หมอหญิงยอดมือสังหาร 1053 ยกทรัพย์สินทั้งหมด (2)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 1053 ยกทรัพย์สินทั้งหมด (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1053 ยกทรัพย์สินทั้งหมด (2)

สีหน้าของเกาอี้โหวพลันเปลี่ยน อึกอักขึ้นมา “ที่ใด…” พระสนมจูเฟยอยู่ในวังหลวง ข่าวพวกนี้แน่นอนว่าไม่ใช่นางที่สืบได้เองอย่างแน่นอน

พระสนมจูเฟยเอ่ยเสียงเนิบช้า “ข้ารู้ว่าในใจของท่านพ่อข้าไม่อาจเทียบพี่สาวได้ แต่ว่าลูกของข้าก็เรียกท่านพ่อว่าท่านตาเช่นกัน ท่านพ่อยอมให้ฝ่าบาทสูญเสียแผ่นดิน ให้ลูกของข้าต้องตกเป็นเชลยหรือต้องตายจากไปได้หรือ”

เกาอี้โหวรีบเอ่ย “พระสนมระวังวาจาด้วย”

ใบหน้าสวยของพระสนมจูเฟยยกยิ้มเย็น “ระวังวาจาอย่างนั้นหรือ ท่านพ่อมิได้ติดต่อกับตระกูลขุนนางอื่น เพื่อยอมจำนนต่อเยี่ยนอ๋องหรอกหรือเจ้าคะ ท่านพ่ออย่าได้ลืมเสีย ต่อให้ยามนี้ฝ่าบาท…อย่างไรในวังหลวงแห่งนี้ก็มีฝ่าบาทเป็นผู้ตัดสินใจ”

เกาอี้โหวเบิกตากว้างอย่างตื่นตระหนก เขาไม่เข้าใจว่าอยู่ดีๆ ไยบุตรีจึงมาเอ่ยออกมาเช่นนี้ เป็นนางที่อยากเอ่ยเองหรือฝ่าบาทที่อยากจะเอ่ย แต่แน่นอนว่าไม่อาจยอมรับ พระสนมจูเฟยเอ่ยไม่ผิด ต่อให้เมืองหลวงใกล้จะล่มสลาย แต่อย่างน้อยตอนนี้ในเมืองหลวงก็ยังเป็นเซียวเชียนเยี่ยที่เป็นใหญ่

“พระสนมเข้าใจผิดแล้ว พ่อจะมีความคิดทรยศเช่นนั้นได้เยี่ยงไร” ในใจของเกาอี้โหวนั้น ความจริงไม่มีใครที่สำคัญกว่า หากเซียวเชียนเยี่ยยังคงยืนอยู่ได้ แน่นอนว่าคนที่เขาจะทอดทิ้งก็คือจูชูอวี้ แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเซียวเชียนเยี่ยไม่ไหวแล้ว ตระกูลจูแน่นอนว่าต้องพึ่งบุตรีคนโต อย่างไรจูชูอวี้ก็เป็นลูกสะใภ้รองของเยี่ยนอ๋อง แน่นอนเพราะความเฉลียวฉลาดของจูชูอวี้ หลายปีมานี้เขาจึงรักบุตรีคนโตมากกว่าสักหน่อย แต่ยังไม่ถึงขั้นทิ้งผลประโยชน์ของตระกูลเพื่อนาง

พระสนมจูเฟยจะถูกเขาหลอกเพียงเพราะวาจาไม่กี่คำได้อย่างไร เพียงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านพ่อเอ่ยเช่นนี้ ข้าก็วางใจแล้วเจ้าค่ะ”

ได้ฟังคำของพระสนมจูเฟย เกาอี้โหวกลับรู้สึกถึงลางไม่ดีอยู่ในใจ มองบุตรสาวตรงหน้าอย่างระแวดระวัง ได้ยินเพียงพระสนมจูเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านพ่อซื่อสัตย์ต่อฝ่าบาท ข้าคิดว่าฝ่าบาทเองก็คงดีใจ”

เกาอี้โหวยิ้มแห้ง “นี่เป็นสิ่งที่แน่นอนอยู่แล้ว”

พระสนมจูเฟยพยักหน้า “เช่นนี้ ข้าก็จะตัดสินใจแทนท่านพ่อ นำทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตระกูลจูมาเสริมให้กองทัพ สนับสนุนในการเฝ้าคุ้มกันเมือง หากต่อไปสามารถขับไล่เยี่ยนอ๋องออกไปได้ ฝ่าบาทไม่มีทางลืมความดีความชอบของท่านพ่ออย่างแน่นอน”

ได้ยินเช่นนั้น เกาอี้โหวพลันสิ้นหวังแล้ว ทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลจู…พระสนมจูกำลังจะทำลายตระกูลจูหรอกหรือ แน่นอนตอนนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีใครสามารถเอาทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลจูไปได้ เพราะทรัพย์สินของตระกูลจูที่อยู่นอกเมืองจินหลิงนั้นมีมากมาย แต่กิจการร้านค้าและคลังของตระกูลจูที่อยู่ในจินหลิงก็มากพอให้ตระกูลจูล่มสลายแล้ว

“พระสนม พระองค์ไม่…”

“หืม” พระสนมจูเฟยเลิกคิ้ว

เกาอี้โหวกัดฟัน ตอบแทนความดีความชอบหรือ เซียวเชียนเยี่ยยังมีวันที่จะมาตอบแทนความชอบเขาได้อีกหรือ หากยกทรัพย์สินทั้งหมดให้ โยนซาลาเปาเนื้อให้สุนัขไม่ว่า ต่อไปอยู่ต่อหน้าเยี่ยนอ๋องคงได้เป็นสิ่งแปดเปื้อนไม่อาจลบล้างได้

“พระสนม หากทำเช่นนี้ ตระกูลจู เกรงว่าตระกูลจูคงไม่อาจอยู่ได้แล้ว” เกาอี้โหวเอ่ย

พระสนมจูเฟยยิ้มเอ่ย “ท่านพ่อเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนรวมมาโดยตลอด ภักดีตอบแทนคุณแผ่นดินไม่สำคัญเท่าผลประโยชน์ของตระกูลเลยหรือเจ้าคะ”

เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมบ้าอะไรกัน

“พระสนม ท่านต้องคิดเผื่อองค์ชายรองด้วย เกิดอนาคต…” พระสนมจูยิ้มเอ่ย “ก็เพราข้าคิดเผื่อองค์ชายอย่างไรเล่า ในภายภาคหน้าฝ่าบาทจะต้องเห็นแก่ความใจกว้างของท่านพ่อ รักเอ็นดูองค์ชายมากๆ มิใช่หรือ”

เกาอี้โหวพูดไม่ออก พระสนมจูเฟยเอ่ย “ดูเหมือนท่านพ่อจะไม่มีข้อโต้แย้งแล้ว ลูกขอบคุณท่านพ่อแทนฝ่าบาทเจ้าค่ะ”

“ไม่ได้” เกาอี้โหวเอ่ยเสียงดัง

จูเฟยราวกับไม่ได้ยินคำของเขา โบกมือส่งสัญญาณให้คนนำตราราชการของเกาอี้โหวไปทูลต่อฝ่าบาท เกาอี้โหวคนเดียวไหนเลยจะสู้ขันทีและองครักษ์ได้ ต่อให้ต่อสู้ขัดขืนมากเพียงได้ก็ทำได้เพียงมองดูป้ายประจำผู้นำตระกูลจูถูกถือห่างออกไป

“ไยเจ้าจึงทำเช่นนี้” ในที่สุดเกาอี้โหวก็ได้สติกลับคืนมา ตะคอกเสียงดังใส่พระสนมจูเฟยโดยไม่สนกฏเกณฑ์ใดๆ

พระสนมจูยกยิ้มมุมปาก ยังคงเอ่ยด้วยท่าทางอ่อนหวาน “เมื่อครั้งนั้นเพียงประโยคเดียวของพี่สาว ท่านพ่อก็ส่งข้ามาให้ฝ่าบาท คำสั่งของท่านพ่อ ข้ามิกล้าต่อต้าน ยามนี้ข้าเป็นสนมของฝ่าบาท แน่นอนว่าต้องคิดเผื่อฝ่าบาท ต่อให้ฝ่าบาทไม่มีอันใดดีแล้ว ลูกก็ยังต้องอยู่เคียงข้าง แต่ว่า หรือท่านพ่อจะทำเพื่อพี่สาวแล้วทอดทิ้งไม่สนใจไยดีข้าอีกแล้วหรือ หลายปีมานี้…ท่านพ่อก็อาศัยตำแหน่งกุ้ยเฟยของข้าเก็บกำได้ไม่น้อยกระมัง เดิมทีตระกูลจูมิได้เป็นตระกูลขุนนางแต่อย่างใด ยามนี้กลับมีอิทธิพลยิ่งใหญ่ หากท่านพ่อนำทรัพย์สมบัติตระกูลจูไปสนับสนุนพี่สาว ตระกูลจูจะต้องเลื่อนขั้นสูงขึ้นไปอีกอย่างแน่นอน เพียงแต่…ลูกจะทนมองท่านพ่อทอดทิ้งลูกกับองค์ชายไปปูเส้นทางให้พี่สาวแบบนี้ได้เยี่ยงไร ท่านพ่อ นี่ไม่ยุติธรรมเลยนะเจ้าคะ”

ไม่คิดว่าพระสนมจูจะมองความคิดของตนออก เกาอี้โหวรู้สึกละอายอยู่ชั่วขณะ แต่ก็เพียงชั่วครู่เท่านั้น ส่วนใหญ่นั้นคือความโกรธและยากที่จะเชื่อได้ เขาไม่คิดว่าบุตรสาวที่ดูอ่อนโยนอ่อนหวานมาตลอดจะมีความแค้นต่อตนมากเพียงนี้ นางคิดจะทำลายตระกูลจู

พระสนมจูเองก็ไม่สนใจว่าเกาอี้โหวจะโกรธ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หลายปีมานี้ ข้าคิดอยู่ทุกวัน กระทั่งสุดท้ายเข้าใจแล้ว แม้ข้าจะไม่ได้ฉลาดมีความสามารถอย่างพี่สาว แต่ข้าก็ไม่ต้องการให้นางมาเหยียบไหล่ลูกของข้าเพื่อปีนสูงขึ้น ตระกูลจูมีอำนาจเท่าทุกวันนี้ก็เพราะเชื้อสายรองอย่างข้า แต่หากท่านพ่อยอมจำนนแก่เยี่ยนอ๋อง เยี่ยนอ๋องสำนึกบุญคุณความจงรักภักดีของท่านพ่อ แน่นอนว่าต้องให้ความสำคัญกับตระกูลจูมากขึ้น และให้ความสำคัญกับพี่สาว เพียงแต่…หากตระกูลจูไม่เหลืออันใดแล้วเล่า อีกทั้งยังสูญสิ้นเพราะสนับสนุนฝ่าบาท ท่านพ่อท่านว่าเยี่ยนอ๋องจะมองพี่สาวสะใภ้รองผู้นี้เยี่ยงไร จะมองตระกูลจูอย่างไรกัน”

นิ้วสั่นเทาของเกาอี้โหวชี้หน้าพระสนมจูเฟย พูดไม่ออก

พระสนมจูเฟยยิ้ม สุดท้ายเอ่ยเนิบนาบ “เดิมทีตระกูลจูมิได้สืบทอดเป็นตระกูลขุนนาง ท่านพ่อใช้บุตรสาวเพื่อให้ได้สิ่งเหล่านี้มา อย่างไร…ข้าก็คงอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว” แม้พระสนมจูจะอยู่วังหลัง แต่ก็รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่เป็นผลดีต่อเซียวเชียนเยี่ย คนที่เป็นสนมที่มีโอรส นี่ยังเป็นผลเสียแก่นางยิ่งกว่าพระสนมที่ไม่มีโอรส และนางย่อมไม่ต้องการใช้ชีวิตอยู่ภายใต้บุญคุณของจูชูอวี้อีกแล้ว เพียงเมืองแตก ด้วยนิสัยของเยี่ยนอ๋องเกรงว่าฝ่าบาทคง…อีกทั้งลูกของนางก็ไม่แน่ว่าจะรักษาเอาไว้ได้ หากลูกนางไม่อยู่แล้ว นางอยู่ไปจะมีประโยชน์อันใด ให้นางดูจูชูอวี้เหยียบย่ำตนเองขึ้นไป มิสู้ให้ตระกูลจูตายไปพร้อมกับบุตรชายของตนเสียจะดีก่า

“พาเกาอี้โหวไปพักผ่อนเถิด” พระสนมจูเฟยมองเกาอี้โหวที่ใบหน้าเดี๋ยวขาวเดี๋ยวคล้ำ ออกคำสั่งอย่างไม่ใส่ใจ

“พ่ะย่ะค่ะ พระสนม” องครักษ์สองคนเดินเข้ามาประคองเกาอี้โหวซ้ายขวาแล้วพาเดินออกไป

ในห้องโถง พระสนมจูเฟยนั่งเงียบอยู่ลำพังเนิ่นนาน หยาดน้ำตาไหลผ่านใบหน้าสวย ห้องโถงว่างเปล่ากลับมีเสียงหัวเราะโศกเศร้าขึ้นมา “พี่สาว…ครั้งนี้ ข้าชนะท่านแล้วใช่หรือไม่”

ในอุทยานอวี้ฮวา กงอวี้เฉินนั่งอยู่บนภูเขาจำลองมองเกาอี้โหวที่ถูกลากผ่านไปด้วยใบหน้าไร้ชีวิตชีวา เลิกคิ้วพลางเอ่ย “นี่มันอันใดกัน”

กงชีที่เดินผ่านไปพอดีได้เห็นเหตุการณ์จึงเอ่ยตอบเสียงเรียบ “รายงานเจ้าสำนัก ได้ยินว่าเมื่อครู่เกาอี้โหวยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้แก่ฝ่าบาทเจ้าค่ะ”

กงอวี้เฉินรู้สึกขบขันขึ้นมา เกาอี้โหวใจกว้างแบบนั้นตั้งแต่เมื่อใด ดูท่าทางหมดอาลัยนั่น คิดว่าคงไม่ได้ยินยอมด้วยตนเอง กงอวี้เฉินจึงครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ถอนหายใจพลางเอ่ยขึ้น “ไม่ควรดูถูกความคิดแค้นของสตรีจริงๆ” เพียงเวลาไม่นาน เขาก็เข้าใจเรื่องราวความเป็นมาแล้ว อย่ามองเพียงว่าพระสนมจูนั้นไม่ว่าจะอยู่ที่บ้านหรืออยู่ในวังล้วนไม่เป็นที่สะดุดตา ยามนี้…กงอวี้เฉินสามารถจินตนาการได้ว่าหากจูชูอวี้ได้ยินข่าวนี้จะมีสีหน้าบิดเบี้ยวเพียงใด

กงอวี้เฉินครุ่นคิดต่อชั่วครู่ เอ่ยว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ให้คนเก็บทรัพย์สินของเราให้เรียบร้อย อย่าได้เสียเปรียบแก่เซียวเชียนเยี่ย” หลายปีมานี้สำนักหอธาราทำกิจการใต้ดินกับตระกูลจูอยู่ไม่น้อย เกาอี้โหวอาจไม่รู้แต่จูชูอวี้รับรู้ ในเมื่อพระสนมจูเฟยขายตระกูลจูให้แก่เซียวเชียนเยี่ยแน่นอนว่าพวกเขาต้องถอนตัว คงไม่อาจถูกขายไปด้วยกันได้ กงอวี้เฉินแอบเสียใจอยู่ในใจ ตระกูลจูไม่มีความสามารถอื่นทว่าการหาเงินนับว่าไม่เลว

“ขอรับ เจ้าสำนัก” เสียงกงเอ้อร์ที่อยู่ด้านหลังเอ่ยตอบ

“เจ้าสำนัก ได้รับข่าวเมื่อครู่ คุณชายเว่ยและซิงเฉิงจวิ้นจู่น่าจะเข้าเมืองมาแล้วขอรับ เพียงแต่…คนของเรายังหาที่อยู่ของพวกเขาไม่เจอเจ้าค่ะ” กงชีเอ่ยรายงานต่อ หากเว่ยจวินมั่วและหนานกงมั่วซ่อนตัวไม่เปิดเผยตำแหน่ง พวกเขาก็ยากที่จะตามหาทั้งสองคนพบได้

ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของกงอวี้เฉินก็ทะมึนขึ้นมา ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เอ่ย “ไม่ต้องไปสนใจพวกเขาแล้ว พวกเขาคงมาเพราะเด็กนั่นอย่างแน่นอน ตอนนี้…สำคัญที่สุดคือแผนการของเรา นอกจากนี้…ไม่ต้องสนใจก็ไม่เป็นไร”

สีหน้าของกงชีสงบลง พยักหน้าเอ่ย “ข้าน้อยเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”

กงอวี้เฉินพยักหน้า มองไปยังท้องฟ้าสดใส ถอนหายใจออกมา “ไม่นาน เมืองหลวงก็คงแตกแล้ว อยู่จงหยวนมานานหลายปีเพียงนี้ คงถึงเวลาที่ต้องไปแล้ว”

กงเอ้อร์และกงชีมองสบตากัน เอ่ยขึ้นพร้อมเพรียง “ข้าน้อยยินดีติดตามเจ้าสำนักไปทุกหนทุกแห่ง”

กงอวี้เฉินเงียบไม่เอ่ยวาจา เพียงส่งสัญญาณให้ทั้งสองลุกขึ้น

กงอวี้เฉินลุกขึ้นยืน หมุนตัวมองเมืองหลวงผ่านกำแพงวัง มุมปากยกยิ้มขึ้น “หลายปีมาแล้ว ข้าแทบทนรอไม่ไหวแล้ว คิดว่าทุกคนเองก็แทบรอไม่ไหวแล้วเช่นกันกระมัง เว่ยจวินมั่ว ทำให้ข้าได้เห็นสิว่าครั้งนี้เจ้าจะทำลายแผนการของข้าได้อย่างไร เพียงแต่ครั้งนี้ข้าคงไม่พัวพันกับเจ้าอีกแล้ว” มาคิดให้ดี กงอวี้เฉินไม่ยอมรับไม่ได้ว่าหลายปีมานี้ตนเองนั้นพ่ายแพ้ เขาเทความสนใจไปที่เว่ยจวินมั่วและหนานกงมั่วจนเกือบหลงลืมเป้าหมายของตนเอง ความจริงแล้วเว่ยจวินมั่วนั้นไม่ควรเป็นเป้าหมายของเขา เพียงแต่…คนที่แข็งแกร่งเมื่อเจออีกคนที่แข็งแกร่ง แน่นอนว่าไม่มีทางเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ไม่ตายก็ไม่เลิกรา

เอ่ยจบ ก็หมุนตัวเดินลงเขาจำลองไป มุ่งหน้าตรงไปยังห้องทรงอักษร

ด้านหลัง กงเอ้อร์และกงชีเองก็ติดตามไปไม่ใกล้หรือไกลจนเกินไป สาวเท้าก้าวตามไปอย่างพร้อมเพรียง

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *