เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 332 (II) ความมั่นใจของสมาชิกประตูเซียน

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 332 (II) ความมั่นใจของสมาชิกประตูเซียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 332 (II) ความมั่นใจของสมาชิกประตูเซียน

“ในช่วงหมื่นปีที่ผ่านมานี้ เคล็ดวิชาที่ทรงพลังส่วนใหญ่ได้สูญหายไปนานแล้ว แม้ว่าจะมีมนุษย์สวรรค์กําเนิดขึ้น แต่จะเทียบกับศิษย์สาวกของดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างพวกเราที่มีทักษะสังหารมากมายได้อย่างไร?”
ร่างสูงกํายําหัวเราะเสียงดัง

แม้พวกเขาทั้งหมดจะเป็นเซียนเทพปฐพี แต่ก็มีความแตกต่าง มีทั้งระดับสูงและระดับต่ํา และเหล่าศิษย์สาวกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภายในประตูเซียนย่อมเป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างแน่นอน พวกเขามีเคล็ดวิชาทรงพลังมากมายที่สืบทอดมาจากผู้ทรงพลังถึงขีดสุด เซียนเทพปฐพีคนอื่นๆจะมาเทียบได้เช่นไร?

“ตามนั้น”

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่มท่าทางอ่อนแอ

“เอาล่ะ”

“ไม่ต้องเถียงกันแล้ว”

เสียงเย็นชาดังขึ้นมาจากเทพธิดาไก่อิน นางมองไปยังเด็กหนุ่มซึ่งจ้องมองไปที่ความว่างเปล่า แล้วจึงกล่าวขึ้นว่า “หากไม่ใช่ช่วงที่วิหารการสงครามจะโผล่ขึ้นมา มันก็รวมเข้าไปอยู่ในส่วนลึกของความว่างเปล่า หากไม่มีวิธีการจําเพาะ แม้แต่ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดก็ไม่สามารถจับตําแหน่งของวิหารการสงครามได้”

“ข้าอยากจะรู้นักว่าทําไมเจ้าถึงคิดว่าจะหาตาแหน่งของวิหารการสงครามพบ?”

สายตาของเทพธิดาไท่อนฉายความอยากรู้อยากเห็นออกมา

วิหารการสงครามเป็นสมบัติพื้นที่มิติขนาดใหญ่พิเศษที่ได้รับการปรับแต่งโดยผู้ทรงพลังถึงขีดสุด แม้จะไม่ใช่สมบัติล้ําค่า แต่ก็สูงค่ายิ่งกว่าสมบัติล้ําค่าโดยกําเนิดของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดบางคน เพื่อปรับแต่งวิหารการสงคราม เจ้าของวิหารการสงครามต้องเดินทางค้นหาไปทั่วโลก ยอมจ่ายทรัพยากรทั้งหมดเพื่อตามหาผลึกหินมิติที่มีขนาดเท่าภูเขา

ผลึกหินมิตินั้นเกิดขึ้นเฉพาะในพายุมิติด้านในส่วนลึกของความว่างเปล่า มีเพียงผู้ทรงพลังถึงขีดสุดเท่านั้น จึงจะมีความสามารถในการฉีกช่องว่างเพื่อค้นหาผลึกหินมิติได้ แต่ผลึกหินมิติส่วนใหญ่อย่างมากก็มีขนาดไม่เกินกําปั้น

ส่วนผลึกหินมิติที่มีขนาดเท่าภูเขาพบเจอได้ไม่บ่อยนัก

วิหารการสงครามสร้างขึ้นจากหินมิติขนาดเท่าเนินเขาลูกเล็กๆ พื้นที่ที่อยู่ภายในไม่รู้ว่าเหนือกว่าสมบัติพื้นที่มิติอันอื่นๆ มากแค่ไหน

ทั้งนี้มันยังสามารถรองรับสิ่งมีชีวิตได้อีกด้วย หากกฎเกณฑ์ของโลกถูกถ่ายเทเข้าไป มันอาจจะพัฒนาเป็นโลกใบเล็กเหมือนประตูเซียนก็เป็นไปได้

“สบายใจได้”

“เคล็ดวิชาลับของข้านั้น ได้มาจากเจ้าของวิหารการสงคราม ที่สามารถสัมผัสหรือแม้กระทั่งเรียกวิหารการสงครามที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของความว่างเปล่าออกมาได้”

“ทว่า หากต้องการจะผลักดันทักษะลับนี้ให้ถึงขีดสุด อย่างน้อยความแข็งแกร่งก็ต้องไปถึงขั้นกลับคืนต้นกําเนิด กระนั้น หากเราทั้งห้าร่วมมือกัน ก็คงจะพอไปแตะถึงบริเวณขอบธรณีประตูของขั้นกลับคืนต้นกําเนิด และสามารถอัญเชิญวิหารการสงครามออกมาจากส่วนลึกของความว่างเปล่าได้”

เด็กหนุ่มไม่ได้ปิดบัง และพูดออกมาตามความจริง

“มันเป็นเช่นนี้นี่เอง”

เทพธิดาไท่อนกะพริบตา และไม่ได้ถามอีกฝ่ายว่าทําไมจึงมีทักษะที่เจ้าของวิหารการสงครามทิ้งไว้

“ต่อจากนี้ข้าจะสอนทักษะลับนี้ให้พวกเจ้า หลังจากคุ้นเคยกับมันแล้ว เราทั้งห้าจะช่วยกันกระตุ้นทักษะลับร่วมกัน”

เด็กหนุ่มรีบสอนทักษะลับให้กับทั้งสี่คนอย่างรวดเร็ว

ทักษะลับนี้ไม่ได้ซับซ้อนอะไร ออกจะเรียบง่ายเสียด้วยซ้ํา แต่ถ้าไม่ได้รับการถ่ายทอดจากเด็กหนุ่ม อีกสี่คนที่เหลือจะไม่มีวันเข้าใจทักษะลับนี้

“เอาล่ะ”

“มาเริ่มพร้อมๆ กันเถอะ”

เด็กหนุ่มนั่งขัดสมาธิ อีกสี่คนที่เหลือรวมถึงเทพธิดาไม่อินก็นั่งลงด้วย พลังภายในร่างก็เริ่มโคจรอย่างช้าๆ ในลักษณะที่ค่อนข้างพิเศษ

หวิ่ง!!!

ขณะที่ทั้งห้าคนใช้ทักษะลับร่วมกัน พวกเขาก็รู้สึกว่าจิตใจของพวกเขาเริ่มล่องลอยอย่างไร ขอบเขตและในทันทีที่ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆในอากาศ ก็ได้เข้ามาถึงส่วนลึกของความว่างเปล่า

“ที่นี่คือ?”

ม่านตาของเทพธิดาไท่อินและคนอื่นๆหดตัวลง ตอบสนองต่อสิ่งรอบข้างอย่างรวดเร็ว

ท้ายที่สุด คนทั้งหมดก็เป็นเซียนเทพปฐพี จิตวิญญาณแรกกําเนิดได้รวมเข้ากับทะเลปราณตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ได้รู้สึกแปลกกับการเข้ามาในส่วนลึกของความว่างเปล่า

เพียงแต่ว่าตําแหน่งที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้ไม่ใช่ทะเลปราณ แต่เป็นระดับที่ลึกกว่าในส่วนลึกของความว่างเปล่า

“นั่นคือ?”

ในขณะนี้เอง ชายร่างกํายําก็ร้องอุทานออกมา และอีกสี่คนที่เหลือก็มองตามชายร่างกํายําไปในทันที

เห็นวิหารขนาดใหญ่ตั้งอยู่อย่างเงียบๆ ในส่วนลึกของความว่างเปล่า ตัววิหารดูเหมือนจะหลอมรวมเข้ากับความว่างเปล่า ชิ้นส่วนมิติที่สามารถฉีกอากาศเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เมื่อสัมผัสเข้ากับตัววิหารมันก็เหมือนกับหินที่ตกลงไปในน้ํา ผลที่เกิดขึ้นก็มีเพียงแรงกระเพื่อมเท่านั้น

“วิหารการสงคราม”

“นี่คือวิหารการสงครามในตํานาน!”

เมื่อเด็กหนุ่มเห็นฉากนี้ สีหน้าของเขาก็ดูเร่าร้อนขึ้นมาทันที

อีกสี่คนที่เหลือก็ตกใจ ความสามารถของวิหารการสงครามนั้นน่ากลัวเกินไป ต้องรู้ว่าสถานที่แห่งนี้อยู่ลึกเข้าไปในความว่างเปล่า เต็มไปด้วยพลังงานมิติมากมายที่คอยฉีกกระชากทุกสิ่งเป็นชิ้นๆ แต่วิหารการสงครามยังอยู่ที่นี่ได้เป็นพันเป็นหมื่นปี

“ตามข้ามา”

“ใช้ทักษะลับในการดึงวิหารการสงครามกลับคืนสู่โลกมนุษย์!”

เด็กหนุ่มระงับความยินดีภายในใจ ส่งเสียงตะโกนปลุกอีกสี่คนให้รู้ตัว

ในตอนนี้พวกเขาได้ใช้ทักษะลับเพื่อเข้ามาสู่ความว่างเปล่าในบริเวณที่ใกล้กับวิหารการสงคราม หากต้องการจะเข้าสู่วิหารการสงครามจริงๆ เพียงเท่านี้ยังไม่พอ

เฉพาะตอนที่วิหารการสงครามกลับคืนสู่โลก พวกเขาจึงจะสามารถเข้าสู่วิหารการสงครามได้

“ไม่มีปัญหา”

ชายร่างกําย่าและคนอื่นๆ ต่างมองหน้ากัน เรียกใช้ทักษะลับอีกครั้ง ทันใดนั้นพวกเขาก็ยืนนิ่ง ราวกับเป็นส่วนหนึ่งของวิหารการสงคราม และมันก็ค่อยๆเคลื่อนเข้าหาโลกมนุษย์

“มันได้ผล!”

เมื่อเห็นเช่นนี้ เด็กหนุ่มก็ตื่นเต้นดีใจ

ฉากที่เขากังวลมากที่สุดคือตอนที่ฉุดลากวิหารการสงครามมันจะไปดึงความสนใจของมังกรปีศาจที่อยู่ด้านใน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าวิหารการสงครามจะไม่มีการต่อต้านแม้แต่น้อย ชัดเจนว่ามังกรปีศาจได้ตายไปแล้ว

ไม่เช่นนั้น หากมังกรปีศาจยังคงมีชีวิตอยู่ จะเคลื่อนวิหารการสงครามออกมาได้อย่างไร?

ในเวลาเดียวกัน

ส่วนลึกของเกาะเทพเจ้าสายฟ้า ใต้รูปปั้นเทพเจ้าสูงร้อยจ้าง
ซูฉินกําลังนั่งขัดสมาธิ พลังจิตวิญญาณแรกกําเนิดในร่างกายและพลังปราณเลือดค่อยๆกลับสู่สภาพดั้งเดิมอย่างช้าๆ ด้วยอํานาจของอาณาเขต

เมื่อเทียบกับพลังของจิตวิญญาณแรกกําเนิดอันบริสุทธิ์หรือพลังจากกายเนื้อ พลังใหม่นี้ยิ่งใหญ่และสง่างามกว่า หากไม่ใช่เพราะการควบคุมที่ทําได้อย่างพอเหมาะของซูฉิน เกรงว่าในเวลานี้ทั้งเกาะเทพเจ้าสายฟ้าคงถูกพลังนี้บดขยี้ไปแล้ว

“การคาดเดาของข้าถูกต้องจริงๆ”

“หากต้องการเข้าสู่ขั้นกลับคืนต้นกําเนิด วิธีเดียวคือการยับยั้งการต่อต้านกันระหว่างพลังปราณเลือดและพลังจิตวิญญาณแรกกําเนิดด้วยพลังของอาณาเขต

จิตใจของซูฉินค่อยๆแปรผันไป เข้าควบคุมจิตวิญญาณแรกก่าเนิดและปราณเลือดในร่างกายอย่างต่อเนื่อง

“เพียงแต่ว่าพลังปราณเลือดของข้านั้นแข็งแกร่งเกินไป แม้พลังของอาณาเขตจะสามารถยับยั้งการต่อต้านของจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้ แต่ความเร็วก็ลดลงไปเยอะทีเดียว……”

ซูฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย

ถ้าเขามีแค่กายแห่งธรรมชาติ อาศัยเพียงพลังจากอาณาเขตในตอนนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะเข้าสู่ขั้นกลับคืนต้นกําเนิดในเวลาไม่กี่ปี

แต่น่าเสียดายที่ร่างกายของซูฉินไม่ใช่กายแห่งธรรมชาติธรรมดาๆ แต่เป็นร่างศักดิ์สิทธิ์อีกาทองค่า ทั้งยังขัดเกลาภายในสระสายฟ้าโบราณมาระยะหนึ่งแล้ว เรียกได้ว่าอยู่ไกลเกินกว่าร่างกายธรรมดาๆ

พลังปราณเลือดที่เกิดจากร่างกายเช่นนี้สูงส่งเพียงใด? แม้จะได้รับผลจากพลังของอาณาเขตจริง แต่มันก็ช้าราวกับเต่าคลาน

“ดูเหมือนว่าจะต้องปรับปรุงอาณาเขตเสียแล้ว”

ความคิดของซูฉินผันผวนไปมา คิดใคร่ครวญอยู่กับตนเอง
ฉับพลัน

ในตอนนั้นเอง

จิตใจของซูฉินก็ขยับวูบ และมองไปทางเทือกเขาคุนหลุน

“มีคนมาแตะต้องวิหารการสงครามงั้นหรือ?” ร่องรอยความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 332 (II) ความมั่นใจของสมาชิกประตูเซียน

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 332 (II) ความมั่นใจของสมาชิกประตูเซียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 332 (II) ความมั่นใจของสมาชิกประตูเซียน

“ในช่วงหมื่นปีที่ผ่านมานี้ เคล็ดวิชาที่ทรงพลังส่วนใหญ่ได้สูญหายไปนานแล้ว แม้ว่าจะมีมนุษย์สวรรค์กําเนิดขึ้น แต่จะเทียบกับศิษย์สาวกของดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างพวกเราที่มีทักษะสังหารมากมายได้อย่างไร?”
ร่างสูงกํายําหัวเราะเสียงดัง

แม้พวกเขาทั้งหมดจะเป็นเซียนเทพปฐพี แต่ก็มีความแตกต่าง มีทั้งระดับสูงและระดับต่ํา และเหล่าศิษย์สาวกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภายในประตูเซียนย่อมเป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างแน่นอน พวกเขามีเคล็ดวิชาทรงพลังมากมายที่สืบทอดมาจากผู้ทรงพลังถึงขีดสุด เซียนเทพปฐพีคนอื่นๆจะมาเทียบได้เช่นไร?

“ตามนั้น”

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่มท่าทางอ่อนแอ

“เอาล่ะ”

“ไม่ต้องเถียงกันแล้ว”

เสียงเย็นชาดังขึ้นมาจากเทพธิดาไก่อิน นางมองไปยังเด็กหนุ่มซึ่งจ้องมองไปที่ความว่างเปล่า แล้วจึงกล่าวขึ้นว่า “หากไม่ใช่ช่วงที่วิหารการสงครามจะโผล่ขึ้นมา มันก็รวมเข้าไปอยู่ในส่วนลึกของความว่างเปล่า หากไม่มีวิธีการจําเพาะ แม้แต่ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดก็ไม่สามารถจับตําแหน่งของวิหารการสงครามได้”

“ข้าอยากจะรู้นักว่าทําไมเจ้าถึงคิดว่าจะหาตาแหน่งของวิหารการสงครามพบ?”

สายตาของเทพธิดาไท่อนฉายความอยากรู้อยากเห็นออกมา

วิหารการสงครามเป็นสมบัติพื้นที่มิติขนาดใหญ่พิเศษที่ได้รับการปรับแต่งโดยผู้ทรงพลังถึงขีดสุด แม้จะไม่ใช่สมบัติล้ําค่า แต่ก็สูงค่ายิ่งกว่าสมบัติล้ําค่าโดยกําเนิดของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดบางคน เพื่อปรับแต่งวิหารการสงคราม เจ้าของวิหารการสงครามต้องเดินทางค้นหาไปทั่วโลก ยอมจ่ายทรัพยากรทั้งหมดเพื่อตามหาผลึกหินมิติที่มีขนาดเท่าภูเขา

ผลึกหินมิตินั้นเกิดขึ้นเฉพาะในพายุมิติด้านในส่วนลึกของความว่างเปล่า มีเพียงผู้ทรงพลังถึงขีดสุดเท่านั้น จึงจะมีความสามารถในการฉีกช่องว่างเพื่อค้นหาผลึกหินมิติได้ แต่ผลึกหินมิติส่วนใหญ่อย่างมากก็มีขนาดไม่เกินกําปั้น

ส่วนผลึกหินมิติที่มีขนาดเท่าภูเขาพบเจอได้ไม่บ่อยนัก

วิหารการสงครามสร้างขึ้นจากหินมิติขนาดเท่าเนินเขาลูกเล็กๆ พื้นที่ที่อยู่ภายในไม่รู้ว่าเหนือกว่าสมบัติพื้นที่มิติอันอื่นๆ มากแค่ไหน

ทั้งนี้มันยังสามารถรองรับสิ่งมีชีวิตได้อีกด้วย หากกฎเกณฑ์ของโลกถูกถ่ายเทเข้าไป มันอาจจะพัฒนาเป็นโลกใบเล็กเหมือนประตูเซียนก็เป็นไปได้

“สบายใจได้”

“เคล็ดวิชาลับของข้านั้น ได้มาจากเจ้าของวิหารการสงคราม ที่สามารถสัมผัสหรือแม้กระทั่งเรียกวิหารการสงครามที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของความว่างเปล่าออกมาได้”

“ทว่า หากต้องการจะผลักดันทักษะลับนี้ให้ถึงขีดสุด อย่างน้อยความแข็งแกร่งก็ต้องไปถึงขั้นกลับคืนต้นกําเนิด กระนั้น หากเราทั้งห้าร่วมมือกัน ก็คงจะพอไปแตะถึงบริเวณขอบธรณีประตูของขั้นกลับคืนต้นกําเนิด และสามารถอัญเชิญวิหารการสงครามออกมาจากส่วนลึกของความว่างเปล่าได้”

เด็กหนุ่มไม่ได้ปิดบัง และพูดออกมาตามความจริง

“มันเป็นเช่นนี้นี่เอง”

เทพธิดาไท่อนกะพริบตา และไม่ได้ถามอีกฝ่ายว่าทําไมจึงมีทักษะที่เจ้าของวิหารการสงครามทิ้งไว้

“ต่อจากนี้ข้าจะสอนทักษะลับนี้ให้พวกเจ้า หลังจากคุ้นเคยกับมันแล้ว เราทั้งห้าจะช่วยกันกระตุ้นทักษะลับร่วมกัน”

เด็กหนุ่มรีบสอนทักษะลับให้กับทั้งสี่คนอย่างรวดเร็ว

ทักษะลับนี้ไม่ได้ซับซ้อนอะไร ออกจะเรียบง่ายเสียด้วยซ้ํา แต่ถ้าไม่ได้รับการถ่ายทอดจากเด็กหนุ่ม อีกสี่คนที่เหลือจะไม่มีวันเข้าใจทักษะลับนี้

“เอาล่ะ”

“มาเริ่มพร้อมๆ กันเถอะ”

เด็กหนุ่มนั่งขัดสมาธิ อีกสี่คนที่เหลือรวมถึงเทพธิดาไม่อินก็นั่งลงด้วย พลังภายในร่างก็เริ่มโคจรอย่างช้าๆ ในลักษณะที่ค่อนข้างพิเศษ

หวิ่ง!!!

ขณะที่ทั้งห้าคนใช้ทักษะลับร่วมกัน พวกเขาก็รู้สึกว่าจิตใจของพวกเขาเริ่มล่องลอยอย่างไร ขอบเขตและในทันทีที่ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆในอากาศ ก็ได้เข้ามาถึงส่วนลึกของความว่างเปล่า

“ที่นี่คือ?”

ม่านตาของเทพธิดาไท่อินและคนอื่นๆหดตัวลง ตอบสนองต่อสิ่งรอบข้างอย่างรวดเร็ว

ท้ายที่สุด คนทั้งหมดก็เป็นเซียนเทพปฐพี จิตวิญญาณแรกกําเนิดได้รวมเข้ากับทะเลปราณตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ได้รู้สึกแปลกกับการเข้ามาในส่วนลึกของความว่างเปล่า

เพียงแต่ว่าตําแหน่งที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้ไม่ใช่ทะเลปราณ แต่เป็นระดับที่ลึกกว่าในส่วนลึกของความว่างเปล่า

“นั่นคือ?”

ในขณะนี้เอง ชายร่างกํายําก็ร้องอุทานออกมา และอีกสี่คนที่เหลือก็มองตามชายร่างกํายําไปในทันที

เห็นวิหารขนาดใหญ่ตั้งอยู่อย่างเงียบๆ ในส่วนลึกของความว่างเปล่า ตัววิหารดูเหมือนจะหลอมรวมเข้ากับความว่างเปล่า ชิ้นส่วนมิติที่สามารถฉีกอากาศเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เมื่อสัมผัสเข้ากับตัววิหารมันก็เหมือนกับหินที่ตกลงไปในน้ํา ผลที่เกิดขึ้นก็มีเพียงแรงกระเพื่อมเท่านั้น

“วิหารการสงคราม”

“นี่คือวิหารการสงครามในตํานาน!”

เมื่อเด็กหนุ่มเห็นฉากนี้ สีหน้าของเขาก็ดูเร่าร้อนขึ้นมาทันที

อีกสี่คนที่เหลือก็ตกใจ ความสามารถของวิหารการสงครามนั้นน่ากลัวเกินไป ต้องรู้ว่าสถานที่แห่งนี้อยู่ลึกเข้าไปในความว่างเปล่า เต็มไปด้วยพลังงานมิติมากมายที่คอยฉีกกระชากทุกสิ่งเป็นชิ้นๆ แต่วิหารการสงครามยังอยู่ที่นี่ได้เป็นพันเป็นหมื่นปี

“ตามข้ามา”

“ใช้ทักษะลับในการดึงวิหารการสงครามกลับคืนสู่โลกมนุษย์!”

เด็กหนุ่มระงับความยินดีภายในใจ ส่งเสียงตะโกนปลุกอีกสี่คนให้รู้ตัว

ในตอนนี้พวกเขาได้ใช้ทักษะลับเพื่อเข้ามาสู่ความว่างเปล่าในบริเวณที่ใกล้กับวิหารการสงคราม หากต้องการจะเข้าสู่วิหารการสงครามจริงๆ เพียงเท่านี้ยังไม่พอ

เฉพาะตอนที่วิหารการสงครามกลับคืนสู่โลก พวกเขาจึงจะสามารถเข้าสู่วิหารการสงครามได้

“ไม่มีปัญหา”

ชายร่างกําย่าและคนอื่นๆ ต่างมองหน้ากัน เรียกใช้ทักษะลับอีกครั้ง ทันใดนั้นพวกเขาก็ยืนนิ่ง ราวกับเป็นส่วนหนึ่งของวิหารการสงคราม และมันก็ค่อยๆเคลื่อนเข้าหาโลกมนุษย์

“มันได้ผล!”

เมื่อเห็นเช่นนี้ เด็กหนุ่มก็ตื่นเต้นดีใจ

ฉากที่เขากังวลมากที่สุดคือตอนที่ฉุดลากวิหารการสงครามมันจะไปดึงความสนใจของมังกรปีศาจที่อยู่ด้านใน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าวิหารการสงครามจะไม่มีการต่อต้านแม้แต่น้อย ชัดเจนว่ามังกรปีศาจได้ตายไปแล้ว

ไม่เช่นนั้น หากมังกรปีศาจยังคงมีชีวิตอยู่ จะเคลื่อนวิหารการสงครามออกมาได้อย่างไร?

ในเวลาเดียวกัน

ส่วนลึกของเกาะเทพเจ้าสายฟ้า ใต้รูปปั้นเทพเจ้าสูงร้อยจ้าง
ซูฉินกําลังนั่งขัดสมาธิ พลังจิตวิญญาณแรกกําเนิดในร่างกายและพลังปราณเลือดค่อยๆกลับสู่สภาพดั้งเดิมอย่างช้าๆ ด้วยอํานาจของอาณาเขต

เมื่อเทียบกับพลังของจิตวิญญาณแรกกําเนิดอันบริสุทธิ์หรือพลังจากกายเนื้อ พลังใหม่นี้ยิ่งใหญ่และสง่างามกว่า หากไม่ใช่เพราะการควบคุมที่ทําได้อย่างพอเหมาะของซูฉิน เกรงว่าในเวลานี้ทั้งเกาะเทพเจ้าสายฟ้าคงถูกพลังนี้บดขยี้ไปแล้ว

“การคาดเดาของข้าถูกต้องจริงๆ”

“หากต้องการเข้าสู่ขั้นกลับคืนต้นกําเนิด วิธีเดียวคือการยับยั้งการต่อต้านกันระหว่างพลังปราณเลือดและพลังจิตวิญญาณแรกกําเนิดด้วยพลังของอาณาเขต

จิตใจของซูฉินค่อยๆแปรผันไป เข้าควบคุมจิตวิญญาณแรกก่าเนิดและปราณเลือดในร่างกายอย่างต่อเนื่อง

“เพียงแต่ว่าพลังปราณเลือดของข้านั้นแข็งแกร่งเกินไป แม้พลังของอาณาเขตจะสามารถยับยั้งการต่อต้านของจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้ แต่ความเร็วก็ลดลงไปเยอะทีเดียว……”

ซูฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย

ถ้าเขามีแค่กายแห่งธรรมชาติ อาศัยเพียงพลังจากอาณาเขตในตอนนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะเข้าสู่ขั้นกลับคืนต้นกําเนิดในเวลาไม่กี่ปี

แต่น่าเสียดายที่ร่างกายของซูฉินไม่ใช่กายแห่งธรรมชาติธรรมดาๆ แต่เป็นร่างศักดิ์สิทธิ์อีกาทองค่า ทั้งยังขัดเกลาภายในสระสายฟ้าโบราณมาระยะหนึ่งแล้ว เรียกได้ว่าอยู่ไกลเกินกว่าร่างกายธรรมดาๆ

พลังปราณเลือดที่เกิดจากร่างกายเช่นนี้สูงส่งเพียงใด? แม้จะได้รับผลจากพลังของอาณาเขตจริง แต่มันก็ช้าราวกับเต่าคลาน

“ดูเหมือนว่าจะต้องปรับปรุงอาณาเขตเสียแล้ว”

ความคิดของซูฉินผันผวนไปมา คิดใคร่ครวญอยู่กับตนเอง
ฉับพลัน

ในตอนนั้นเอง

จิตใจของซูฉินก็ขยับวูบ และมองไปทางเทือกเขาคุนหลุน

“มีคนมาแตะต้องวิหารการสงครามงั้นหรือ?” ร่องรอยความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+