เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 290 (II) ตามมาสมทบ

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 290 (II) ตามมาสมทบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 290 (II) ตามมาสมทบ

หลังจากที่ซูฉินมองดูแหล่งกําเนิดธาตุไฟสองสามรอบ เขาก็หันไปมองตํานานยุทธที่คุกเข่าอยู่ กับพื้น

“เมื่อครู่เจ้าบอกว่าข้าจะต้องอยู่ที่นี่และไม่ได้ก ลับออกไปอย่างนั้นหรือ?” ซูฉินมองไปยังผู้อาวุโสนิกายเทพเจ้าสายฟ้าและกล่าวคําอย่างใจเย็น

ก่อนที่จะมาถึงแหล่งกําเนิดธาตุไฟ ซูฉินก็ได้ใช้จิตวิญญาณแรกกําเนิดครอบคลุมพื้นที่หลายร้อยล้ําเอาไว้ การสนทนาระหว่างตํานานยุทธทั้งหลายในที่แห่งนี้จึงเข้ามาในโสตประสาทของซูฉินอย่างชัดเจน

“ไม่ ไม่ ไม่ ผู้อาวุโส ข้าผิดไปแล้ว โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย” ผู้อาวุโสนิกายเทพเจ้าสายฟ้ากลัวมาก จนกระแทกหัวตนกับพื้นครั้งแล้วครั้งเล่า

“เพราะว่าเจ้าไม่ใช่ตํานานยุทธขั้นสูงสุด ถ้าข้าลงมือกับเจ้าก็จะเป็นเหมือนรังแกผู้อ่อนแอ” ซูฉินก้มศีรษะลง มองไปที่ผู้อาวุโสนิกายเทพเจ้าสายฟ้า ก่อนจะกล่าวคําช้าๆ

“ใช่”

“ใช่”

“หัวใจของผู้อาวุโสกว้างใหญ่ดุจมหาสมุทร แข็งแกร่งทรงพลานุภาพ…” ผู้อาวุโสนิกายเทพเจ้าสายฟ้าดีใจจนพูดออกมาอย่างรวดเร็ว

เมื่อตํานานยุทธคนอื่นๆ ในที่แห่งนี้ได้ยินดังนั้น ความหวังก็ผุดขึ้นในใจของพวกเขา

ถ้าซูฉินดูแคลนการรังแกผู้ที่อ่อนแอเพิกเฉย ต่อพฤติกรรมของผู้อาวุโสนิกายเทพเจ้าสายฟ้า ก็คงจะไม่ลงมือกับพวกตนแน่นอน

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตํานานยุทธเหล่านี้กําลังจะได้ รับการไว้ชีวิตจากผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานที่แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้แล้ว

อย่างไรก็ตาม

ไม่ทันได้รอให้ทุกคนมีความสุขนานนัก

ซูฉันยังคงส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า “น่าเสียดาย…”

ในสายตาของซูฉิน เปลวไฟลุกโชน และเปลวไฟนั้นก็ยังพุ่งสูงขึ้นอีก ในที่สุดก็ระเบิดออก แผดเผาร่างผู้อาวุโสนิกายเทพเจ้าสายฟ้าตรงหน้าให้กลายเป็นความว่างเปล่า
ตั้งแต่ซูฉินเข้าสู่แวดวงวิทยายุทธ สิ่งที่เขาไม่สนใจมากที่สุดคือการที่ผู้แข็งแกร่งกลั่นแกล้งคนอ่อนแอ ไม่เช่นนั้น เมื่อครั้งอาณาจักรเหมิ่งหยวนมารุกราน เขาจะไม่เพียงเผากองทัพทั้งล้านนายจนเหี้ยน

สําหรับซูฉิน การฝึกฝนวิทยายุทธและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ คือสิ่งที่เขาต้องการและหัวใจใฝ่หา เขาจะมาถูกขัดขวางด้วยสิ่งอื่นได้อย่างไร

ตํานานยุทธที่เหลือในที่แห่งนี้นั่งฟังเสียงกรีดร้องโหยหวนของผู้อาวุโสนิกายเทพเจ้าสายฟ้า

ไม่มีตํานานยุทธคนไหนคิดจะวิ่งหนี ในฐานะศิษย์นิกายใหญ่ พวกเขาย่อมรู้ดีว่าต่อหน้าชายผู้แข็งแกร่งอย่างซูฉิน ความเป็นไปได้เดียวที่จะอยู่รอดคือเชื่อฟังคําสั่งเท่านั้น

ส่วนเรื่องการหลบหนี?

จะให้หนีอะไร

แม้จะพยายามอย่างเต็มที่ ใช้ทักษะต้องห้ามออกมาทุกประเภท จะสามารถหลบหนีจากอาณาเขตได้จริงหรือ? จะรอดพ้นจากการเอื้อมคว้าของจิตวิญญาณแรกกําเนิดนั้นหรือ?
ต่อจากนั้น

ซูฉินก็ลงมือสังหารผู้คนอีกสองสามคน คนเหล่านี้ต่างพูดจาหยาบคาย ขู่จะให้บรรพชนมา สังหารทันทีที่เขาปรากฏตัว และไม่ละเว้นแม้แต่อาณาจักรถังในที่สุด

ซูฉินก็มองไปที่ใบหน้าของชายที่หน้าตาเย็น ชา

“ผู้อาวุโส ท่านลงมือเช่นนี้ไม่กลัวบรรพชนของพวกเราจะมาล้างแค้นหรือ?” เสียงจากชายหน้าตาเย็นชาสั่นเครือ กล่าวคําออกมาอย่างกล้าหาญ

ชายหน้าตาเย็นชารู้อยู่แก่ใจว่าหากเขายังไม่พูดอะไร เขาคงกลายเป็นเถ้าถ่านเหมือนคนอื่นๆก่อนหน้า

ภายใต้แรงกดดันระหว่างความเป็นกับความตาย แม้ว่าชายหน้าตาเย็นชาจะรู้ว่าคําพูดที่เขากล่าวออกมาจะมีโอกาสทําให้ซูฉินหงุดหงิด แต่เขาก็ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว

อย่างไรเสีย ถ้าไม่พูดก็มีแต่จะต้องตาย และหากพูดไปก็คงตายเช่นกัน จะตายทั้งทีก็ต้องทําทุกอย่างให้ถึงที่สุด แต่ถ้าซูฉินมีความเกรงกลัวอยู่บ้างภายในใจ บางทีเขาอาจมีหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ

“แก้แค้น?”

“อาศัยนิกายเฮยหยวนของเจ้า กลุ่มคนไร้ประโยชน์ที่เป็นคนก็ไม่ใช่ ผีก็ไม่เชิงอย่างนั้นน่ะหรือ?”

ใบหน้าของซูฉินปรากฏร่องรอยของการเสียดสีออกมา

คนที่มีใบหน้าเย็นชาผู้นี้เป็นหนึ่งในผู้อาวุโสนิกายเฮยหยวน แต่ในตอนนี้นิกายเฮยหยวนที่อ้างว่าสามารถเปลี่ยนแปลงระหว่างความจริงและร่างลวงตาได้ตามใจนึก เมื่ออยู่ภายใต้การจ้องมองของซูฉินตัวมันก็ถูกตัดขาดจากร่างลวงตาไปโดยสิ้นเชิง แม้แต่ขยับตัวยังแทบจะเป็นไปไม่ได้ในชั่วพริบตา

ด้วยท่าทางที่สิ้นหวังของชายใบหน้าเย็นชา ร่างของเขาก็เริ่มลุกไหม้กลายเป็นอากาศธาตุอย่างรวดเร็ว

ในขณะที่หัวใจของตํานานยุทธจํานวนมากกําลังสั่นสะท้าน

ฉับพลันเสียงหนึ่งก็ลอยแว่วเข้ามาในหูของทุกผู้ทุกคน “ไร้ประโยชน์?”

“สหายเต่าผู้นี้วาจาใหญ่โตเหลือเกิน นิกายเฮย หยวนของข้าโด่งดังไปทั่วโลก ยืนอยู่บนจุดสูงสุดมานับพันปี แต่พอหลุดออกมาจากปากสหายเต๋ากลับกลายเป็นพวกไร้ประโยชน์?”

ท้องฟ้ามืดครึมลงอย่างกะทันหัน ร่างลึกลับ ลวงตาก็เคลื่อนตัวเข้ามาช้าๆ

ร่างนี้ราวกับเป็นทั้งร่างลวงตาและความเป็นจริง ทั้งสองดูจะอยู่ร่วมกัน แต่ก็แยกจากกัน ทําให้เกิดความรู้สึกขัดแย้งในใจสําหรับผู้พบเห็น

“นั่นคือ…”

“นั่นคือบรรพชนนิกายเฮยหยวนใช่หรือไม่?”

ทันทีที่ตํานานยุทธจํานวนมากเห็นร่างนี้ หนังศีรษะของเขาก็ชาวาบ เหงื่อไหลย้อยมาตามหน้าผากของพวกเขา

เมื่อเทียบกับตํานานยุทธขั้นสูงสุดคนอื่นที่แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้ บรรพชนนิกายเฮยหยวนมีความน่ากลัวอย่างยิ่ง

วิชาบ่มเพาะของนิกายเฮยหยวนมีข้อบกพร่อง เป็นไปไม่ได้ที่จะแปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดด้วยเหตุนี้จึงเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีไม่ได้

แต่หากฝึกเคล็ดวิชาหลักของนิกายเฮยหยวนจนถึงขีดสุดแล้ว สามารถแปรเปลี่ยนเป็นรูปแบบฝันร้ายได้

เมื่ออยู่ในรูปแบบฝันร้าย จะได้พลังแห่งฝันร้าย ซึ่งเพียงพอที่จะต่อกรกับจิตวิญญาณแรกกําเนิดความแปลกประหลาดของมันยากจะรับมือเสียยิ่ง กว่าจิตวิญญาณแรกกําเนิดหลายเท่า

นี่จึงเป็นเหตุผลที่นิกายเฮยหยวนอยู่ยั้งยืนยง ในต่างดินแดนมาหลายพันปี

แม้นิกายเฮยหยวนจะไม่เคยมีเซียนเทพปฐพีกําเนิดขึ้นมา แต่ในช่วงหลายพันปีนี้ก็มีบรรพช นที่แปรเปลี่ยนเป็นรูปแบบฝันร้ายได้อยู่

พลังในการปราบปรามผู้คนของบรรพชนที่มีรูปแบบฝันร้ายจะต้องอยู่เหนือตํานานยุทธขั้นสูงสุด ที่แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดธรรมดาได้อย่างแน่นอน

“โอ้?”

ซูฉินมองไปที่บรรพชนนิกายเฮยหยวน

ด้วยสายตาของซูฉิน เป็นเรื่องปกติที่จะเห็นรายละเอียดต่างๆ ของบรรพชนผู้นี้ได้
ในเวลานี้ กลิ่นอายที่บรรพชนนิกายเฮยหยวนปลดปล่อยออกมา มีมากกว่าบรรพชนดาบเสียอีก ซึ่งนี่ก็เป็นเรื่องปกติ อย่างไรเสียบรรพชนดาบก็สูญเสียร่างกายมาหลายร้อยปีแล้ว และพลังของจิตวิญญาณแรกกําเนิดก็เริ่มจะสูญสลายไป จะเทียบกับบรรพชนเฮยหยวนได้อย่างไร?

“มีเพียงเจ้าคนเดียวเหรอที่จะเผชิญหน้ากับข้า? ไม่กลัวข้าจะทําลายเจ้าทิ้งหรือ?”

ซูฉินดูสงบนิ่ง กล่าวออกมาเบาๆ

หากเขายังไม่ได้แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิด และอาศัยเพียงครึ่งก้าวสู่กายแห่งธรรมชาติ เขาจะสามารถขับไล่บรรพชนเฮยหยวนได้ แต่ยากที่จะรั้งเอาไว้

“งั้นหรือ?”

“แล้วถ้าเพิ่มข้าเข้าไปด้วยเล่า?”

เสียงอันเย็นยะเยือกดังขึ้น ทุกคนพากันหันไปมองโดยไม่รู้ตัว เห็นหญิงคนหนึ่งยืนอยู่บนทุ่งน้ําแข็ง ค่อยๆเดินมาอย่างช้าๆ

หรือกล่าวให้ถูกต้องคือ หญิงผู้นี้ไม่ได้เดินอยู่บนทุ่งน้ําแข็ง แต่ทุกก้าวของนางมีรัศมีพลังที่ช่างน่าสยดสยอง แผ่ซ่อนออกมาทุกทิศทางจนอุณหภูมิโดยรอบลดลงไป

“นี่คือ?”

ทันใดนั้นสีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปมาก ศิษย์ตําหนักเทพเจ้าหิมะแทบจะตะโกนโห่ร้อง
“คารวะบรรพชน”

ทันใดนั้นศิษย์ตําหนักเทพเจ้าหิมะก็หันหลังกลับไปก้มคารวะด้วยเสียงอันดัง

“ตํานานยุทธขั้นสูงสุดที่แปลงจิตวิญญาณได้อีกคนหนึ่ง?” ชายชราเฟียยวที่อยู่ถัดไปจากซูฉินพลันมีท่าที่เคร่งขรึม

เพียงไม่นาน

ก่อนที่ชายชราเฟยยวี่ จะทันได้ตอบโต้อะไร

พลันได้ยินเสียงฟ้าร้องก้องมาแต่ไกล

ที่สุดปลายขอบฟ้า สายฟ้าอันน่ากลัวก็ปรากฏขึ้น

ทันใดนั้นสายฟ้าก็ฟาดลงมาต่อหน้าทุกคนกลายเป็นชายร่างสูงที่มีบรรยากาศดูยิ่งใหญ่

“ข้าได้ยินมาว่าสหายเต๋เก่งกาจในเรื่องวิถีแห่งสายฟ้า วันนี้เหลยสิ่งมาขอคําแนะนําจากสหายเต๋าว่าเคล็ดสายฟ้าของสหายเต่ําหรือของนิกายเทพเจ้าสายฟ้าของข้า ซึ่งสืบทอดต่อกันมานับหมื่นปีอย่างไหนจะยอดเยี่ยมกว่ากันดีหรือไม่?”

ชายร่างสูงมองมาที่ซูฉิน เน้นคําทุกพยางค์

ด้วยการปรากฏตัวของชายร่างสูงผู้นี้ ทั่วทั้งพื้นที่แห่งนี้ก็พากันประหวั่นพรั่นพรึง ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างตกตะลึง มองไปยังสิ่งตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“บรรพบุรุษเหลยสิงจากนิกายเทพเจ้าสายฟ้า?” ชายชราเฟยยวี่สูดลมหายใจเข้าลึกเต็มปอด

ศักดิ์ศรีของบรรพบุรุษเหลยสิ่งนั้นยิ่งใหญ่กว่าสองคนก่อนหน้า ท้ายที่สุดวิถีแห่งสายฟ้าก็เป็นพลังสวรรค์รูปแบบหนึ่ง เมื่อเป็นการต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งในระดับใกล้เคียงกัน คู่ต่อสู้จะไม่สามารถต้านทานพลังอันน่าสะพรึงกลัวของสายฟ้าได้

“นี่มันเรื่องใหญ่แล้ว……”

เฟยยวี่กระซิบคําขึ้นมา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 290 (II) ตามมาสมทบ

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 290 (II) ตามมาสมทบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 290 (II) ตามมาสมทบ

หลังจากที่ซูฉินมองดูแหล่งกําเนิดธาตุไฟสองสามรอบ เขาก็หันไปมองตํานานยุทธที่คุกเข่าอยู่ กับพื้น

“เมื่อครู่เจ้าบอกว่าข้าจะต้องอยู่ที่นี่และไม่ได้ก ลับออกไปอย่างนั้นหรือ?” ซูฉินมองไปยังผู้อาวุโสนิกายเทพเจ้าสายฟ้าและกล่าวคําอย่างใจเย็น

ก่อนที่จะมาถึงแหล่งกําเนิดธาตุไฟ ซูฉินก็ได้ใช้จิตวิญญาณแรกกําเนิดครอบคลุมพื้นที่หลายร้อยล้ําเอาไว้ การสนทนาระหว่างตํานานยุทธทั้งหลายในที่แห่งนี้จึงเข้ามาในโสตประสาทของซูฉินอย่างชัดเจน

“ไม่ ไม่ ไม่ ผู้อาวุโส ข้าผิดไปแล้ว โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย” ผู้อาวุโสนิกายเทพเจ้าสายฟ้ากลัวมาก จนกระแทกหัวตนกับพื้นครั้งแล้วครั้งเล่า

“เพราะว่าเจ้าไม่ใช่ตํานานยุทธขั้นสูงสุด ถ้าข้าลงมือกับเจ้าก็จะเป็นเหมือนรังแกผู้อ่อนแอ” ซูฉินก้มศีรษะลง มองไปที่ผู้อาวุโสนิกายเทพเจ้าสายฟ้า ก่อนจะกล่าวคําช้าๆ

“ใช่”

“ใช่”

“หัวใจของผู้อาวุโสกว้างใหญ่ดุจมหาสมุทร แข็งแกร่งทรงพลานุภาพ…” ผู้อาวุโสนิกายเทพเจ้าสายฟ้าดีใจจนพูดออกมาอย่างรวดเร็ว

เมื่อตํานานยุทธคนอื่นๆ ในที่แห่งนี้ได้ยินดังนั้น ความหวังก็ผุดขึ้นในใจของพวกเขา

ถ้าซูฉินดูแคลนการรังแกผู้ที่อ่อนแอเพิกเฉย ต่อพฤติกรรมของผู้อาวุโสนิกายเทพเจ้าสายฟ้า ก็คงจะไม่ลงมือกับพวกตนแน่นอน

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตํานานยุทธเหล่านี้กําลังจะได้ รับการไว้ชีวิตจากผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานที่แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้แล้ว

อย่างไรก็ตาม

ไม่ทันได้รอให้ทุกคนมีความสุขนานนัก

ซูฉันยังคงส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า “น่าเสียดาย…”

ในสายตาของซูฉิน เปลวไฟลุกโชน และเปลวไฟนั้นก็ยังพุ่งสูงขึ้นอีก ในที่สุดก็ระเบิดออก แผดเผาร่างผู้อาวุโสนิกายเทพเจ้าสายฟ้าตรงหน้าให้กลายเป็นความว่างเปล่า
ตั้งแต่ซูฉินเข้าสู่แวดวงวิทยายุทธ สิ่งที่เขาไม่สนใจมากที่สุดคือการที่ผู้แข็งแกร่งกลั่นแกล้งคนอ่อนแอ ไม่เช่นนั้น เมื่อครั้งอาณาจักรเหมิ่งหยวนมารุกราน เขาจะไม่เพียงเผากองทัพทั้งล้านนายจนเหี้ยน

สําหรับซูฉิน การฝึกฝนวิทยายุทธและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ คือสิ่งที่เขาต้องการและหัวใจใฝ่หา เขาจะมาถูกขัดขวางด้วยสิ่งอื่นได้อย่างไร

ตํานานยุทธที่เหลือในที่แห่งนี้นั่งฟังเสียงกรีดร้องโหยหวนของผู้อาวุโสนิกายเทพเจ้าสายฟ้า

ไม่มีตํานานยุทธคนไหนคิดจะวิ่งหนี ในฐานะศิษย์นิกายใหญ่ พวกเขาย่อมรู้ดีว่าต่อหน้าชายผู้แข็งแกร่งอย่างซูฉิน ความเป็นไปได้เดียวที่จะอยู่รอดคือเชื่อฟังคําสั่งเท่านั้น

ส่วนเรื่องการหลบหนี?

จะให้หนีอะไร

แม้จะพยายามอย่างเต็มที่ ใช้ทักษะต้องห้ามออกมาทุกประเภท จะสามารถหลบหนีจากอาณาเขตได้จริงหรือ? จะรอดพ้นจากการเอื้อมคว้าของจิตวิญญาณแรกกําเนิดนั้นหรือ?
ต่อจากนั้น

ซูฉินก็ลงมือสังหารผู้คนอีกสองสามคน คนเหล่านี้ต่างพูดจาหยาบคาย ขู่จะให้บรรพชนมา สังหารทันทีที่เขาปรากฏตัว และไม่ละเว้นแม้แต่อาณาจักรถังในที่สุด

ซูฉินก็มองไปที่ใบหน้าของชายที่หน้าตาเย็น ชา

“ผู้อาวุโส ท่านลงมือเช่นนี้ไม่กลัวบรรพชนของพวกเราจะมาล้างแค้นหรือ?” เสียงจากชายหน้าตาเย็นชาสั่นเครือ กล่าวคําออกมาอย่างกล้าหาญ

ชายหน้าตาเย็นชารู้อยู่แก่ใจว่าหากเขายังไม่พูดอะไร เขาคงกลายเป็นเถ้าถ่านเหมือนคนอื่นๆก่อนหน้า

ภายใต้แรงกดดันระหว่างความเป็นกับความตาย แม้ว่าชายหน้าตาเย็นชาจะรู้ว่าคําพูดที่เขากล่าวออกมาจะมีโอกาสทําให้ซูฉินหงุดหงิด แต่เขาก็ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว

อย่างไรเสีย ถ้าไม่พูดก็มีแต่จะต้องตาย และหากพูดไปก็คงตายเช่นกัน จะตายทั้งทีก็ต้องทําทุกอย่างให้ถึงที่สุด แต่ถ้าซูฉินมีความเกรงกลัวอยู่บ้างภายในใจ บางทีเขาอาจมีหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ

“แก้แค้น?”

“อาศัยนิกายเฮยหยวนของเจ้า กลุ่มคนไร้ประโยชน์ที่เป็นคนก็ไม่ใช่ ผีก็ไม่เชิงอย่างนั้นน่ะหรือ?”

ใบหน้าของซูฉินปรากฏร่องรอยของการเสียดสีออกมา

คนที่มีใบหน้าเย็นชาผู้นี้เป็นหนึ่งในผู้อาวุโสนิกายเฮยหยวน แต่ในตอนนี้นิกายเฮยหยวนที่อ้างว่าสามารถเปลี่ยนแปลงระหว่างความจริงและร่างลวงตาได้ตามใจนึก เมื่ออยู่ภายใต้การจ้องมองของซูฉินตัวมันก็ถูกตัดขาดจากร่างลวงตาไปโดยสิ้นเชิง แม้แต่ขยับตัวยังแทบจะเป็นไปไม่ได้ในชั่วพริบตา

ด้วยท่าทางที่สิ้นหวังของชายใบหน้าเย็นชา ร่างของเขาก็เริ่มลุกไหม้กลายเป็นอากาศธาตุอย่างรวดเร็ว

ในขณะที่หัวใจของตํานานยุทธจํานวนมากกําลังสั่นสะท้าน

ฉับพลันเสียงหนึ่งก็ลอยแว่วเข้ามาในหูของทุกผู้ทุกคน “ไร้ประโยชน์?”

“สหายเต่าผู้นี้วาจาใหญ่โตเหลือเกิน นิกายเฮย หยวนของข้าโด่งดังไปทั่วโลก ยืนอยู่บนจุดสูงสุดมานับพันปี แต่พอหลุดออกมาจากปากสหายเต๋ากลับกลายเป็นพวกไร้ประโยชน์?”

ท้องฟ้ามืดครึมลงอย่างกะทันหัน ร่างลึกลับ ลวงตาก็เคลื่อนตัวเข้ามาช้าๆ

ร่างนี้ราวกับเป็นทั้งร่างลวงตาและความเป็นจริง ทั้งสองดูจะอยู่ร่วมกัน แต่ก็แยกจากกัน ทําให้เกิดความรู้สึกขัดแย้งในใจสําหรับผู้พบเห็น

“นั่นคือ…”

“นั่นคือบรรพชนนิกายเฮยหยวนใช่หรือไม่?”

ทันทีที่ตํานานยุทธจํานวนมากเห็นร่างนี้ หนังศีรษะของเขาก็ชาวาบ เหงื่อไหลย้อยมาตามหน้าผากของพวกเขา

เมื่อเทียบกับตํานานยุทธขั้นสูงสุดคนอื่นที่แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้ บรรพชนนิกายเฮยหยวนมีความน่ากลัวอย่างยิ่ง

วิชาบ่มเพาะของนิกายเฮยหยวนมีข้อบกพร่อง เป็นไปไม่ได้ที่จะแปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดด้วยเหตุนี้จึงเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีไม่ได้

แต่หากฝึกเคล็ดวิชาหลักของนิกายเฮยหยวนจนถึงขีดสุดแล้ว สามารถแปรเปลี่ยนเป็นรูปแบบฝันร้ายได้

เมื่ออยู่ในรูปแบบฝันร้าย จะได้พลังแห่งฝันร้าย ซึ่งเพียงพอที่จะต่อกรกับจิตวิญญาณแรกกําเนิดความแปลกประหลาดของมันยากจะรับมือเสียยิ่ง กว่าจิตวิญญาณแรกกําเนิดหลายเท่า

นี่จึงเป็นเหตุผลที่นิกายเฮยหยวนอยู่ยั้งยืนยง ในต่างดินแดนมาหลายพันปี

แม้นิกายเฮยหยวนจะไม่เคยมีเซียนเทพปฐพีกําเนิดขึ้นมา แต่ในช่วงหลายพันปีนี้ก็มีบรรพช นที่แปรเปลี่ยนเป็นรูปแบบฝันร้ายได้อยู่

พลังในการปราบปรามผู้คนของบรรพชนที่มีรูปแบบฝันร้ายจะต้องอยู่เหนือตํานานยุทธขั้นสูงสุด ที่แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดธรรมดาได้อย่างแน่นอน

“โอ้?”

ซูฉินมองไปที่บรรพชนนิกายเฮยหยวน

ด้วยสายตาของซูฉิน เป็นเรื่องปกติที่จะเห็นรายละเอียดต่างๆ ของบรรพชนผู้นี้ได้
ในเวลานี้ กลิ่นอายที่บรรพชนนิกายเฮยหยวนปลดปล่อยออกมา มีมากกว่าบรรพชนดาบเสียอีก ซึ่งนี่ก็เป็นเรื่องปกติ อย่างไรเสียบรรพชนดาบก็สูญเสียร่างกายมาหลายร้อยปีแล้ว และพลังของจิตวิญญาณแรกกําเนิดก็เริ่มจะสูญสลายไป จะเทียบกับบรรพชนเฮยหยวนได้อย่างไร?

“มีเพียงเจ้าคนเดียวเหรอที่จะเผชิญหน้ากับข้า? ไม่กลัวข้าจะทําลายเจ้าทิ้งหรือ?”

ซูฉินดูสงบนิ่ง กล่าวออกมาเบาๆ

หากเขายังไม่ได้แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิด และอาศัยเพียงครึ่งก้าวสู่กายแห่งธรรมชาติ เขาจะสามารถขับไล่บรรพชนเฮยหยวนได้ แต่ยากที่จะรั้งเอาไว้

“งั้นหรือ?”

“แล้วถ้าเพิ่มข้าเข้าไปด้วยเล่า?”

เสียงอันเย็นยะเยือกดังขึ้น ทุกคนพากันหันไปมองโดยไม่รู้ตัว เห็นหญิงคนหนึ่งยืนอยู่บนทุ่งน้ําแข็ง ค่อยๆเดินมาอย่างช้าๆ

หรือกล่าวให้ถูกต้องคือ หญิงผู้นี้ไม่ได้เดินอยู่บนทุ่งน้ําแข็ง แต่ทุกก้าวของนางมีรัศมีพลังที่ช่างน่าสยดสยอง แผ่ซ่อนออกมาทุกทิศทางจนอุณหภูมิโดยรอบลดลงไป

“นี่คือ?”

ทันใดนั้นสีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปมาก ศิษย์ตําหนักเทพเจ้าหิมะแทบจะตะโกนโห่ร้อง
“คารวะบรรพชน”

ทันใดนั้นศิษย์ตําหนักเทพเจ้าหิมะก็หันหลังกลับไปก้มคารวะด้วยเสียงอันดัง

“ตํานานยุทธขั้นสูงสุดที่แปลงจิตวิญญาณได้อีกคนหนึ่ง?” ชายชราเฟียยวที่อยู่ถัดไปจากซูฉินพลันมีท่าที่เคร่งขรึม

เพียงไม่นาน

ก่อนที่ชายชราเฟยยวี่ จะทันได้ตอบโต้อะไร

พลันได้ยินเสียงฟ้าร้องก้องมาแต่ไกล

ที่สุดปลายขอบฟ้า สายฟ้าอันน่ากลัวก็ปรากฏขึ้น

ทันใดนั้นสายฟ้าก็ฟาดลงมาต่อหน้าทุกคนกลายเป็นชายร่างสูงที่มีบรรยากาศดูยิ่งใหญ่

“ข้าได้ยินมาว่าสหายเต๋เก่งกาจในเรื่องวิถีแห่งสายฟ้า วันนี้เหลยสิ่งมาขอคําแนะนําจากสหายเต๋าว่าเคล็ดสายฟ้าของสหายเต่ําหรือของนิกายเทพเจ้าสายฟ้าของข้า ซึ่งสืบทอดต่อกันมานับหมื่นปีอย่างไหนจะยอดเยี่ยมกว่ากันดีหรือไม่?”

ชายร่างสูงมองมาที่ซูฉิน เน้นคําทุกพยางค์

ด้วยการปรากฏตัวของชายร่างสูงผู้นี้ ทั่วทั้งพื้นที่แห่งนี้ก็พากันประหวั่นพรั่นพรึง ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างตกตะลึง มองไปยังสิ่งตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“บรรพบุรุษเหลยสิงจากนิกายเทพเจ้าสายฟ้า?” ชายชราเฟยยวี่สูดลมหายใจเข้าลึกเต็มปอด

ศักดิ์ศรีของบรรพบุรุษเหลยสิ่งนั้นยิ่งใหญ่กว่าสองคนก่อนหน้า ท้ายที่สุดวิถีแห่งสายฟ้าก็เป็นพลังสวรรค์รูปแบบหนึ่ง เมื่อเป็นการต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งในระดับใกล้เคียงกัน คู่ต่อสู้จะไม่สามารถต้านทานพลังอันน่าสะพรึงกลัวของสายฟ้าได้

“นี่มันเรื่องใหญ่แล้ว……”

เฟยยวี่กระซิบคําขึ้นมา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+