เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 335 กระบวนท่าไม้ตาย

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 335 กระบวนท่าไม้ตาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 335 กระบวนท่าไม้ตาย

บนยอดเขาคุนหลุน

คนจากประตูเซียนทั้งห้าได้เฝ้ามองวิหารการสงครามตกลงไปบนมือของซูฉินอย่างเชื่อฟังปล่อยให้ซูฉินหมุนมันเล่นได้ตามใจ

“เจ้า?!”

เด็กหนุ่มยืนอยู่กับที่ด้วยความรู้สึกว่างเปล่า จ้องมองซูฉินด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจครั้งนี้เขาอาสาที่จะออกจากประตูเซียนเพื่อมายังโลกมนุษย์นอกเหนือจากคําสังของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้วมันยังเป็นเพราะวิหารการสงครามแห่งนี้อีกด้วย

เขาคิดคํานวณแล้วว่ามังกรปีศาจภายในวิหารการสงครามคงไม่สามารถมีชีวิตอยู่ไปได้ตลอดแม้จะยังไม่ได้แก่ตาย แต่ความแข็งแกร่งก็คงแทบจะเหลือไม่เท่าเดิมแล้วในเวลานี้หากพวกเขา เข้าไปภายในวิหารการสงครามและปราบมังกรปีศาจได้พวกเขาก็จะได้วิหารการสงครามกลับไป

อันที่จริงมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ตอนที่วิหารการสงครามได้โผล่ออกมามีอีกครั้ง ความแข็งแกร่งของมังกรปีศาจก็ได้ตกลงมาจากขอบเขตเซียนเทพปฐพี่แล้วเป็นเหตุให้ถูกซฉินสังหารได้หากมังกรปีศาจยังคงมีความแข็งแกร่งในขอบเขตเซียนเทพปฐพี่อยู่ล่ะก็ในตอนนั้นซฉันคงจะเลือกหันหลังจากไปอย่างแน่นอน

เด็กหนุ่มได้คาดคํานวณทุกสิ่งอย่าง ทั้งอายุขัยของมังกรปีศาจ และที่ตั้งของวิหารการสงคราม

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ชายที่มีรูปลักษณ์เหมือนเด็กหนุ่มไม่คาดคิดก็คือ เขาที่พยายามอย่างหนักจนในที่สุดก็ได้พบวิหารการสงคราม แต่ก่อนที่จะได้เข้าไปภายในวิหารการสงครามมันก็บินเข้าไปในมือซูฉินเสียก่อน…

เด็กหนุ่มจะยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างไร?

“เจ้าปรับแต่งวิหารการสงครามแล้วอย่างนั้นหรือ?” เด็กหนุ่มขยับริมฝีปากจ้องมองไปทางซูฉันพร้อมกับกล่าวคําออกมา

เมื่อครู่วิหารการสงครามได้พุ่งเข้าหาซูฉิน และความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็มีเพียงซูฉินนั้นได้ปรับแต่งมันเรียบร้อยแล้ว

มีแค่การปรับแต่งวิหารการสงครามและกลายเป็นเจ้านายของมันเท่านั้นจึงจะสามารถควบคุมวิหารการสงครามได้ราวกับกวัดแกว่งแขนขา

“ปรับแต่งวิหารการสงคราม?” สีหน้าของทั้งสี่คนรวมเทพธิดาไท่อินพลันเปลี่ยนไปสมบัติพื้นที่มิติที่ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดยอมใช้ทรัพยากรมหาศาลขัดเกลาปรับแต่งมันขึ้นมาพื้นที่ภายในนั้นกว้างใหญ่ไพศาลไม่รู้ว่ามันยอดเยี่ยมกว่าสมบัติพื้นที่มิติชั้นยอดไปมากเพียงใด

การปรับแต่งสมบัติพื้นที่มิตินั้นง่ายดายงั้นหรือ? แม้ว่าจะเป็นพวกเขา แผนการในตอนแรกก็เป็นเพียงการครอบครองวิหารการสงครามชั่วคราว แล้วนํากลับไปยังประตูเซียนมอบให้แก่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อพิจารณาต่อไปว่าจะปรับแต่งมันเช่นไร

“มิผิด” ซูฉันมองไปที่วิหารการสงครามบนฝ่ามือด้วยสีหน้าพึงพอใจ
ในบรรดาสมบัติและอาวุธวิเศษสมบัติพื้นที่มิตินั้นหายากที่สุดเสมอ เพราะมีเพียงผู้ทรงพลังถึงขีดสุดเท่านั้นที่เชี่ยวชาญพลังด้านพื้นที่มิติจึงสามารถสร้างสมบัติพื้นที่มิติออกมาได้

แม้ว่าซูฉินจะลงชื่อเข้าใช้และได้รับสมบัติพื้นที่มิติจากหอดูดาวภายในวังหลวงเมื่อไม่กี่ปีก่อน

แต่น้ําเต้ามิติอันนั้นก็มีขนาดภายในเทียบเท่าตําหนักหนึ่งตําหนักเท่านั้นเอง จะนํามาเปรียบกับวิหารการสงครามได้อย่างไร?

ซูฉินเหลือบมองไปที่วิหารการสงครามอีกสองสามครั้ง จากนั้นก็บังคับด้วยจิตนําวิหารการสงครามเข้าไปในร่าง

เมื่อเซียนเทพปฐพีทั้งห้าได้เห็นวิหารการสงครามได้หายวับไป หัวใจของพวกเขาก็จมดิ่งโดยเฉพาะเด็กหนุ่มที่แทบจะถือว่าวิหารการสงครามเป็นของของตนเองไปแล้วในยามนี้เมื่อเห็นวิหารการสงครามตกไปอยู่ในมือของคนอื่นความรู้สึกไม่ยินยอมภายในใจของเขานั้นมากเกินกว่าที่ใครจะจินตนาการได้

“เนื่องจากสหายเต่ได้ปรับแต่งวิหารการสงครามจึงกลายเป็นเจ้าของของมันแล้วแต่เราที่ออกมาจากประตูเซียน เดินทางท่องไปทั่วโลกก่อนจะพบเข้ากับวิหารการสงครามจู่ๆ สหายเต่ก็มานํามันไปอย่างเงียบๆเช่นนี้โดยพวกเราจะไม่ได้อะไรกลับไปอย่างนั้นหรือ?”

เมื่อเด็กหนุ่มกล่าวเช่นนี้ ดวงตาของเขาก็หรี่เล็กลง สาดประกายสายตาไปทางซูฉินจากนั้นจึงกล่าวต่อ “ข้าไม่แน่ใจว่าสหายเต่จะยอมตัดใจได้หรือไม่ ทิ้งวิหารการสงครามเอาไว้กับข้าและข้าจะไม่ทําให้การกระทําของสหายเต่ต้องเสียเปล่าเมื่อกลับไปยังประตูเซียนข้าจะรายงานผลงานของสหายเต๋ไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์

เด็กหนุ่มกล่าวออกอย่างช้าๆ แม้ว่าน้ําเสียงของเขาจะไม่มีความผันผวนมากนักแต่การพูดคุย ของเขากับซูฉินนั้นดูจะแสดงท่าที่คุกคามไม่น้อย

เมื่ออีกสี่คนได้ฟังคําเหล่านั้นจากเด็กหนุ่ม หัวใจของพวกเขาก็พลันเต้นแรงขึ้น

เห็นได้ชัดว่าเด็กหนุ่มพร้อมที่จะบังคับให้ซูฉันมอบวิหารการสงครามออกมาไม่เช่นนั้นเรื่องราวอาจจะต้องไปถึงหูของดินแดนศักดิ์สิทธิ์

เมื่อตระหนักได้ดังนี้ ชายท่าทางอ่อนแอและชายร่างกายอย่างหมานโหยวก็แพร่ไอพลังเข้ามาล้อมกรอบซูฉินอย่างแผ่วเบา

แม้ว่าซูฉินจะเพิ่งแสดงความแข็งแกร่งเอาชนะหมานโหยวมาได้แต่ก็ต้องรู้ไว้ว่าถึงจะเอาชนะชายร่างกํายําได้แต่จะเป็นไปได้ไหมที่จะหยุดยั้งคนทั้งห้าที่ร่วมมือกัน?

คนไม่ผิด ผิดที่ครอบครองหยก

ซูฉินฉกสมบัติอย่างวิหารการสงครามไปต่อหน้าต่อตาพวกเขาเช่นนั้นก็อย่าโทษพวกเขาเลยจะคว้ามันกลับคืนมา

“โอ?”

“จะให้ข้ามอบวิหารการสงครามให้?”

ซูฉันมองดูเด็กหนุ่ม ดวงตาของเขาสงบลงพร้อมกล่าวว่า “ถ้าข้าปฏิเสธเล่า?”

“ปฏิเสธ?”

เด็กหนุ่มยิ้ม เผยเจตนาฆ่าออกมา “หากสหายเต่ปฏิเสธพวกเราก็ต้องร่วมมือกันเพื่อขอคําชีแนะจากสหายเต่แล้ว”

คําที่กล่าวออกมา

ไอพลังของเด็กหนุ่มและของคนอื่นๆ ก็ค่อยๆลุกโชนแม้จะยังไม่ได้ปลดปล่อยพลังออกมาเต็มที่แต่ก็ต้านแรงกดดันจากซูฉินได้พอสมควร
วิหารการสงครามนั้นล้ําค่าเกินไป

หากสามารถนําวิหารการสงครามกลับไปที่ประตูเซียนได้ ชายท่าทางอ่อนแอและคนอื่นๆจะได้รับรางวัลจากประตูเซียนอย่างแน่นอน ในเวลานั้นพวกเขาก็คงมีความหวังจะเข้าสู่ขั้นสถิตเทพ

การกลายเป็นขอบเขตเซียนเทพปฐพีขั้นสถิตเทพในอนาคต กลายเป็นยักษ์ใหญ่ในประตูเซียนความเป็นไปได้เดียวนั่นคือต้องนําวิหารการสงครามกลับมา

แน่นอนว่านี่เป็นเพราะความแข็งแกร่งที่ซูฉินแสดงออกมายังคงอยู่ในขั้นแบ่งจิตและแม้ว่าคุณค่าของวิหารการสงครามจะเหนือล้ํายิ่งกว่าสมบัติล้ําค่าโดยกําเนิดของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดแต่ก็เป็นเพียงสมบัติพื้นที่มิติเท่านั้น ไม่มีพลังในการโจมตี

ไม่เช่นนั้น หากสิ่งที่ซุฉินปรับแต่งได้ไม่ใช่วิหารการสงครามแต่เป็นสมบัติล่าค่าไม่ว่าเด็กหนุ่มจะมีความกล้าหาญสักแค่ไหนเขาก็ไม่กล้าทําอะไรซูฉิน

ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ขั้นแบ่งจิตที่ถือครองสมบัติล้ําค่า แม้จะไม่ใช่สมบัติล้ําค่าโดยกําเนิดก็พอจะสร้างความสั่นสะเทือนให้กับเซียนเทพปฐพี่ขั้นกลับคืนต้นกําเนิดได้ไม่ต้องกล่าวถึงซูฉินที่อย่างน้อยก็เป็นจุดสูงสุดของขั้นแบ่งจิตเลยมิใช่หรือ?

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น”

“วันนี้เจ้าก็จงนอนอยู่ที่นี่”

ซูฉินกล่าวคําเบาๆ ด้วยดวงตาแฝงแววลึกล่า

แม้ว่าคนจากประตูเซียนทั้งห้าจะทรงพลัง ไม่ว่าใครก็แข็งแกร่งยิ่งกว่าเหลยเฉียนจือทว่าซูฉินนั้นแข็งแกร่งกว่า

ไม่ต้องพูดถึงหลังจากที่ฝึกฝนอย่างหนักมาหนึ่งปี เขาก็ได้สัมผัสถึงขั้นกลับคืนต้นกําเนิดบ้างแล้ว

“พูดจาใหญ่โตนัก!”

นั้น รัศมีพลังอันน่าเกรงขามก็พวยพุ่งสู่ท้องฟ้า แทรกซึมไปทุกอณูของเทือกเขาคุนหลุนกระจายไปทั่วทุกทิศทางอย่างบ้าคลั่ง

นอกเขาคุนหลุน

ชายชราหน้าตอบและตํานานยุทธคนอื่นๆ ก็ดูเหมือนจะรับรู้อะไรได้บางอย่างหัวใจสั่นสะท้าน

แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นบนยอดเขาคุนหลุน พวกเขาก็ยังสัมผัสได้ถึงจิตสังหารจากพลังงานที่เดือดพล่านนั่นได้อย่างรวดเร็ว

“คงจะเริ่มลงมือแล้ว”

“มนุษย์สวรรค์แห่งอาณาจักรถังได้เริ่มประมือกับเซียนเทพปฐพีทั้งห้าแล้ว!”

ชายชราหน้าตอบรู้สึกได้ถึงหัวใจที่สั่นไหว สะท้านขึ้นมาถึงล่าคอ

เซียนเทพปฐพี่หลายคนต่อสู้พร้อมกันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของดินแดนโพ้นทะเลกว่าหมื่นปีเซียนเทพปฐพี่นั้นหาได้ยากยิ่งการต่อสู้ระหว่างเซียนเทพปฐพี่นั้นไม่เคยเกิดขึ้นนับประสาอะไรกับมีหลายๆ คนลงมือพร้อมกัน?

ตํานานยุทธคนอื่นๆ ต่างตื่นเต้นไม่ต่างกัน แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ตํานานยุทธอย่างพวกเขาจะได้เห็นการต่อสู้ระหว่างเซียนเทพปฐพี่ทั้งหลายด้วยตาของตนเอง

“มนุษย์สวรรค์อาณาจักรถังจะหยุดมนุษย์สวรรค์ทั้งห้าได้หรือไม่?”

“มนุษย์สวรรค์อาณาจักรถังนั้นไร้เทียมทานในใต้หล้า มนุษย์สวรรค์ทั้งห้าไม่น่าจะสามารถทําอะไรมนุษย์สวรรค์อาณาจักรถังได้”

“นั่นก็ไม่แน่เสมอไป คนทั้งห้าเป็นถึงเซียนเทพปฐพี เมื่อร่วมมือกันฟ้าดินย่อมถล่มทลายมนุษย์สวรรค์อาณาจักรถังจะใช้อะไรมาหยุดมันได้?”

ตํานานยุทธกําลังพูดคุยกระซิบกระซาบกัน แต่จอมยุทธส่วนใหญ่ต่างก็คิดว่าซูฉินไม่น่าจะสู้มนุษย์สวรรค์ทั้งห้าได้ ท้ายที่สุดการรวมตัวกันของมนุษย์สวรรค์ถึงห้าคนก็ต้องทรงพลังจนเหลือเชื่อแม้จะเป็นผู้ทรงพลังไร้เทียมทานในใต้หล้าอย่างซุฉินแต่จะหยุดยั้งมันได้อย่างไร?

และในขณะนี้

บนยอดเขาคุนหลุน

เมื่อไอพลังของเด็กหนุ่มเพิ่มสูงขึ้น อีกสามคนก็ไม่ยั้งมืออีกต่อไป รัศมีพลังของพวกเขาพลันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กวาดเข้าหาซูฉันราวกับเป็นคลื่นยักษ์โถมเข้าใส่

ในส่วนลึกของความว่างเปล่า ทะเลปราณก่อเกลียวเป็นคลื่น ราวกับพายุหมุนโดยที่มีทั้งสี่คนเป็นจุดศูนย์กลาง ตาพายุขนาดใหญ่ทั้งสี่ดวงพลันก่อตัวขึ้น

ในตอนนี้ พลังของทะเลปราณเริ่มเดือดพล่านเล็กน้อย รัศมีพลังอันน่าหวาดกลัวถูกชักนําผ่านความว่างเปล่ามายังโลกมนุษย์

อย่างไรก็ตาม ในบรรดาเซียนเทพปฐพี่ทั้งห้า เทพธิดาไก่อินยังคงไม่เคลื่อนไหวนางมองไปยังซูฉินซึ่งถูกล้อมด้วยคนทั้งสี่อยู่เงียบๆ

ไทอินนั้นมีสถานะที่สูงมากในดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลักไก่อิน สําหรับนางแล้วนั้นวิหารการสงครามนั้นสําคัญแต่ก็ยังถือว่าปล่อยผ่านไปได้แม้ว่าจะไม่มีวิหารการสงครามแต่นางก็ยังมีโอกาสเข้าสู่ขั้นสถิตเทพอยู่ดีดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่จะไม่ได้ต้องการวิหารการสงครามมากเท่าสี่หนุ่ม

และอีกเหตุผลที่เทพธิดาไท่อนไม่เคลื่อนไหวเป็นเพราะนางไม่สามารถมองผ่านซูฉินได้

ด้วยทักษะลับของเทพธิดาไท่อิน อายุกระดูกของซูฉันนั้นไม่น่าเกินห้าร้อยปีอย่างแน่นอนอัจฉริยะที่มีศักยภาพไร้ขีดจํากัดผู้นี้กลับกลายเป็นว่ามาจากโลกที่กระแสปราณฉีเงียบงันกฎเกณฑ์ต่างๆ เหี่ยวเฉา ซึ่งน่าเหลือเชื่อยิ่ง

แน่นอน

สิ่งที่เทพธิดาไท่อนไม่รู้ก็คือ อายุที่แท้จริงของซูฉินนั้นน้อยกว่าหนึ่งร้อยปี

แม้ว่าทักษะลับของดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลักไก่อินจะสามารถทํานายอายุกระดูกของผู้ฝึกยุทธได้อย่างคร่าวๆ แต่ก็มีโอกาสได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกอยู่มากนอกจากนี้ร่างศักดิ์สิทธิ์ อีกาทองคําของซฉินยังสามารถสกัดกั้นการตรวจสอบของเทพธิดาไท่อนได้จึงเห็นเพียงแค่ว่าอายุกระดูกนั้นน้อยกว่าห้าร้อยปี

ขณะที่เทพธิดาไม่อินกําลังเฝ้าดูซูฉินอยู่เงียบๆ

เห็นได้ชัดว่าเด็กหนุ่มและคนอื่นๆ นั้นทนไม่ไหวแล้ว จึงออกกระบวนท่าเข้าใส่โดยตรง

“พรึ่บ!”

ชายหนุ่มท่าทางอ่อนแอเป็นผู้นําทัพ หยิบพัดออกมา กางออกเบาๆ และพัดไปทางซูฉิน

พายุหมุนอันน่าสะพรึงกลัวปรากฏขึ้น ในตอนแรกพายุหมุนนี้มีขนาดเพียงไม่กี่เมตร แต่เมื่อมาถึงกลางทางพายุก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดก็กลายเป็นลมพายุที่พัดผ่านท้องฟ้า

“กระบวนท่าไม้ตายของหุบเขาเทพพระพาย?” เทพธิดาไก่อินจ่าเคล็ดวิชานี้ได้ ใบหน้าของนางดูเคร่งขรึมเล็กน้อย

หุบเขาเทพพระพายเป็นหนึ่งในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภายในประตูเซียน ว่ากันว่ากระบวนท่าไม้ตายของหุบเขาเทพพระพายนั้นสามารถเรียกสายลมเข้าทําลายล้างทุกสิ่ง

ซึ่งในตอนนี้ ชายร่างกําย่า เด็กหนุ่ม และคนที่เหลือก็ลงมือเช่นเดียวกัน

เมื่อคนทั้งสี่ลงมือ พวกเขาก็ไม่ได้มีเจตนาจะหยั่งเชิงแม้แต่น้อย ใช้กระบวนท่าไม้ตายของพวกเขาออกมาตรงๆ ต้องการสังหารให้สิ้นในครั้งเดียวเพื่อป้องกันไม่ให้ซูฉินล่าถอยกลับไปได้

เห็นได้ชัดว่าฉากก่อนหน้าที่หมานโหยวได้พ่ายแพ้ซุฉินเมื่อครู่ จะทําให้เซียนเทพปฐพี่เหล่านี้กังวลเป็นอย่างมาก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจรั้งมือไว้ได้อีก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 335 กระบวนท่าไม้ตาย

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 335 กระบวนท่าไม้ตาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 335 กระบวนท่าไม้ตาย

บนยอดเขาคุนหลุน

คนจากประตูเซียนทั้งห้าได้เฝ้ามองวิหารการสงครามตกลงไปบนมือของซูฉินอย่างเชื่อฟังปล่อยให้ซูฉินหมุนมันเล่นได้ตามใจ

“เจ้า?!”

เด็กหนุ่มยืนอยู่กับที่ด้วยความรู้สึกว่างเปล่า จ้องมองซูฉินด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจครั้งนี้เขาอาสาที่จะออกจากประตูเซียนเพื่อมายังโลกมนุษย์นอกเหนือจากคําสังของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้วมันยังเป็นเพราะวิหารการสงครามแห่งนี้อีกด้วย

เขาคิดคํานวณแล้วว่ามังกรปีศาจภายในวิหารการสงครามคงไม่สามารถมีชีวิตอยู่ไปได้ตลอดแม้จะยังไม่ได้แก่ตาย แต่ความแข็งแกร่งก็คงแทบจะเหลือไม่เท่าเดิมแล้วในเวลานี้หากพวกเขา เข้าไปภายในวิหารการสงครามและปราบมังกรปีศาจได้พวกเขาก็จะได้วิหารการสงครามกลับไป

อันที่จริงมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ตอนที่วิหารการสงครามได้โผล่ออกมามีอีกครั้ง ความแข็งแกร่งของมังกรปีศาจก็ได้ตกลงมาจากขอบเขตเซียนเทพปฐพี่แล้วเป็นเหตุให้ถูกซฉินสังหารได้หากมังกรปีศาจยังคงมีความแข็งแกร่งในขอบเขตเซียนเทพปฐพี่อยู่ล่ะก็ในตอนนั้นซฉันคงจะเลือกหันหลังจากไปอย่างแน่นอน

เด็กหนุ่มได้คาดคํานวณทุกสิ่งอย่าง ทั้งอายุขัยของมังกรปีศาจ และที่ตั้งของวิหารการสงคราม

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ชายที่มีรูปลักษณ์เหมือนเด็กหนุ่มไม่คาดคิดก็คือ เขาที่พยายามอย่างหนักจนในที่สุดก็ได้พบวิหารการสงคราม แต่ก่อนที่จะได้เข้าไปภายในวิหารการสงครามมันก็บินเข้าไปในมือซูฉินเสียก่อน…

เด็กหนุ่มจะยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างไร?

“เจ้าปรับแต่งวิหารการสงครามแล้วอย่างนั้นหรือ?” เด็กหนุ่มขยับริมฝีปากจ้องมองไปทางซูฉันพร้อมกับกล่าวคําออกมา

เมื่อครู่วิหารการสงครามได้พุ่งเข้าหาซูฉิน และความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็มีเพียงซูฉินนั้นได้ปรับแต่งมันเรียบร้อยแล้ว

มีแค่การปรับแต่งวิหารการสงครามและกลายเป็นเจ้านายของมันเท่านั้นจึงจะสามารถควบคุมวิหารการสงครามได้ราวกับกวัดแกว่งแขนขา

“ปรับแต่งวิหารการสงคราม?” สีหน้าของทั้งสี่คนรวมเทพธิดาไท่อินพลันเปลี่ยนไปสมบัติพื้นที่มิติที่ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดยอมใช้ทรัพยากรมหาศาลขัดเกลาปรับแต่งมันขึ้นมาพื้นที่ภายในนั้นกว้างใหญ่ไพศาลไม่รู้ว่ามันยอดเยี่ยมกว่าสมบัติพื้นที่มิติชั้นยอดไปมากเพียงใด

การปรับแต่งสมบัติพื้นที่มิตินั้นง่ายดายงั้นหรือ? แม้ว่าจะเป็นพวกเขา แผนการในตอนแรกก็เป็นเพียงการครอบครองวิหารการสงครามชั่วคราว แล้วนํากลับไปยังประตูเซียนมอบให้แก่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อพิจารณาต่อไปว่าจะปรับแต่งมันเช่นไร

“มิผิด” ซูฉันมองไปที่วิหารการสงครามบนฝ่ามือด้วยสีหน้าพึงพอใจ
ในบรรดาสมบัติและอาวุธวิเศษสมบัติพื้นที่มิตินั้นหายากที่สุดเสมอ เพราะมีเพียงผู้ทรงพลังถึงขีดสุดเท่านั้นที่เชี่ยวชาญพลังด้านพื้นที่มิติจึงสามารถสร้างสมบัติพื้นที่มิติออกมาได้

แม้ว่าซูฉินจะลงชื่อเข้าใช้และได้รับสมบัติพื้นที่มิติจากหอดูดาวภายในวังหลวงเมื่อไม่กี่ปีก่อน

แต่น้ําเต้ามิติอันนั้นก็มีขนาดภายในเทียบเท่าตําหนักหนึ่งตําหนักเท่านั้นเอง จะนํามาเปรียบกับวิหารการสงครามได้อย่างไร?

ซูฉินเหลือบมองไปที่วิหารการสงครามอีกสองสามครั้ง จากนั้นก็บังคับด้วยจิตนําวิหารการสงครามเข้าไปในร่าง

เมื่อเซียนเทพปฐพีทั้งห้าได้เห็นวิหารการสงครามได้หายวับไป หัวใจของพวกเขาก็จมดิ่งโดยเฉพาะเด็กหนุ่มที่แทบจะถือว่าวิหารการสงครามเป็นของของตนเองไปแล้วในยามนี้เมื่อเห็นวิหารการสงครามตกไปอยู่ในมือของคนอื่นความรู้สึกไม่ยินยอมภายในใจของเขานั้นมากเกินกว่าที่ใครจะจินตนาการได้

“เนื่องจากสหายเต่ได้ปรับแต่งวิหารการสงครามจึงกลายเป็นเจ้าของของมันแล้วแต่เราที่ออกมาจากประตูเซียน เดินทางท่องไปทั่วโลกก่อนจะพบเข้ากับวิหารการสงครามจู่ๆ สหายเต่ก็มานํามันไปอย่างเงียบๆเช่นนี้โดยพวกเราจะไม่ได้อะไรกลับไปอย่างนั้นหรือ?”

เมื่อเด็กหนุ่มกล่าวเช่นนี้ ดวงตาของเขาก็หรี่เล็กลง สาดประกายสายตาไปทางซูฉินจากนั้นจึงกล่าวต่อ “ข้าไม่แน่ใจว่าสหายเต่จะยอมตัดใจได้หรือไม่ ทิ้งวิหารการสงครามเอาไว้กับข้าและข้าจะไม่ทําให้การกระทําของสหายเต่ต้องเสียเปล่าเมื่อกลับไปยังประตูเซียนข้าจะรายงานผลงานของสหายเต๋ไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์

เด็กหนุ่มกล่าวออกอย่างช้าๆ แม้ว่าน้ําเสียงของเขาจะไม่มีความผันผวนมากนักแต่การพูดคุย ของเขากับซูฉินนั้นดูจะแสดงท่าที่คุกคามไม่น้อย

เมื่ออีกสี่คนได้ฟังคําเหล่านั้นจากเด็กหนุ่ม หัวใจของพวกเขาก็พลันเต้นแรงขึ้น

เห็นได้ชัดว่าเด็กหนุ่มพร้อมที่จะบังคับให้ซูฉันมอบวิหารการสงครามออกมาไม่เช่นนั้นเรื่องราวอาจจะต้องไปถึงหูของดินแดนศักดิ์สิทธิ์

เมื่อตระหนักได้ดังนี้ ชายท่าทางอ่อนแอและชายร่างกายอย่างหมานโหยวก็แพร่ไอพลังเข้ามาล้อมกรอบซูฉินอย่างแผ่วเบา

แม้ว่าซูฉินจะเพิ่งแสดงความแข็งแกร่งเอาชนะหมานโหยวมาได้แต่ก็ต้องรู้ไว้ว่าถึงจะเอาชนะชายร่างกํายําได้แต่จะเป็นไปได้ไหมที่จะหยุดยั้งคนทั้งห้าที่ร่วมมือกัน?

คนไม่ผิด ผิดที่ครอบครองหยก

ซูฉินฉกสมบัติอย่างวิหารการสงครามไปต่อหน้าต่อตาพวกเขาเช่นนั้นก็อย่าโทษพวกเขาเลยจะคว้ามันกลับคืนมา

“โอ?”

“จะให้ข้ามอบวิหารการสงครามให้?”

ซูฉันมองดูเด็กหนุ่ม ดวงตาของเขาสงบลงพร้อมกล่าวว่า “ถ้าข้าปฏิเสธเล่า?”

“ปฏิเสธ?”

เด็กหนุ่มยิ้ม เผยเจตนาฆ่าออกมา “หากสหายเต่ปฏิเสธพวกเราก็ต้องร่วมมือกันเพื่อขอคําชีแนะจากสหายเต่แล้ว”

คําที่กล่าวออกมา

ไอพลังของเด็กหนุ่มและของคนอื่นๆ ก็ค่อยๆลุกโชนแม้จะยังไม่ได้ปลดปล่อยพลังออกมาเต็มที่แต่ก็ต้านแรงกดดันจากซูฉินได้พอสมควร
วิหารการสงครามนั้นล้ําค่าเกินไป

หากสามารถนําวิหารการสงครามกลับไปที่ประตูเซียนได้ ชายท่าทางอ่อนแอและคนอื่นๆจะได้รับรางวัลจากประตูเซียนอย่างแน่นอน ในเวลานั้นพวกเขาก็คงมีความหวังจะเข้าสู่ขั้นสถิตเทพ

การกลายเป็นขอบเขตเซียนเทพปฐพีขั้นสถิตเทพในอนาคต กลายเป็นยักษ์ใหญ่ในประตูเซียนความเป็นไปได้เดียวนั่นคือต้องนําวิหารการสงครามกลับมา

แน่นอนว่านี่เป็นเพราะความแข็งแกร่งที่ซูฉินแสดงออกมายังคงอยู่ในขั้นแบ่งจิตและแม้ว่าคุณค่าของวิหารการสงครามจะเหนือล้ํายิ่งกว่าสมบัติล้ําค่าโดยกําเนิดของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดแต่ก็เป็นเพียงสมบัติพื้นที่มิติเท่านั้น ไม่มีพลังในการโจมตี

ไม่เช่นนั้น หากสิ่งที่ซุฉินปรับแต่งได้ไม่ใช่วิหารการสงครามแต่เป็นสมบัติล่าค่าไม่ว่าเด็กหนุ่มจะมีความกล้าหาญสักแค่ไหนเขาก็ไม่กล้าทําอะไรซูฉิน

ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ขั้นแบ่งจิตที่ถือครองสมบัติล้ําค่า แม้จะไม่ใช่สมบัติล้ําค่าโดยกําเนิดก็พอจะสร้างความสั่นสะเทือนให้กับเซียนเทพปฐพี่ขั้นกลับคืนต้นกําเนิดได้ไม่ต้องกล่าวถึงซูฉินที่อย่างน้อยก็เป็นจุดสูงสุดของขั้นแบ่งจิตเลยมิใช่หรือ?

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น”

“วันนี้เจ้าก็จงนอนอยู่ที่นี่”

ซูฉินกล่าวคําเบาๆ ด้วยดวงตาแฝงแววลึกล่า

แม้ว่าคนจากประตูเซียนทั้งห้าจะทรงพลัง ไม่ว่าใครก็แข็งแกร่งยิ่งกว่าเหลยเฉียนจือทว่าซูฉินนั้นแข็งแกร่งกว่า

ไม่ต้องพูดถึงหลังจากที่ฝึกฝนอย่างหนักมาหนึ่งปี เขาก็ได้สัมผัสถึงขั้นกลับคืนต้นกําเนิดบ้างแล้ว

“พูดจาใหญ่โตนัก!”

นั้น รัศมีพลังอันน่าเกรงขามก็พวยพุ่งสู่ท้องฟ้า แทรกซึมไปทุกอณูของเทือกเขาคุนหลุนกระจายไปทั่วทุกทิศทางอย่างบ้าคลั่ง

นอกเขาคุนหลุน

ชายชราหน้าตอบและตํานานยุทธคนอื่นๆ ก็ดูเหมือนจะรับรู้อะไรได้บางอย่างหัวใจสั่นสะท้าน

แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นบนยอดเขาคุนหลุน พวกเขาก็ยังสัมผัสได้ถึงจิตสังหารจากพลังงานที่เดือดพล่านนั่นได้อย่างรวดเร็ว

“คงจะเริ่มลงมือแล้ว”

“มนุษย์สวรรค์แห่งอาณาจักรถังได้เริ่มประมือกับเซียนเทพปฐพีทั้งห้าแล้ว!”

ชายชราหน้าตอบรู้สึกได้ถึงหัวใจที่สั่นไหว สะท้านขึ้นมาถึงล่าคอ

เซียนเทพปฐพี่หลายคนต่อสู้พร้อมกันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของดินแดนโพ้นทะเลกว่าหมื่นปีเซียนเทพปฐพี่นั้นหาได้ยากยิ่งการต่อสู้ระหว่างเซียนเทพปฐพี่นั้นไม่เคยเกิดขึ้นนับประสาอะไรกับมีหลายๆ คนลงมือพร้อมกัน?

ตํานานยุทธคนอื่นๆ ต่างตื่นเต้นไม่ต่างกัน แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ตํานานยุทธอย่างพวกเขาจะได้เห็นการต่อสู้ระหว่างเซียนเทพปฐพี่ทั้งหลายด้วยตาของตนเอง

“มนุษย์สวรรค์อาณาจักรถังจะหยุดมนุษย์สวรรค์ทั้งห้าได้หรือไม่?”

“มนุษย์สวรรค์อาณาจักรถังนั้นไร้เทียมทานในใต้หล้า มนุษย์สวรรค์ทั้งห้าไม่น่าจะสามารถทําอะไรมนุษย์สวรรค์อาณาจักรถังได้”

“นั่นก็ไม่แน่เสมอไป คนทั้งห้าเป็นถึงเซียนเทพปฐพี เมื่อร่วมมือกันฟ้าดินย่อมถล่มทลายมนุษย์สวรรค์อาณาจักรถังจะใช้อะไรมาหยุดมันได้?”

ตํานานยุทธกําลังพูดคุยกระซิบกระซาบกัน แต่จอมยุทธส่วนใหญ่ต่างก็คิดว่าซูฉินไม่น่าจะสู้มนุษย์สวรรค์ทั้งห้าได้ ท้ายที่สุดการรวมตัวกันของมนุษย์สวรรค์ถึงห้าคนก็ต้องทรงพลังจนเหลือเชื่อแม้จะเป็นผู้ทรงพลังไร้เทียมทานในใต้หล้าอย่างซุฉินแต่จะหยุดยั้งมันได้อย่างไร?

และในขณะนี้

บนยอดเขาคุนหลุน

เมื่อไอพลังของเด็กหนุ่มเพิ่มสูงขึ้น อีกสามคนก็ไม่ยั้งมืออีกต่อไป รัศมีพลังของพวกเขาพลันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กวาดเข้าหาซูฉันราวกับเป็นคลื่นยักษ์โถมเข้าใส่

ในส่วนลึกของความว่างเปล่า ทะเลปราณก่อเกลียวเป็นคลื่น ราวกับพายุหมุนโดยที่มีทั้งสี่คนเป็นจุดศูนย์กลาง ตาพายุขนาดใหญ่ทั้งสี่ดวงพลันก่อตัวขึ้น

ในตอนนี้ พลังของทะเลปราณเริ่มเดือดพล่านเล็กน้อย รัศมีพลังอันน่าหวาดกลัวถูกชักนําผ่านความว่างเปล่ามายังโลกมนุษย์

อย่างไรก็ตาม ในบรรดาเซียนเทพปฐพี่ทั้งห้า เทพธิดาไก่อินยังคงไม่เคลื่อนไหวนางมองไปยังซูฉินซึ่งถูกล้อมด้วยคนทั้งสี่อยู่เงียบๆ

ไทอินนั้นมีสถานะที่สูงมากในดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลักไก่อิน สําหรับนางแล้วนั้นวิหารการสงครามนั้นสําคัญแต่ก็ยังถือว่าปล่อยผ่านไปได้แม้ว่าจะไม่มีวิหารการสงครามแต่นางก็ยังมีโอกาสเข้าสู่ขั้นสถิตเทพอยู่ดีดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่จะไม่ได้ต้องการวิหารการสงครามมากเท่าสี่หนุ่ม

และอีกเหตุผลที่เทพธิดาไท่อนไม่เคลื่อนไหวเป็นเพราะนางไม่สามารถมองผ่านซูฉินได้

ด้วยทักษะลับของเทพธิดาไท่อิน อายุกระดูกของซูฉันนั้นไม่น่าเกินห้าร้อยปีอย่างแน่นอนอัจฉริยะที่มีศักยภาพไร้ขีดจํากัดผู้นี้กลับกลายเป็นว่ามาจากโลกที่กระแสปราณฉีเงียบงันกฎเกณฑ์ต่างๆ เหี่ยวเฉา ซึ่งน่าเหลือเชื่อยิ่ง

แน่นอน

สิ่งที่เทพธิดาไท่อนไม่รู้ก็คือ อายุที่แท้จริงของซูฉินนั้นน้อยกว่าหนึ่งร้อยปี

แม้ว่าทักษะลับของดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลักไก่อินจะสามารถทํานายอายุกระดูกของผู้ฝึกยุทธได้อย่างคร่าวๆ แต่ก็มีโอกาสได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกอยู่มากนอกจากนี้ร่างศักดิ์สิทธิ์ อีกาทองคําของซฉินยังสามารถสกัดกั้นการตรวจสอบของเทพธิดาไท่อนได้จึงเห็นเพียงแค่ว่าอายุกระดูกนั้นน้อยกว่าห้าร้อยปี

ขณะที่เทพธิดาไม่อินกําลังเฝ้าดูซูฉินอยู่เงียบๆ

เห็นได้ชัดว่าเด็กหนุ่มและคนอื่นๆ นั้นทนไม่ไหวแล้ว จึงออกกระบวนท่าเข้าใส่โดยตรง

“พรึ่บ!”

ชายหนุ่มท่าทางอ่อนแอเป็นผู้นําทัพ หยิบพัดออกมา กางออกเบาๆ และพัดไปทางซูฉิน

พายุหมุนอันน่าสะพรึงกลัวปรากฏขึ้น ในตอนแรกพายุหมุนนี้มีขนาดเพียงไม่กี่เมตร แต่เมื่อมาถึงกลางทางพายุก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดก็กลายเป็นลมพายุที่พัดผ่านท้องฟ้า

“กระบวนท่าไม้ตายของหุบเขาเทพพระพาย?” เทพธิดาไก่อินจ่าเคล็ดวิชานี้ได้ ใบหน้าของนางดูเคร่งขรึมเล็กน้อย

หุบเขาเทพพระพายเป็นหนึ่งในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภายในประตูเซียน ว่ากันว่ากระบวนท่าไม้ตายของหุบเขาเทพพระพายนั้นสามารถเรียกสายลมเข้าทําลายล้างทุกสิ่ง

ซึ่งในตอนนี้ ชายร่างกําย่า เด็กหนุ่ม และคนที่เหลือก็ลงมือเช่นเดียวกัน

เมื่อคนทั้งสี่ลงมือ พวกเขาก็ไม่ได้มีเจตนาจะหยั่งเชิงแม้แต่น้อย ใช้กระบวนท่าไม้ตายของพวกเขาออกมาตรงๆ ต้องการสังหารให้สิ้นในครั้งเดียวเพื่อป้องกันไม่ให้ซูฉินล่าถอยกลับไปได้

เห็นได้ชัดว่าฉากก่อนหน้าที่หมานโหยวได้พ่ายแพ้ซุฉินเมื่อครู่ จะทําให้เซียนเทพปฐพี่เหล่านี้กังวลเป็นอย่างมาก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจรั้งมือไว้ได้อีก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+