เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 306 ขออภัยโทษ

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 306 ขออภัยโทษ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 306 ขออภัยโทษ

“เป็นไปไม่ได้?!” “เจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางมีร่างกายที่ไร้เทียมทานยกเว้นจะเป็นขอบเขตเซียนเทพปฐพีใครกันที่จะสังหารเขาได้เขาจะตายได้อย่างไร?”

เจ้าสํานักผู้วิเศษไม่สามารถหลุดออกจากสภาวะตกใจ

ในฐานะที่เป็นครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเชียนเทพปฐพี่ของสํานักผู้วิเศษเจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางไม่เพียงแต่มีร่างกายคงกระพันแต่ยังมีความสามารถยากจะหยั่งถึงแม้จะเผชิญหน้ากับครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเชียนเทพปฐพี่หลายคนก็ยังสามารถถอยกลับไปได้โดยไม่ร้อนรนผู้แข็งแกร่งในระดับนี้จะกล่าวว่าตกตายไปแล้วได้อย่างไร?

นอกจากนี้ยังมีครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีอีกหกคนเดินทางไปยังเมืองฉางอันพร้อมกับเจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางยังจะมีใครในโลกนี้ที่จะเป็นศัตรูได้?

เจ้าสํานักผู้วิเศษไม่มีทางเชื่อถือเรื่องนี้
ถ้าบุคคลที่พูดไม่ใช่ศิษย์สายตรงสํานักผู้วิเศษที่มีพรสวรรค์สูงเกรงว่าเขาคงไม่อาจยั้งมือตบตีจนตายไปแล้ว

“ท่านเจ้าสํานัก นี่เป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน ข้า เห็นด้วยตาตนเองว่าเจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางถูกเจาะทะลวงร่างโดยตํานานยุทธแห่งอาณาจักรถัง ทั้งยังกําจัดจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้ด้วย…” ดวงตาของศิษย์สํานักผู้วิเศษแสดงความหวาดกลัวออกมาอย่างมิอาจประมาณ
เมื่อเห็นสิ่งนี้เจ้าสํานักผู้วิเศษก็เงียบไปในทันที

บรรพชนระดับครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพ ปฐพี่ตกตายพร้อมกันถึงเจ็ดคนนี่เป็นการทําลายล้างอย่างแท้จริงเป็นไปไม่ได้ที่ศิษย์สาวกคนใดจะกล้าหลอกลวงเขานอกจากนี้มันยังง่ายมากที่จะยืนยันว่าบรรพชนได้ตกตายลงหรือไม่เพียงแค่กลับไปยังนิกายแล้วตรวจสอบดวงไฟแห่งชีวิตของบรรพชนว่าดับไปแล้วหรือยัง

สิ่งนี้ไม่มีทางจะปลอมแปลงได้

ใบหน้าของผู้นํานิกายใหญ่หนักอึ้งเมื่อพวกเขา นึกถึงเรื่องนี้ โดยเฉพาะผู้นํานิกายเฮยหยวนที่ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวน่าเกลียดอย่างมาก

นิกายเฮยหยวนด้อยกว่านิกายใหญ่แห่งอื่นๆในเรื่องรากฐานไม่มีแม้แต่เซียนเทพปฐพี่กําเนิดขึ้นในนิกายทุกอย่างได้รับการหนุนหลังจากปฐม บรรพชนตอนนี้ปฐมบรรพชนกลับตกตายไปแล้วเป็นเรื่องร้ายแรงอย่างยิ่งสําหรับนิกายเฮยหยวน

หลังจากวันนี้ไป ไม่ว่านิกายใหญ่แห่งอื่นๆ จะ เผชิญกับชะตากรรมเช่นไร แต่นิกายเฮยหยวนจะต้องพบเจอกับจุดจบอย่างแน่นอน

หลายปีที่ผ่านมา นิกายเฮยหยวนได้กระทํา เรื่องไร้ยางอายมากมาย ไม่รู้ว่ายั่วยุศัตรูไปมากเท่าไหร่แล้วหากปฐมบรรพชนยังอยู่ศัตรูเหล่านั้นก็ได้แต่แค้นอยู่ในอกไม่ว่าในใจจะไม่ยินยอมเพียงใดแต่ตอนนี้ปฐมบรรพชนได้ล่วงลับไป แล้ว…

ผู้นํานิกายเฮยหยวนคิดถึงเรื่องนี้ พลันรู้สึกสั่น สะท้านในทันใด

“ตํานานยุทธอาณาจักรถัง เป็นไปได้ไหมว่าเขาคือเซียนเทพปฐพี…” เจ้าตําหนักเทพเจ้าหิมะเงียบไปนานในที่สุดก็พูดออกมาด้วยน้ําเสียงเรียบๆ

เมื่อผู้นํานิกายคนอื่นๆ ได้ยินคํากล่าวนั้นริมฝีปากของพวกเขาก็ขยับ พยายามจะพูดบางอย่างแต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา’
ไม่ว่าซูฉันจะเป็นเซียนเทพปฐพีหรือไม่ก็ตามครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีทั้งเจ็ดก็ได้ตกตายไปแล้วสํานักผู้วิเศษและนิกายเทพเจ้า สายฟ้าแทบจะรับความสูญเสียนี้ไม่ไหวส่วนนกายใหญ่อื่นๆ เช่นตําหนักเทพเจ้าหิมะและนิกายเฮยหยวนแทบจะล่มสลายอย่างสมบูรณ์

นักพรตเจ้าสํานักเอกะวิถีเองก็รู้สึกไม่อยากจะเชื่อเช่นเดียวกันในตอนแรกเขาคิดว่าซูฉินจะสามารถรักษาชีวิตไว้ได้ท่ามกลางการล้อมสังหาร ของเหล่าครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีทั้งเจ็ดคนแต่ไม่ได้คาดคิดว่าตํานานยุทธเมืองฉางอันจะสังหารทั้งเจ็ดจนหมดเช่นนี้

การมีชีวิตรอดกับการฆ่าสังหารเป็นสองสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

มีหลายสาเหตุที่ทําให้รอดชีวิตไปได้ อาจจะมีเครื่องมือช่วยชีวิตที่ทรงพลังอย่างมากหรืออาจจะเกรงกลัวจนหลบเลี่ยงไปล่วงหน้า

แต่อย่างหลังคือ ต้องเกิดการปะทะกันด้วยพลังอย่างแท้จริง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักพรตสํานักเอกะวิถีที่รู้ดีว่าครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีทั้งเจ็ดนั้นจะต้องเตรียมการมาอย่างดีไปยังเมืองฉางอันพร้ อมกับใช้ทักษะโจมตีผสานและด้วยผลของทักษะโจมตีผสานขนาดเจอกับเซียนเทพปฐพีก็ยังต่อกรได้จะตกตายลงได้อย่างไร?

“ตอนนี้พวกเราควรทําเช่นไรดี?”

ผ่านไปครู่หนึ่ง เจ้าสํานักเทพโอสถก็ถามออกมาด้วยความขมขื่น
การตกตายของครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ทั้งเจ็ดเป็นแรงสั่นสะเทือนที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนสําหรับนิกายใหญ่ถึงขนาดที่นิกายใหญ่หลายแห่งอาจล่มสลายจากเหตุการณ์นี้สิ่งที่สําคัญที่สุดยามนี้คือต้องรู้ว่าควรทําเช่น ไรต่อไป?

รู้หรือไม่ว่าครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีทั้งเจ็ดได้ตายไปแล้วแต่ซูฉินยังคงมีชีวิตอยู่

หากไม่รีบหามาตรการรับมือโดยเร็วที่สุดบทเรียนที่พรรคหมื่นดาบเคยประสบอาจจะตามมาถึงตัวนิกายใหญ่แห่งอื่นๆ ในที่แห่งนี้ได้

“ท่านเจ้าสํานัก ว่ากันว่าในส่วนลึกของสํานักผู้วิเศษของท่านมีสมบัติที่สืบทอดมาตั้งแต่ยุคเฟื่องฟูกระแสปราณฉีครั้งล่าสุดมิใช่หรือทําไมไม่นําสมบัติล้ําค่านั้นออกมาต่อสู้อีกสักครั้งเล่า?” ผู้นํานิกายเฮยหยวนมองไปที่เจ้าสํานักผู้วิเศษด้วยเสียงอันลึกล้ํา

สมบัตินี้ว่ากันว่าเป็นอาวุธวิเศษที่ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดได้ทิ้งเอาไว้ และผู้ที่ทรงพลังถึงขีดสุดนี้ก็เป็นตัวตนที่เหนือกว่าขอบเขตเซียนเทพปฐพีแม้แต่ในช่วงสุดท้ายของยุคเฟื่องฟูกระแสปราณฉีกมีไม่มากนัก

แม้แต่สมบัติที่อ่อนแอที่สุดก็ยังเหนือกว่าอาวุธวิเศษมีแม้กระทั่งสมบัติที่เกิดปัญญาสามารถฟื้นฟูตัวเองได้อย่างอิสระ

“สมบัติล้ําค่า?”

ท่าทีของเจ้าสํานักผู้วิเศษเปลี่ยนไปอย่างมากเขาส่ายศีรษะโดยไม่ลังเล “สมบัติล้ําค่านี้คือรากฐานของสํานักผู้วิเศษของข้าเว้นแต่จะเกิดหายนะจนนิกายถูกทําลายอย่างแท้จริง ไม่มีใครสามารถกระตุ้นสมบัติล้ําค่านี้ได้”

สิ่งที่เจ้าสํานักผู้วิเศษกล่าวออกคือความจริง นอกจากผู้ที่ทรงพลังถึงขีดสุดแล้ว แม้แต่เซียนเทพปฐพีก็แทบจะไม่สามารถควบคุมสมบัติล้ําค่า สูงสุดนี้ได้ เพราะไม่ว่าอย่างไรสมบัติล้ําค่านี้ก็ไปถึงจุดสูงสุดแล้วมีชีวิตมีปัญญาเป็นของตนเองเป็นบางสิ่งที่น่าเหลือเชื่อยิ่ง

“ข้ามีข้อเสนอ” ในตอนนั้น นักพรตสํานักเอกะ วิถีก็พูดขึ้นในทันที
ฉับพลัน

ผู้นํานิกายใหญ่ทุกคนต่างก็มองไปยังนักพรต เจ้าสํานักเอกะวิถีที่มีทีท่าราวกับคิดอะไรบาง อย่างอยู่ พวกเขาก็พลันตกตะลึง

พวกเขาตระหนักได้ในทันใดว่าในบรรดานิกาย ใหญ่ทั้งหลาย สํานักเอกวิถีเป็นนิกายแห่งเดียวที่ไม่เคยยั่วยุซูฉินมาก่อน

นอกจากสํานักเอกะวิถีแล้ว วิหารหมื่นพุทธก็ เช่นเดียวกัน แต่กลุ่มลาหัวโล้นจากวิหารหมื่นพุทธนั้นมีพฤติกรรมแตกต่างจากคนปกติมาตลอดอยู่แล้ว

“ท่านจ้าววิถี ว่ามาเถิด”

ผู้นํานิกายใหญ่ทุกคนมองมายังนักพรตเจ้าสํา นักเอกะวิถีด้วยสายตาที่ร้อนแรงแผดเผา

แม้ว่าสํานักผู้วิเศษและนิกายเทพเจ้าสายฟ้าจะ ได้รับการปกป้องโดยสมบัติล้ําค่า แต่สมบัติล้ําค่าก็เป็นมรดกที่ใช้ปกป้องนิกายเท่านั้นไม่สามารถนํามันไปสังหารศัตรูได้

ถ้าซูฉันเลือกที่จะตัดหนทางของนิกายใหญ่แทนที่จะต่อสู้กับสมบัติล้ําค่า ลูกศิษย์ของสํานักผู้วิเศษและนิกายเทพเจ้าสายฟ้าที่ออกมาจากนิกายคงถูกดักฆ่าทีละคนและจะไม่มีใครหยุดมัน
ได้

“เรื่องนี้ง่ายมาก”

นักพรตเจ้าสํานักเอกะวิถีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวออกอย่างช้าๆ ว่า “หากพวกเจ้ายอมจํานนอย่างจริงใจ และเดินทางไปยังเมืองฉางอันเพื่อ ขอร้องอ้อนวอน ตํานานยุทธเมืองฉางอันอาจจะให้อภัยพวกเจ้าสักครั้ง…..”

นักพรตเจ้าสํานักเอกะวิถีกล่าวออกมา

ผู้นํานิกายใหญ่ต่างชําเลืองมองหน้ากันใบหน้าของพวกเขาแปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง

เบื้องหลังพวกเขาคือนิกายใหญ่ที่สืบทอดมรดกมาหลายพันปี หากพวกเขายอมจํานนขอร้องอ้อนวอนจะมเสียชื่อเสียงของนิกายใหญ่แย่หรือ?

แต่ถ้าไม่ทําเช่นนี้ รอจนซูฉินมาเยือนหน้าประตูบ้านไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องชื่อเสียงของนิกายเลยเกรงว่านิกายใหญ่คงจะต้องหายไปจนสิ้น
ณ เมืองฉางอัน

หลังจากซูฉินรวบรวมอาวุธวิเศษที่หลงเหลือจากครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเชียนเทพปฐพี่ทั้งเจ็ดเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาก็กลับมาที่วังหลวง

“พี่สาม”

จักรพรรดิถังและซูเยว่หยุนก็เขามาทักทายทันที

ชายชราเฟยยวและนักพรตเฒ่าสํานักเอกะวิถีก็ตามมาอย่างใกล้ชิด
“พี่สาม ท่านสบายดีไหม”ซูเหยวหยุนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามแม้นางจะรู้ว่าซูฉินเป็นฝ่ายชนะจาก คําบอกเล่าของนักพรตเฒ่าแต่ก็ยังแอบกังวลอยู่ เล็กน้อย

“ข้าสบายดี”

ซูฉินส่ายศีรษะ

ก่อนที่จะกลับมายังวังหลวง เขาได้ถอนร่างศักดิ์สิทธิ์อีกาทองคําออกไปแล้วไม่เช่นนั้นแม้แต่ตํานานยุทธขั้นสูงสุดอย่างชายชราเฟยยก็ยังทนไอพลังจากร่างศักดิ์สิทธิ์อีกาทองคําไม่ได้นับประสาอะไรกับจักรพรรดิถังและซูเยว่หยุนที่เป็นคนธรรมดา?

“ผู้อาวุโส”

ชายชราเฟยยวและนักพรตเฒ่าสํานักเอกะวิถีรวมถึงตํานานยุทธคนอื่นๆก็เข้ามาโค้งคํานับให้กับซูฉิน

ในสายตาของพวกเขา ซูฉินไม่ต่างไปจากเทพเซียน

ต่อจากนั้น

หลังจากสนทนากับจักรพรรดิถังและคนอื่นๆอยู่สองสามคําซูฉินก็เดินจากไปกลับไปยังโถงพระราชวังใต้ดินอันสูงตระหง่าน
จักรพรรดิถังเองก็กลับมายังตําหนักไท่จื้อย่างมีความสุข

ผลกระทบของการต่อสู้ระหว่างซูฉินกับครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเชียนเทพปฐพีนั้นยิ่งใหญ่เกินไปหลังจากการอธิบายซ้ําหลายรอบจากนักพรตเฒ่า สํานักเอกะวิถีและชายชราเฟยยจักรพรรดิถังก็ตระหนักได้ว่าสถานการณ์แบบใดที่อาณาจักรถังกําลังจะต้องเผชิญต่อไป

หลังจากวันนี้ เกรงว่านิกายใหญ่ทุกแห่งจะไม่กล้าอวดดีในเขตแดนอาณาจักรถังอีก

ภายในโถงพระราชวังใต้ดินอันสูงตระหง่าน
ตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณเปล่งแสงพุทธคุณออกมาธงวูถูถูกปักอยู่กึ่งกลางโถงพระราชวังค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นล้อมพระราชวัง สูงตระหง่านภายใต้การคุ้มกันของตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณและธงปูฏไอพลังมาบรรจบกันจนถึงขีดสุดแม้จะเป็นเซียนเทพปฐพี่เดินผ่านมาก็อาจจะไม่สามารถสังเกตเห็น นับประสาอะไรกับคนอื่นๆ

“เดินทางไปยังนิกายใหญ่ต่างดินแดนดีไหมจะได้ลองลงชื่อเข้าใช้ในทุกที่ไปเลย?”

ซูฉินนั่งขัดสมาธิ ขบคิดในใจเงียบๆ

หลังจากการตกตายของครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ทั้งเจ็ดคน นิกายใหญ่ในต่างแดนก็ไม่สามารถหยุดซูฉินได้อีกต่อไป

ดังนั้นซูฉินจึงมีความคิดที่จะไปยังที่ตั้งของนิกายใหญ่ที่ละแห่งเพื่อลงชื่อเข้าใช้

คราวที่แล้วที่ลงชื่อเข้าใช้ภายในเกาะหมื่นดาบซูฉินก็ได้รับสิ่งดีๆ กลับมามากมาย

ท่ามกลางบรรดานิกายใหญ่จํานวนมากในต่างแดนการสืบทอดมรดกของพรรคหมื่นดาบไม่ได้สั้นที่สุดแต่ก็ไม่ได้ยาวนานอย่างแน่นอนตัวอย่างเช่น นิกายใหญ่ที่สืบทอดมายาวนานนับหมื่นปีอย่างสํานักผู้วิเศษและนิกายเทพเจ้าสายฟ้าเตสะสมที่มีอยู่ภายในจะไม่ทําให้ซูฉินผิดหวังแน่นอน

“ตอนนี้ยังไม่ต้องรีบร้อน”

“เดี๋ยวค่อยคิดเรื่องนี้ตอนที่ก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี”

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ซูฉินก็ล้มเลิกความ คิดนั้นไป

หนึ่ง เป็นเพราะความแข็งแกร่งของซูฉินในปัจจุบันได้เข้าสู่ช่วงคอขวดแล้วเป็นการยากที่จะพัฒนาสิ่งใดก่อนที่จะเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี ถึงแม้ซูฉินจะลงชื่อเข้าใช้และได้รับสิ่งดีๆกลับมาก็ตามมันคงยังไม่ได้ใช้เร็วๆ นี้

นอกจากนี้ นิกายใหญ่ในต่างแดนก็ยังตั้งอยู่ที่นั่นไม่มีทางหนีไปไหนพ้นซูฉินสามารถไปได้ทุกเมื่อไม่จําเป็นต้องรีบร้อน

ประการที่สองคือนิกายใหญ่ที่สืบทอดมรดกมาเป็นหมื่นปีอย่างสํานักผู้วิเศษและนิกายเทพเจ้าสายฟ้าอาจจะมีเบื้องหลังอื่นๆ เหลืออยู่ถ้าซูฉินรีบร้อนไปตอนนี้เขาอาจจะได้รับความสูญเสีย
ดังนั้น ตามความคิดของซูฉันคือเขาจะรอจนกว่าจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีอย่างสมบูรณ์ความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกขั้นทําให้มีความมั่นใจมากขึ้น มันคงจะไม่สายที่จะ ไปที่นั่นอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ซูฉินอยู่ในจุดที่กําลังจะเปลี่ยนผ่านขอบเขตแล้วในตอนนี้ หากไม่ใช่เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝันเขาคงเริ่มทะลวงขั้นไปแล้วแต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นตามที่ซูฉินลองประเมินดูอย่างน้อยก็อีกไม่กี่เดือนเขาคงจะต้องเริ่มพัฒนาระดับพลังแล้ว

“ด้วยตอนนี้ที่ปราณฉีของข้ากลายเป็นธาตุไฟไปแล้วตอนที่จิตวิญญาณแรกกําเนิดหลอมรวมเข้ากับทะเลปราณจะต้องเข้าไปยังส่วนที่ลึกที่สุดให้ได้ ถึงเวลานั้นการก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีของข้าจึงจะได้รับผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่”

“บวกกับร่างศักดิ์สิทธิ์อีกาทองคํา……”

ดวงตาของซูฉินฉายแสงวาบ

“ตราบใดที่ข้าทะลวงผ่านได้สําเร็จก็ควรจะนับเป็นผู้แข็งแกร่งในหมู่เซียนเทพปฐพียังไม่ต้องกล่าวถึงไฟลับอื่นๆอีกหลายใบ…”

ซูฉินสงบใจลง ทันใดนั้นสายตาของเขาก็ดูมุ่งมั่น

ยามนี้ เขาพร้อมที่จะทะลวงขั้นแล้วในเวลาอันสั้นเขาจะพยายามก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ให้ได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 306 ขออภัยโทษ

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 306 ขออภัยโทษ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 306 ขออภัยโทษ

“เป็นไปไม่ได้?!” “เจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางมีร่างกายที่ไร้เทียมทานยกเว้นจะเป็นขอบเขตเซียนเทพปฐพีใครกันที่จะสังหารเขาได้เขาจะตายได้อย่างไร?”

เจ้าสํานักผู้วิเศษไม่สามารถหลุดออกจากสภาวะตกใจ

ในฐานะที่เป็นครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเชียนเทพปฐพี่ของสํานักผู้วิเศษเจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางไม่เพียงแต่มีร่างกายคงกระพันแต่ยังมีความสามารถยากจะหยั่งถึงแม้จะเผชิญหน้ากับครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเชียนเทพปฐพี่หลายคนก็ยังสามารถถอยกลับไปได้โดยไม่ร้อนรนผู้แข็งแกร่งในระดับนี้จะกล่าวว่าตกตายไปแล้วได้อย่างไร?

นอกจากนี้ยังมีครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีอีกหกคนเดินทางไปยังเมืองฉางอันพร้อมกับเจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางยังจะมีใครในโลกนี้ที่จะเป็นศัตรูได้?

เจ้าสํานักผู้วิเศษไม่มีทางเชื่อถือเรื่องนี้
ถ้าบุคคลที่พูดไม่ใช่ศิษย์สายตรงสํานักผู้วิเศษที่มีพรสวรรค์สูงเกรงว่าเขาคงไม่อาจยั้งมือตบตีจนตายไปแล้ว

“ท่านเจ้าสํานัก นี่เป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน ข้า เห็นด้วยตาตนเองว่าเจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางถูกเจาะทะลวงร่างโดยตํานานยุทธแห่งอาณาจักรถัง ทั้งยังกําจัดจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้ด้วย…” ดวงตาของศิษย์สํานักผู้วิเศษแสดงความหวาดกลัวออกมาอย่างมิอาจประมาณ
เมื่อเห็นสิ่งนี้เจ้าสํานักผู้วิเศษก็เงียบไปในทันที

บรรพชนระดับครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพ ปฐพี่ตกตายพร้อมกันถึงเจ็ดคนนี่เป็นการทําลายล้างอย่างแท้จริงเป็นไปไม่ได้ที่ศิษย์สาวกคนใดจะกล้าหลอกลวงเขานอกจากนี้มันยังง่ายมากที่จะยืนยันว่าบรรพชนได้ตกตายลงหรือไม่เพียงแค่กลับไปยังนิกายแล้วตรวจสอบดวงไฟแห่งชีวิตของบรรพชนว่าดับไปแล้วหรือยัง

สิ่งนี้ไม่มีทางจะปลอมแปลงได้

ใบหน้าของผู้นํานิกายใหญ่หนักอึ้งเมื่อพวกเขา นึกถึงเรื่องนี้ โดยเฉพาะผู้นํานิกายเฮยหยวนที่ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวน่าเกลียดอย่างมาก

นิกายเฮยหยวนด้อยกว่านิกายใหญ่แห่งอื่นๆในเรื่องรากฐานไม่มีแม้แต่เซียนเทพปฐพี่กําเนิดขึ้นในนิกายทุกอย่างได้รับการหนุนหลังจากปฐม บรรพชนตอนนี้ปฐมบรรพชนกลับตกตายไปแล้วเป็นเรื่องร้ายแรงอย่างยิ่งสําหรับนิกายเฮยหยวน

หลังจากวันนี้ไป ไม่ว่านิกายใหญ่แห่งอื่นๆ จะ เผชิญกับชะตากรรมเช่นไร แต่นิกายเฮยหยวนจะต้องพบเจอกับจุดจบอย่างแน่นอน

หลายปีที่ผ่านมา นิกายเฮยหยวนได้กระทํา เรื่องไร้ยางอายมากมาย ไม่รู้ว่ายั่วยุศัตรูไปมากเท่าไหร่แล้วหากปฐมบรรพชนยังอยู่ศัตรูเหล่านั้นก็ได้แต่แค้นอยู่ในอกไม่ว่าในใจจะไม่ยินยอมเพียงใดแต่ตอนนี้ปฐมบรรพชนได้ล่วงลับไป แล้ว…

ผู้นํานิกายเฮยหยวนคิดถึงเรื่องนี้ พลันรู้สึกสั่น สะท้านในทันใด

“ตํานานยุทธอาณาจักรถัง เป็นไปได้ไหมว่าเขาคือเซียนเทพปฐพี…” เจ้าตําหนักเทพเจ้าหิมะเงียบไปนานในที่สุดก็พูดออกมาด้วยน้ําเสียงเรียบๆ

เมื่อผู้นํานิกายคนอื่นๆ ได้ยินคํากล่าวนั้นริมฝีปากของพวกเขาก็ขยับ พยายามจะพูดบางอย่างแต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา’
ไม่ว่าซูฉันจะเป็นเซียนเทพปฐพีหรือไม่ก็ตามครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีทั้งเจ็ดก็ได้ตกตายไปแล้วสํานักผู้วิเศษและนิกายเทพเจ้า สายฟ้าแทบจะรับความสูญเสียนี้ไม่ไหวส่วนนกายใหญ่อื่นๆ เช่นตําหนักเทพเจ้าหิมะและนิกายเฮยหยวนแทบจะล่มสลายอย่างสมบูรณ์

นักพรตเจ้าสํานักเอกะวิถีเองก็รู้สึกไม่อยากจะเชื่อเช่นเดียวกันในตอนแรกเขาคิดว่าซูฉินจะสามารถรักษาชีวิตไว้ได้ท่ามกลางการล้อมสังหาร ของเหล่าครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีทั้งเจ็ดคนแต่ไม่ได้คาดคิดว่าตํานานยุทธเมืองฉางอันจะสังหารทั้งเจ็ดจนหมดเช่นนี้

การมีชีวิตรอดกับการฆ่าสังหารเป็นสองสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

มีหลายสาเหตุที่ทําให้รอดชีวิตไปได้ อาจจะมีเครื่องมือช่วยชีวิตที่ทรงพลังอย่างมากหรืออาจจะเกรงกลัวจนหลบเลี่ยงไปล่วงหน้า

แต่อย่างหลังคือ ต้องเกิดการปะทะกันด้วยพลังอย่างแท้จริง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักพรตสํานักเอกะวิถีที่รู้ดีว่าครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีทั้งเจ็ดนั้นจะต้องเตรียมการมาอย่างดีไปยังเมืองฉางอันพร้ อมกับใช้ทักษะโจมตีผสานและด้วยผลของทักษะโจมตีผสานขนาดเจอกับเซียนเทพปฐพีก็ยังต่อกรได้จะตกตายลงได้อย่างไร?

“ตอนนี้พวกเราควรทําเช่นไรดี?”

ผ่านไปครู่หนึ่ง เจ้าสํานักเทพโอสถก็ถามออกมาด้วยความขมขื่น
การตกตายของครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ทั้งเจ็ดเป็นแรงสั่นสะเทือนที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนสําหรับนิกายใหญ่ถึงขนาดที่นิกายใหญ่หลายแห่งอาจล่มสลายจากเหตุการณ์นี้สิ่งที่สําคัญที่สุดยามนี้คือต้องรู้ว่าควรทําเช่น ไรต่อไป?

รู้หรือไม่ว่าครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีทั้งเจ็ดได้ตายไปแล้วแต่ซูฉินยังคงมีชีวิตอยู่

หากไม่รีบหามาตรการรับมือโดยเร็วที่สุดบทเรียนที่พรรคหมื่นดาบเคยประสบอาจจะตามมาถึงตัวนิกายใหญ่แห่งอื่นๆ ในที่แห่งนี้ได้

“ท่านเจ้าสํานัก ว่ากันว่าในส่วนลึกของสํานักผู้วิเศษของท่านมีสมบัติที่สืบทอดมาตั้งแต่ยุคเฟื่องฟูกระแสปราณฉีครั้งล่าสุดมิใช่หรือทําไมไม่นําสมบัติล้ําค่านั้นออกมาต่อสู้อีกสักครั้งเล่า?” ผู้นํานิกายเฮยหยวนมองไปที่เจ้าสํานักผู้วิเศษด้วยเสียงอันลึกล้ํา

สมบัตินี้ว่ากันว่าเป็นอาวุธวิเศษที่ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดได้ทิ้งเอาไว้ และผู้ที่ทรงพลังถึงขีดสุดนี้ก็เป็นตัวตนที่เหนือกว่าขอบเขตเซียนเทพปฐพีแม้แต่ในช่วงสุดท้ายของยุคเฟื่องฟูกระแสปราณฉีกมีไม่มากนัก

แม้แต่สมบัติที่อ่อนแอที่สุดก็ยังเหนือกว่าอาวุธวิเศษมีแม้กระทั่งสมบัติที่เกิดปัญญาสามารถฟื้นฟูตัวเองได้อย่างอิสระ

“สมบัติล้ําค่า?”

ท่าทีของเจ้าสํานักผู้วิเศษเปลี่ยนไปอย่างมากเขาส่ายศีรษะโดยไม่ลังเล “สมบัติล้ําค่านี้คือรากฐานของสํานักผู้วิเศษของข้าเว้นแต่จะเกิดหายนะจนนิกายถูกทําลายอย่างแท้จริง ไม่มีใครสามารถกระตุ้นสมบัติล้ําค่านี้ได้”

สิ่งที่เจ้าสํานักผู้วิเศษกล่าวออกคือความจริง นอกจากผู้ที่ทรงพลังถึงขีดสุดแล้ว แม้แต่เซียนเทพปฐพีก็แทบจะไม่สามารถควบคุมสมบัติล้ําค่า สูงสุดนี้ได้ เพราะไม่ว่าอย่างไรสมบัติล้ําค่านี้ก็ไปถึงจุดสูงสุดแล้วมีชีวิตมีปัญญาเป็นของตนเองเป็นบางสิ่งที่น่าเหลือเชื่อยิ่ง

“ข้ามีข้อเสนอ” ในตอนนั้น นักพรตสํานักเอกะ วิถีก็พูดขึ้นในทันที
ฉับพลัน

ผู้นํานิกายใหญ่ทุกคนต่างก็มองไปยังนักพรต เจ้าสํานักเอกะวิถีที่มีทีท่าราวกับคิดอะไรบาง อย่างอยู่ พวกเขาก็พลันตกตะลึง

พวกเขาตระหนักได้ในทันใดว่าในบรรดานิกาย ใหญ่ทั้งหลาย สํานักเอกวิถีเป็นนิกายแห่งเดียวที่ไม่เคยยั่วยุซูฉินมาก่อน

นอกจากสํานักเอกะวิถีแล้ว วิหารหมื่นพุทธก็ เช่นเดียวกัน แต่กลุ่มลาหัวโล้นจากวิหารหมื่นพุทธนั้นมีพฤติกรรมแตกต่างจากคนปกติมาตลอดอยู่แล้ว

“ท่านจ้าววิถี ว่ามาเถิด”

ผู้นํานิกายใหญ่ทุกคนมองมายังนักพรตเจ้าสํา นักเอกะวิถีด้วยสายตาที่ร้อนแรงแผดเผา

แม้ว่าสํานักผู้วิเศษและนิกายเทพเจ้าสายฟ้าจะ ได้รับการปกป้องโดยสมบัติล้ําค่า แต่สมบัติล้ําค่าก็เป็นมรดกที่ใช้ปกป้องนิกายเท่านั้นไม่สามารถนํามันไปสังหารศัตรูได้

ถ้าซูฉันเลือกที่จะตัดหนทางของนิกายใหญ่แทนที่จะต่อสู้กับสมบัติล้ําค่า ลูกศิษย์ของสํานักผู้วิเศษและนิกายเทพเจ้าสายฟ้าที่ออกมาจากนิกายคงถูกดักฆ่าทีละคนและจะไม่มีใครหยุดมัน
ได้

“เรื่องนี้ง่ายมาก”

นักพรตเจ้าสํานักเอกะวิถีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวออกอย่างช้าๆ ว่า “หากพวกเจ้ายอมจํานนอย่างจริงใจ และเดินทางไปยังเมืองฉางอันเพื่อ ขอร้องอ้อนวอน ตํานานยุทธเมืองฉางอันอาจจะให้อภัยพวกเจ้าสักครั้ง…..”

นักพรตเจ้าสํานักเอกะวิถีกล่าวออกมา

ผู้นํานิกายใหญ่ต่างชําเลืองมองหน้ากันใบหน้าของพวกเขาแปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง

เบื้องหลังพวกเขาคือนิกายใหญ่ที่สืบทอดมรดกมาหลายพันปี หากพวกเขายอมจํานนขอร้องอ้อนวอนจะมเสียชื่อเสียงของนิกายใหญ่แย่หรือ?

แต่ถ้าไม่ทําเช่นนี้ รอจนซูฉินมาเยือนหน้าประตูบ้านไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องชื่อเสียงของนิกายเลยเกรงว่านิกายใหญ่คงจะต้องหายไปจนสิ้น
ณ เมืองฉางอัน

หลังจากซูฉินรวบรวมอาวุธวิเศษที่หลงเหลือจากครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเชียนเทพปฐพี่ทั้งเจ็ดเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาก็กลับมาที่วังหลวง

“พี่สาม”

จักรพรรดิถังและซูเยว่หยุนก็เขามาทักทายทันที

ชายชราเฟยยวและนักพรตเฒ่าสํานักเอกะวิถีก็ตามมาอย่างใกล้ชิด
“พี่สาม ท่านสบายดีไหม”ซูเหยวหยุนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามแม้นางจะรู้ว่าซูฉินเป็นฝ่ายชนะจาก คําบอกเล่าของนักพรตเฒ่าแต่ก็ยังแอบกังวลอยู่ เล็กน้อย

“ข้าสบายดี”

ซูฉินส่ายศีรษะ

ก่อนที่จะกลับมายังวังหลวง เขาได้ถอนร่างศักดิ์สิทธิ์อีกาทองคําออกไปแล้วไม่เช่นนั้นแม้แต่ตํานานยุทธขั้นสูงสุดอย่างชายชราเฟยยก็ยังทนไอพลังจากร่างศักดิ์สิทธิ์อีกาทองคําไม่ได้นับประสาอะไรกับจักรพรรดิถังและซูเยว่หยุนที่เป็นคนธรรมดา?

“ผู้อาวุโส”

ชายชราเฟยยวและนักพรตเฒ่าสํานักเอกะวิถีรวมถึงตํานานยุทธคนอื่นๆก็เข้ามาโค้งคํานับให้กับซูฉิน

ในสายตาของพวกเขา ซูฉินไม่ต่างไปจากเทพเซียน

ต่อจากนั้น

หลังจากสนทนากับจักรพรรดิถังและคนอื่นๆอยู่สองสามคําซูฉินก็เดินจากไปกลับไปยังโถงพระราชวังใต้ดินอันสูงตระหง่าน
จักรพรรดิถังเองก็กลับมายังตําหนักไท่จื้อย่างมีความสุข

ผลกระทบของการต่อสู้ระหว่างซูฉินกับครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเชียนเทพปฐพีนั้นยิ่งใหญ่เกินไปหลังจากการอธิบายซ้ําหลายรอบจากนักพรตเฒ่า สํานักเอกะวิถีและชายชราเฟยยจักรพรรดิถังก็ตระหนักได้ว่าสถานการณ์แบบใดที่อาณาจักรถังกําลังจะต้องเผชิญต่อไป

หลังจากวันนี้ เกรงว่านิกายใหญ่ทุกแห่งจะไม่กล้าอวดดีในเขตแดนอาณาจักรถังอีก

ภายในโถงพระราชวังใต้ดินอันสูงตระหง่าน
ตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณเปล่งแสงพุทธคุณออกมาธงวูถูถูกปักอยู่กึ่งกลางโถงพระราชวังค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นล้อมพระราชวัง สูงตระหง่านภายใต้การคุ้มกันของตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณและธงปูฏไอพลังมาบรรจบกันจนถึงขีดสุดแม้จะเป็นเซียนเทพปฐพี่เดินผ่านมาก็อาจจะไม่สามารถสังเกตเห็น นับประสาอะไรกับคนอื่นๆ

“เดินทางไปยังนิกายใหญ่ต่างดินแดนดีไหมจะได้ลองลงชื่อเข้าใช้ในทุกที่ไปเลย?”

ซูฉินนั่งขัดสมาธิ ขบคิดในใจเงียบๆ

หลังจากการตกตายของครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ทั้งเจ็ดคน นิกายใหญ่ในต่างแดนก็ไม่สามารถหยุดซูฉินได้อีกต่อไป

ดังนั้นซูฉินจึงมีความคิดที่จะไปยังที่ตั้งของนิกายใหญ่ที่ละแห่งเพื่อลงชื่อเข้าใช้

คราวที่แล้วที่ลงชื่อเข้าใช้ภายในเกาะหมื่นดาบซูฉินก็ได้รับสิ่งดีๆ กลับมามากมาย

ท่ามกลางบรรดานิกายใหญ่จํานวนมากในต่างแดนการสืบทอดมรดกของพรรคหมื่นดาบไม่ได้สั้นที่สุดแต่ก็ไม่ได้ยาวนานอย่างแน่นอนตัวอย่างเช่น นิกายใหญ่ที่สืบทอดมายาวนานนับหมื่นปีอย่างสํานักผู้วิเศษและนิกายเทพเจ้าสายฟ้าเตสะสมที่มีอยู่ภายในจะไม่ทําให้ซูฉินผิดหวังแน่นอน

“ตอนนี้ยังไม่ต้องรีบร้อน”

“เดี๋ยวค่อยคิดเรื่องนี้ตอนที่ก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี”

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ซูฉินก็ล้มเลิกความ คิดนั้นไป

หนึ่ง เป็นเพราะความแข็งแกร่งของซูฉินในปัจจุบันได้เข้าสู่ช่วงคอขวดแล้วเป็นการยากที่จะพัฒนาสิ่งใดก่อนที่จะเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี ถึงแม้ซูฉินจะลงชื่อเข้าใช้และได้รับสิ่งดีๆกลับมาก็ตามมันคงยังไม่ได้ใช้เร็วๆ นี้

นอกจากนี้ นิกายใหญ่ในต่างแดนก็ยังตั้งอยู่ที่นั่นไม่มีทางหนีไปไหนพ้นซูฉินสามารถไปได้ทุกเมื่อไม่จําเป็นต้องรีบร้อน

ประการที่สองคือนิกายใหญ่ที่สืบทอดมรดกมาเป็นหมื่นปีอย่างสํานักผู้วิเศษและนิกายเทพเจ้าสายฟ้าอาจจะมีเบื้องหลังอื่นๆ เหลืออยู่ถ้าซูฉินรีบร้อนไปตอนนี้เขาอาจจะได้รับความสูญเสีย
ดังนั้น ตามความคิดของซูฉันคือเขาจะรอจนกว่าจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีอย่างสมบูรณ์ความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกขั้นทําให้มีความมั่นใจมากขึ้น มันคงจะไม่สายที่จะ ไปที่นั่นอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ซูฉินอยู่ในจุดที่กําลังจะเปลี่ยนผ่านขอบเขตแล้วในตอนนี้ หากไม่ใช่เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝันเขาคงเริ่มทะลวงขั้นไปแล้วแต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นตามที่ซูฉินลองประเมินดูอย่างน้อยก็อีกไม่กี่เดือนเขาคงจะต้องเริ่มพัฒนาระดับพลังแล้ว

“ด้วยตอนนี้ที่ปราณฉีของข้ากลายเป็นธาตุไฟไปแล้วตอนที่จิตวิญญาณแรกกําเนิดหลอมรวมเข้ากับทะเลปราณจะต้องเข้าไปยังส่วนที่ลึกที่สุดให้ได้ ถึงเวลานั้นการก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีของข้าจึงจะได้รับผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่”

“บวกกับร่างศักดิ์สิทธิ์อีกาทองคํา……”

ดวงตาของซูฉินฉายแสงวาบ

“ตราบใดที่ข้าทะลวงผ่านได้สําเร็จก็ควรจะนับเป็นผู้แข็งแกร่งในหมู่เซียนเทพปฐพียังไม่ต้องกล่าวถึงไฟลับอื่นๆอีกหลายใบ…”

ซูฉินสงบใจลง ทันใดนั้นสายตาของเขาก็ดูมุ่งมั่น

ยามนี้ เขาพร้อมที่จะทะลวงขั้นแล้วในเวลาอันสั้นเขาจะพยายามก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ให้ได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+