เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 357 (II) เข้าสู่อาณาจักรเก่าดาบ

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 357 (II) เข้าสู่อาณาจักรเก่าดาบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 357 (II) เข้าสู่อาณาจักรเก่าดาบ

รูปปั้นที่ซูฉินทิ้งเอาไว้ ก็มีไว้เพื่อทดสอบจิตใจและความเข้าใจของลูกหลานตระกูลเหล่านี้

หากผ่านไปนานแล้วยังไม่ได้อะไรจากรูปปั้นนี้ เกรงว่าลูกหลานตระกูลบางคนคงจะร้อนใจและ คิดที่จะถอนตัวออกไปอย่างไรเสีย การวนเวียนอยู่รอบรูปปั้นเป็นเวลากว่าสิบสองชั่วโมงต่อวัน แม้แต่จอมยุทธทั่วๆ ไปยังทนไม่ได้ นับประสาอะไรกับเด็กในวัยนี้?

นี่คือบททดสอบทางจิตใจ

สําหรับความเข้าใจนั้น ถ้าใครบางคนสามารถเข้าใจความลับบางอย่างได้จากรูปปั้นนี้ ก็เพียงพอแล้วในด้านความเข้าใจ

ต่อจากนั้น

ซูฉินไม่สนใจเด็กๆ ตระกูลซูที่ก่าลังเกาหูเกาแก้มเหล่านั้นอีกต่อไป อย่างไรเสียการชี้แนะสั่งสอนเด็กๆ ตระกูลเหล่านี้ก็เป็นเพียงงานอดิเรก หาใช่งานหลักของซูฉินไม่

“จะจัดการสมบัติทั้งสองนี้อย่างไรดี?”

จิตใจของซูฉินจมดิ่งลงไปในวิหารการสงคราม มองดูระฆังเทพสายฟ้าและสมบัติล้ำค่ารูปหอคอย

ระฆังเทพสายฟ้านั้นได้มาจากการที่ซูฉินเหยียบย่านิกายเทพเจ้าสายฟ้าจนจมดิน และสมบัติล่าค่ารูปหอคอยก็ได้มาจากการที่ซูฉินสังหารเซียนเทพปฐพี่ขั้นกลับคืนต้นกําเนิดที่มีสมญานามว่าจ้าวแห่งลม

“มีตราประทับอยู่ภายในสมบัติล้ําค่า โดยเฉพาะสมบัติล้ําค่ารูปหอคอย เจ้าของที่แท้จริงไม่ใช่ จ้าวแห่งลม แต่เป็นเจ้าลัทธิขั้นสถิตเทพระดับสูงสุดแห่งประตูเซียน”

“เหตุผลที่จ้าวแห่งลมมีสมบัติล้ําค่าอันนี้ก็ควรจะหยิบยืมมาจากเจ้าลัทธิเท่านั้น เมื่อกลับไปยัง ประตูเซียนก็คงจะต้องคืนมันกลับไป”

ซูฉินแตะปลายคางและคิดในใจเงียบๆ

“น่าเสียดายนัก”

“ถ้าข้าฝึกฝนภาพดวงตะวันขนาดมหึมาถึงความสําเร็จชั้นยอด พึ่งพาพลังเปลวเพลิงของภาพ ดวงตะวันฯ เกรงว่าจะเผาตราประทับนี้ออกไปได้ในทันที”

ซูฉินคิดอยู่กับตนเอง

“อย่างไรก็ตาม หากฝึกภาพดวงตะวันฯ จนสําเร็จ ข้าก็คงไม่ต้องการสมบัติล้ําค่าธรรมดาๆ เห ล่านี้อีก” ซูฉินคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ซ้ําไปซ้ํามา

ความสําเร็จชั้นยอดในภาพดวงตะวันขนาดมหึมาสามารถเปลี่ยนซูฉินให้กลายเป็นอีกาทองค่า สามขา ซึ่งเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังที่สุดในด้านเปลวเพลิง แน่นอนว่าด้วยความแข็งแกร่งใน ปัจจุบันของซูฉิน แม้ว่าเขาจะแปลงร่างเป็นอีกาทองคําสามขา ก็คงจะแปลงได้เพียงช่วงวัยเยาว์ ของอีกาทองคําสามขาผู้ยิ่งใหญ่ แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะกวาดล้างเซียนเทพปฐพี่ทั้งหมด

ในฐานะที่อีกาทองค่าสามขาเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังที่สุดในด้านเปลวเพลิง แม้จะเป็น เพียงลูกน้อยวัยเยาว์ แต่ตัวตนของมันก็สูงส่งกว่าเซียนเทพปฐพีเป็นอย่างมาก แค่ลมหายใจเดีย วอาจจะเผาเซียนเทพปฐพีได้เกือบทั้งหมด

สมบัติล้ําค่าธรรมดาๆ ไม่สามารถหยุดทิพยอํานาจของอีกาทองคําสามขาได้

แน่นอนว่าผู้ทรงพลังถึงขีดสุดสามารถทําลายความว่างเปล่าได้ หากอาศัยเพียงอีกาทองคํา สามขาในช่วงวัยเยาว์ ย่อมไม่สามารถทําอะไรผู้ทรงพลังถึงขีดสุดและสมบัติล้ําค่าโดยกาเนิดที่สา มารถระเบิดพลังใกล้เคียงกับผู้ทรงพลังถึงขีดสุดได้

แต่ไม่ว่าอย่างไร มันก็ไม่สามารถบดบังความน่ากลัวของอีกาทองคําสามขาได้อยู่ดีอีกทั้ง

หากอีกาทองคําสามขาวัยเยาว์ยังเติบโตต่อไปอีกระยะหนึ่ง เกรงว่าแม้แต่ผู้ทรงพลังถึงขีดสุ ดก็ต้องเร่งรุดหนีไปให้ไกล เพราะอาจจะตกลงสู่เปลวไฟแห่งดวงตะวันที่แท้จริง สามารถเผา ผลาญสรรพสิ่งในชั่วพริบตา

นี่คือสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ผู้ทรงพลัง!

สิ่งมีชีวิตธรรมดาสามารถฝ่าฟันอุปสรรคขวากหนาม แต่ต้องใช้เวลานับร้อยนับพันปีกว่าจะก้าว ข้ามผ่านขีดจํากัดทางสายเลือดของเผ่าพันธุ์…….ส่วนอีกาทองคําสามขาตั้งแต่แรกเกิด กลับสา มารถบดขยี้ทุกสิ่งได้โดยง่าย

แน่นอนว่าอีกาทองคําสามขานั้นทรงพลัง และไม่มีข้อบกพร่องใดๆ ทว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์สา มารถขยายพันธุ์ได้อย่างง่ายดายนับไม่ถ้วน ส่วนอีกาทองคําสามขานั้นขยายเผ่าพันธุ์ได้ยากราว กับปีนป่ายสวรรค์ และอาจจะไม่สามารถขยายพันธุ์ได้เลยในช่วงร้อยล้านปี

ฟ้าดินยุติธรรมเสมอ

“นอกจากสมบัติล้ําค่าทั้งสองอย่าง ก็มีตราประทับไทอินอันนี้……” ซูฉินคิดถึงสิ่งนี้ ก็พลันมีต ราประทับปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขา และนี่คือตราประทับไท่อนที่เทพธิดาไท่อนถือครอง

ตราประทับไก่อินอันนี้ไม่ใช่สมบัติที่ใช้ในการโจมตีหรือป้องกัน แต่สามารถดูดซับไอพลังของ พื้นที่มิติได้

“พลังมิติจากสิ่งนี้สามารถใช้บ่มเพาะวิชาในม้วนบันทึกภาพเทพสงครามได้” ดวงตาของซูฉิน เป็นประกายและเริ่มทดลองทันที

ตราประทับไทอินไม่ใช่สมบัติล้ําค่า นอกจากนี้ซูฉินยังได้รับวิธีการปรับแต่งตราประทับไก่อิน มาจากเทพธิดาไทอิน ดังนั้นจึงประสบความสําเร็จในการปรับแต่งตราประทับอันนี้ได้ในเวลาไม่นาน

หวิ่ง!!!

เห็นพลังงานสีเงินนวลๆ โผล่ออกมาจากตราประทับไก่อิน และในตอนนี้อาณาเขตเทพสง ครามของซูฉินก็คลายตัวออกมากลืนกินพลังงานสีเงินนี้ไปจนหมด

การฝึกฝนม้วนบันทึกภาพเทพสงครามและควบแน่นอาณาเขตเทพสงครามจําเป็นต้องใช้ผลึก หินมิติ เหตุผลที่ซูฉินสามารถกลั่นอาณาเขตเทพสงครามออกมาได้ก็เพราะอาศัยการกลืนกินพื้น ที่มิติมาจากสมบัติพื้นที่มิติซึ่งได้รับมาจากการลงชื่อเข้าใช้

อย่างไรเสีย สิ่งที่เรียกว่าผลึกหินมิติก็เป็นเพียงการรวมตัวกันของพลังแห่งมิติเท่านั้น ไม่ว่าจะ เป็นการกลืนกินผลึกหินมิติหรือพลังพื้นที่มิติ มันก็สามารถปรับปรุงอาณาเขตเทพสงครามได้ เหมือนกัน

หลังจากนั้นไม่นาน

พลังพื้นที่มิติในตราประทับไก่อินก็ค่อยๆ หมดลง

ตราประทับไทอินนี้ถูกเทพธิดาไท่อินและเซียนเทพปฐพี่คนอื่นๆ ใช้ในการเดินทางผ่านช่อง ว่างไปจนหมดแล้ว และหลังจากผ่านไปหลายปี แม้ว่ามันจะฟื้นตัวขึ้นบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้มีพ ลังมิติอยู่มากขนาดนั้น

“มันยังไม่พอ”

ซูฉินหยิบผลไม้สีขาวราวน้ํานมออกมาอีกครั้ง ผลไม้ชนิดนี้มีร่องรอยของพลังพื้นที่มิติแต่ก็ยัง ห่างไกลจากความต้องการในการฝึกฝนอาณาเขตเทพสงคราม

“พลังพื้นที่มิติ?”

ดวงตาของซูฉินหรี่ลงเล็กน้อย

แม้ว่าพลังของพื้นที่มิติจะมีอยู่โดยทั่วไป แต่มีเพียงผู้ทรงพลังถึงขีดสุดเท่านั้นที่สามารถควบคุมมันได้ และนอกเหนือจากผู้ทรงพลังถึงขีดสุดแล้ว ก็มีแต่ผลไม่วิญญาณชนิดพิเศษอย่างผลไม้สีขาวนวลนี้เท่านั้นที่สามารถดูดซับพลังงานบางส่วนได้หลังจากผ่านเวลาไประยะหนึ่ง

และแน่นอน

สมบัติและสมบัติล้ำค่าโดยกําเนิดบางชนิดที่สร้างโดยผู้ทรงพลังถึงขีดสุดก็สามารถดูดซับพลังมิติได้อย่างช้าๆ อาทิตราประทับไท่อินที่เทพธิดาไทท่อนมอบให้กับซูฉิน

เวลาผ่านเลยไปดุจสายน้ําไหล

หลายเดือนผ่านไปในพริบตา

ในช่วงเวลานี้ นอกเหนือจากการรอให้ช่องทางมิติก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างแล้ว ซูฉินก็ขัดเกลาการบ่มเพาะของตนเอง

ซฉินมุ่งมั่นที่จะเข้าสู่ระดับกลางของขั้นกลับคืนต้นกําเนิด ในเวลาไม่กี่ปี เขาก็คงจะข้ามผ่านจากจุดเริ่มต้นของขั้นกลับคืนต้นกําเนิด ไปถึงระดับกลางของขั้นกลับคืนต้นกําเนิดได้ แม้ว่าจะเป็นภายในประตูเซียน ทุกคนก็ต้องตกใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ยกเว้นไว้แต่ผู้ที่เกิดการตื่นขึ้นของสายเลือด เป็นทายาทสายตรงของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดที่สามารถพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ใครเล่าจะทําเช่นนี้ได้อีก?

รู้หรือไม่ว่าขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ไม่ได้เหมือนขอบเขตตํานานยุทธ ทุกย่างก้าวนั้นยากล่าบากอย่างยิ่ง และย่อมพบเซียนเทพปฐพีจํานวนมากที่ค้างอยู่ในขั้นเดิมมานานกว่าหลายสิบไปจนถึงหลายร้อยปี

ทายาทสายตรงของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดอาศัยพลังของสายเลือดพาตนเองทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้าแต่ฉันไม่ได้พึ่งพาพลังที่ผู้ทรงพลังถึงขีดสดทิ้งเอาไว้

แม้ว่าเทพธิดาไก่อินและนักพรตหมื่นกําเนิดต่างก็เชื่อว่าซูฉินนั้นเกี่ยวข้องกับผู้ทรงพลังถึงขีดสุด หรือแม้แต่เป็นร่างอวตารของผู้ทรงพลังถึงขีดสุด แต่มีแค่ซูฉินเท่านั้นที่รู้ว่าเขาพึ่งพาเพียงแค่ตนเองเท่านั้นกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้

“เจ้าพวกเด็กน้อยเหล่านั้น….”

ซูฉินหลุบตาลง และส่องดูลูกหลานตระกูลซูนับสิบที่อยู่ข้างรูปปั้นด้านนอกต่าหนักชนฝั่งขวา

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ ลูกหลานตระกูลซูห้าถึงหกคนไม่สามารถทนแต่ความเบื่อหน่าย ได้เลือกจะถอนตัวกลับไป แต่ยังมีลูกหลานตระกูลซูส่วนใหญ่ยืนกรานที่จะอยู่ต่อ

ลูกหลานตระกูลซูทุกคนรู้ดีว่าตราบใดที่พวกเขาสามารถผ่านเรื่องนี้ไปได้ แม้จะไม่สามารถเป็นศิษย์ของซูฉินได้เหมือนกับองค์หญิงหลีหว่าน แต่อย่างน้อยก็ควรจะอยู่ในสายตาของซูจินบ้าง

“มีพรสวรรค์พอที่จะปั้นได้” ดวงตาของซูฉินจ้องมองไปยังน้องเล็กที่อายุเจ็ดขวบเพียงคนเดียว

เด็กคนนี้จ้องมองลูกปั้นด้วยสายตาว่างเปล่า ราวกับกําลังละเมอ แต่ซูฉินสามารถมองทะลุทะลวงเข้าไปได้โดยตรงเห็นว่าจิตใจของอีกฝ่ายเริ่มสัมผัสถึงรูปปั้นแล้ว

“ข้าหวังว่าเมื่อกลับมาจากอาณาจักรเก้าดาบ เจ้าคงรับรู้อะไรบางอย่างขึ้นมาได้นะ”

ซฉินละสายตา และมองไปยังทิศทางหนึ่งนอกเมืองฉางอันที่ซึ่งมีช่องทางมิติปรากฏขึ้น

“น่าจะใกล้เสร็จสิ้นเต็มที่แล้ว”

ซฉินก้าวเท้าออกไป หายตัวไปจากที่เดิม และปรากฏตัวอยู่หน้าช่องทางมิติแทบจะในทันที

ในขณะนี้ ความว่างเปล่าที่บิดเบี้ยวเบื้องหน้าเริ่มสงบลงแล้ว และทางเข้าก็ปรากฏขึ้น เชื่อมโยงไปถึงโลกที่ไม่รู้จัก

“อาณาจักรเก่าดาบที่เปิดออกโดยผู้ทรงพลังถึงขีดสุดเก้าดาบ?”

ซูฉินมองทางเบื้องหน้าด้วยใบหน้าที่คาดหวัง

ในโลกของประตูเซียน ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นมรดกของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดนั้นมีอํานาจมากที่สุด มีเจ้าลัทธิและตัวตนระบบสูงคอยปกครองทั้งยังมีทายาทสายตรงของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดอยู่ด้วย

เพื่อความปลอดภัย ซูฉินไม่ได้คิดจะรีบร้อนเข้าไปภายในประตูเซียนหากเขายังไม่มีพลังมากพอ

แต่อาณาจักรเก่าดาบที่เปิดออกโดยผู้ทรงพลังถึงขีดสุดเก้าดาบนั้นมีอันตรายน้อยกว่าประตูเซียนมากโข

นี่ไม่ได้หมายความว่าผู้ทรงพลังถึงขีดสุดเก้าดาบนั้นไม่แข็งแกร่งเท่ากับกลุ่มผู้ทรงพลังถึงขีดสุดที่เปิดโลกประตูเซียน แต่ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดเก้าดาบเพียงสร้างอาณาจักรเก่าดาบขึ้นมาเฉยๆทว่าประตูเซียนนั้น เหล่าผู้ทรงพลังถึงขีดสุดใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสร้างโลกให้เชื้อสายของตนรวมถึงมรดกตกทอดเข้าไปอยู่ภายในจึงน่าทั้งสองอย่างมาเทียบกันไม่ได้เลย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 357 (II) เข้าสู่อาณาจักรเก่าดาบ

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 357 (II) เข้าสู่อาณาจักรเก่าดาบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 357 (II) เข้าสู่อาณาจักรเก่าดาบ

รูปปั้นที่ซูฉินทิ้งเอาไว้ ก็มีไว้เพื่อทดสอบจิตใจและความเข้าใจของลูกหลานตระกูลเหล่านี้

หากผ่านไปนานแล้วยังไม่ได้อะไรจากรูปปั้นนี้ เกรงว่าลูกหลานตระกูลบางคนคงจะร้อนใจและ คิดที่จะถอนตัวออกไปอย่างไรเสีย การวนเวียนอยู่รอบรูปปั้นเป็นเวลากว่าสิบสองชั่วโมงต่อวัน แม้แต่จอมยุทธทั่วๆ ไปยังทนไม่ได้ นับประสาอะไรกับเด็กในวัยนี้?

นี่คือบททดสอบทางจิตใจ

สําหรับความเข้าใจนั้น ถ้าใครบางคนสามารถเข้าใจความลับบางอย่างได้จากรูปปั้นนี้ ก็เพียงพอแล้วในด้านความเข้าใจ

ต่อจากนั้น

ซูฉินไม่สนใจเด็กๆ ตระกูลซูที่ก่าลังเกาหูเกาแก้มเหล่านั้นอีกต่อไป อย่างไรเสียการชี้แนะสั่งสอนเด็กๆ ตระกูลเหล่านี้ก็เป็นเพียงงานอดิเรก หาใช่งานหลักของซูฉินไม่

“จะจัดการสมบัติทั้งสองนี้อย่างไรดี?”

จิตใจของซูฉินจมดิ่งลงไปในวิหารการสงคราม มองดูระฆังเทพสายฟ้าและสมบัติล้ำค่ารูปหอคอย

ระฆังเทพสายฟ้านั้นได้มาจากการที่ซูฉินเหยียบย่านิกายเทพเจ้าสายฟ้าจนจมดิน และสมบัติล่าค่ารูปหอคอยก็ได้มาจากการที่ซูฉินสังหารเซียนเทพปฐพี่ขั้นกลับคืนต้นกําเนิดที่มีสมญานามว่าจ้าวแห่งลม

“มีตราประทับอยู่ภายในสมบัติล้ําค่า โดยเฉพาะสมบัติล้ําค่ารูปหอคอย เจ้าของที่แท้จริงไม่ใช่ จ้าวแห่งลม แต่เป็นเจ้าลัทธิขั้นสถิตเทพระดับสูงสุดแห่งประตูเซียน”

“เหตุผลที่จ้าวแห่งลมมีสมบัติล้ําค่าอันนี้ก็ควรจะหยิบยืมมาจากเจ้าลัทธิเท่านั้น เมื่อกลับไปยัง ประตูเซียนก็คงจะต้องคืนมันกลับไป”

ซูฉินแตะปลายคางและคิดในใจเงียบๆ

“น่าเสียดายนัก”

“ถ้าข้าฝึกฝนภาพดวงตะวันขนาดมหึมาถึงความสําเร็จชั้นยอด พึ่งพาพลังเปลวเพลิงของภาพ ดวงตะวันฯ เกรงว่าจะเผาตราประทับนี้ออกไปได้ในทันที”

ซูฉินคิดอยู่กับตนเอง

“อย่างไรก็ตาม หากฝึกภาพดวงตะวันฯ จนสําเร็จ ข้าก็คงไม่ต้องการสมบัติล้ําค่าธรรมดาๆ เห ล่านี้อีก” ซูฉินคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ซ้ําไปซ้ํามา

ความสําเร็จชั้นยอดในภาพดวงตะวันขนาดมหึมาสามารถเปลี่ยนซูฉินให้กลายเป็นอีกาทองค่า สามขา ซึ่งเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังที่สุดในด้านเปลวเพลิง แน่นอนว่าด้วยความแข็งแกร่งใน ปัจจุบันของซูฉิน แม้ว่าเขาจะแปลงร่างเป็นอีกาทองคําสามขา ก็คงจะแปลงได้เพียงช่วงวัยเยาว์ ของอีกาทองคําสามขาผู้ยิ่งใหญ่ แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะกวาดล้างเซียนเทพปฐพี่ทั้งหมด

ในฐานะที่อีกาทองค่าสามขาเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังที่สุดในด้านเปลวเพลิง แม้จะเป็น เพียงลูกน้อยวัยเยาว์ แต่ตัวตนของมันก็สูงส่งกว่าเซียนเทพปฐพีเป็นอย่างมาก แค่ลมหายใจเดีย วอาจจะเผาเซียนเทพปฐพีได้เกือบทั้งหมด

สมบัติล้ําค่าธรรมดาๆ ไม่สามารถหยุดทิพยอํานาจของอีกาทองคําสามขาได้

แน่นอนว่าผู้ทรงพลังถึงขีดสุดสามารถทําลายความว่างเปล่าได้ หากอาศัยเพียงอีกาทองคํา สามขาในช่วงวัยเยาว์ ย่อมไม่สามารถทําอะไรผู้ทรงพลังถึงขีดสุดและสมบัติล้ําค่าโดยกาเนิดที่สา มารถระเบิดพลังใกล้เคียงกับผู้ทรงพลังถึงขีดสุดได้

แต่ไม่ว่าอย่างไร มันก็ไม่สามารถบดบังความน่ากลัวของอีกาทองคําสามขาได้อยู่ดีอีกทั้ง

หากอีกาทองคําสามขาวัยเยาว์ยังเติบโตต่อไปอีกระยะหนึ่ง เกรงว่าแม้แต่ผู้ทรงพลังถึงขีดสุ ดก็ต้องเร่งรุดหนีไปให้ไกล เพราะอาจจะตกลงสู่เปลวไฟแห่งดวงตะวันที่แท้จริง สามารถเผา ผลาญสรรพสิ่งในชั่วพริบตา

นี่คือสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ผู้ทรงพลัง!

สิ่งมีชีวิตธรรมดาสามารถฝ่าฟันอุปสรรคขวากหนาม แต่ต้องใช้เวลานับร้อยนับพันปีกว่าจะก้าว ข้ามผ่านขีดจํากัดทางสายเลือดของเผ่าพันธุ์…….ส่วนอีกาทองคําสามขาตั้งแต่แรกเกิด กลับสา มารถบดขยี้ทุกสิ่งได้โดยง่าย

แน่นอนว่าอีกาทองคําสามขานั้นทรงพลัง และไม่มีข้อบกพร่องใดๆ ทว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์สา มารถขยายพันธุ์ได้อย่างง่ายดายนับไม่ถ้วน ส่วนอีกาทองคําสามขานั้นขยายเผ่าพันธุ์ได้ยากราว กับปีนป่ายสวรรค์ และอาจจะไม่สามารถขยายพันธุ์ได้เลยในช่วงร้อยล้านปี

ฟ้าดินยุติธรรมเสมอ

“นอกจากสมบัติล้ําค่าทั้งสองอย่าง ก็มีตราประทับไทอินอันนี้……” ซูฉินคิดถึงสิ่งนี้ ก็พลันมีต ราประทับปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขา และนี่คือตราประทับไท่อนที่เทพธิดาไท่อนถือครอง

ตราประทับไก่อินอันนี้ไม่ใช่สมบัติที่ใช้ในการโจมตีหรือป้องกัน แต่สามารถดูดซับไอพลังของ พื้นที่มิติได้

“พลังมิติจากสิ่งนี้สามารถใช้บ่มเพาะวิชาในม้วนบันทึกภาพเทพสงครามได้” ดวงตาของซูฉิน เป็นประกายและเริ่มทดลองทันที

ตราประทับไทอินไม่ใช่สมบัติล้ําค่า นอกจากนี้ซูฉินยังได้รับวิธีการปรับแต่งตราประทับไก่อิน มาจากเทพธิดาไทอิน ดังนั้นจึงประสบความสําเร็จในการปรับแต่งตราประทับอันนี้ได้ในเวลาไม่นาน

หวิ่ง!!!

เห็นพลังงานสีเงินนวลๆ โผล่ออกมาจากตราประทับไก่อิน และในตอนนี้อาณาเขตเทพสง ครามของซูฉินก็คลายตัวออกมากลืนกินพลังงานสีเงินนี้ไปจนหมด

การฝึกฝนม้วนบันทึกภาพเทพสงครามและควบแน่นอาณาเขตเทพสงครามจําเป็นต้องใช้ผลึก หินมิติ เหตุผลที่ซูฉินสามารถกลั่นอาณาเขตเทพสงครามออกมาได้ก็เพราะอาศัยการกลืนกินพื้น ที่มิติมาจากสมบัติพื้นที่มิติซึ่งได้รับมาจากการลงชื่อเข้าใช้

อย่างไรเสีย สิ่งที่เรียกว่าผลึกหินมิติก็เป็นเพียงการรวมตัวกันของพลังแห่งมิติเท่านั้น ไม่ว่าจะ เป็นการกลืนกินผลึกหินมิติหรือพลังพื้นที่มิติ มันก็สามารถปรับปรุงอาณาเขตเทพสงครามได้ เหมือนกัน

หลังจากนั้นไม่นาน

พลังพื้นที่มิติในตราประทับไก่อินก็ค่อยๆ หมดลง

ตราประทับไทอินนี้ถูกเทพธิดาไท่อินและเซียนเทพปฐพี่คนอื่นๆ ใช้ในการเดินทางผ่านช่อง ว่างไปจนหมดแล้ว และหลังจากผ่านไปหลายปี แม้ว่ามันจะฟื้นตัวขึ้นบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้มีพ ลังมิติอยู่มากขนาดนั้น

“มันยังไม่พอ”

ซูฉินหยิบผลไม้สีขาวราวน้ํานมออกมาอีกครั้ง ผลไม้ชนิดนี้มีร่องรอยของพลังพื้นที่มิติแต่ก็ยัง ห่างไกลจากความต้องการในการฝึกฝนอาณาเขตเทพสงคราม

“พลังพื้นที่มิติ?”

ดวงตาของซูฉินหรี่ลงเล็กน้อย

แม้ว่าพลังของพื้นที่มิติจะมีอยู่โดยทั่วไป แต่มีเพียงผู้ทรงพลังถึงขีดสุดเท่านั้นที่สามารถควบคุมมันได้ และนอกเหนือจากผู้ทรงพลังถึงขีดสุดแล้ว ก็มีแต่ผลไม่วิญญาณชนิดพิเศษอย่างผลไม้สีขาวนวลนี้เท่านั้นที่สามารถดูดซับพลังงานบางส่วนได้หลังจากผ่านเวลาไประยะหนึ่ง

และแน่นอน

สมบัติและสมบัติล้ำค่าโดยกําเนิดบางชนิดที่สร้างโดยผู้ทรงพลังถึงขีดสุดก็สามารถดูดซับพลังมิติได้อย่างช้าๆ อาทิตราประทับไท่อินที่เทพธิดาไทท่อนมอบให้กับซูฉิน

เวลาผ่านเลยไปดุจสายน้ําไหล

หลายเดือนผ่านไปในพริบตา

ในช่วงเวลานี้ นอกเหนือจากการรอให้ช่องทางมิติก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างแล้ว ซูฉินก็ขัดเกลาการบ่มเพาะของตนเอง

ซฉินมุ่งมั่นที่จะเข้าสู่ระดับกลางของขั้นกลับคืนต้นกําเนิด ในเวลาไม่กี่ปี เขาก็คงจะข้ามผ่านจากจุดเริ่มต้นของขั้นกลับคืนต้นกําเนิด ไปถึงระดับกลางของขั้นกลับคืนต้นกําเนิดได้ แม้ว่าจะเป็นภายในประตูเซียน ทุกคนก็ต้องตกใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ยกเว้นไว้แต่ผู้ที่เกิดการตื่นขึ้นของสายเลือด เป็นทายาทสายตรงของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดที่สามารถพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ใครเล่าจะทําเช่นนี้ได้อีก?

รู้หรือไม่ว่าขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ไม่ได้เหมือนขอบเขตตํานานยุทธ ทุกย่างก้าวนั้นยากล่าบากอย่างยิ่ง และย่อมพบเซียนเทพปฐพีจํานวนมากที่ค้างอยู่ในขั้นเดิมมานานกว่าหลายสิบไปจนถึงหลายร้อยปี

ทายาทสายตรงของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดอาศัยพลังของสายเลือดพาตนเองทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้าแต่ฉันไม่ได้พึ่งพาพลังที่ผู้ทรงพลังถึงขีดสดทิ้งเอาไว้

แม้ว่าเทพธิดาไก่อินและนักพรตหมื่นกําเนิดต่างก็เชื่อว่าซูฉินนั้นเกี่ยวข้องกับผู้ทรงพลังถึงขีดสุด หรือแม้แต่เป็นร่างอวตารของผู้ทรงพลังถึงขีดสุด แต่มีแค่ซูฉินเท่านั้นที่รู้ว่าเขาพึ่งพาเพียงแค่ตนเองเท่านั้นกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้

“เจ้าพวกเด็กน้อยเหล่านั้น….”

ซูฉินหลุบตาลง และส่องดูลูกหลานตระกูลซูนับสิบที่อยู่ข้างรูปปั้นด้านนอกต่าหนักชนฝั่งขวา

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ ลูกหลานตระกูลซูห้าถึงหกคนไม่สามารถทนแต่ความเบื่อหน่าย ได้เลือกจะถอนตัวกลับไป แต่ยังมีลูกหลานตระกูลซูส่วนใหญ่ยืนกรานที่จะอยู่ต่อ

ลูกหลานตระกูลซูทุกคนรู้ดีว่าตราบใดที่พวกเขาสามารถผ่านเรื่องนี้ไปได้ แม้จะไม่สามารถเป็นศิษย์ของซูฉินได้เหมือนกับองค์หญิงหลีหว่าน แต่อย่างน้อยก็ควรจะอยู่ในสายตาของซูจินบ้าง

“มีพรสวรรค์พอที่จะปั้นได้” ดวงตาของซูฉินจ้องมองไปยังน้องเล็กที่อายุเจ็ดขวบเพียงคนเดียว

เด็กคนนี้จ้องมองลูกปั้นด้วยสายตาว่างเปล่า ราวกับกําลังละเมอ แต่ซูฉินสามารถมองทะลุทะลวงเข้าไปได้โดยตรงเห็นว่าจิตใจของอีกฝ่ายเริ่มสัมผัสถึงรูปปั้นแล้ว

“ข้าหวังว่าเมื่อกลับมาจากอาณาจักรเก้าดาบ เจ้าคงรับรู้อะไรบางอย่างขึ้นมาได้นะ”

ซฉินละสายตา และมองไปยังทิศทางหนึ่งนอกเมืองฉางอันที่ซึ่งมีช่องทางมิติปรากฏขึ้น

“น่าจะใกล้เสร็จสิ้นเต็มที่แล้ว”

ซฉินก้าวเท้าออกไป หายตัวไปจากที่เดิม และปรากฏตัวอยู่หน้าช่องทางมิติแทบจะในทันที

ในขณะนี้ ความว่างเปล่าที่บิดเบี้ยวเบื้องหน้าเริ่มสงบลงแล้ว และทางเข้าก็ปรากฏขึ้น เชื่อมโยงไปถึงโลกที่ไม่รู้จัก

“อาณาจักรเก่าดาบที่เปิดออกโดยผู้ทรงพลังถึงขีดสุดเก้าดาบ?”

ซูฉินมองทางเบื้องหน้าด้วยใบหน้าที่คาดหวัง

ในโลกของประตูเซียน ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นมรดกของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดนั้นมีอํานาจมากที่สุด มีเจ้าลัทธิและตัวตนระบบสูงคอยปกครองทั้งยังมีทายาทสายตรงของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดอยู่ด้วย

เพื่อความปลอดภัย ซูฉินไม่ได้คิดจะรีบร้อนเข้าไปภายในประตูเซียนหากเขายังไม่มีพลังมากพอ

แต่อาณาจักรเก่าดาบที่เปิดออกโดยผู้ทรงพลังถึงขีดสุดเก้าดาบนั้นมีอันตรายน้อยกว่าประตูเซียนมากโข

นี่ไม่ได้หมายความว่าผู้ทรงพลังถึงขีดสุดเก้าดาบนั้นไม่แข็งแกร่งเท่ากับกลุ่มผู้ทรงพลังถึงขีดสุดที่เปิดโลกประตูเซียน แต่ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดเก้าดาบเพียงสร้างอาณาจักรเก่าดาบขึ้นมาเฉยๆทว่าประตูเซียนนั้น เหล่าผู้ทรงพลังถึงขีดสุดใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสร้างโลกให้เชื้อสายของตนรวมถึงมรดกตกทอดเข้าไปอยู่ภายในจึงน่าทั้งสองอย่างมาเทียบกันไม่ได้เลย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+