เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 66 เต๋าสะสมกำลังจะหมดลง มีดบินของลี้น้อย!

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 66 เต๋าสะสมกำลังจะหมดลง มีดบินของลี้น้อย! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 66 เต๋าสะสมกำลังจะหมดลง มีดบินของลี้น้อย!

 

 

“อา…”

 

“ดูเหมือนการฝึกวิทยายุทธของข้า ยังต้องพึ่งพาตนเองไปทีละก้าว ไม่มีทางลัดใด…”

 

การแสดงออกของซูฉินเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก พลันนึกคิดในใจของตนขวดหยกสีขาวก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา

 

ยามเมื่อขวดหยกสีขาวปรากฏขึ้นพลังฟ้าดินโดยรอบก็สั่นไหวเบาๆ เมื่อซูฉินเปิดจุกขวดแล้วเทเม็ดยาโปร่งใสบริสุทธิ์ลงบนฝ่ามือ พลังแห่งฟ้าดินก็เดือดพล่าน

 

“ หืม?”

 

ซูฉินขมวดคิ้วและใช้จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาเข้าตรวจสอบ

 

ในชั่วพริบตาอาการเดือดพล่านของพลังฟ้าดินก็ถูกระงับลง สภาพแวดล้อมกลับมาสงบอีกครั้ง

 

“โอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำ… ”

 

ซูฉินพึมพำไปพร้อมกับมองเม็ดยาอันบริสุทธิ์และโปร่งใสในมือของเขา

 

‘โอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำ‘เป็นยาอายุวัฒนะในตำนานของวัดเส้าหลิน มีเพียงศิษย์ในระดับ ‘อรหันต์‘ เท่านั้น ที่มีคุณสมบัติเพียงพอจะปรุงแต่งเม็ดยาขึ้นมาได้

 

ถึงกระนั้นอรหันต์ผู้ทรงศักดิ์ยังต้องใช้เวลาอย่างมหาศาลในการปรุงแต่งโอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำให้สำเร็จ ตามข้อมูลที่บันทึก เหล่าอรหันต์ถึงกับต้องใช้แก่นพลังชีวิตบางส่วนของตนเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการปรุงกลั่น

 

ตามปกติแล้ว หากไม่มีเหตุเฉพาะ ก็ไม่มีอรหันต์คนใดเต็มใจจะปรุงโอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำขึ้นมาเพราะมันไม่คุ้มค่าเลย

 

ตามประวัติศาสตร์กว่าพันปีของวัดเส้าหลิน มีโอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำถูกปรุงขึ้นมาไม่เกินสิบเม็ด

 

ทว่า

 

ที่โอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำจะยากที่ปรุงกลั่นขึ้นมาก็เพราะสรรพคุณทางยาน่าหวาดหวั่นจนเกินไป

 

แม้แต่ระดับอรหันต์ที่สูงส่ง เมื่อบริโภคโอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำก็ยังผลลดระยะเวลาในการบ่มเพาะอย่างหนักไปได้หลายสิบปี และช่วงที่โอสถออกฤทธิ์ยังช่วยให้รับรู้ถึงพลังฟ้าดินและควบคุมพลังอันยิ่งใหญ่นี้ได้ง่ายมากขึ้น

 

“สงสัยจะต้องเก็บไว้ให้ดีๆ“

 

ซูฉินมองไปที่ขวดโอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำในมือของตน ความคิดพลิกกลับไปมาหลายตลบ

 

เขาลงชื่อเข้าใช้อยู่ในวัดเส้าหลินมายี่สิบปีเต็ม แต่เขาได้รับ‘โอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำ‘เพียงไม่กี่ร้อยเม็ดเท่านั้น ซึ่งน้อยเกินกว่าความต้องการสำหรับใช้งานจริง

 

กรึบ

 

ซูฉินกลืนโอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำลงไปในคำเดียว

 

โอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำไม่ได้ละลายในปากเหมือนกับโอสถเสริมศักยภาพขนาดใหญ่ แต่มันกลับแข็งมาก จมลงไปในท้องน้อยของซูฉินแล้วค่อยๆ ปล่อยตัวยาออกมาอย่างช้าๆ

 

“นี่คือ?”

 

ซูฉินรู้สึกว่าความแข็งแกร่งที่เหมือนจะหยุดนิ่งไปแล้ว เริ่มกลับมาเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ อีกครั้ง

 

นอกจากนั้นซูฉินยังสังเกตพบอีกว่าหลังจากกลืนโอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำลงไป เขาสามารถควบคุมพลังของฟ้าดินได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น

 

ก่อนที่จะใช้เม็ดยาโอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำ ซูฉินสามารถควบคุมพลังฟ้าดินได้เพียงไม่กี่ลี้เท่านั้น

 

แต่ตอนนี้ซูฉินรู้สึกว่าขอบเขตความสามารถมันเพิ่มขึ้นไปอีกอย่างน้อยก็สองเท่า? !

 

สิ่งนี้มันคืออะไรกัน? !

 

ต้องทราบก่อนว่าการต่อสู้กันระหว่างเหล่าอรหันต์นั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวตนของตัวเองอีกต่อไป แต่เทียบเท่ากับการเผชิญหน้าระหว่างพลังฟ้าดินจากสองฝั่ง

 

ในเวลานั้นขอบเขตพลังฟ้าดินที่สามารถควบคุมได้ย่อมสำคัญยิ่ง

 

โอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำไม่เพียงแต่จะร่นระยะเวลาการบ่มเพาะให้กับซูฉิน แต่ยังเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับซูฉินถึงสองเท่าภายในระยะเวลาที่ยาออกฤทธิ์

 

“ผลของยาจะคงอยู่ไปอีกประมาณหนึ่งถึงสองเดือน”

 

ซูฉินรู้ได้ด้วยความรู้สึก และตอนนี้เขาก็อยู่ในอารมณ์ที่ดีทีเดียว

 

แม้ว่าหลังจากใช้โอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำไปแล้ว เขาจะยังมีความก้าวหน้าไม่ได้เร็วเท่ากับวิทยายุทธทั้งเก้าระดับชั้น แต่มันก็ยังดีกว่าระดับอรหันต์หรือตำนานยุทธคนอื่นๆ

 

เวลาค่อยๆ ผ่านเลยไป

 

เพื่อให้ได้มาซึ่งโอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำที่เพียงพอต่อความต้องการ ซูฉินจึงมักไปลงชื่อเข้าใช้ที่ลานโพธิ์

 

แน่นอน

 

ว่าไปลงที่นั่นที่เดียวไม่ได้เด็ดขาด

 

บางครั้งบางคราซูฉินก็จะไปที่หอคอยสะกดมารหรือไม่ก็ศาลาพระคัมภีร์เพื่อลงชื่อเข้าใช้

 

ในวันนี้ซูฉินนั้นเดินผ่านหอคอยสะกดมารและหยุดลงอย่างกะทันหัน

 

“ล่าสุดที่ข้ามาลงชื่อเข้าใช้ที่นี่ก็นับเป็นเวลานานมากแล้วนี่นะ”

 

หัวใจของซูฉินสั่นไหว

 

แม้ว่าสิ่งที่ออกมาจากหอคอยสะกดมารจะเกี่ยวข้องกับวิชามาร แต่ก็ไม่มีอะไรแน่นอนเสมอไป บางทีอาจจะมีอะไรดีๆ ออกมาบ้างก็ได้นี่?

 

เมื่อคิดได้ดังนั้น ซูฉินก็กล่าวคำในใจอย่างเงียบๆ

 

“ระบบ ลงชื่อเข้าใช้”

 

[ขอแสดงความยินดี โฮสต์ลงชื่อเข้าใช้สำเร็จ ได้รับ ‘ตราประทับสะกดมาร‘]

 

[คำเตือน : เต๋าสะสมในพื้นที่นี้กำลังจะหมดลงและจะกลายเป็นสถานที่ที่ไม่สามารถลงชื่อเข้าใช้ซ้ำได้]

 

เสียงจักรกลเย็นเยียบดังขึ้นติดต่อกันถึงสองครั้งในหูของซูฉิน

 

“ไม่สามารถลงชื่อเข้าใช้ซ้ำที่นี่ได้อีก?”

 

ซูฉินผงะไปชั่วขณะหนึ่ง

 

“เต๋าสะสมใกล้จะหมดลงแล้ว?”

 

สภาวะจิตใจของซูฉินแปรเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย

 

จริงๆ แล้ว ซูฉินก็รู้มาตั้งนานแล้วว่าวันนี้คงมาถึง

 

ตั้งแต่วันแรกที่ซูฉินได้ใช้ระบบ เขาก็รู้ว่าการลงชื่อเข้าใช้ถูกกำหนดจำนวนการเข้าใช้ได้ตามเต๋าสะสมในสถานที่นั้นๆ

 

ยิ่งมีเต๋าสะสมอยู่มาก ก็ยิ่งลงชื่อเข้าใช้ได้มาก

 

แต่ไม่ว่าจะมีเต๋าสะสมมากเพียงไหน มันก็ย่อมมีวันหมดลง

 

หอคอยสะกดมารเป็นกรณีตัวอย่าง ทั้งศาลาพระคัมภีร์และลานโพธิ์เองก็คงจะเป็นเช่นเดียวกันในอนาคต

 

“ช่างน่าเสียดายนัก”

 

ซูฉินหมุนตัวเดินจากไป

 

ถึงแม้ว่าปกติแล้วเขาจะไม่ค่อยได้ใช้เคล็ดวิชาจากหอคอยสะกดมารเท่าไหร่ แต่มันก็รู้สึกแย่ไม่น้อยที่สถานที่สำหรับการลงชื่อเข้าใช้ลดลงไปอีกหนึ่งแห่ง

 

“ตราประทับสะกดมาร?”

 

ซูฉินเพ่งจิตไปที่คลังเก็บของของระบบ

 

เห็นตราประทับสี่เหลี่ยมอันเล็กๆ ลอยอยู่ที่มุมหนึ่งของพื้นที่ว่าง

 

ตราประทับมีสีดำสนิทผิวของมันมีรอยสีเลือดจางๆ ติดอยู่ นอกจากนี้ซูฉินยังรู้สึกได้ถึงพลังในการสะกดปราบปรามอันรุนแรงยิ่งจากตราประทับอันเล็กๆ อันนี้

 

ไม่ว่าจะเหล่ามารร้ายในยุทธภพคนไหน ก็ถูกสยบลงได้

 

ซูฉินมีความรู้สึกว่าหากจอมมารยังมีชีวิตอยู่ พลังของเขาอาจจะถูกยับยั้งไปมากถึงเก้าในสิบส่วนหากต้องพบเจอกับตราประทับอันนี้

 

ตราประทับอันเล็กที่มีรอยเลือดเปื้อนชิ้นนี้ เป็นภัยร้ายของเหล่าผู้ฝึกตนสายมารเลยก็ว่าได้

 

“ไม่เลว ไม่เลว”

 

ซูฉินพอใจมาก

 

แม้ว่าจอมมารจะตกตาย พรรคมารล่มสลาย แต่ซูฉินก็รู้ได้จากแผ่นหนังสัตว์ผืนนั้นว่าตำนานยุทธจากพรรคมารอาจจะยังเหลือรอดอยู่นอกโพ้นทะเลอันกว้างไกล นอกผืนแผ่นดินใหญ่ที่ซูฉินยืนอยู่

 

ตอนนี้เขาก็ได้ตราประทับสะกดมารอันจิ๋วนี้มาแล้ว ความมั่นใจของซูฉินก็เพิ่มมากขึ้นอย่างมาก

 

เวลาต่อมา นอกเหนือจากไปลงชื่อเข้าใช้แล้วซูฉินก็ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่พื้นที่ต้องห้ามภูเขาด้านหลัง

 

เวลาที่ยาออกฤทธิ์อย่างทรงประสิทธิภาพที่สุดอยู่ราวๆ หนึ่งถึงสองเดือน ปกติแล้วซูฉินจะกลืนโอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำทุกครั้งก่อนที่ผลของโอสถเม็ดก่อนหน้าจะหมดลง

 

“ตามบันทึกโบราณที่เหลืออยู่ของวัดเส้าหลิน จำแนกระดับของอรหันต์เป็นระดับนภาทั้งเก้าชั้น”

 

“เมื่อเริ่มแรกสู่ระดับอรหันต์ จะกลายมาเป็นอรหันต์ระดับนภาชั้นที่หนึ่ง จากนั้นก็กลายเป็นอรหันต์ระดับนภาชั้นที่สอง อรหันต์ระดับนภาชั้นที่สาม…เรื่อยไปจนถึงอรหันต์ระดับนภาชั้นที่เก้า”

 

ซูฉินนั่งลงขัดสมาธิ ขบคิดอย่างฉับไวเกี่ยวกับขอบเขตของผู้บ่มเพาะระดับอรหันต์

 

ระดับอรหันต์มีการจำแนกไว้เช่นนี้ ส่วนระดับตำนานยุทธก็จำแนกเอาไว้ในลักษณะคล้ายๆ กัน

 

“เก้าร้อยปีก่อน  ‘ถัวอา ‘ คงเป็นอรหันต์ระดับนภาชั้นที่หนึ่ง เขาได้ใช้ฝ่ามือยูไลและทำได้เพียงสะกดมารพุทธะเอาไว้ แสดงให้เห็นว่าความแข็งแกร่งของมารพุทธะนั้นแกร่งกว่า ‘อรหันต์ถัว ‘ ใช่หรือไม่ ?”

 

ซูฉินคิดคาดเดาในใจ

 

 

ในขณะเดียวกัน

 

ที่โรงเตี๊ยมเล็กๆ แห่งหนึ่ง

 

นักเล่าเรื่องพูดจาอย่างฉะฉาน

 

“กล่าวได้อีกอย่างว่าจอมมารผู้พลานุภาพคับสวรรค์ กรีธาทัพเหล่ามารเข้าโจมตีวัดเส้าหลิน หวังจะทำลายวัดที่เก่าแก่กว่าพันปีแห่งนี้ลง”

 

“ในขณะนั้นเอง  ‘อรหันต์ ‘ ผู้สูงส่งก็ก้าวเดินออกมา ส่งจอมมารให้กลายเป็นผงธุลีด้วยน้ำมือของท่าน …”

 

ผู้ที่มานั่งพักรับประทานอาหารรับฟังอย่างเพลิดเพลินอิ่มอร่อย

 

ยามนี้ข่าวที่จอมมารตกตายในวัดเส้าหลินถูกแพร่กระจายออกไปจนหมดแล้ว มีข่าวลือออกมาหลากหลายเช่นว่า วัดเส้าหลินมีอรหันต์มาหลายร้อยปีแล้ว บ้างก็ว่ามีตำนานยุทธที่ผ่านทางมาแล้วบังเอิญสังหารจอมมารเข้า นอกจากนี้ก็ยังมีข่าวลืออื่นๆ อีกมากมาย

 

สักแห่งหนึ่งภายในโรงเตี๊ยม

 

ชายในชุดสีขาวมีรอยประทับจางๆ รูปมีดบินอยู่บนหน้าผาก เขาเงยหน้าขึ้นเหม่อมองไปทางวัดเส้าหลิน

 

“สงฆ์ระดับอรหันต์ ?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 66 เต๋าสะสมกำลังจะหมดลง มีดบินของลี้น้อย!

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 66 เต๋าสะสมกำลังจะหมดลง มีดบินของลี้น้อย! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 66 เต๋าสะสมกำลังจะหมดลง มีดบินของลี้น้อย!

 

 

“อา…”

 

“ดูเหมือนการฝึกวิทยายุทธของข้า ยังต้องพึ่งพาตนเองไปทีละก้าว ไม่มีทางลัดใด…”

 

การแสดงออกของซูฉินเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก พลันนึกคิดในใจของตนขวดหยกสีขาวก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา

 

ยามเมื่อขวดหยกสีขาวปรากฏขึ้นพลังฟ้าดินโดยรอบก็สั่นไหวเบาๆ เมื่อซูฉินเปิดจุกขวดแล้วเทเม็ดยาโปร่งใสบริสุทธิ์ลงบนฝ่ามือ พลังแห่งฟ้าดินก็เดือดพล่าน

 

“ หืม?”

 

ซูฉินขมวดคิ้วและใช้จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาเข้าตรวจสอบ

 

ในชั่วพริบตาอาการเดือดพล่านของพลังฟ้าดินก็ถูกระงับลง สภาพแวดล้อมกลับมาสงบอีกครั้ง

 

“โอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำ… ”

 

ซูฉินพึมพำไปพร้อมกับมองเม็ดยาอันบริสุทธิ์และโปร่งใสในมือของเขา

 

‘โอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำ‘เป็นยาอายุวัฒนะในตำนานของวัดเส้าหลิน มีเพียงศิษย์ในระดับ ‘อรหันต์‘ เท่านั้น ที่มีคุณสมบัติเพียงพอจะปรุงแต่งเม็ดยาขึ้นมาได้

 

ถึงกระนั้นอรหันต์ผู้ทรงศักดิ์ยังต้องใช้เวลาอย่างมหาศาลในการปรุงแต่งโอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำให้สำเร็จ ตามข้อมูลที่บันทึก เหล่าอรหันต์ถึงกับต้องใช้แก่นพลังชีวิตบางส่วนของตนเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการปรุงกลั่น

 

ตามปกติแล้ว หากไม่มีเหตุเฉพาะ ก็ไม่มีอรหันต์คนใดเต็มใจจะปรุงโอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำขึ้นมาเพราะมันไม่คุ้มค่าเลย

 

ตามประวัติศาสตร์กว่าพันปีของวัดเส้าหลิน มีโอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำถูกปรุงขึ้นมาไม่เกินสิบเม็ด

 

ทว่า

 

ที่โอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำจะยากที่ปรุงกลั่นขึ้นมาก็เพราะสรรพคุณทางยาน่าหวาดหวั่นจนเกินไป

 

แม้แต่ระดับอรหันต์ที่สูงส่ง เมื่อบริโภคโอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำก็ยังผลลดระยะเวลาในการบ่มเพาะอย่างหนักไปได้หลายสิบปี และช่วงที่โอสถออกฤทธิ์ยังช่วยให้รับรู้ถึงพลังฟ้าดินและควบคุมพลังอันยิ่งใหญ่นี้ได้ง่ายมากขึ้น

 

“สงสัยจะต้องเก็บไว้ให้ดีๆ“

 

ซูฉินมองไปที่ขวดโอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำในมือของตน ความคิดพลิกกลับไปมาหลายตลบ

 

เขาลงชื่อเข้าใช้อยู่ในวัดเส้าหลินมายี่สิบปีเต็ม แต่เขาได้รับ‘โอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำ‘เพียงไม่กี่ร้อยเม็ดเท่านั้น ซึ่งน้อยเกินกว่าความต้องการสำหรับใช้งานจริง

 

กรึบ

 

ซูฉินกลืนโอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำลงไปในคำเดียว

 

โอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำไม่ได้ละลายในปากเหมือนกับโอสถเสริมศักยภาพขนาดใหญ่ แต่มันกลับแข็งมาก จมลงไปในท้องน้อยของซูฉินแล้วค่อยๆ ปล่อยตัวยาออกมาอย่างช้าๆ

 

“นี่คือ?”

 

ซูฉินรู้สึกว่าความแข็งแกร่งที่เหมือนจะหยุดนิ่งไปแล้ว เริ่มกลับมาเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ อีกครั้ง

 

นอกจากนั้นซูฉินยังสังเกตพบอีกว่าหลังจากกลืนโอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำลงไป เขาสามารถควบคุมพลังของฟ้าดินได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น

 

ก่อนที่จะใช้เม็ดยาโอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำ ซูฉินสามารถควบคุมพลังฟ้าดินได้เพียงไม่กี่ลี้เท่านั้น

 

แต่ตอนนี้ซูฉินรู้สึกว่าขอบเขตความสามารถมันเพิ่มขึ้นไปอีกอย่างน้อยก็สองเท่า? !

 

สิ่งนี้มันคืออะไรกัน? !

 

ต้องทราบก่อนว่าการต่อสู้กันระหว่างเหล่าอรหันต์นั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวตนของตัวเองอีกต่อไป แต่เทียบเท่ากับการเผชิญหน้าระหว่างพลังฟ้าดินจากสองฝั่ง

 

ในเวลานั้นขอบเขตพลังฟ้าดินที่สามารถควบคุมได้ย่อมสำคัญยิ่ง

 

โอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำไม่เพียงแต่จะร่นระยะเวลาการบ่มเพาะให้กับซูฉิน แต่ยังเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับซูฉินถึงสองเท่าภายในระยะเวลาที่ยาออกฤทธิ์

 

“ผลของยาจะคงอยู่ไปอีกประมาณหนึ่งถึงสองเดือน”

 

ซูฉินรู้ได้ด้วยความรู้สึก และตอนนี้เขาก็อยู่ในอารมณ์ที่ดีทีเดียว

 

แม้ว่าหลังจากใช้โอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำไปแล้ว เขาจะยังมีความก้าวหน้าไม่ได้เร็วเท่ากับวิทยายุทธทั้งเก้าระดับชั้น แต่มันก็ยังดีกว่าระดับอรหันต์หรือตำนานยุทธคนอื่นๆ

 

เวลาค่อยๆ ผ่านเลยไป

 

เพื่อให้ได้มาซึ่งโอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำที่เพียงพอต่อความต้องการ ซูฉินจึงมักไปลงชื่อเข้าใช้ที่ลานโพธิ์

 

แน่นอน

 

ว่าไปลงที่นั่นที่เดียวไม่ได้เด็ดขาด

 

บางครั้งบางคราซูฉินก็จะไปที่หอคอยสะกดมารหรือไม่ก็ศาลาพระคัมภีร์เพื่อลงชื่อเข้าใช้

 

ในวันนี้ซูฉินนั้นเดินผ่านหอคอยสะกดมารและหยุดลงอย่างกะทันหัน

 

“ล่าสุดที่ข้ามาลงชื่อเข้าใช้ที่นี่ก็นับเป็นเวลานานมากแล้วนี่นะ”

 

หัวใจของซูฉินสั่นไหว

 

แม้ว่าสิ่งที่ออกมาจากหอคอยสะกดมารจะเกี่ยวข้องกับวิชามาร แต่ก็ไม่มีอะไรแน่นอนเสมอไป บางทีอาจจะมีอะไรดีๆ ออกมาบ้างก็ได้นี่?

 

เมื่อคิดได้ดังนั้น ซูฉินก็กล่าวคำในใจอย่างเงียบๆ

 

“ระบบ ลงชื่อเข้าใช้”

 

[ขอแสดงความยินดี โฮสต์ลงชื่อเข้าใช้สำเร็จ ได้รับ ‘ตราประทับสะกดมาร‘]

 

[คำเตือน : เต๋าสะสมในพื้นที่นี้กำลังจะหมดลงและจะกลายเป็นสถานที่ที่ไม่สามารถลงชื่อเข้าใช้ซ้ำได้]

 

เสียงจักรกลเย็นเยียบดังขึ้นติดต่อกันถึงสองครั้งในหูของซูฉิน

 

“ไม่สามารถลงชื่อเข้าใช้ซ้ำที่นี่ได้อีก?”

 

ซูฉินผงะไปชั่วขณะหนึ่ง

 

“เต๋าสะสมใกล้จะหมดลงแล้ว?”

 

สภาวะจิตใจของซูฉินแปรเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย

 

จริงๆ แล้ว ซูฉินก็รู้มาตั้งนานแล้วว่าวันนี้คงมาถึง

 

ตั้งแต่วันแรกที่ซูฉินได้ใช้ระบบ เขาก็รู้ว่าการลงชื่อเข้าใช้ถูกกำหนดจำนวนการเข้าใช้ได้ตามเต๋าสะสมในสถานที่นั้นๆ

 

ยิ่งมีเต๋าสะสมอยู่มาก ก็ยิ่งลงชื่อเข้าใช้ได้มาก

 

แต่ไม่ว่าจะมีเต๋าสะสมมากเพียงไหน มันก็ย่อมมีวันหมดลง

 

หอคอยสะกดมารเป็นกรณีตัวอย่าง ทั้งศาลาพระคัมภีร์และลานโพธิ์เองก็คงจะเป็นเช่นเดียวกันในอนาคต

 

“ช่างน่าเสียดายนัก”

 

ซูฉินหมุนตัวเดินจากไป

 

ถึงแม้ว่าปกติแล้วเขาจะไม่ค่อยได้ใช้เคล็ดวิชาจากหอคอยสะกดมารเท่าไหร่ แต่มันก็รู้สึกแย่ไม่น้อยที่สถานที่สำหรับการลงชื่อเข้าใช้ลดลงไปอีกหนึ่งแห่ง

 

“ตราประทับสะกดมาร?”

 

ซูฉินเพ่งจิตไปที่คลังเก็บของของระบบ

 

เห็นตราประทับสี่เหลี่ยมอันเล็กๆ ลอยอยู่ที่มุมหนึ่งของพื้นที่ว่าง

 

ตราประทับมีสีดำสนิทผิวของมันมีรอยสีเลือดจางๆ ติดอยู่ นอกจากนี้ซูฉินยังรู้สึกได้ถึงพลังในการสะกดปราบปรามอันรุนแรงยิ่งจากตราประทับอันเล็กๆ อันนี้

 

ไม่ว่าจะเหล่ามารร้ายในยุทธภพคนไหน ก็ถูกสยบลงได้

 

ซูฉินมีความรู้สึกว่าหากจอมมารยังมีชีวิตอยู่ พลังของเขาอาจจะถูกยับยั้งไปมากถึงเก้าในสิบส่วนหากต้องพบเจอกับตราประทับอันนี้

 

ตราประทับอันเล็กที่มีรอยเลือดเปื้อนชิ้นนี้ เป็นภัยร้ายของเหล่าผู้ฝึกตนสายมารเลยก็ว่าได้

 

“ไม่เลว ไม่เลว”

 

ซูฉินพอใจมาก

 

แม้ว่าจอมมารจะตกตาย พรรคมารล่มสลาย แต่ซูฉินก็รู้ได้จากแผ่นหนังสัตว์ผืนนั้นว่าตำนานยุทธจากพรรคมารอาจจะยังเหลือรอดอยู่นอกโพ้นทะเลอันกว้างไกล นอกผืนแผ่นดินใหญ่ที่ซูฉินยืนอยู่

 

ตอนนี้เขาก็ได้ตราประทับสะกดมารอันจิ๋วนี้มาแล้ว ความมั่นใจของซูฉินก็เพิ่มมากขึ้นอย่างมาก

 

เวลาต่อมา นอกเหนือจากไปลงชื่อเข้าใช้แล้วซูฉินก็ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่พื้นที่ต้องห้ามภูเขาด้านหลัง

 

เวลาที่ยาออกฤทธิ์อย่างทรงประสิทธิภาพที่สุดอยู่ราวๆ หนึ่งถึงสองเดือน ปกติแล้วซูฉินจะกลืนโอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำทุกครั้งก่อนที่ผลของโอสถเม็ดก่อนหน้าจะหมดลง

 

“ตามบันทึกโบราณที่เหลืออยู่ของวัดเส้าหลิน จำแนกระดับของอรหันต์เป็นระดับนภาทั้งเก้าชั้น”

 

“เมื่อเริ่มแรกสู่ระดับอรหันต์ จะกลายมาเป็นอรหันต์ระดับนภาชั้นที่หนึ่ง จากนั้นก็กลายเป็นอรหันต์ระดับนภาชั้นที่สอง อรหันต์ระดับนภาชั้นที่สาม…เรื่อยไปจนถึงอรหันต์ระดับนภาชั้นที่เก้า”

 

ซูฉินนั่งลงขัดสมาธิ ขบคิดอย่างฉับไวเกี่ยวกับขอบเขตของผู้บ่มเพาะระดับอรหันต์

 

ระดับอรหันต์มีการจำแนกไว้เช่นนี้ ส่วนระดับตำนานยุทธก็จำแนกเอาไว้ในลักษณะคล้ายๆ กัน

 

“เก้าร้อยปีก่อน  ‘ถัวอา ‘ คงเป็นอรหันต์ระดับนภาชั้นที่หนึ่ง เขาได้ใช้ฝ่ามือยูไลและทำได้เพียงสะกดมารพุทธะเอาไว้ แสดงให้เห็นว่าความแข็งแกร่งของมารพุทธะนั้นแกร่งกว่า ‘อรหันต์ถัว ‘ ใช่หรือไม่ ?”

 

ซูฉินคิดคาดเดาในใจ

 

 

ในขณะเดียวกัน

 

ที่โรงเตี๊ยมเล็กๆ แห่งหนึ่ง

 

นักเล่าเรื่องพูดจาอย่างฉะฉาน

 

“กล่าวได้อีกอย่างว่าจอมมารผู้พลานุภาพคับสวรรค์ กรีธาทัพเหล่ามารเข้าโจมตีวัดเส้าหลิน หวังจะทำลายวัดที่เก่าแก่กว่าพันปีแห่งนี้ลง”

 

“ในขณะนั้นเอง  ‘อรหันต์ ‘ ผู้สูงส่งก็ก้าวเดินออกมา ส่งจอมมารให้กลายเป็นผงธุลีด้วยน้ำมือของท่าน …”

 

ผู้ที่มานั่งพักรับประทานอาหารรับฟังอย่างเพลิดเพลินอิ่มอร่อย

 

ยามนี้ข่าวที่จอมมารตกตายในวัดเส้าหลินถูกแพร่กระจายออกไปจนหมดแล้ว มีข่าวลือออกมาหลากหลายเช่นว่า วัดเส้าหลินมีอรหันต์มาหลายร้อยปีแล้ว บ้างก็ว่ามีตำนานยุทธที่ผ่านทางมาแล้วบังเอิญสังหารจอมมารเข้า นอกจากนี้ก็ยังมีข่าวลืออื่นๆ อีกมากมาย

 

สักแห่งหนึ่งภายในโรงเตี๊ยม

 

ชายในชุดสีขาวมีรอยประทับจางๆ รูปมีดบินอยู่บนหน้าผาก เขาเงยหน้าขึ้นเหม่อมองไปทางวัดเส้าหลิน

 

“สงฆ์ระดับอรหันต์ ?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+