เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 62 จอมมารสิ้นชื่อ หนังสัตว์แปลกๆ

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 62 จอมมารสิ้นชื่อ หนังสัตว์แปลกๆ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 62 จอมมารสิ้นชื่อ หนังสัตว์แปลกๆ

 

 

เมื่อร่างของจอมมารชุดดำกลายเป็นเถ้าถ่านสีดำ

 

ใบหน้าของเหล่าสาวกพรรคมารซีดราวกับกระดาษขาว ไม่มีร่องรอยของเลือดฝาดอยู่เลย

 

ในช่วงที่จอมมารออกมาจากทะเลทรายตะวันตกกลับเข้าสู่ยุทธภพอีกครั้ง พรรคมารก็รุ่งโรจน์อย่างไม่มีที่สิ้นสุด พวกสาวกพรรคมารได้เข้าทำลายสำนักพรรคไปมากมายต่อเนื่อง อาทิ นิกายเทียนไถ่ และสำนักต่างๆ ที่อยู่ในดินแดนราชวงศ์ถังแห่งนี้

 

ทว่าตอนนี้

 

สาวกพรรคมารพลันตระหนักได้ว่าทุกอย่างที่มีได้หายไปหมดสิ้นแล้ว

 

อย่าเพิ่งไปพูดถึงผลกระทบต่อพรรคมารจากการสูญเสียจอมมารไปเลย แค่ตอนนี้พวกมันจะเดินออกจากวัดเส้าหลินได้หรือไม่นี่สิควรเป็นคำถาม

 

“เอ๋ ?”

 

หลังจากที่ซูฉินสังหารจอมมารชุดดำ เขาเหมือนจะค้นพบบางสิ่งเข้าและหันไปมองตรงจุดที่จอมมารกลายเป็นซาก

 

เห็นเป็นหนังสัตว์แผ่นหนึ่งอยู่ตรงนั้น สภาพขาดรุ่งริ่ง

 

ต้องทราบว่าซูฉินควบคุมพลังฟ้าดินในรัศมีหลายลี้เพื่อบดขยี้จอมมารในทีเดียว

 

ใต้พลังอันยิ่งใหญ่แห่งฟ้าดินนี้ แม้ร่างกายของจอมมารจะแปรสภาพมาแล้ว แต่มันถูกบีบอัดได้ในทันที และสลายกลายเป็นกลุ่มควัน

 

ไม่ใช่แค่ร่างของจอมมารเท่านั้น แต่รวมถึงสิ่งของต่างๆ ที่อยู่กับร่างกายของเขาด้วย

 

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ซูฉินไม่คาดคิดคือหนังสัตว์ที่ขาดรุ่งริ่งชิ้นดังกล่าวไม่ได้หายไปพร้อมกับจอมมาร แต่มันยังคงอยู่

 

“หนังสัตว์ที่สามารถทานทนพลังฟ้าดินได้ ?”

 

เกิดความสนใจขึ้นในใจของซูฉิน เขาจึงเบิกเนตรดวงตาแห่งสัจจะทันทีเพื่อยืนยันซ้ำ ให้แน่ใจว่าไม่มีอันตรายใด จากนั้นจึงยื่นมือขวาออกไป ดูดหนังสัตว์มาไว้ในมือ

 

หลังจากที่เข้าสู่ระดับ  ‘อรหันต์ ‘ จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของซูฉินก็พัฒนาขึ้นอย่างมาก และถึงขนาดแทรกแซงโลกแห่งความเป็นจริงได้

 

หวือ

 

ทันทีที่หนังสัตว์ที่ขาดรุ่งริ่งนั้นตกลงมาบนมือของซูฉิน ความเย็นก็แพร่ออกมาราวกับถือก้อนน้ำแข็ง

 

“หนังสัตว์นี่ไม่ปกติแล้ว”

 

ซูฉินดูเคร่งขรึมขึ้นมาเล็กน้อย

 

ในตอนนี้เขาก็ได้พบว่าแผ่นหนังสัตว์นั้นขาดรุ่งริ่งมาตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ได้ขาดเพราะแรงกดดันจากพลังฟ้าดินเมื่อครู่

 

“หนังสัตว์แผ่นนี้ ไว้ข้าจะเก็บกลับไปดูในภายหลัง”

 

“ตอนนี้ต้องจัดการปัญหาสาวกพรรคมารพวกนี้ก่อน”

 

ซูฉินเงยหน้าขึ้นมามองกลุ่มสาวกพรรคมารที่ยืนอยู่อย่างหวาดกลัว

 

ในขณะที่มองอยู่นี้ สาวกพรรคมารก็ลดศีรษะลงทีละคน ไม่มีใครกล้ามองตรงๆ ไปที่ซูฉินเลย

 

“ในเมื่อพวกเจ้ากล้าที่จะบุกมา ก็จงอยู่เสียที่นี่เถอะ”

 

โดยปกติแล้วซูฉินไม่ได้รู้สึกสงสารใครเท่าไหร่แม้จะเป็นผู้หญิงก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ก่อนหน้าที่จะเป็น  ‘อรหันต์ ‘ นั้น ตัวเขาอาจจะต้องเสียเวลาเล็กน้อยในการสังหารสาวกพรรคมารกลุ่มนี้ สาวกเหล่านี้ไม่ใช่ท่อนไม้ที่จะอยู่นิ่งเฉย พวกมันล้วนต้องกระจายกันหลบหนี

 

แม้ซูฉินจะมีดวงตาแห่งสัจจะในการจับพลังฉี แต่ก็ต้องใช้เวลาในการสังหารพวกมันทีละคน

 

แต่ตอนนี้

 

ซูฉินได้เข้าสู่ระดับ  ‘อรหันต์ ‘ แล้ว และสามารถควบคุมพลังฟ้าดินในรัศมีไม่กี่ลี้รอบกายได้อย่างง่ายดาย พวกสาวกพรรคมารล้วนอยู่ในขอบเขตรัศมีนี้ทั้งหมด ความเป็นความตายของพวกมันนั้นได้อยู่ในกำมือของซูฉิน

 

“อย่าทำอะไรพวกเราเลย”

 

“สงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ …ไม่สิ ท่านอรหันต์ให้อภัยพวกข้าเถิด พวกข้ารู้ตัวในความผิดครั้งนี้แล้ว”

 

“ข้าขอร้องล่ะ ท่านอรหันต์โปรดปล่อยพวกเราไปสักครั้งเถิด ตัวข้าเต็มใจจะถูกขังไว้ในหอคอยสะกดมาร …”

 

สาวกพรรคมารจำนวนนับไม่ถ้วนต่างวิงวอนอย่างขื่นขม

 

แต่ก็เท่านั้น

 

ช่วงเวลาต่อมา

 

พลังอันยิ่งใหญ่ของฟ้าดินก็กวาดผ่านพื้นที่ทั้งหมด

 

แววตาของสาวกพรรคมารต่างมืดหม่นอย่างรวดเร็ว และล้มพับลงกับพื้น

 

หลังจากจัดการกับสาวกพรรคมาร ซูฉินก็เหลือบมองไปที่ศิษย์ทั้งหลายของวัดเส้าหลินที่ยังคงตกตะลึงอยู่จากที่ไกลๆ จากนั้นจึงก้าวเท้าออกไปข้างหน้าแล้วจึงหายไปจากสถานที่นั้น

 

 

อันตรายของวัดเส้าหลินที่มาพร้อมกับการบุกรุกของพรรคมารในที่สุดก็จบลงด้วยเหตุการณ์ที่เหมือนกับฝันไป

 

จากระยะเวลาที่หายตัวไปนานกว่าห้าสิบปี จอมมารกลับมาสู่ยุทธภพอีกครั้งและต้องการจะใช้เลือดเนื้อของสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์นิรนามเป็นหินรองเท้าก้าวเดินไปเบื้องบน แต่สุดท้ายมันกลับนำพาพรรคมารที่ยิ่งใหญ่ให้พินาศลงจนหมดสิ้น

 

เหล่าหัวหน้าตำหนักรู้สึกเหมือนกำลังตกอยู่ในความฝัน ทั้งหมดเตรียมที่จะกอดคอกันตายไปพร้อมกับการล่มสลายของวัดเส้าหลิน แต่เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจนพลิกผันสถานการณ์ไปเช่นนี้

 

“ท่านเจ้าอาวาส นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ …”

 

หัวหน้าฝ่ายวินัยสงฆ์หันหน้าไปมองเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินอย่างไม่ได้ตั้งใจและถามออกอย่างไม่แน่ใจนัก

 

เมื่อมีคนเริ่มพูดออกมา

 

หัวหน้าตำหนักคนอื่นๆ และศิษย์ทั้งหลายที่ยังคงติดอยู่ในอาการตกใจ ทั้งหมดมองไปที่เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินเพื่อรอคำอธิบาย

 

แม้วิกฤตของวัดเส้าหลินจะคลี่คลายไปแล้ว แต่ก็เกิดข้อสงสัยที่ใหญ่เสียยิ่งกว่าปรากฏขึ้นมาในใจของศิษย์ทุกๆ คน

 

‘อรหันต์ ‘ ที่สังหารจอมมารได้เพียงแค่ขยับตัว นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน

 

“ข้าก็ไม่รู้เรื่องนี้เช่นกัน …”

 

ฮุ่ยเหวินเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยตอบตามความเป็นจริง

 

ถ้าเขารู้ว่ามี  ‘อรหันต์ ‘ อยู่ในวัดเส้าหลิน เขาจะหมดสิ้นความหวังยามเผชิญหน้ากับจอมมาร ราวกับคนที่ตายไปแล้วได้เยี่ยงไร ?

 

เสียงของเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินค่อยๆ แผ่วลง

 

หัวหน้าตำหนักและเหล่าศิษย์ต่างก็พูดไม่ออกกันเลยทีเดียว

 

หากแม้แต่เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขายิ่งมืดแปดด้านเลยมิใช่หรือ

 

ในขณะนั้นเองหัวหน้าตำหนักยุทธสงฆ์พลันนึกบางสิ่งขึ้นมาได้ เขาดูมีความสุขมากและมองไปที่หัวหน้าลานจิปาถะคนใหม่

 

“ศิษย์น้อง เจ้าก็อยู่ลานจิปาถะมานาน เจ้าต้องรู้จักตัวตนของคนผู้นั้นใช่หรือไม่ ?”

 

หัวหน้าตำหนักยุทธสงฆ์จ้องไปที่หัวหน้าคนใหม่ของลานจิปาถะ

 

คนอื่นๆ ต่างก็แอบพยักหน้าตาม

 

ใช่สิ

 

ตัวตนของบุรุษผู้นั้นสังกัดอยู่ลานจิปาถะเป็นเวลานานกว่ายี่สิบปี หัวหน้าลานจิปาถะคนใหม่ต้องพอรู้เรื่องราวอยู่บ้างไม่มากก็น้อย

 

หัวหน้าลานจิปาถะคนใหม่  : “……”

 

หากแม้พวกเจ้าก็ยังไม่ทราบ แล้วข้าจะไปทราบได้อย่างไรเล่า ?

 

“ข้าก็มิทราบเหมือนกัน”

 

หัวหน้าคนใหม่แห่งลานจิปาถะกัดฟันแล้วพูดออกมา

 

 

ในเวลาเดียวกัน

 

ที่ลานจิปาถะ

 

ซูฉินออกจากโถงศาลาการประชุมใหญ่แล้วมาที่ลานจิปาถะแห่งนี้

 

“ตัวตนของข้าถูกเปิดเผยเสียแล้ว”

 

ซูฉินนั่งขัดสมาธิ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก

 

ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อซูฉินทะลวงฝ่าขอบเขตจนไปถึงระดับ  ‘อรหันต์ ‘ เขาไม่สนใจว่าตัวตนของเขาจะถูกเปิดเผยหรือไม่

 

ก่อนที่จะแข็งแกร่งไร้พ่าย ต้องใจเย็น อดทนรอให้เป็น

 

แต่ยามที่แข็งแกร่งไร้พ่ายแล้ว จะทำอะไรต่อไปล่ะ ?

 

อย่างน้อยๆ ตามที่ซูฉินรู้มาก็ไม่มีจอมยุทธระดับ  ‘อรหันต์ ‘ ปรากฏตัวมาเป็นร้อยปีแล้ว

 

กล่าวอีกอย่างก็คือ ด้วยความแข็งแกร่งของซูฉินในขณะนี้ เขาไม่จำเป็นต้องสนใจสิ่งใดบนโลกนี้อีกแล้ว

 

ในการจัดการกับ  ‘อรหันต์ ‘ มีเพียงการดำรงอยู่ในระดับเดียวกันเท่านั้นจึงจะสามารถกระทำได้

 

“แต่หนังสัตว์ที่อยู่กับจอมมารคือสิ่งใดกันแน่ ?”

 

เพียงแค่คิด แผ่นหนังสัตว์ที่ขาดรุ่งริ่งก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าของเขา

 

หนังสัตว์นั้นอยู่ในสภาพทรุดโทรม และดูเหมือนมันจะมีอายุเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น แต่สิ่งที่น่าพิศวงคือมันแผ่ความเย็นออกมาเล็กน้อย

 

“หนังสัตว์นี่เป็นของจอมมาร บางทีมันอาจจะซ่อนความลับอะไรบางอย่างเอาไว้ก็ได้ ?”

 

ซูฉินมองไปที่หนังสัตว์ใกล้ๆ และก็พบร่องรอยขีดเขียนบนหนังสัตว์เหมือนกับมีการบันทึกข้อมูลบางอย่างเอาไว้

 

“แผ่นจารึก ?”

 

หัวใจของซูฉินวูบไหวเล็กน้อย

 

ตามสามัญสำนึกแล้ว สิ่งของต่างๆ เช่นพวกหนังสัตว์ ส่วนใหญ่จะใช้เพื่อการจดบันทึก

 

“อาจจะมีข้อมูลบางอย่าง ‘ซุกซ่อน ‘เอาไว้บนหนังสัตว์ผืนนี้ใช่หรือไม่ ?”

 

ความคิดของซูฉินโลดแล่นไปอย่างรวดเร็ว

 

“สามารถต้านทานพลังแห่งฟ้าดินได้ หนังสัตว์แผ่นนี้จะเป็นสิ่งของระดับ  ‘อรหันต์ ‘ ด้วยหรือไม่ ?”

 

“และข้อมูลที่  ‘ซุกซ่อน ‘ อยู่ภายในอาจจะมองเห็นไม่ได้ด้วยตาเปล่า …”

 

เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ ซูฉินก็พิสูจน์โดยการใส่จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ลงไปคลุมหนังสัตว์ที่ขาดรุ่งริ่งนั่น

 

ตูม !!

 

เมื่อจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของซูฉินสัมผัสไปบนแผ่นหนังสัตว์ พลันมีเสียงดังสนั่นเกิดขึ้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 62 จอมมารสิ้นชื่อ หนังสัตว์แปลกๆ

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 62 จอมมารสิ้นชื่อ หนังสัตว์แปลกๆ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 62 จอมมารสิ้นชื่อ หนังสัตว์แปลกๆ

 

 

เมื่อร่างของจอมมารชุดดำกลายเป็นเถ้าถ่านสีดำ

 

ใบหน้าของเหล่าสาวกพรรคมารซีดราวกับกระดาษขาว ไม่มีร่องรอยของเลือดฝาดอยู่เลย

 

ในช่วงที่จอมมารออกมาจากทะเลทรายตะวันตกกลับเข้าสู่ยุทธภพอีกครั้ง พรรคมารก็รุ่งโรจน์อย่างไม่มีที่สิ้นสุด พวกสาวกพรรคมารได้เข้าทำลายสำนักพรรคไปมากมายต่อเนื่อง อาทิ นิกายเทียนไถ่ และสำนักต่างๆ ที่อยู่ในดินแดนราชวงศ์ถังแห่งนี้

 

ทว่าตอนนี้

 

สาวกพรรคมารพลันตระหนักได้ว่าทุกอย่างที่มีได้หายไปหมดสิ้นแล้ว

 

อย่าเพิ่งไปพูดถึงผลกระทบต่อพรรคมารจากการสูญเสียจอมมารไปเลย แค่ตอนนี้พวกมันจะเดินออกจากวัดเส้าหลินได้หรือไม่นี่สิควรเป็นคำถาม

 

“เอ๋ ?”

 

หลังจากที่ซูฉินสังหารจอมมารชุดดำ เขาเหมือนจะค้นพบบางสิ่งเข้าและหันไปมองตรงจุดที่จอมมารกลายเป็นซาก

 

เห็นเป็นหนังสัตว์แผ่นหนึ่งอยู่ตรงนั้น สภาพขาดรุ่งริ่ง

 

ต้องทราบว่าซูฉินควบคุมพลังฟ้าดินในรัศมีหลายลี้เพื่อบดขยี้จอมมารในทีเดียว

 

ใต้พลังอันยิ่งใหญ่แห่งฟ้าดินนี้ แม้ร่างกายของจอมมารจะแปรสภาพมาแล้ว แต่มันถูกบีบอัดได้ในทันที และสลายกลายเป็นกลุ่มควัน

 

ไม่ใช่แค่ร่างของจอมมารเท่านั้น แต่รวมถึงสิ่งของต่างๆ ที่อยู่กับร่างกายของเขาด้วย

 

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ซูฉินไม่คาดคิดคือหนังสัตว์ที่ขาดรุ่งริ่งชิ้นดังกล่าวไม่ได้หายไปพร้อมกับจอมมาร แต่มันยังคงอยู่

 

“หนังสัตว์ที่สามารถทานทนพลังฟ้าดินได้ ?”

 

เกิดความสนใจขึ้นในใจของซูฉิน เขาจึงเบิกเนตรดวงตาแห่งสัจจะทันทีเพื่อยืนยันซ้ำ ให้แน่ใจว่าไม่มีอันตรายใด จากนั้นจึงยื่นมือขวาออกไป ดูดหนังสัตว์มาไว้ในมือ

 

หลังจากที่เข้าสู่ระดับ  ‘อรหันต์ ‘ จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของซูฉินก็พัฒนาขึ้นอย่างมาก และถึงขนาดแทรกแซงโลกแห่งความเป็นจริงได้

 

หวือ

 

ทันทีที่หนังสัตว์ที่ขาดรุ่งริ่งนั้นตกลงมาบนมือของซูฉิน ความเย็นก็แพร่ออกมาราวกับถือก้อนน้ำแข็ง

 

“หนังสัตว์นี่ไม่ปกติแล้ว”

 

ซูฉินดูเคร่งขรึมขึ้นมาเล็กน้อย

 

ในตอนนี้เขาก็ได้พบว่าแผ่นหนังสัตว์นั้นขาดรุ่งริ่งมาตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ได้ขาดเพราะแรงกดดันจากพลังฟ้าดินเมื่อครู่

 

“หนังสัตว์แผ่นนี้ ไว้ข้าจะเก็บกลับไปดูในภายหลัง”

 

“ตอนนี้ต้องจัดการปัญหาสาวกพรรคมารพวกนี้ก่อน”

 

ซูฉินเงยหน้าขึ้นมามองกลุ่มสาวกพรรคมารที่ยืนอยู่อย่างหวาดกลัว

 

ในขณะที่มองอยู่นี้ สาวกพรรคมารก็ลดศีรษะลงทีละคน ไม่มีใครกล้ามองตรงๆ ไปที่ซูฉินเลย

 

“ในเมื่อพวกเจ้ากล้าที่จะบุกมา ก็จงอยู่เสียที่นี่เถอะ”

 

โดยปกติแล้วซูฉินไม่ได้รู้สึกสงสารใครเท่าไหร่แม้จะเป็นผู้หญิงก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ก่อนหน้าที่จะเป็น  ‘อรหันต์ ‘ นั้น ตัวเขาอาจจะต้องเสียเวลาเล็กน้อยในการสังหารสาวกพรรคมารกลุ่มนี้ สาวกเหล่านี้ไม่ใช่ท่อนไม้ที่จะอยู่นิ่งเฉย พวกมันล้วนต้องกระจายกันหลบหนี

 

แม้ซูฉินจะมีดวงตาแห่งสัจจะในการจับพลังฉี แต่ก็ต้องใช้เวลาในการสังหารพวกมันทีละคน

 

แต่ตอนนี้

 

ซูฉินได้เข้าสู่ระดับ  ‘อรหันต์ ‘ แล้ว และสามารถควบคุมพลังฟ้าดินในรัศมีไม่กี่ลี้รอบกายได้อย่างง่ายดาย พวกสาวกพรรคมารล้วนอยู่ในขอบเขตรัศมีนี้ทั้งหมด ความเป็นความตายของพวกมันนั้นได้อยู่ในกำมือของซูฉิน

 

“อย่าทำอะไรพวกเราเลย”

 

“สงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ …ไม่สิ ท่านอรหันต์ให้อภัยพวกข้าเถิด พวกข้ารู้ตัวในความผิดครั้งนี้แล้ว”

 

“ข้าขอร้องล่ะ ท่านอรหันต์โปรดปล่อยพวกเราไปสักครั้งเถิด ตัวข้าเต็มใจจะถูกขังไว้ในหอคอยสะกดมาร …”

 

สาวกพรรคมารจำนวนนับไม่ถ้วนต่างวิงวอนอย่างขื่นขม

 

แต่ก็เท่านั้น

 

ช่วงเวลาต่อมา

 

พลังอันยิ่งใหญ่ของฟ้าดินก็กวาดผ่านพื้นที่ทั้งหมด

 

แววตาของสาวกพรรคมารต่างมืดหม่นอย่างรวดเร็ว และล้มพับลงกับพื้น

 

หลังจากจัดการกับสาวกพรรคมาร ซูฉินก็เหลือบมองไปที่ศิษย์ทั้งหลายของวัดเส้าหลินที่ยังคงตกตะลึงอยู่จากที่ไกลๆ จากนั้นจึงก้าวเท้าออกไปข้างหน้าแล้วจึงหายไปจากสถานที่นั้น

 

 

อันตรายของวัดเส้าหลินที่มาพร้อมกับการบุกรุกของพรรคมารในที่สุดก็จบลงด้วยเหตุการณ์ที่เหมือนกับฝันไป

 

จากระยะเวลาที่หายตัวไปนานกว่าห้าสิบปี จอมมารกลับมาสู่ยุทธภพอีกครั้งและต้องการจะใช้เลือดเนื้อของสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์นิรนามเป็นหินรองเท้าก้าวเดินไปเบื้องบน แต่สุดท้ายมันกลับนำพาพรรคมารที่ยิ่งใหญ่ให้พินาศลงจนหมดสิ้น

 

เหล่าหัวหน้าตำหนักรู้สึกเหมือนกำลังตกอยู่ในความฝัน ทั้งหมดเตรียมที่จะกอดคอกันตายไปพร้อมกับการล่มสลายของวัดเส้าหลิน แต่เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจนพลิกผันสถานการณ์ไปเช่นนี้

 

“ท่านเจ้าอาวาส นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ …”

 

หัวหน้าฝ่ายวินัยสงฆ์หันหน้าไปมองเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินอย่างไม่ได้ตั้งใจและถามออกอย่างไม่แน่ใจนัก

 

เมื่อมีคนเริ่มพูดออกมา

 

หัวหน้าตำหนักคนอื่นๆ และศิษย์ทั้งหลายที่ยังคงติดอยู่ในอาการตกใจ ทั้งหมดมองไปที่เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินเพื่อรอคำอธิบาย

 

แม้วิกฤตของวัดเส้าหลินจะคลี่คลายไปแล้ว แต่ก็เกิดข้อสงสัยที่ใหญ่เสียยิ่งกว่าปรากฏขึ้นมาในใจของศิษย์ทุกๆ คน

 

‘อรหันต์ ‘ ที่สังหารจอมมารได้เพียงแค่ขยับตัว นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน

 

“ข้าก็ไม่รู้เรื่องนี้เช่นกัน …”

 

ฮุ่ยเหวินเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยตอบตามความเป็นจริง

 

ถ้าเขารู้ว่ามี  ‘อรหันต์ ‘ อยู่ในวัดเส้าหลิน เขาจะหมดสิ้นความหวังยามเผชิญหน้ากับจอมมาร ราวกับคนที่ตายไปแล้วได้เยี่ยงไร ?

 

เสียงของเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินค่อยๆ แผ่วลง

 

หัวหน้าตำหนักและเหล่าศิษย์ต่างก็พูดไม่ออกกันเลยทีเดียว

 

หากแม้แต่เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขายิ่งมืดแปดด้านเลยมิใช่หรือ

 

ในขณะนั้นเองหัวหน้าตำหนักยุทธสงฆ์พลันนึกบางสิ่งขึ้นมาได้ เขาดูมีความสุขมากและมองไปที่หัวหน้าลานจิปาถะคนใหม่

 

“ศิษย์น้อง เจ้าก็อยู่ลานจิปาถะมานาน เจ้าต้องรู้จักตัวตนของคนผู้นั้นใช่หรือไม่ ?”

 

หัวหน้าตำหนักยุทธสงฆ์จ้องไปที่หัวหน้าคนใหม่ของลานจิปาถะ

 

คนอื่นๆ ต่างก็แอบพยักหน้าตาม

 

ใช่สิ

 

ตัวตนของบุรุษผู้นั้นสังกัดอยู่ลานจิปาถะเป็นเวลานานกว่ายี่สิบปี หัวหน้าลานจิปาถะคนใหม่ต้องพอรู้เรื่องราวอยู่บ้างไม่มากก็น้อย

 

หัวหน้าลานจิปาถะคนใหม่  : “……”

 

หากแม้พวกเจ้าก็ยังไม่ทราบ แล้วข้าจะไปทราบได้อย่างไรเล่า ?

 

“ข้าก็มิทราบเหมือนกัน”

 

หัวหน้าคนใหม่แห่งลานจิปาถะกัดฟันแล้วพูดออกมา

 

 

ในเวลาเดียวกัน

 

ที่ลานจิปาถะ

 

ซูฉินออกจากโถงศาลาการประชุมใหญ่แล้วมาที่ลานจิปาถะแห่งนี้

 

“ตัวตนของข้าถูกเปิดเผยเสียแล้ว”

 

ซูฉินนั่งขัดสมาธิ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก

 

ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อซูฉินทะลวงฝ่าขอบเขตจนไปถึงระดับ  ‘อรหันต์ ‘ เขาไม่สนใจว่าตัวตนของเขาจะถูกเปิดเผยหรือไม่

 

ก่อนที่จะแข็งแกร่งไร้พ่าย ต้องใจเย็น อดทนรอให้เป็น

 

แต่ยามที่แข็งแกร่งไร้พ่ายแล้ว จะทำอะไรต่อไปล่ะ ?

 

อย่างน้อยๆ ตามที่ซูฉินรู้มาก็ไม่มีจอมยุทธระดับ  ‘อรหันต์ ‘ ปรากฏตัวมาเป็นร้อยปีแล้ว

 

กล่าวอีกอย่างก็คือ ด้วยความแข็งแกร่งของซูฉินในขณะนี้ เขาไม่จำเป็นต้องสนใจสิ่งใดบนโลกนี้อีกแล้ว

 

ในการจัดการกับ  ‘อรหันต์ ‘ มีเพียงการดำรงอยู่ในระดับเดียวกันเท่านั้นจึงจะสามารถกระทำได้

 

“แต่หนังสัตว์ที่อยู่กับจอมมารคือสิ่งใดกันแน่ ?”

 

เพียงแค่คิด แผ่นหนังสัตว์ที่ขาดรุ่งริ่งก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าของเขา

 

หนังสัตว์นั้นอยู่ในสภาพทรุดโทรม และดูเหมือนมันจะมีอายุเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น แต่สิ่งที่น่าพิศวงคือมันแผ่ความเย็นออกมาเล็กน้อย

 

“หนังสัตว์นี่เป็นของจอมมาร บางทีมันอาจจะซ่อนความลับอะไรบางอย่างเอาไว้ก็ได้ ?”

 

ซูฉินมองไปที่หนังสัตว์ใกล้ๆ และก็พบร่องรอยขีดเขียนบนหนังสัตว์เหมือนกับมีการบันทึกข้อมูลบางอย่างเอาไว้

 

“แผ่นจารึก ?”

 

หัวใจของซูฉินวูบไหวเล็กน้อย

 

ตามสามัญสำนึกแล้ว สิ่งของต่างๆ เช่นพวกหนังสัตว์ ส่วนใหญ่จะใช้เพื่อการจดบันทึก

 

“อาจจะมีข้อมูลบางอย่าง ‘ซุกซ่อน ‘เอาไว้บนหนังสัตว์ผืนนี้ใช่หรือไม่ ?”

 

ความคิดของซูฉินโลดแล่นไปอย่างรวดเร็ว

 

“สามารถต้านทานพลังแห่งฟ้าดินได้ หนังสัตว์แผ่นนี้จะเป็นสิ่งของระดับ  ‘อรหันต์ ‘ ด้วยหรือไม่ ?”

 

“และข้อมูลที่  ‘ซุกซ่อน ‘ อยู่ภายในอาจจะมองเห็นไม่ได้ด้วยตาเปล่า …”

 

เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ ซูฉินก็พิสูจน์โดยการใส่จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ลงไปคลุมหนังสัตว์ที่ขาดรุ่งริ่งนั่น

 

ตูม !!

 

เมื่อจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของซูฉินสัมผัสไปบนแผ่นหนังสัตว์ พลันมีเสียงดังสนั่นเกิดขึ้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+