เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 301 แตกกระจายใน สัมผัสเดียว

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 301 แตกกระจายใน สัมผัสเดียว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 301 แตกกระจายใน สัมผัสเดียว

เหนือพระราชวัง

ร่างทั้งเจ็ดเปรียบเสมือนเทพปีศาจ ยืนอยู่สูงเหนือฟากฟ้า มีไอพลังที่น่าสยดสยองแทรกซึมออกมา ปกคลุมจิตใจทุกคนให้รู้สึกเหมือนกับเกิดเภทภัยร้ายแรง

“ชิงหมางได้พบสหายเต่แล้ว”

ในบรรดาร่างทั้งเจ็ดนั้น มีเพียงเจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางเท่านั้นที่แย้มยิ้มเล็กน้อยมองมาทางซูฉิน

สําหรับอีกหกร่างที่เหลือ ต่างก็มองซูฉินในลักษณะที่แตกต่างออกไป ไม่ว่าจะเป็นเยาะเย้ย เฉยชา หรือสงบนิ่ง

“นี่คือเบื้องหลังของนิกายใหญ่?”

ซูฉินสายศีรษะเล็กน้อย

เจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางไม่ได้แข็งแกร่งที่สุด ในหมู่คนทั้งเจ็ด รัศมีของร่างทั้งหกที่เหลือนั้นลึกล้ํามาก ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมาง ทุกคนล้วนเป็นขุมพลังที่ไม่สามารถเทียบเทียม ต่างมาถึงครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีกันแล้วทั้งนั้น

“สหายเต่ดูเหมือนจะพร้อมต่อสู้?”

เจ้าสํานักผู้ วิเศษชิงหมางหัวเราะคิกคัก
ในตอนที่ซูฉินปฏิเสธข้อเสนอของเขา เจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางรู้ดีว่าซูฉินควรจะมีไพ่ลับของตนเองอยู่

อย่างไรก็ตาม ภายในใจของเจ้าสํานักผู้วิเศษ ชิงหมาง ถึงจะไม่รู้ว่าซูฉินมีไพลับประเภทใด แต่ก็ไม่มีทางจะช่วยให้รอดพ้นจากการร่วมมือกันของรากฐานทั้งหมดของนิกายใหญ่ได้

ซูฉินมีไพ่ลับ แล้วนิกายใหญ่จะไม่มีไพ่ลับในมือหรอกหรือ?

การสะสมยาวนานหลายร้อยปีของซูฉินจะมา เทียบกับนิกายใหญ่ที่สะสมมรดกมากว่าหมื่นปีได้อย่างไร?

“ที่นี่ไม่เหมาะสําหรับการต่อสู้

ซูฉินกวาดสายตาไปมองจักรพรรดิถังและคนอื่นๆ เขาก้าวไปด้านหน้าแล้วหายวับไป แต่ในการรับรู้ของเจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางและคนอื่นๆ ร่างของซูฉินไปปรากฏเหนือท้องฟ้าหลายพันเมตรแล้ว
“ตามนั้น”

เจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางเหลือบมองพระราชวังถังพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย

หากพวกเขาต่อสู้ที่นี่ ผลที่ตามมาคงทําให้ทั้งเมืองฉางอันกลายเป็นซากปรักหักพัง และเมื่อเมืองฉางอันถูกทําลาย อาณาจักรถังจะต้องตกอยู่ในความวุ่นวายอย่างแน่นอน มันไม่ดีสําหรับนิกายใหญ่ที่จะเข้ายึดแผ่นดินแห่งพลังยุทธฯ เท่าไหร่นัก

อีกหกร่างเองก็ไม่ได้มีข้อขัดข้องใด สําหรับพวกเขาอาณาจักรถังเป็นเหมือนทรัพย์สมบัติของตนมานานแล้ว และพวกเขาก็ยินดีที่จะทําตาม
หลังจากที่ทั้งเจ็ดร่างหายไปจักรพรรดิถังและซูเยวหยุนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เมื่อครู่ที่ร่างทั้งเจ็ดยืนอยู่บนอากาศ ดูเหมือนพวกเขาจะแปรเปลี่ยนเป็นแผ่นฟ้าอันยิ่งใหญ่ แม้จะยืนอยู่นิ่งๆ แต่ก็สร้างแรงกดดันอย่างมหาศาลให้กับจักรพรรดิถังและซูเยวหยุน

แรงกดดันประเภทนี้ไม่ใช่พลังงานที่เข้ากดดัน แต่เป็นแรงกดดันจากแก่นแท้ของชีวิต ดูเหมือนว่าร่างทั้งเจ็ดนั้นจะอยู่เหนือมนุษย์ธรรมดาไปอย่างสมบูรณ์

ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง

แม้ว่าครึ่งก้าวสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่จะไม่ถึงกับควบคุมโลกได้ด้วยความคิดเดียวเหมือนเซียนเทพปฐพีจริงๆ แต่ความเข้าใจต่างๆเทียบเคียงได้กับขอบเขตเซียนเทพปฐพี่มิใช่หรือ?

“พี่สาม จะต้องไม่แพ้…” จักรพรรดิถังกําหมัดแน่น พึมพําด้วยเสียงต่ํา
แม้ว่าจักรพรรดิถังจะไม่ทราบที่มาของคนทั้งเจ็ด แต่เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายยากแท้หยั่งถึง ด้วยความพยายามร่วมกันเช่นนี้ คงจะเตรียมล้อมสังหารซูฉินอย่างเต็มที่

“พี่สามจะต้องชนะอย่างแน่นอน” ซูเยวหยุนที่ยืนอยู่ด้านข้างกล่าวออกด้วยความประหม่า

เหนือพระราชวังถังหลายพันเมตร

ในเวลานี้มีร่างแปดร่างยืนอยู่อย่างสบายๆ สายลมด้านบนที่สามารถฉีกร่างยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งได้นั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าทั้งแปดร่างมันดูสงบเสงี่ยมยิ่ง ไม่สามารถเข้าใกล้พวกเขาในระยะร้อยเมตรได้เลย

“พวกข้าหลับใหลด้วยวิธีลับปิดผนึกตนมานับพันปีแล้ว สหายเต๋าคงไม่เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับพวกเรา” เจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางพูดอย่างอ่อนโยน ราวกับพวกเขาไม่ได้กําลังปิดล้อมสังหารซูฉินเลย เสมือนคุยเล่นกับเพื่อนมากกว่า

“นี่คือบรรพชนหิมะจากตําหนักเทพเจ้าหิมะ ศิษย์สายตรงของเซียนเทพปฐพีตําหนักเทพเจ้าหิมะเมื่อสองพันแปดร้อยปีก่อน แม้การทะลวงขอบเขตจะล้มเหลว แต่ก็มีทักษะหายากซึ่งสืบทอดมาจากเซียนเทพปฐพี่ตําหนักเทพเจ้าหิมะ….”

เจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางมองไปที่หญิงชุดขาว แนะนํานางให้ฟังสั้นๆ
“คารวะสหายเต่า”

บรรพชนหิมะสวมผ้าคลุมหน้าแผ่นบางๆ บรรพชนหิมะนั้นดูธรรมดากว่าบรรพชนคนอื่นๆ ในตําหนักเทพเจ้าหิมะเสียอีก กลิ่นอายบรรจบกันอย่างสมบูรณ์ ไม่มีการรั่วไหลออกมาเลย สูงสุดคืนสู่สามัญอย่างแท้จริง

“นี่คือบรรพชนสายฟ้าจากนิกายเทพเจ้าสายฟ้า ในยุคของเขามีเซียนเทพปฐพีกําเนิดขึ้น และบรรพชนสายฟ้าก็เคยสู้กับเซียนเทพปฐพีผู้นั้นก่อนที่จะทะลวงขอบเขตมาก่อนด้วย ทั้งยังได้ชัยชนะมาจนตัวตนระดับนั้นหนีไปอยู่ดินแดนอื่นเป็นร้อย

เจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางมองไปที่ชายคนหนึ่ง พร้อมกับกล่าวคําออกมา
บรรพชนสายฟ้าเป็นชายร่างสูง ดูเหมือนจะมีสายฟ้าแล่นวาบอยู่ในดวงตาของเขา ดูไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง แม้เพียงชําเลืองตามอง ตํานานยุทธขั้นสูงสุดธรรมดาคงจะรู้สึกสั่นสะท้านอยู่ไม่น้อย แม้แต่จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ยังไม่สามารถเข้าใกล้ได้ น่ากลัวยิ่ง

“ส่วนท่านนี้เป็นบรรพชนคนแรกของนิกายเฮยหยวน…”

“ทั้งยังมีจ้าวโอสถจากสํานักเทพโอสถด้วย…”

เจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางแนะนําทั้งหกร่างอ ย่างรวดเร็ว

“สํานักเทพโอสถ…”

ซูฉินมองไปยังชายชราที่สวมชุดคลุมสีขาวส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า “สํานักเทพโอสถของพวกท่านแสวงหาจุดสูงสุดของการปรุงโอสถมิใช่หรือ จะลงมาเดินจมในน้ําโคลนนี้ทําไม?”

ในบรรดานิกายใหญ่จํานวนมากในต่างแดน สํานักเทพโอสถนั้นมีสถานะที่พิเศษมาก แม้แต่นิกายใหญ่ที่สืบทอดมรดกมานานนับหมื่นปีอย่าง นิกายเทพเจ้าสายฟ้าและสํานักผู้วิเศษยังไม่กล้าหยาบคายเมื่ออยู่ต่อหน้าสํานักเทพโอสถ

สํานักเทพโอสถ ไม่ใช่แค่นิกายที่สร้างโดยเซียนเทพปฐพี มีเบื้องหลังที่ไม่อาจหยั่งถึงเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นเป็นเพราะสํานักเทพโอสถควบคุมดูแลโอสถเกือบทั้งหมดที่อยู่ในต่างดินแดน

การฝึกฝน พรสวรรค์และความเข้าใจในวิทยายุทธนั้นมีความสําคัญอย่างแน่นอน แต่โอสถก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เช่นกัน

ซูฉินไม่ได้คาดคิดว่าสํานักเทพโอสถที่เพิกเฉยต่อโลกภายนอกเสมอ บัดนี้กลับร่วมมือกับเจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางและคนอื่นๆ

ด้วยสถานะของสํานักเทพโอสถในต่างดินแดน ตราบใดที่พวกเขาไม่ต้องการ เจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางก็จะไม่กล้าข่มเหงอย่างแน่นอน
ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว….นั่นก็คือ สํานักเทพโอสถจะต้องสนใจแผ่นดินแห่งพลังยุทธอันยิ่งใหญ่ด้วย

“ท่ามกลางการฟื้นคืนของกระแสปราณฉี มีเพียงแผ่นดินแห่งพลังยุทธฯ เท่านั้นที่จะให้กําเนิดโอสถอายุวัฒนะพันปี และแม้แต่โอสถศักดิ์สิทธิ์ในตํานาน สํานักเทพโอสถของเราต้องการปรับแต่งเม็ดยาที่ยอดเยี่ยมออกมา ฉะนั้นจึงไม่มาไม่ได้”

จ้าวโอสถมองมาที่ซูฉินด้วยท่าทางเคร่งขรึม

แม้ว่าสํานักเทพโอสถจะจดจ่ออยู่แต่กับการปรุงโอสถ แต่ก็มีหลายสิ่งให้ทํานอกเหนือจากการปรุงแต่งเม็ดยา นี่เป็นนิกายที่สืบทอดต่อมาจากเซียนเทพปฐพี หากทําได้เพียงปรุงกลั่น โอสถคงจะพ่ายแพ้ให้แก่นิกายใหญ่แห่งอื่นๆ เหล่านักปรุงยาคงถูกจับขังในกรง

“เข้าใจแล้ว”

ซูฉินถอนหายใจเบาๆ

แม้จะเป็นสํานักเทพโอสถที่แยกตัวโดดเดี่ยว ก็ยังกล่าวคําพูดเช่นนี้ออกมา

“สํานักผู้วิเศษ นิกายเทพเจ้าสายฟ้า นิกายเฮยหยวน สํานักเทพโอสถ……”

ซูฉินหัวเราะเบาๆ แล้วเปลี่ยนทิศทางการสนทนา “ทําไมสํานักเอกะวิถีไม่มาเล่า?”

ในตอนนี้พวกของเจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางทั้งเจ็ดก็เกือบจะเป็นนิกายใหญ่ระดับสูงทั้งหมดในต่างแดนแล้ว แต่วิหารหมื่นพุทธกับสํานักเอกะวิถีไม่ได้ส่งใครมา

สามารถเข้าใจได้ว่าทําไมวิหารหมื่นพุทธจึงไม่ส่งคนเข้าร่วม หลังจากที่ซูฉินลงมือในทะเลทรายตะวันตก เขาก็ถูกมองว่าเป็นองค์ยูไลไปแล้ว แต่ กับสํานักเอกะวิถี…..

สํานักเอกะวิถีก็เป็นนิกายใหญ่ที่สืบทอดมรดก มาตั้งแต่ยุคเฟื่องฟูกระแสปราณฉีครั้งล่าสุด มีภูมิหลังไม่ต่ําต้อยไปกว่าสํานักผู้วิเศษและนิกายเทพเจ้าสายฟ้าอย่างแน่นอน จะต้องมีครึ่งก้าวสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่หลับใหลอยู่บ้าง

“สํานักเอกะวิถี……”

รอยยิ้มของเจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางค่อยๆจางลง

เขาไปเยือนสํานักเอกะวิถี แต่อีกฝ่ายไม่เต็มใจจะโจมตีซูฉิน แม้เจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางจะสัญญาว่าจะแบ่งสัดส่วนแผ่นดินแห่งพลังยุทธฯด้วยกันก็ตาม

“แค่พวกข้าทั้งเจ็ดคนที่อยู่ที่นี่ ยังไม่อยู่ในสายตาของสหายเต่ําอีกหรือ?”
เจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางกล่าวออกช้าๆ

แม้ว่าจะไม่มีคนของสํานักเอกะวิถีเข้าร่วมในครั้งนี้ แต่เจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมาง บรรพชนหิมะ บรรพชนสายฟ้า ปฐมบรรพชนนิกายเฮยหยวน ล้วนเป็นขุมพลังครึ่งก้าวสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี ที่ไม่มีใครเทียบเทียม ผู้ใดบ้างที่ไม่ใช่ภูมิหลังที่แข็งแกร่งที่สุดของนิกายของพวกเขาเอง?

ทั้งเจ็ดเรียกได้ว่าเกือบจะแข็งแกร่งที่สุดในหมู่นิกายใหญ่จํานวนมากแล้ว ในยุคที่ไม่มีเซียนเทพปฐพีเช่นนี้ คนทั้งเจ็ดต่างเป็นสัญลักษณ์แห่งภัยพิบัติ เป็นเรื่องง่ายมากที่จะทําลายนิกายใหญ่อย่างพรรคหมื่นดาบ

หากเป็นตํานานยุทธคนอื่นๆ ที่มายืนอยู่ที่นี่ เกรงว่าพวกเขาคงสั่นสะท้านมาตั้งนานแล้ว คนทั้งเจ็ดรวมถึงเจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมาง ไม่เพียงแต่เป็นสัญลักษณ์ของผู้ไร้เทียมทาน แต่ยังเป็นตัวแทนของนิกายใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังของพวกเขาด้วย เป็นพลังอํานาจส่วนใหญ่ที่นิกายใหญ่ในต่างดินแดนมี

“เลิกพูดไร้สาระกันได้แล้ว”

“หากต้องการมีชีวิตรอดก็จงรีบมอบกิ่งไม้อสนีบาตภัย สมบัตินิกายของข้ามาได้แล้ว ไม่เช่นนั้น เมื่อสายฟ้าฟาดลงมาทั้งร่างกายและจิตวิญญาณของเจ้าจะต้องถูกทําลาย”

บรรพชนสายฟ้าเน้นทุกคําพูด เสียงที่เปล่งออกมาราวกับฟ้าร้องดังก้อง

ครานี้ที่เขาเข้าร่วมกับเจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมาง นอกเหนือจากการล้อมสังหารซูฉินเพื่อแบ่งสันปันส่วนดินแดนกันแล้วนั้น เขายังมีเป้าหมายที่จะน่ากิ่งไม้อสนีบาตภัยที่อยู่ในมือของซูฉินกลับมาด้วย

นับตั้งแต่บรรพบุรุษเหลยสิ่งตกตายด้วยน้ํามือของซูฉิน กิ่งไม้อสนีบาตภัยก็หายไป ซูฉินจึงเป็นเป้าหมายที่นิกายเทพเจ้าสายฟ้าจะต้องสังหาร

สําหรับนิกายเทพเจ้าสายฟ้า กิ่งไม้อสนีบาตภัย ไม่เพียงแต่ช่วยให้ฝึกฝนทักษะลับได้ แต่ยังมีร่องรอยของสายฟ้าสวรรค์เก้าชั้นฟ้าซึ่งเป็นความหวังที่จะทําให้ศิษย์นิกายเทพเจ้าสายฟ้าสามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี

หากปราศจากกิ่งไม้อสนีบาตภัยนี้ ศิษย์นิกายเทพเจ้าสายฟ้าที่ใช้จิตวิญญาณแรกกําเนิดหลอมรวมเข้าไปในทะเลปราณ คงจะไม่สามารถต้านทานพลังของทะเลปราณได้ มันเป็นพลังงานสายฟ้าที่รุนแรงยิ่ง

“กิ่งไม้อสนีบาตภัย?”

ซูฉินมองไปที่บรรพชนสายฟ้าพร้อมกับถอนหายใจ “พลังสายฟ้าภายในนั้นดีมาก ข้าใช้เวลา ตั้งหลายวันกว่าจะกลืนกินมันจนหมด…”

“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน เจ้ากล้า!!!”

เมื่อบรรพชนสายฟ้าได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง
ความหมายจากคําพูดของซูฉินนั้นชัดเจนว่า เขาได้กลืนกินพลังงานสายฟ้าภายในกิ่งไม้อสนีบาตภัยไปหมดแล้ว

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ กิ่งไม้อสนีบาตภัยไม่มีอยู่บนโลกนี้อีกแล้ว

สิ่งที่เกิดขึ้นจะไม่ทําให้บรรพชนสายฟ้าโกรธได้อย่างไร?
กลิ่นอายสายฟ้าสวรรค์เก้าชั้นฟ้าในกิ่งไม้อสนีบาตภัยนั้นล้ําค่าอย่างยิ่ง แม้จะเป็นนิกายเทพเจ้าสายฟ้าก็ทะนุถนอมมันอยู่ตลอดเวลา ไม่กล้าเสียไปแม้แต่นิดเดียว จะกลืนกินเข้าไปตรงๆ อย่างซูฉินได้ที่ไหนกัน
“ข้าจะดึงจิตวิญญาณแรกกําเนิดของเจ้าออกมา และดึงกลิ่นอายสายฟ้าสวรรค์เก้าชั้นฟ้าภายในร่างของเจ้าออกมาให้หมด”

สายตาของบรรพชนสายฟ้าคล้ายกับสายฟ้าฟาด มันคํารามก้องกังวาน
ก่อนที่จะพูดจบ บรรพชนสายฟ้าก็ยกมือขวาขึ้น พลันเห็นสายฟ้าที่น่าสะพรึงกลัวฟาดลงมา ราวกับมังกรเริงระบํา เคลื่อนตัวเข้าหาซูฉิน

แม้ว่าการโจมตีของบรรพชนสายฟ้าจะเป็นเพียงสายฟ้าธรรมดา แต่ก็แข็งแกร่งเกินกว่าบรรพบุรุษเหลยสิ่งจะเทียบได้ มันเกือบจะสร้างพลังได้ เทียบเท่าจิตวิญญาณแรกกําเนิดที่มีพลังมากที่สุด ส่วนครึ่งก้าวเข้าสู่เซียนเทพปฐพี่ที่เหลือต่างจับจ้องมองดูเหตุการณ์นี้

เพียงแต่ในสายตาของทุกคน สายฟ้าฟาดเมื่อครู่นี้ เมื่อผ่าลงมาสัมผัสรัศมีร้อยจ้างรอบตัวซูฉิน ทุกอย่างก็กระจายหายไปราวกับไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน

พลังสายฟ้าที่บรรพชนสายฟ้าเรียกออกมานั้น ไม่สามารถเข้าถึงระยะร้อยจ้างรอบตัวซูฉินได้ด้วยซ้ํา สิ่งนี้ทําให้สีหน้าของบรรพชนหิมะและคนอื่นๆ ซึ่งเดิมมีท่าทีผ่อนคลายค่อยๆเปลี่ยนเป็นจริงจัง

แค่สิ่งนี้เพียงอย่างเดียว ซูฉินก็มีคุณสมบัติเพียงพอจะต่อกรกับพวกเขาแล้ว

“ลงมือพร้อมกัน”

ท่าทีของบรรพชนสายฟ้าไม่ได้เปลี่ยนไปเลย การโจมตีเมื่อครู่เป็นเพียงเพื่อการทดสอบซูฉินไม่ได้มุ่งหมายเอาชีวิต ในขณะที่บรรพชนสายฟ้าตะโกนเสียงดังก้อง ทันใดนั้นท้องฟ้าก็ปกคลุมไปด้วยกลุ่มเมฆมืดครึ้ม เสียงฟ้าร้องนับหมื่นคํารามก้องอยู่ภายใน

อีกหกคนมองหน้ากัน และพร้อมที่จะลงมือ

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หลังจากวันนี้ บนโลกจะไม่มีนิกายใหญ่อีกต่อไป” ดวงตาของซูฉินสาดเจตนาฆ่าออกมา

เขาก้าวไปด้านหน้า ใช้มือขวาคว้าจับไปยังส่วนลึกของความว่างเปล่า
ฉีก!

ทันใดนั้น ทั้งโลกก็เปลี่ยนเป็นสีดําสนิท เห็นประกายคมมีดที่วาบผ่านอากาศราวกับตัดทะลวงช่องว่างมิติ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 301 แตกกระจายใน สัมผัสเดียว

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 301 แตกกระจายใน สัมผัสเดียว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 301 แตกกระจายใน สัมผัสเดียว

เหนือพระราชวัง

ร่างทั้งเจ็ดเปรียบเสมือนเทพปีศาจ ยืนอยู่สูงเหนือฟากฟ้า มีไอพลังที่น่าสยดสยองแทรกซึมออกมา ปกคลุมจิตใจทุกคนให้รู้สึกเหมือนกับเกิดเภทภัยร้ายแรง

“ชิงหมางได้พบสหายเต่แล้ว”

ในบรรดาร่างทั้งเจ็ดนั้น มีเพียงเจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางเท่านั้นที่แย้มยิ้มเล็กน้อยมองมาทางซูฉิน

สําหรับอีกหกร่างที่เหลือ ต่างก็มองซูฉินในลักษณะที่แตกต่างออกไป ไม่ว่าจะเป็นเยาะเย้ย เฉยชา หรือสงบนิ่ง

“นี่คือเบื้องหลังของนิกายใหญ่?”

ซูฉินสายศีรษะเล็กน้อย

เจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางไม่ได้แข็งแกร่งที่สุด ในหมู่คนทั้งเจ็ด รัศมีของร่างทั้งหกที่เหลือนั้นลึกล้ํามาก ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมาง ทุกคนล้วนเป็นขุมพลังที่ไม่สามารถเทียบเทียม ต่างมาถึงครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีกันแล้วทั้งนั้น

“สหายเต่ดูเหมือนจะพร้อมต่อสู้?”

เจ้าสํานักผู้ วิเศษชิงหมางหัวเราะคิกคัก
ในตอนที่ซูฉินปฏิเสธข้อเสนอของเขา เจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางรู้ดีว่าซูฉินควรจะมีไพ่ลับของตนเองอยู่

อย่างไรก็ตาม ภายในใจของเจ้าสํานักผู้วิเศษ ชิงหมาง ถึงจะไม่รู้ว่าซูฉินมีไพลับประเภทใด แต่ก็ไม่มีทางจะช่วยให้รอดพ้นจากการร่วมมือกันของรากฐานทั้งหมดของนิกายใหญ่ได้

ซูฉินมีไพ่ลับ แล้วนิกายใหญ่จะไม่มีไพ่ลับในมือหรอกหรือ?

การสะสมยาวนานหลายร้อยปีของซูฉินจะมา เทียบกับนิกายใหญ่ที่สะสมมรดกมากว่าหมื่นปีได้อย่างไร?

“ที่นี่ไม่เหมาะสําหรับการต่อสู้

ซูฉินกวาดสายตาไปมองจักรพรรดิถังและคนอื่นๆ เขาก้าวไปด้านหน้าแล้วหายวับไป แต่ในการรับรู้ของเจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางและคนอื่นๆ ร่างของซูฉินไปปรากฏเหนือท้องฟ้าหลายพันเมตรแล้ว
“ตามนั้น”

เจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางเหลือบมองพระราชวังถังพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย

หากพวกเขาต่อสู้ที่นี่ ผลที่ตามมาคงทําให้ทั้งเมืองฉางอันกลายเป็นซากปรักหักพัง และเมื่อเมืองฉางอันถูกทําลาย อาณาจักรถังจะต้องตกอยู่ในความวุ่นวายอย่างแน่นอน มันไม่ดีสําหรับนิกายใหญ่ที่จะเข้ายึดแผ่นดินแห่งพลังยุทธฯ เท่าไหร่นัก

อีกหกร่างเองก็ไม่ได้มีข้อขัดข้องใด สําหรับพวกเขาอาณาจักรถังเป็นเหมือนทรัพย์สมบัติของตนมานานแล้ว และพวกเขาก็ยินดีที่จะทําตาม
หลังจากที่ทั้งเจ็ดร่างหายไปจักรพรรดิถังและซูเยวหยุนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เมื่อครู่ที่ร่างทั้งเจ็ดยืนอยู่บนอากาศ ดูเหมือนพวกเขาจะแปรเปลี่ยนเป็นแผ่นฟ้าอันยิ่งใหญ่ แม้จะยืนอยู่นิ่งๆ แต่ก็สร้างแรงกดดันอย่างมหาศาลให้กับจักรพรรดิถังและซูเยวหยุน

แรงกดดันประเภทนี้ไม่ใช่พลังงานที่เข้ากดดัน แต่เป็นแรงกดดันจากแก่นแท้ของชีวิต ดูเหมือนว่าร่างทั้งเจ็ดนั้นจะอยู่เหนือมนุษย์ธรรมดาไปอย่างสมบูรณ์

ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง

แม้ว่าครึ่งก้าวสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่จะไม่ถึงกับควบคุมโลกได้ด้วยความคิดเดียวเหมือนเซียนเทพปฐพีจริงๆ แต่ความเข้าใจต่างๆเทียบเคียงได้กับขอบเขตเซียนเทพปฐพี่มิใช่หรือ?

“พี่สาม จะต้องไม่แพ้…” จักรพรรดิถังกําหมัดแน่น พึมพําด้วยเสียงต่ํา
แม้ว่าจักรพรรดิถังจะไม่ทราบที่มาของคนทั้งเจ็ด แต่เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายยากแท้หยั่งถึง ด้วยความพยายามร่วมกันเช่นนี้ คงจะเตรียมล้อมสังหารซูฉินอย่างเต็มที่

“พี่สามจะต้องชนะอย่างแน่นอน” ซูเยวหยุนที่ยืนอยู่ด้านข้างกล่าวออกด้วยความประหม่า

เหนือพระราชวังถังหลายพันเมตร

ในเวลานี้มีร่างแปดร่างยืนอยู่อย่างสบายๆ สายลมด้านบนที่สามารถฉีกร่างยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งได้นั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าทั้งแปดร่างมันดูสงบเสงี่ยมยิ่ง ไม่สามารถเข้าใกล้พวกเขาในระยะร้อยเมตรได้เลย

“พวกข้าหลับใหลด้วยวิธีลับปิดผนึกตนมานับพันปีแล้ว สหายเต๋าคงไม่เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับพวกเรา” เจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางพูดอย่างอ่อนโยน ราวกับพวกเขาไม่ได้กําลังปิดล้อมสังหารซูฉินเลย เสมือนคุยเล่นกับเพื่อนมากกว่า

“นี่คือบรรพชนหิมะจากตําหนักเทพเจ้าหิมะ ศิษย์สายตรงของเซียนเทพปฐพีตําหนักเทพเจ้าหิมะเมื่อสองพันแปดร้อยปีก่อน แม้การทะลวงขอบเขตจะล้มเหลว แต่ก็มีทักษะหายากซึ่งสืบทอดมาจากเซียนเทพปฐพี่ตําหนักเทพเจ้าหิมะ….”

เจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางมองไปที่หญิงชุดขาว แนะนํานางให้ฟังสั้นๆ
“คารวะสหายเต่า”

บรรพชนหิมะสวมผ้าคลุมหน้าแผ่นบางๆ บรรพชนหิมะนั้นดูธรรมดากว่าบรรพชนคนอื่นๆ ในตําหนักเทพเจ้าหิมะเสียอีก กลิ่นอายบรรจบกันอย่างสมบูรณ์ ไม่มีการรั่วไหลออกมาเลย สูงสุดคืนสู่สามัญอย่างแท้จริง

“นี่คือบรรพชนสายฟ้าจากนิกายเทพเจ้าสายฟ้า ในยุคของเขามีเซียนเทพปฐพีกําเนิดขึ้น และบรรพชนสายฟ้าก็เคยสู้กับเซียนเทพปฐพีผู้นั้นก่อนที่จะทะลวงขอบเขตมาก่อนด้วย ทั้งยังได้ชัยชนะมาจนตัวตนระดับนั้นหนีไปอยู่ดินแดนอื่นเป็นร้อย

เจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางมองไปที่ชายคนหนึ่ง พร้อมกับกล่าวคําออกมา
บรรพชนสายฟ้าเป็นชายร่างสูง ดูเหมือนจะมีสายฟ้าแล่นวาบอยู่ในดวงตาของเขา ดูไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง แม้เพียงชําเลืองตามอง ตํานานยุทธขั้นสูงสุดธรรมดาคงจะรู้สึกสั่นสะท้านอยู่ไม่น้อย แม้แต่จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ยังไม่สามารถเข้าใกล้ได้ น่ากลัวยิ่ง

“ส่วนท่านนี้เป็นบรรพชนคนแรกของนิกายเฮยหยวน…”

“ทั้งยังมีจ้าวโอสถจากสํานักเทพโอสถด้วย…”

เจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางแนะนําทั้งหกร่างอ ย่างรวดเร็ว

“สํานักเทพโอสถ…”

ซูฉินมองไปยังชายชราที่สวมชุดคลุมสีขาวส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า “สํานักเทพโอสถของพวกท่านแสวงหาจุดสูงสุดของการปรุงโอสถมิใช่หรือ จะลงมาเดินจมในน้ําโคลนนี้ทําไม?”

ในบรรดานิกายใหญ่จํานวนมากในต่างแดน สํานักเทพโอสถนั้นมีสถานะที่พิเศษมาก แม้แต่นิกายใหญ่ที่สืบทอดมรดกมานานนับหมื่นปีอย่าง นิกายเทพเจ้าสายฟ้าและสํานักผู้วิเศษยังไม่กล้าหยาบคายเมื่ออยู่ต่อหน้าสํานักเทพโอสถ

สํานักเทพโอสถ ไม่ใช่แค่นิกายที่สร้างโดยเซียนเทพปฐพี มีเบื้องหลังที่ไม่อาจหยั่งถึงเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นเป็นเพราะสํานักเทพโอสถควบคุมดูแลโอสถเกือบทั้งหมดที่อยู่ในต่างดินแดน

การฝึกฝน พรสวรรค์และความเข้าใจในวิทยายุทธนั้นมีความสําคัญอย่างแน่นอน แต่โอสถก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เช่นกัน

ซูฉินไม่ได้คาดคิดว่าสํานักเทพโอสถที่เพิกเฉยต่อโลกภายนอกเสมอ บัดนี้กลับร่วมมือกับเจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางและคนอื่นๆ

ด้วยสถานะของสํานักเทพโอสถในต่างดินแดน ตราบใดที่พวกเขาไม่ต้องการ เจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางก็จะไม่กล้าข่มเหงอย่างแน่นอน
ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว….นั่นก็คือ สํานักเทพโอสถจะต้องสนใจแผ่นดินแห่งพลังยุทธอันยิ่งใหญ่ด้วย

“ท่ามกลางการฟื้นคืนของกระแสปราณฉี มีเพียงแผ่นดินแห่งพลังยุทธฯ เท่านั้นที่จะให้กําเนิดโอสถอายุวัฒนะพันปี และแม้แต่โอสถศักดิ์สิทธิ์ในตํานาน สํานักเทพโอสถของเราต้องการปรับแต่งเม็ดยาที่ยอดเยี่ยมออกมา ฉะนั้นจึงไม่มาไม่ได้”

จ้าวโอสถมองมาที่ซูฉินด้วยท่าทางเคร่งขรึม

แม้ว่าสํานักเทพโอสถจะจดจ่ออยู่แต่กับการปรุงโอสถ แต่ก็มีหลายสิ่งให้ทํานอกเหนือจากการปรุงแต่งเม็ดยา นี่เป็นนิกายที่สืบทอดต่อมาจากเซียนเทพปฐพี หากทําได้เพียงปรุงกลั่น โอสถคงจะพ่ายแพ้ให้แก่นิกายใหญ่แห่งอื่นๆ เหล่านักปรุงยาคงถูกจับขังในกรง

“เข้าใจแล้ว”

ซูฉินถอนหายใจเบาๆ

แม้จะเป็นสํานักเทพโอสถที่แยกตัวโดดเดี่ยว ก็ยังกล่าวคําพูดเช่นนี้ออกมา

“สํานักผู้วิเศษ นิกายเทพเจ้าสายฟ้า นิกายเฮยหยวน สํานักเทพโอสถ……”

ซูฉินหัวเราะเบาๆ แล้วเปลี่ยนทิศทางการสนทนา “ทําไมสํานักเอกะวิถีไม่มาเล่า?”

ในตอนนี้พวกของเจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางทั้งเจ็ดก็เกือบจะเป็นนิกายใหญ่ระดับสูงทั้งหมดในต่างแดนแล้ว แต่วิหารหมื่นพุทธกับสํานักเอกะวิถีไม่ได้ส่งใครมา

สามารถเข้าใจได้ว่าทําไมวิหารหมื่นพุทธจึงไม่ส่งคนเข้าร่วม หลังจากที่ซูฉินลงมือในทะเลทรายตะวันตก เขาก็ถูกมองว่าเป็นองค์ยูไลไปแล้ว แต่ กับสํานักเอกะวิถี…..

สํานักเอกะวิถีก็เป็นนิกายใหญ่ที่สืบทอดมรดก มาตั้งแต่ยุคเฟื่องฟูกระแสปราณฉีครั้งล่าสุด มีภูมิหลังไม่ต่ําต้อยไปกว่าสํานักผู้วิเศษและนิกายเทพเจ้าสายฟ้าอย่างแน่นอน จะต้องมีครึ่งก้าวสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่หลับใหลอยู่บ้าง

“สํานักเอกะวิถี……”

รอยยิ้มของเจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางค่อยๆจางลง

เขาไปเยือนสํานักเอกะวิถี แต่อีกฝ่ายไม่เต็มใจจะโจมตีซูฉิน แม้เจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางจะสัญญาว่าจะแบ่งสัดส่วนแผ่นดินแห่งพลังยุทธฯด้วยกันก็ตาม

“แค่พวกข้าทั้งเจ็ดคนที่อยู่ที่นี่ ยังไม่อยู่ในสายตาของสหายเต่ําอีกหรือ?”
เจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางกล่าวออกช้าๆ

แม้ว่าจะไม่มีคนของสํานักเอกะวิถีเข้าร่วมในครั้งนี้ แต่เจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมาง บรรพชนหิมะ บรรพชนสายฟ้า ปฐมบรรพชนนิกายเฮยหยวน ล้วนเป็นขุมพลังครึ่งก้าวสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี ที่ไม่มีใครเทียบเทียม ผู้ใดบ้างที่ไม่ใช่ภูมิหลังที่แข็งแกร่งที่สุดของนิกายของพวกเขาเอง?

ทั้งเจ็ดเรียกได้ว่าเกือบจะแข็งแกร่งที่สุดในหมู่นิกายใหญ่จํานวนมากแล้ว ในยุคที่ไม่มีเซียนเทพปฐพีเช่นนี้ คนทั้งเจ็ดต่างเป็นสัญลักษณ์แห่งภัยพิบัติ เป็นเรื่องง่ายมากที่จะทําลายนิกายใหญ่อย่างพรรคหมื่นดาบ

หากเป็นตํานานยุทธคนอื่นๆ ที่มายืนอยู่ที่นี่ เกรงว่าพวกเขาคงสั่นสะท้านมาตั้งนานแล้ว คนทั้งเจ็ดรวมถึงเจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมาง ไม่เพียงแต่เป็นสัญลักษณ์ของผู้ไร้เทียมทาน แต่ยังเป็นตัวแทนของนิกายใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังของพวกเขาด้วย เป็นพลังอํานาจส่วนใหญ่ที่นิกายใหญ่ในต่างดินแดนมี

“เลิกพูดไร้สาระกันได้แล้ว”

“หากต้องการมีชีวิตรอดก็จงรีบมอบกิ่งไม้อสนีบาตภัย สมบัตินิกายของข้ามาได้แล้ว ไม่เช่นนั้น เมื่อสายฟ้าฟาดลงมาทั้งร่างกายและจิตวิญญาณของเจ้าจะต้องถูกทําลาย”

บรรพชนสายฟ้าเน้นทุกคําพูด เสียงที่เปล่งออกมาราวกับฟ้าร้องดังก้อง

ครานี้ที่เขาเข้าร่วมกับเจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมาง นอกเหนือจากการล้อมสังหารซูฉินเพื่อแบ่งสันปันส่วนดินแดนกันแล้วนั้น เขายังมีเป้าหมายที่จะน่ากิ่งไม้อสนีบาตภัยที่อยู่ในมือของซูฉินกลับมาด้วย

นับตั้งแต่บรรพบุรุษเหลยสิ่งตกตายด้วยน้ํามือของซูฉิน กิ่งไม้อสนีบาตภัยก็หายไป ซูฉินจึงเป็นเป้าหมายที่นิกายเทพเจ้าสายฟ้าจะต้องสังหาร

สําหรับนิกายเทพเจ้าสายฟ้า กิ่งไม้อสนีบาตภัย ไม่เพียงแต่ช่วยให้ฝึกฝนทักษะลับได้ แต่ยังมีร่องรอยของสายฟ้าสวรรค์เก้าชั้นฟ้าซึ่งเป็นความหวังที่จะทําให้ศิษย์นิกายเทพเจ้าสายฟ้าสามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี

หากปราศจากกิ่งไม้อสนีบาตภัยนี้ ศิษย์นิกายเทพเจ้าสายฟ้าที่ใช้จิตวิญญาณแรกกําเนิดหลอมรวมเข้าไปในทะเลปราณ คงจะไม่สามารถต้านทานพลังของทะเลปราณได้ มันเป็นพลังงานสายฟ้าที่รุนแรงยิ่ง

“กิ่งไม้อสนีบาตภัย?”

ซูฉินมองไปที่บรรพชนสายฟ้าพร้อมกับถอนหายใจ “พลังสายฟ้าภายในนั้นดีมาก ข้าใช้เวลา ตั้งหลายวันกว่าจะกลืนกินมันจนหมด…”

“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน เจ้ากล้า!!!”

เมื่อบรรพชนสายฟ้าได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง
ความหมายจากคําพูดของซูฉินนั้นชัดเจนว่า เขาได้กลืนกินพลังงานสายฟ้าภายในกิ่งไม้อสนีบาตภัยไปหมดแล้ว

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ กิ่งไม้อสนีบาตภัยไม่มีอยู่บนโลกนี้อีกแล้ว

สิ่งที่เกิดขึ้นจะไม่ทําให้บรรพชนสายฟ้าโกรธได้อย่างไร?
กลิ่นอายสายฟ้าสวรรค์เก้าชั้นฟ้าในกิ่งไม้อสนีบาตภัยนั้นล้ําค่าอย่างยิ่ง แม้จะเป็นนิกายเทพเจ้าสายฟ้าก็ทะนุถนอมมันอยู่ตลอดเวลา ไม่กล้าเสียไปแม้แต่นิดเดียว จะกลืนกินเข้าไปตรงๆ อย่างซูฉินได้ที่ไหนกัน
“ข้าจะดึงจิตวิญญาณแรกกําเนิดของเจ้าออกมา และดึงกลิ่นอายสายฟ้าสวรรค์เก้าชั้นฟ้าภายในร่างของเจ้าออกมาให้หมด”

สายตาของบรรพชนสายฟ้าคล้ายกับสายฟ้าฟาด มันคํารามก้องกังวาน
ก่อนที่จะพูดจบ บรรพชนสายฟ้าก็ยกมือขวาขึ้น พลันเห็นสายฟ้าที่น่าสะพรึงกลัวฟาดลงมา ราวกับมังกรเริงระบํา เคลื่อนตัวเข้าหาซูฉิน

แม้ว่าการโจมตีของบรรพชนสายฟ้าจะเป็นเพียงสายฟ้าธรรมดา แต่ก็แข็งแกร่งเกินกว่าบรรพบุรุษเหลยสิ่งจะเทียบได้ มันเกือบจะสร้างพลังได้ เทียบเท่าจิตวิญญาณแรกกําเนิดที่มีพลังมากที่สุด ส่วนครึ่งก้าวเข้าสู่เซียนเทพปฐพี่ที่เหลือต่างจับจ้องมองดูเหตุการณ์นี้

เพียงแต่ในสายตาของทุกคน สายฟ้าฟาดเมื่อครู่นี้ เมื่อผ่าลงมาสัมผัสรัศมีร้อยจ้างรอบตัวซูฉิน ทุกอย่างก็กระจายหายไปราวกับไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน

พลังสายฟ้าที่บรรพชนสายฟ้าเรียกออกมานั้น ไม่สามารถเข้าถึงระยะร้อยจ้างรอบตัวซูฉินได้ด้วยซ้ํา สิ่งนี้ทําให้สีหน้าของบรรพชนหิมะและคนอื่นๆ ซึ่งเดิมมีท่าทีผ่อนคลายค่อยๆเปลี่ยนเป็นจริงจัง

แค่สิ่งนี้เพียงอย่างเดียว ซูฉินก็มีคุณสมบัติเพียงพอจะต่อกรกับพวกเขาแล้ว

“ลงมือพร้อมกัน”

ท่าทีของบรรพชนสายฟ้าไม่ได้เปลี่ยนไปเลย การโจมตีเมื่อครู่เป็นเพียงเพื่อการทดสอบซูฉินไม่ได้มุ่งหมายเอาชีวิต ในขณะที่บรรพชนสายฟ้าตะโกนเสียงดังก้อง ทันใดนั้นท้องฟ้าก็ปกคลุมไปด้วยกลุ่มเมฆมืดครึ้ม เสียงฟ้าร้องนับหมื่นคํารามก้องอยู่ภายใน

อีกหกคนมองหน้ากัน และพร้อมที่จะลงมือ

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หลังจากวันนี้ บนโลกจะไม่มีนิกายใหญ่อีกต่อไป” ดวงตาของซูฉินสาดเจตนาฆ่าออกมา

เขาก้าวไปด้านหน้า ใช้มือขวาคว้าจับไปยังส่วนลึกของความว่างเปล่า
ฉีก!

ทันใดนั้น ทั้งโลกก็เปลี่ยนเป็นสีดําสนิท เห็นประกายคมมีดที่วาบผ่านอากาศราวกับตัดทะลวงช่องว่างมิติ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+