เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 188 สั่นไหว

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 188 สั่นไหว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 188 สั่นไหว

 

ณ เมืองฉางอัน

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินตะลึงงัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

 

ท่ามกลางเมฆครึ้ม มีสายฟ้าสาดกระจายเปรี้ยงปร้างอยู่ทั่วทุกแห่งหน แม้จะเป็นตํานานยุทธ ถ้าเข้าไปอยู่ภายในนั้นก็ต้องรีบหลบหนี ไม่เช่นนั้น อาจไม่เหลือแม้แต่กระดูก และตัวชายในชุดคลุมสีน้ําเงินก็ไม่กล้าแม้แต่จะส่งจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เข้าใกล้กลุ่มเมฆเหล่านั้น เพราะกลัวว่าจะถูกสายฟ้าพวกนั้นทําลายจิตวิญญาณเอาได้ แต่ขณะนี้เขากลับเห็นสิ่งที่ตนไม่คิดฝัน มีใครบางคนเข้าไปในกลุ่มเมฆมืดครึ้มนั้น เพิกเฉยต่อสายฟ้าฟาดและยังตั้งหน้าตั้งตาออกหมัดมวยอยู่แบบนั้น

 

หากข่าวนี้ไปถึงหูของเหล่าจอมยุทธในต่างดินแดน จะต้องทําให้เหล่าตํานานยุทธพวกนั้นตกตะลึงอย่างแน่นอน

 

“ตาฝาด?”

 

ชายชุดคลุมน้ําเงินมีความคิดผุดขึ้นมาในใจ แต่เขาก็ต้องปฏิเสธทิ้งไปในทันที

 

ถ้าเป็นคนธรรมดา อาจจะมีอาการเห็นภาพหลอนขึ้นมาได้บ้าง แต่เขาเป็นถึงตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่สาม มีทั้งพลังและจิตวิญญาณที่สมบูรณ์ เขาจะเห็นภาพหลอนได้เช่นไร?

 

“มีเทพเจ้าอยู่บนโลกนี้จริงๆ อย่างนั้นรึ?”

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินเปลี่ยนความคิดของตน แต่ความคิดมันนิ่งงันไปชั่วครู่ ในฐานะผู้ฝึกยุทธ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขอบเขตตํานานยุทธ ย่อมต้องมีเจตจํานงแน่วแน่ และเชื่อมั่นในตนเองไม่ใช่สิ่งอื่นใดภายนอก แต่ฉากตรงหน้าทําให้เขาตื่นตกใจจริงๆ

 

“ไม่ถูกต้อง”

 

“ไม่ใช่เทพเจ้า!”

 

ในขณะนี้ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินดูเหมือนจะค้นพบอะไรบางอย่าง ใบหน้าของเขาแปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง

 

เพราะเขาเห็นสายฟ้าที่น่าสะพรึงกลัวหลั่งไหลเข้าไปในร่างเงาคลุมเครือนั้น

 

ร่างเงาคลุมเครือที่อยู่ในหมู่เมฆไร้ที่สิ้นสุดนั้นเปรียบเสมือนหลุมดําที่ดูดกลืนทุกสิ่ง ดูดซับสายฟ้าที่ฟาดเข้าใส่อยู่ตลอดเวลา

 

สายฟ้าซึ่งทําให้จอมยุทธในขอบเขตตํานานยุทธทั่วๆไปต่างหวาดกลัวและถอยหนี กลับประพฤติตัวอย่างดีต่อหน้าร่างเงานั้น ไม่มีความสับสนวุ่นวายใดๆเกิดขึ้น

 

“การขัดเกลาร่างกายด้วยสายฟ้า นี่คือการขัดเกลาร่างกายด้วยสายฟ้า…”

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินกลืนน้ําลาย หัวใจสั่นสะท้าน

 

“เป็นไปได้ไหมว่าท่านผู้นี้เป็นบรรพบุรุษสักคนหนึ่งของกายเทพเจ้าสายฟ้า?” ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินอดที่จะคิดไปทางนี้ไม่ได้

 

นิกายเทพเจ้าสายฟ้าเป็นหนึ่งในสํานักระดับสูงที่ต่างแดน ควบคุมทรัพยากรในการฝึกฝนบ่มเพาะจํานวนนับไม่ถ้วนในต่างดินแดนเอาไว้ ว่ากันว่าวิชาหลักของนิกายเทพเจ้าสายฟ้าคือทูตอัสนีบาต เป็นการลงทัณฑ์จากฟากฟ้า น่าหวาดกลัวยิ่ง

 

เพียงแต่สิ่งที่ทําให้ชายชุดคลุมน้ําเงินงงงวยก็คือนิกายเทพเจ้าสายฟ้าสั่งสอนลูกศิษย์มาตลอดว่าต่อให้เป็นยอดฝีมือที่สามารถบังคับสายฟ้าได้ แต่ก็เป็นเพียงนายแห่งสายฟ้า ไม่ใช่การกลืนกินสายฟ้าเข้าไป

 

แต่อย่างไรก็ตาม ร่างเงาที่ยืนอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆที่ไม่มีที่ สิ้นสุดนี้ คล้ายคลึงกับนิกายเทพเจ้าสายฟ้าในต่างดินแดน มากที่สุด ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินทําได้เพียงเชื่อมโยงฝ่ายตรงข้ามเข้ากับคนที่ถูกส่งมาโดยนิกายเทพเจ้าสายฟ้าเท่านั้น

 

“บ้าเอ้ย”

 

“พวกคนของนิกายเทพเจ้าสายฟ้า ไม่ใช่ว่ามักจะดูถูกสํานักชะตาฟ้าอยู่เสมอไม่ใช่หรือ? ทําไมคราวนี้จึงตอบสนองกันฉับไวถึงเพียงนี้?”

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินรู้สึกเพียงแต่ความขมขื่นวนเวียนอยู่ในใจ

 

เดิมที่เขาคิดว่าตนเป็นคนแรกที่มาถึงทวีปนี้ เขาจะได้เตรียมการล่วงหน้าได้ หลังจากกระแสปราณฉีฟื้นคืน พื้นที่จุดตัดจะผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เป็นธรรมดาที่เขาจะได้รับประโยชน์ที่เพียงพอสําหรับตนเอง

 

ในเวลานั้น แม้ว่าพวกจอมยุทธเฒ่าจากสุดยอดพรรคในต่างดินแดนจะเริ่มเคลื่อนไหว ตัวเขาก็ยังถอนตัวออกไปได้ทัน

 

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า

 

ปฏิกิริยาของนิกายเทพเจ้าสายฟ้าจะเร็วกว่าเขามาก ก่อนที่เขาจะก้าวเข้าสู่ทวีปนี้ อีกฝ่ายก็มีอาณาจักรถังอยู่ในกํามือแล้ว

 

“ตอนนี้ข้าควรจะทําเช่นไรดี?”

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินคิดไปมาภายในหัว

 

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสํานักยักษ์ใหญ่อย่างนิกายเทพเจ้าสายฟ้า แม้ว่าชายในชุดคลุมสีน้ําเงินจะไม่เต็มใจมากเท่าไหร่ เขาก็ทําได้แค่ต้องยอมแพ้

 

“รอผู้อาวุโสลงมาก่อน ข้าคงต้องใช้ไม้อ่อน อย่างไรก็เป็นตํานานยุทธจากต่างแดนเหมือนกัน แม้จะเป็นนิกายเทพเจ้าสายฟ้า ก็คงจะไว้หน้ากันบ้าง”

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินตัดสินใจ พร้อมกับรอคอยอย่างอดทนอยู่ครู่หนึ่ง เพื่อทักทายกับผู้อาวุโสนิกายเทพเจ้าสายฟ้าในหมู่มวลเมฆหมอกไร้ที่สิ้นสุด

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินอยากจะหันหลังกลับออกไปเสียจริงๆ แต่ในยามนี้เขาบุกเข้ามาในเขตของนิกายเทพเจ้าสายฟ้าเสียแล้ว ถ้าหนีไปตรงๆ ย่อมเป็นการยั่วยุนิกายเทพเจ้าสายฟ้าอย่างโจ่งแจ้ง ถ้าเป็นเช่นนั้นคงจะดีกว่าถ้าอยู่อย่างเปิดเผยตรงนี้

 

นอกจากนี้ ชายในชุดคลุมยังสังเกตเห็นได้จางๆว่าตนถูกห้อมล้อมไปด้วยไอพลังที่แสนน่ากลัว แม้ต้องการจะจากไป แต่เขาก็ไม่สามารถจากไปได้

 

หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง

 

เมฆดําค่อยๆ สลายหายไป

 

ด้วยการจ้องมองอย่างเคารพของชายในชุดคลุมสีน้ําเงิน ซูฉินเดินเหยียบอากาศอย่างไม่รีบร้อนลงมาช้าๆ

 

“ผู้ฝึกยุทธหร่วนชิง คารวะผู้อาวุโสนิกายเทพเจ้าสายฟ้า”

 

หร่วนชิงหรือชายในชุดคลุมสีน้ําเงินโค้งคํานับลง

 

ซูฉินไม่ได้กล่าวตอบ แต่กําลังสัมผัสการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายหลังการขัดเกลาร่างกายด้วยสายฟ้าอย่างเงียบๆ มีแสงวูบวาบออกมาจากร่างกายของเขาซึ่งสามารถทําให้ผู้คนใจสั่นหวั่นกลัวได้

 

เมื่อเห็นฉากนี้ หร่วนชิง ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินก็ยิ่งให้ความเคารพมากขึ้นไปอีก

 

แม้จะไม่รู้ว่าทําไมซูฉินถึงกลืนกินสายฟ้าได้ แต่ในสายตาของหร่วนชิง ซูฉินนั้นอย่างน้อยก็ต้องเป็นหนึ่งในบรรพบุรุษที่เก่าแก่ที่สุดคนหนึ่งของนิกายเทพเจ้าสายฟ้า ในครานี้ นิกายเทพเจ้าสายฟ้าคงเชิญซูฉินออกจากการหลับใหลให้ตื่นขึ้นมาเพื่อแข่งขันแย่งชิงดินแดน

 

“นิกายเทพเจ้าสายฟ้า?”

 

“ข้าไม่ได้มาจากนิกายเทพเจ้าสายฟ้า”

 

ซูฉินใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง มองไปที่ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินแล้วกล่าวออกอย่างสบายๆ

 

“อะไรนะ?”

 

“ผู้อาวุโสไม่ได้มาจากลัทธิเทพเจ้าสายฟ้าสั้นหรือ?”

 

หร่วนชิง ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินแข็งทื่อ เพราะวิธีที่ซูฉินขึ้นไปเผชิญหน้ากับทะเลสายฟ้าอันไร้ที่สิ้นสุดเมื่อครู่ก็ไม่น่าจะเป็นใครทําได้อีกนอกจากนิกายเทพเจ้าสายฟ้า

 

ถ้าซูฉินไม่ใช่บรรพบุรุษของนิกายเทพเจ้าสายฟ้า หรือเขาจะมาจากนิกายใหญ่อื่นๆ?

 

“เช่นนั้น ท่านผู้อาวุโสมาจากนิกายใหญ่แห่งไหนหรือขอรับ?”

 

หร่วนชิง ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินพูดตะกุกตะกัก รวบรวมความกล้าถามออกไป

 

“นิกายใหญ่?”

 

ซูฉินส่ายหัวเล็กน้อย “ข้าไม่ได้มาจากนิกายใหญ่แห่งไหนทั้งนั้น”

 

คําที่กล่าวออกมา

 

หร่วนชิง ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินตกตะลึง

 

จู่ๆ ความคิดอันน่าเหลือเชื่อก็ผุดขึ้นในใจของหร่วนชิงเหมือนสะเก็ดไฟที่ปะทุ

 

“ผู้อาวุโส ผู้อาวุโสคือตํานานยุทธในเมืองฉางอันแห่งนี้?”

 

หร่วนชิง ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินถามด้วยเสียงสั่นเครือ

 

ซูฉินมองไปที่หร่วนชิงด้วยรอยยิ้ม แต่ไม่ตอบคํา

 

อย่างไรก็ตาม การแสดงออกของซูฉินในมุมมองของหร่วนชิงไม่ต่างอะไรไปจากการยอมรับ

 

ในเวลานี้ หร่วนชิงรู้สึกเย็นยะเยือก หากซูฉินเป็นตํานานยุทธต่างดินแดน ก็อาจจะปล่อยตัวเขาไป แต่ตอนนี้ซูฉินได้แสดงตัวชัดเจนว่าตนเป็นตํานานยุทธประจําเมืองฉางอัน ย่อมไม่มีเหตุให้ปล่อยเขาไป

 

“ไม่เป็นไร”

 

“ข้ามีทางเลือกให้สองทาง”

 

ซูฉินมองดูหร่วนชิงด้วยความสนใจ “ข้อแรกคือความตาย และอีกข้อหนึ่ง มาเป็นมือเป็นเท้าให้กับข้า จงเลือกมาหนึ่งอย่าง”

 

แม้ว่าซูฉินจะกําลังขัดเกลาร่างกายของตนด้วยสายฟ้าอยู่ในกลีบเมฆ แต่ทุกย่างก้าวของหร่วนชิงหลังจากเข้าสู่เมืองฉางอันตกอยู่ในสายตาของเขาตลอด

 

แม้ว่าซูฉินจะไม่รู้จุดประสงค์ของหร่วนชิง แต่ก็คิดว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้มีเจตนาที่ดีแน่

 

ในเมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ ซูฉินจะยอมปล่อยอีกฝ่ายไปได้เช่นไร

 

เหตุผลที่หร่วนซึ่งได้รับทางเลือกที่สองก็เพราะว่าตัวมันเป็นถึงตํานานยุทธในระดับนภาชั้นที่สาม

 

ตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่สาม แม้ในสายตาซูฉินจะไม่มีค่าคู่ควรแก่การพูดถึง แต่ก็ยังถือว่าแข็งแกร่งทีเดียว

 

รู้หรือไม่ว่าก่อนที่ซูฉินจะมา ในยุทธภพไม่ได้กําเนิดตํานานยุทธมาหลายร้อยปีแล้ว นภาชั้นที่สามอย่างหร่วนชิงหรือชายในชุดคลุมสีน้ําเงินสามารถทําให้อาณาจักรต่างๆตกตะลึงได้อย่างแน่นอน

 

ซูฉินเพียงให้หร่วนชิงมารับใช้ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นในอนาคต ตัวเองก็ไม่ต้องทําอะไร เพียงส่งงานต่อให้หร่วนชิงไปทํา

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 188 สั่นไหว

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 188 สั่นไหว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 188 สั่นไหว

 

ณ เมืองฉางอัน

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินตะลึงงัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

 

ท่ามกลางเมฆครึ้ม มีสายฟ้าสาดกระจายเปรี้ยงปร้างอยู่ทั่วทุกแห่งหน แม้จะเป็นตํานานยุทธ ถ้าเข้าไปอยู่ภายในนั้นก็ต้องรีบหลบหนี ไม่เช่นนั้น อาจไม่เหลือแม้แต่กระดูก และตัวชายในชุดคลุมสีน้ําเงินก็ไม่กล้าแม้แต่จะส่งจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เข้าใกล้กลุ่มเมฆเหล่านั้น เพราะกลัวว่าจะถูกสายฟ้าพวกนั้นทําลายจิตวิญญาณเอาได้ แต่ขณะนี้เขากลับเห็นสิ่งที่ตนไม่คิดฝัน มีใครบางคนเข้าไปในกลุ่มเมฆมืดครึ้มนั้น เพิกเฉยต่อสายฟ้าฟาดและยังตั้งหน้าตั้งตาออกหมัดมวยอยู่แบบนั้น

 

หากข่าวนี้ไปถึงหูของเหล่าจอมยุทธในต่างดินแดน จะต้องทําให้เหล่าตํานานยุทธพวกนั้นตกตะลึงอย่างแน่นอน

 

“ตาฝาด?”

 

ชายชุดคลุมน้ําเงินมีความคิดผุดขึ้นมาในใจ แต่เขาก็ต้องปฏิเสธทิ้งไปในทันที

 

ถ้าเป็นคนธรรมดา อาจจะมีอาการเห็นภาพหลอนขึ้นมาได้บ้าง แต่เขาเป็นถึงตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่สาม มีทั้งพลังและจิตวิญญาณที่สมบูรณ์ เขาจะเห็นภาพหลอนได้เช่นไร?

 

“มีเทพเจ้าอยู่บนโลกนี้จริงๆ อย่างนั้นรึ?”

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินเปลี่ยนความคิดของตน แต่ความคิดมันนิ่งงันไปชั่วครู่ ในฐานะผู้ฝึกยุทธ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขอบเขตตํานานยุทธ ย่อมต้องมีเจตจํานงแน่วแน่ และเชื่อมั่นในตนเองไม่ใช่สิ่งอื่นใดภายนอก แต่ฉากตรงหน้าทําให้เขาตื่นตกใจจริงๆ

 

“ไม่ถูกต้อง”

 

“ไม่ใช่เทพเจ้า!”

 

ในขณะนี้ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินดูเหมือนจะค้นพบอะไรบางอย่าง ใบหน้าของเขาแปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง

 

เพราะเขาเห็นสายฟ้าที่น่าสะพรึงกลัวหลั่งไหลเข้าไปในร่างเงาคลุมเครือนั้น

 

ร่างเงาคลุมเครือที่อยู่ในหมู่เมฆไร้ที่สิ้นสุดนั้นเปรียบเสมือนหลุมดําที่ดูดกลืนทุกสิ่ง ดูดซับสายฟ้าที่ฟาดเข้าใส่อยู่ตลอดเวลา

 

สายฟ้าซึ่งทําให้จอมยุทธในขอบเขตตํานานยุทธทั่วๆไปต่างหวาดกลัวและถอยหนี กลับประพฤติตัวอย่างดีต่อหน้าร่างเงานั้น ไม่มีความสับสนวุ่นวายใดๆเกิดขึ้น

 

“การขัดเกลาร่างกายด้วยสายฟ้า นี่คือการขัดเกลาร่างกายด้วยสายฟ้า…”

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินกลืนน้ําลาย หัวใจสั่นสะท้าน

 

“เป็นไปได้ไหมว่าท่านผู้นี้เป็นบรรพบุรุษสักคนหนึ่งของกายเทพเจ้าสายฟ้า?” ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินอดที่จะคิดไปทางนี้ไม่ได้

 

นิกายเทพเจ้าสายฟ้าเป็นหนึ่งในสํานักระดับสูงที่ต่างแดน ควบคุมทรัพยากรในการฝึกฝนบ่มเพาะจํานวนนับไม่ถ้วนในต่างดินแดนเอาไว้ ว่ากันว่าวิชาหลักของนิกายเทพเจ้าสายฟ้าคือทูตอัสนีบาต เป็นการลงทัณฑ์จากฟากฟ้า น่าหวาดกลัวยิ่ง

 

เพียงแต่สิ่งที่ทําให้ชายชุดคลุมน้ําเงินงงงวยก็คือนิกายเทพเจ้าสายฟ้าสั่งสอนลูกศิษย์มาตลอดว่าต่อให้เป็นยอดฝีมือที่สามารถบังคับสายฟ้าได้ แต่ก็เป็นเพียงนายแห่งสายฟ้า ไม่ใช่การกลืนกินสายฟ้าเข้าไป

 

แต่อย่างไรก็ตาม ร่างเงาที่ยืนอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆที่ไม่มีที่ สิ้นสุดนี้ คล้ายคลึงกับนิกายเทพเจ้าสายฟ้าในต่างดินแดน มากที่สุด ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินทําได้เพียงเชื่อมโยงฝ่ายตรงข้ามเข้ากับคนที่ถูกส่งมาโดยนิกายเทพเจ้าสายฟ้าเท่านั้น

 

“บ้าเอ้ย”

 

“พวกคนของนิกายเทพเจ้าสายฟ้า ไม่ใช่ว่ามักจะดูถูกสํานักชะตาฟ้าอยู่เสมอไม่ใช่หรือ? ทําไมคราวนี้จึงตอบสนองกันฉับไวถึงเพียงนี้?”

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินรู้สึกเพียงแต่ความขมขื่นวนเวียนอยู่ในใจ

 

เดิมที่เขาคิดว่าตนเป็นคนแรกที่มาถึงทวีปนี้ เขาจะได้เตรียมการล่วงหน้าได้ หลังจากกระแสปราณฉีฟื้นคืน พื้นที่จุดตัดจะผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เป็นธรรมดาที่เขาจะได้รับประโยชน์ที่เพียงพอสําหรับตนเอง

 

ในเวลานั้น แม้ว่าพวกจอมยุทธเฒ่าจากสุดยอดพรรคในต่างดินแดนจะเริ่มเคลื่อนไหว ตัวเขาก็ยังถอนตัวออกไปได้ทัน

 

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า

 

ปฏิกิริยาของนิกายเทพเจ้าสายฟ้าจะเร็วกว่าเขามาก ก่อนที่เขาจะก้าวเข้าสู่ทวีปนี้ อีกฝ่ายก็มีอาณาจักรถังอยู่ในกํามือแล้ว

 

“ตอนนี้ข้าควรจะทําเช่นไรดี?”

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินคิดไปมาภายในหัว

 

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสํานักยักษ์ใหญ่อย่างนิกายเทพเจ้าสายฟ้า แม้ว่าชายในชุดคลุมสีน้ําเงินจะไม่เต็มใจมากเท่าไหร่ เขาก็ทําได้แค่ต้องยอมแพ้

 

“รอผู้อาวุโสลงมาก่อน ข้าคงต้องใช้ไม้อ่อน อย่างไรก็เป็นตํานานยุทธจากต่างแดนเหมือนกัน แม้จะเป็นนิกายเทพเจ้าสายฟ้า ก็คงจะไว้หน้ากันบ้าง”

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินตัดสินใจ พร้อมกับรอคอยอย่างอดทนอยู่ครู่หนึ่ง เพื่อทักทายกับผู้อาวุโสนิกายเทพเจ้าสายฟ้าในหมู่มวลเมฆหมอกไร้ที่สิ้นสุด

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินอยากจะหันหลังกลับออกไปเสียจริงๆ แต่ในยามนี้เขาบุกเข้ามาในเขตของนิกายเทพเจ้าสายฟ้าเสียแล้ว ถ้าหนีไปตรงๆ ย่อมเป็นการยั่วยุนิกายเทพเจ้าสายฟ้าอย่างโจ่งแจ้ง ถ้าเป็นเช่นนั้นคงจะดีกว่าถ้าอยู่อย่างเปิดเผยตรงนี้

 

นอกจากนี้ ชายในชุดคลุมยังสังเกตเห็นได้จางๆว่าตนถูกห้อมล้อมไปด้วยไอพลังที่แสนน่ากลัว แม้ต้องการจะจากไป แต่เขาก็ไม่สามารถจากไปได้

 

หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง

 

เมฆดําค่อยๆ สลายหายไป

 

ด้วยการจ้องมองอย่างเคารพของชายในชุดคลุมสีน้ําเงิน ซูฉินเดินเหยียบอากาศอย่างไม่รีบร้อนลงมาช้าๆ

 

“ผู้ฝึกยุทธหร่วนชิง คารวะผู้อาวุโสนิกายเทพเจ้าสายฟ้า”

 

หร่วนชิงหรือชายในชุดคลุมสีน้ําเงินโค้งคํานับลง

 

ซูฉินไม่ได้กล่าวตอบ แต่กําลังสัมผัสการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายหลังการขัดเกลาร่างกายด้วยสายฟ้าอย่างเงียบๆ มีแสงวูบวาบออกมาจากร่างกายของเขาซึ่งสามารถทําให้ผู้คนใจสั่นหวั่นกลัวได้

 

เมื่อเห็นฉากนี้ หร่วนชิง ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินก็ยิ่งให้ความเคารพมากขึ้นไปอีก

 

แม้จะไม่รู้ว่าทําไมซูฉินถึงกลืนกินสายฟ้าได้ แต่ในสายตาของหร่วนชิง ซูฉินนั้นอย่างน้อยก็ต้องเป็นหนึ่งในบรรพบุรุษที่เก่าแก่ที่สุดคนหนึ่งของนิกายเทพเจ้าสายฟ้า ในครานี้ นิกายเทพเจ้าสายฟ้าคงเชิญซูฉินออกจากการหลับใหลให้ตื่นขึ้นมาเพื่อแข่งขันแย่งชิงดินแดน

 

“นิกายเทพเจ้าสายฟ้า?”

 

“ข้าไม่ได้มาจากนิกายเทพเจ้าสายฟ้า”

 

ซูฉินใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง มองไปที่ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินแล้วกล่าวออกอย่างสบายๆ

 

“อะไรนะ?”

 

“ผู้อาวุโสไม่ได้มาจากลัทธิเทพเจ้าสายฟ้าสั้นหรือ?”

 

หร่วนชิง ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินแข็งทื่อ เพราะวิธีที่ซูฉินขึ้นไปเผชิญหน้ากับทะเลสายฟ้าอันไร้ที่สิ้นสุดเมื่อครู่ก็ไม่น่าจะเป็นใครทําได้อีกนอกจากนิกายเทพเจ้าสายฟ้า

 

ถ้าซูฉินไม่ใช่บรรพบุรุษของนิกายเทพเจ้าสายฟ้า หรือเขาจะมาจากนิกายใหญ่อื่นๆ?

 

“เช่นนั้น ท่านผู้อาวุโสมาจากนิกายใหญ่แห่งไหนหรือขอรับ?”

 

หร่วนชิง ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินพูดตะกุกตะกัก รวบรวมความกล้าถามออกไป

 

“นิกายใหญ่?”

 

ซูฉินส่ายหัวเล็กน้อย “ข้าไม่ได้มาจากนิกายใหญ่แห่งไหนทั้งนั้น”

 

คําที่กล่าวออกมา

 

หร่วนชิง ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินตกตะลึง

 

จู่ๆ ความคิดอันน่าเหลือเชื่อก็ผุดขึ้นในใจของหร่วนชิงเหมือนสะเก็ดไฟที่ปะทุ

 

“ผู้อาวุโส ผู้อาวุโสคือตํานานยุทธในเมืองฉางอันแห่งนี้?”

 

หร่วนชิง ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินถามด้วยเสียงสั่นเครือ

 

ซูฉินมองไปที่หร่วนชิงด้วยรอยยิ้ม แต่ไม่ตอบคํา

 

อย่างไรก็ตาม การแสดงออกของซูฉินในมุมมองของหร่วนชิงไม่ต่างอะไรไปจากการยอมรับ

 

ในเวลานี้ หร่วนชิงรู้สึกเย็นยะเยือก หากซูฉินเป็นตํานานยุทธต่างดินแดน ก็อาจจะปล่อยตัวเขาไป แต่ตอนนี้ซูฉินได้แสดงตัวชัดเจนว่าตนเป็นตํานานยุทธประจําเมืองฉางอัน ย่อมไม่มีเหตุให้ปล่อยเขาไป

 

“ไม่เป็นไร”

 

“ข้ามีทางเลือกให้สองทาง”

 

ซูฉินมองดูหร่วนชิงด้วยความสนใจ “ข้อแรกคือความตาย และอีกข้อหนึ่ง มาเป็นมือเป็นเท้าให้กับข้า จงเลือกมาหนึ่งอย่าง”

 

แม้ว่าซูฉินจะกําลังขัดเกลาร่างกายของตนด้วยสายฟ้าอยู่ในกลีบเมฆ แต่ทุกย่างก้าวของหร่วนชิงหลังจากเข้าสู่เมืองฉางอันตกอยู่ในสายตาของเขาตลอด

 

แม้ว่าซูฉินจะไม่รู้จุดประสงค์ของหร่วนชิง แต่ก็คิดว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้มีเจตนาที่ดีแน่

 

ในเมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ ซูฉินจะยอมปล่อยอีกฝ่ายไปได้เช่นไร

 

เหตุผลที่หร่วนซึ่งได้รับทางเลือกที่สองก็เพราะว่าตัวมันเป็นถึงตํานานยุทธในระดับนภาชั้นที่สาม

 

ตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่สาม แม้ในสายตาซูฉินจะไม่มีค่าคู่ควรแก่การพูดถึง แต่ก็ยังถือว่าแข็งแกร่งทีเดียว

 

รู้หรือไม่ว่าก่อนที่ซูฉินจะมา ในยุทธภพไม่ได้กําเนิดตํานานยุทธมาหลายร้อยปีแล้ว นภาชั้นที่สามอย่างหร่วนชิงหรือชายในชุดคลุมสีน้ําเงินสามารถทําให้อาณาจักรต่างๆตกตะลึงได้อย่างแน่นอน

 

ซูฉินเพียงให้หร่วนชิงมารับใช้ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นในอนาคต ตัวเองก็ไม่ต้องทําอะไร เพียงส่งงานต่อให้หร่วนชิงไปทํา

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+