน่”

 

ในขณะนี้เอง นางกํานัลก็เดินประคองถ้วยซุปถ้วยหนึ่งมาให้ซูเยว่หยุนอย่างระมัดระวัง

 

“จริงๆ ข้าก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร”

 

ซูเยว่หยุนส่ายศีรษะแล้วพูดว่า “ไม่ต้องรบกวนหมอหลวงให้มากนักหรอก…”

 

ในความเป็นจริง ไม่รู้ว่าซูเยว่หยุนต้มยานี้ดื่มไปมากมายแค่ไหนแล้วในช่วงนี้ แต่มันไม่มีผลต่อร่างกายเลย ยังคงรู้สึกอึดอัดไม่สบายเนื้อสบายตัวเหมือนเคย

 

“พระนาง ร่างกายของพระองค์นั้นสําคัญที่สุด…” นางกํานัลอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา

 

แม้ว่าซูเยว่หยุนจะเป็นฮองเฮา แต่พระนางก็ใจดีต่อคนรับใช้อย่างพวกนาง ดังนั้นนางกํานัลและขันที่ภายในพระราชวังคุนหนิงจึงหวังให้อาการของซูเยว่หยุนดีขึ้นโดยเร็วที่สุด

 

เมื่อซูเยว่หยุนเห็นดังนั้นก็ยากที่จะปฏิเสธ

 

ซูเยว่หยุนหยิบซุปโอสถขึ้นมา กําลังจะดื่มมันเข้าไป

 

อย่างไรก็ตาม

 

ในตอนนั้นเอง

 

ใบหน้าของซูเยว่หยุนก็ซีดเผือดราวกับกระดาษ มือที่กําลังถือถ้วยซุปสั้นอยู่ตลอดเวลา

 

“ข้า

 

ซูเยว่หยุนต้องการที่จะกล่าวคํา แต่นางรู้สึกเหมือนคอของตนถูกบีบเอาไว้และไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้

 

เพล้ง

 

ชามซุปสมุนไพรที่ซุเยว่หยุนถืออยู่ก็พลันตกลงบนพื้นแตกเป็นเสียงๆ

 

เมื่อเห็นฉากนี้ นางกํานัลก็ตกใจ ใบหน้าซีดขาวด้วยความกลัว นางตื่นตระหนกและรีบตะโกนขอความช่วยเหลือทันที “ไม่ดีแล้วพระนางประชวรหนักแล้ว”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 161 ใจทะเยอทะยานของราชครูแห่งอาณาจักรเหมิงหยวน

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 161 ใจทะเยอทะยานของราชครูแห่งอาณาจักรเหมิงหยวน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 161 ใจทะเยอทะยานของราชครูแห่งอาณาจักรเหมิงหยวน

 

ซูฉันคิดอยู่นานแต่ก็นึกไม่ออกว่าจะมีที่ใดบนโลกบ้างที่จะคุ้มค่ากับการจับจ้องของโลกถ้ําปิศาจใต้พิภพ

 

สิ่งมีชีวิต?

 

เลือดเนื้อ?

 

สิ่งเหล่านี้อาจจะน่าพึงปรารถนาอย่างมากสําหรับปีศาจชั้นต่ํา แต่ในสายตาของตัวตนระดับราชาปีศาจหรือแม้แต่ตัวตนที่อยู่เหนือกว่าราชาปีศาจ สิ่งพวกนี้นั้นไม่นับเป็นอะไรได้เลย

 

ซูฉินตระหนักรู้ถึง “คัมภีร์มารเก่าวิถี” เป็นธรรมดาที่จะเข้าใจชัดเจนว่าสิ่งที่เรียกว่าปีศาจนั้นก็เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งเช่นกัน และก็มีวิธีฝึกตนคล้ายกันกับมนุษย์ เพียงแต่สถานการณ์ที่เป็นอยู่นั้นต่างกัน

 

และเมื่อยามที่ถ้ําปิศาจใต้พิภพได้หลอมรวมเข้ากับโลก เห็นได้ชัดว่าอาจจะเป็นฝีมือของปีศาจที่ทรงพลังบางตน หรือจะกล่าวอีกอย่างว่าแม้แต่ปีศาจที่ทรงพลังภายในโลกถ้ําปีศาจก็ยังหมายตาโลกเอาไว้

 

“ช่างมันเถอะ”

 

“ไม่ต้องไปคิดถึงมันแล้ว”

 

“สิ่งที่สําคัญที่สุดตอนนี้คือการเปลี่ยนแก่นแท้แห่งพลังให้กลายเป็นพลังมาร”

ซูฉินนั่งลงตั้งสมาธิแล้วมองไปรอบๆ

 

ในขณะที่แก่นแท้แห่งพลังของขอบเขตอรหันต์ยังคงหมุนเวียนอยู่ภายในร่างของซูฉิน ตอนแรกเขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก แต่หลังจากผ่านไประยะหนึ่งเขาก็รู้สึกตัวถึงพลังกดขี่ข่มเหงที่โลกใบนี้มีต่อตัวเขา

 

พลังกดขี่นี้ไม่เชิงว่าเป็นการกดขี่ แต่เป็นการปฏิเสธตัวตนชนิดหนึ่ง ราวกับว่าโลกถ้ําปิศาจใต้พิภพนั้นปฏิเสธสิ่งมีชีวิตอื่นที่ไม่ได้เกิดมาในเส้นทางแห่งปีศาจ

 

“ฮึ่ม!”

 

“หากเป็นอรหันต์รูปอื่น หรือแม้แต่ยอดอรหันต์ เซียนเทพปฐพี เมื่อเผชิญกับพลังกดขี่และปฏิเสธตัวตนของเราเช่นนี้ พวกเขาคงทําได้แต่ปวดหัวหรืออาจจะถอยกลับออกไป”

 

“เพราะที่แห่งนี้ไม่ใช่ถิ่นกําเนิดของพวกเขา ถ้าอาศัยอยู่เป็นเวลานานความแข็งแกร่งจะลดลงเป็นอย่างมาก หากได้พบปีศาจที่อยู่ในระดับเดียวกันก็เป็นไปได้ว่าจะต้องตกตาย หายไปตลอดกาล”

 

“แต่ข้านั้นแตกต่าง”

 

ซูฉินมองขึ้นไปบนท้องฟ้า และรูปปั้นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา

 

“ร่างทองมารพุทธะ!!”

 

ตึงตึง!!!

 

ทันใดนั้นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ภายในดวงตาของซูฉินก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน ฝั่งซ้ายเปลี่ยนเป็นสีดํามืด ปราณปีศาจพุ่งพรวดขึ้นมา และด้านขวายังคงเป็นสีทองเจิดจ้าเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังที่ดูเมตตา

 

สิ่งนี้คือสิ่งที่ซูฉินได้รับมาจาก “มารพุทธะ” ที่เขตหวงห้ามด้านหลังวัดเส้าหลิน

 

ร่างทองมารพุทธะเป็นวิชาพื้นฐานของ มารพุทธะ” จากวัดเส้าหลินเมื่อเก้าร้อยปีที่แล้ว ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลง พลังได้ระหว่างพลังสายพุทธและปราณปีศาจได้ตามต้องการ

 

หวิ่ง!!!

 

ซูฉินยังคงโคจรพลังของร่างทองมารพุทธะต่อไป หลังจากนั้นครู่เดียวก็จะเห็นได้ว่าพระพุทธรูปสีทองภายในส่วนลึกของดวงตาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีดําสนิท ปลดปล่อยปราณปีศาจอันน่าสะพรึงกลัวกระจายออกในทุกทิศทาง

 

ห่างจากซูฉินไปหลายสิบ

 

มีกลุ่มปีศาจจากเมืองเมฆาปีศาจเบิกตากว้างมองไปยังทิศ ทางหนึ่งด้วยความตกใจสุดขีด

 

“กลิ่นอายเช่นนี้ หรือว่าจะมีราชาปีศาจกำลังเดินทามาที่เมืองเมฆาปีศาจขอเรา…” หนึ่งในเผ่าปีศาจพึมพำอยู่กับตัวเอง ใบหน้าแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกสยดสยอง

 

“ราชาปีศาจ!”

 

“อย่างน้อยก็เป็นราชาปีศาจระดับสูง!!”

 

ปีศาจที่มีอายุมากกว่าคนแรกนั้นเหมือนคลื่นลมก่อตัวขึ้นภายในใจของมัน

 

เจ้าเมืองเมฆาปีศาจก็เป็นราชาปีศาจเช่นกัน ครอบครองดินแดนในรัศมีหลายพันลี้ ผู้ใดต่อต้านจักต้องตาย ทรงพลานุภาพไร้ขีดจํากัด

 

แต่ในสายตาของปีศาจสูงอายุผู้นี้ แม้แต่เจ้าเมืองเมฆาปีศาจเมื่อนําไปเทียบกับกลิ่นอายที่อยู่ไกลออกไปนี้ก็ยังด้อยก

 

รู้หรือไม่ว่าเจ้าเมืองเมฆาปีศาจได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตราชาปีศาจมาหลายร้อยปีแล้ว และได้ฝึกฝนอยู่ในระดับนี้ไปจนถึงขั้นลึกล้ําแล้ว จะยกเว้นก็แต่เพียงขอบเขตราชาปีศาจระดับสูงที่มีอยู่แต่ในข่าวลือเท่านั้น กลุ่มปีศาจผู้อาวุโสเหล่านี้ ก็คิดถึงตัวตนอื่นไปไม่ได้เลยว่าใครจะสามารถสะกดกลิ่นอายของเจ้าเมืองเมฆาปีศาจได้

 

“เกรงว่าเมืองเมฆาปีศาจอาจจะไม่สงบอีกต่อไปแล้ว”

 

ปีศาจเฒ่าเหลือบมองดูปีศาจตนอื่นๆ แล้วพูดด้วยเสียงต่ํา “ข้าจะจากไปในครานี้ และจะไม่กลับมาที่นี่อีกในช่วงร้อย

 

“ใช่ๆ”

 

ปีศาจตนอื่นๆ ต่างมองหน้ากันและกัน แทบระงับความตกใจภายในหัวใจไว้ไม่อยู่ ต่างรีบตอบรับพร้อมเพรียงกัน

 

เหมิงหยวน

 

ท่ามกลางทุ่งหญ้าเขียวขจีอันกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา

 

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

 

“การไหลของพลังฉี ในที่สุดข้าก็จับการเคลื่อนไหวของพลังฉีได้แล้ว!!”

 

เห็นเป็นชายร่างสูงแหงนมองขึ้นบนท้องฟ้า และคํารามก้องปล่อยรัศมีอันน่าสะพรึงที่สั่นสะเทือนไปทุกหย่อมหญ้า

 

ผู้คนที่อยู่บริเวณใกล้เคียง เมื่อเห็นฉากนี้ก็รีบคุกเข่าลงกับพื้นทันที “ขอแสดงความยินดีกับท่านราชครูที่ก้าวผ่านขั้นตอนสุดท้ายไปได้ พลังของท่านช่างอัศจรรย์ ทรงพลัง แข็งแกร่งอย่างยิ่ง!”

 

“ขั้นตอนสุดท้าย?”

 

ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิงหยวนหันไปมองคนสองสามคนตรงนั้นแล้วส่ายหัว ก่อนจะพูดว่า “ยังหรอก ตอนนี้ข้าเพียงรวมพลังทั้งสามให้เป็นหนึ่งได้ อาจจะใช้เวลาเป็นปีหรืออาจจะแค่ไม่กี่เดือน ข้าถึงจะเข้าสู่ขั้นตอนนั้นได้จริงๆ”

 

น้ําเสียงของราชครูเหมิ่งหยวนแสดงถึงความสุขอันเปี่ยมล้น

 

เป็นเวลากว่าร้อยปีแล้วที่เขาฝึกวิทยายุทธและเฝ้ารอวันนี้ มาโดยตลอด บัดนี้ ความปรารถนาของเขาเป็นจริงแล้ว เขาจะไม่มีความสุขได้อย่างไร?

 

คนไม่กี่คนที่อยู่บริเวณนั้นต่างมองหน้ากัน ท่าทีของพวกเขาก็แสดงออกว่าตื่นเต้นยินดีมากเช่นกัน

 

หลังจากเวลาผ่านมานานนับปี ในที่สุดก็มีตํานานยุทธกําเนิดขึ้นบนทุ่งหญ้าเขียวขจีสุดลูกหูลูกตาแห่งนี้เสียที

 

ในเวลานั้น สีหน้าของราชครูแห่งอาณาจักรเหมิงหยวนก็ค่อยๆสงบลง เขามองไปที่คนโดยรอบและพูดว่า “ไปบอกองค์จักรพรรดิว่าหลังจากนี้อีกสองปี ข้าจะไปทําความรู้จักตํานานยุทธภายในเมืองฉางอันเป็นการส่วนตัวเสียหน่อย!!”

 

หากจักรพรรดิแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนต้องการจะครอบครองโลกใบนี้ อุปสรรคขัดขวางใหญ่ที่เป็นต้นเหตุให้ก้าวผ่านไปไม่ได้ก็คือตํานานยุทธแห่งเมืองฉางอัน มีแต่จะต้องเผชิญหน้าเท่านั้น

 

และตอนนี้ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนก็แทบจะรอไม่ไหวแล้ว

 

แม้ว่าราชครูแห่งอาณาจักรเหมิงหยวนจะไม่ทราบความกล้ําของตํานานยุทธภายในเมืองฉางอัน แต่เนื่องจากคู่ต่อสู้ไม่ได้ออกไปจากทวีปนี้ ความแข็งแกร่งของเขาก็ควรจะอยู่เพียงระดับนภาชั้นที่หนึ่งไม่ก็นภาชั้นที่สอง

 

ราชครูอาณาจักรเหมิ่งหยวนมีพลังชีวิตเลือดเนื้ออันแข็งแกร่งและฝึกฝนวิชาที่เน้นการฆ่าฟัน อีกเหตุผลคือเขามีหน้าที่ต้องรับผิดชอบชะตากรรมของอาณาจักรเหมิงหยวนทั้งหมด แม้ว่าเขาจะพ่ายแพ้ต่อตํานานยุทธผู้นั้นก็ตาม ตัวเขาก็คงไม่มีปัญหาใดๆในการถอยหนีกลับมา

 

ในช่วงเวลาเดียวกัน

 

วังถัง พระราชวังคุนหนิง

 

ฮองเฮาซูเยว่หยุนกําลังจบซุปโสม ใบหน้าซีดเซียว

 

ช่วงนี้ซูเยว่หยุนรู้สึกไม่ค่อยสบายอยู่เสมอ นางได้ขอให้หมอหลวงมาตรวจดูอาการหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่พบสาเหตุ

 

ซุเยว่หยุนก็ได้แต่คาดเดาว่าเป็นเพราะฤดูหนาวปีนี้อากาศหนาวเย็นเกินไปหรือไม่

 

“หน้าหนาวมาอีกแล้ว…”

 

ซูเยว่หยุนมองออกไปนอกหน้าต่าง ในขณะนี้หิมะกําลังตกอย่างแผ่วเบาอยู่ด้านนอก จึงได้เอ่ยปากพูดขึ้น

 

“พระนาง นี่คือซุปโอสถของหมอหลวง ว่ากันว่าทําให้เลือดไหลเวียนดี ร่างกายอบอุ่นขึ้น มันจะต้องทําให้ฮองเฮารู้สึกสบายตัวขึ้นเป็นแน่”

 

ในขณะนี้เอง นางกํานัลก็เดินประคองถ้วยซุปถ้วยหนึ่งมาให้ซูเยว่หยุนอย่างระมัดระวัง

 

“จริงๆ ข้าก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร”

 

ซูเยว่หยุนส่ายศีรษะแล้วพูดว่า “ไม่ต้องรบกวนหมอหลวงให้มากนักหรอก…”

 

ในความเป็นจริง ไม่รู้ว่าซูเยว่หยุนต้มยานี้ดื่มไปมากมายแค่ไหนแล้วในช่วงนี้ แต่มันไม่มีผลต่อร่างกายเลย ยังคงรู้สึกอึดอัดไม่สบายเนื้อสบายตัวเหมือนเคย

 

“พระนาง ร่างกายของพระองค์นั้นสําคัญที่สุด…” นางกํานัลอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา

 

แม้ว่าซูเยว่หยุนจะเป็นฮองเฮา แต่พระนางก็ใจดีต่อคนรับใช้อย่างพวกนาง ดังนั้นนางกํานัลและขันที่ภายในพระราชวังคุนหนิงจึงหวังให้อาการของซูเยว่หยุนดีขึ้นโดยเร็วที่สุด

 

เมื่อซูเยว่หยุนเห็นดังนั้นก็ยากที่จะปฏิเสธ

 

ซูเยว่หยุนหยิบซุปโอสถขึ้นมา กําลังจะดื่มมันเข้าไป

 

อย่างไรก็ตาม

 

ในตอนนั้นเอง

 

ใบหน้าของซูเยว่หยุนก็ซีดเผือดราวกับกระดาษ มือที่กําลังถือถ้วยซุปสั้นอยู่ตลอดเวลา

 

“ข้า

 

ซูเยว่หยุนต้องการที่จะกล่าวคํา แต่นางรู้สึกเหมือนคอของตนถูกบีบเอาไว้และไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้

 

เพล้ง

 

ชามซุปสมุนไพรที่ซุเยว่หยุนถืออยู่ก็พลันตกลงบนพื้นแตกเป็นเสียงๆ

 

เมื่อเห็นฉากนี้ นางกํานัลก็ตกใจ ใบหน้าซีดขาวด้วยความกลัว นางตื่นตระหนกและรีบตะโกนขอความช่วยเหลือทันที “ไม่ดีแล้วพระนางประชวรหนักแล้ว”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+