หมอหญิงยอดมือสังหาร 1091 คนไร้หัวใจ (2)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 1091 คนไร้หัวใจ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1091 คนไร้หัวใจ (2)

ฟังเสียงร้องห่มร้องไห้ของบรรดาสตรีที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าทำให้คนหูชา

คุณชายฉังเฟิงยกมือขึ้นอุดหู เลิกคิ้วมองไปยังเว่ยหงเฟย เอ่ยถาม “เป็นอย่างไร ว่ามาเถิด ผู้ใดให้พวกเจ้ามาก่อเรื่องที่หอเทียนอี”

“ข้าไม่รู้” เว่ยหงเฟยกัดฟัน เขาไม่รู้จริงๆ หลายปีมานี้ได้รับความลำบากมาไม่น้อย เว่ยหงเฟยไม่อยากทำให้เยี่ยนอ๋องและเว่ยจวินมั่วพวกคนเหล่านี้โกรธอีกแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ที่ไม่มีความรู้ แน่นอนรู้ว่าผู้ใดท้าทายได้ ผู้ใดท้าทายไม่ได้

ลิ่นฉังเฟิงเลิกคิ้ว “ไม่รู้หรือ เช่นนั้น…พวกเจ้าหลายคนเพียงนี้เข้ามาในเมืองชั้นในได้อย่างไร นายหญิงใหญ่เว่ย”

นายหญิงใหญ่เว่ยอ้าปากอยากด่า แต่เมื่อสบเข้ากับดวงตาคล้ายจะยิ้มทว่าไม่ยิ้มของลิ่นฉังเฟิงจึงหดคอลง เหลือบมองไปยังเว่ยหงเฟยที่ถูกมัดเอาไว้กับเสา ทุกประโยคที่นางด่าออกมา เว่ยหงเฟยก็จะถูกแส้ฟาดแรงๆ ไปหนึ่งที ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่อาจเอ่ยปากด่าใครได้ง่ายๆ เพียงกัดฟัน เอ่ย “ไม่มีใคร ข้าเพียงอยากมาหาเว่ยจวินมั่วและหนานกงมั่วเท่านั้น”

ลิ่นฉังเฟิงยิ้มเย็น “เจ้าลองคิด ยามนี้เมืองชั้นในเข้มงวด เจ้าคิดว่าเพียงเจ้าอยากเข้ามาก็เข้ามาได้หรือ หากไม่มีใครแอบปล่อยพวกเจ้าเข้ามา อาศัยพวกเจ้าไม่กี่คนก็เข้าเมืองมาได้อย่างนั้นหรือ”

นายหญิงใหญ่เว่ยเป็นใบขึ้นมาทันใด แต่จะให้นางเอ่ยนางก็เอ่ยไม่ออกว่าใครปล่อยนางเข้ามา

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ลิ่นฉังเฟิงโบกมือให้คนพาคนตระกูลเว่ยออกไป ก่อนจะเดินออกมาจากห้องขังเขตอิ้งเทียนกับหนานกงชวี่และเหอเหวินลี่

“พี่หนานกง เรื่องนี้ท่านมองเยี่ยงไร” ลิ่นฉังเฟิงเอ่ยถาม คนตระกูลเว่ยต่างพากันงุนงง ดูเหมือนจะไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ คล้ายได้ยินเพียงคนพูดคุยกันว่าเว่ยจวินมั่วและหนานกงมั่วในยามนี้เป็นที่โปรดปรานของเยี่ยนอ๋องอย่างไร มีอำนาจเพียงใด จากนั้นนายหญิงใหญ่เว่ยจึงนึกขึ้นได้ต้องการให้เว่ยจวินมั่วช่วยดึงตระกูลเว่ยขึ้นมา ทำให้ตระกูลเว่ยที่ล้มลงไปกลับมามีอำนาจในจินหลิงอีกครั้ง ทางที่ดีสามารถเอาตำแหน่งจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องกลับมาได้ด้วย ส่วนสตรีคนอื่นๆ หันซื่อแน่นอนว่าคิดถึงบุตรชายของตน เว่ยเฟยและเว่ยเชี่ยนสองพี่น้องอายุยี่สิบต้นๆ แล้วยังไม่ได้ออกเรือน ต้องลำบากกับสถานะของตระกูลเว่ยในยามนี้ แน่นอนว่าอยากรีบหลุดออกมา ดังนั้นสตรีทั้งหลายต่างมีความต้องการเป็นของตนเอง คำข้าคำเจ้า สุดท้ายจึงเข้าเมืองมาด้วยกัน

หนานกงชวี่เอ่ยเสียงเรียบ “อย่างมากเพียงรู้ว่าอีกฝ่ายฝีมือไม่เลวเท่านั้น” แม้ว่าคนที่บอกข่าวนั้นเป็นราวกับคนเดินผ่านไปผ่านมา แต่หนานกงชวี่ไม่เชื่อว่าเรื่องราวจะบังเอิญเพียงนั้น ชีวิตของคนเมืองชั้นนอกนั้นแตกต่างไปจากเมืองชั้นในราวกับห่างไกลหลายหมื่นพันลี้ นับตั้งแต่เข้าเมืองมาหนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วเรียกได้ว่าถ่อมเนื้อถ่อมตน แม้แต่คนในเมืองชั้นในยังไม่ทันได้ซุบซิบนินทา ไยจะบังเอิญไปพูดคุยให้คนตระกูลเว่ยที่อยู่ในตรอกเก่าซ่อมซ่อเช่นนั้นได้ยินได้

คุณชายลิ่นรวบเก็บพัดในมือ เคาะลงบนฝ่ามือเบาๆ เอ่ย “ไม่เลว ในเมื่อคนตระกูลเว่ยไม่พูดอันใด เช่นนั้น…คงต้องดูคนเฝ้าคุ้มกันเมืองแล้ว”

คนที่คุ้มกันเมืองในตอนนั้นถูกเยี่ยนอ๋องสั่งขังไปตั้งนานแล้ว แม้พวกเขาจะรู้ไม่มากนัก แต่ก็ต้องมีเบาะแสบ้าง

ลิ่นฉังเฟิงใช้พัดเท้าคาง เอ่ยถามอย่างไม่ใส่ใจว่า “เจ้าคิดว่า…เรื่องในครั้งนี้ ใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังกัน”

หนานกงชวี่ปรายตามองเขา ไม่เอ่ยวาจาหมุนตัวเดินออกไป

คุณชายฉังเฟิงมองฟ้าอยู่เงียบๆ หนึ่ง สอง นี่มันบ้าอะไรกัน โชคดีที่คุณชายอย่างข้าอารมณ์ดี

นับตั้งแต่เยี่ยนอ๋องมาระบายความโกรธลงที่หน้าหอเทียนอีในวันนั้น หอเทียนอีก็มีแขกมากมายทุกวันไม่เคยขาด แต่อย่างไรก็มีคนได้เห็นบุตรชายคนโตจวนเยี่ยนอ๋องที่เพิ่งป่าวประกาศไม่บ่อยนัก เพราะว่าคุณชายเว่ยพาภรรยาและลูกรวมไปถึงคนบางส่วนย้ายเข้าไปอยู่ในจวนองค์หญิงแล้ว แม้จะรู้ว่าคุณชายเว่ยอยู่ที่จวนองค์หญิงฉังผิง แต่จวนองค์หญิงนี้ก็ไม่ได้เข้าไปง่ายๆ แม้ว่าองค์หญิงจะไม่ได้อยู่จินหลิง อย่างไรองค์หญิงก็ยังเป็นเชื้อพระวงศ์

เพียงแต่บางคนก็หลบเลี่ยงได้ บางคนไม่อาจหลบเลี่ยงได้ อย่างเช่น…ขุนพลใต้บังคับบัญชาของเยี่ยนอ๋องเหล่านั้น แม้จะรู้ฐานะของคุณชายเว่ยเร็วกว่าคนอื่น แต่กับการที่เยี่ยนอ๋องเอ่ยปากยอมรับด้วยตนเองนั้นไม่เหมือนกัน ดังนั้นไม่ว่าคุณชายเว่ยจะไปที่จวนเยี่ยนอ๋อง หรือว่าเข้าวังหลวงไปทำธุระ ต่างถูกจับจ้องอย่างไร้มนุษยธรรม

ในห้องหนังสือ เว่ยจวินมั่วกำลังมองเซวียปินที่ยืนเหม่อมองมายังตน แม้จูเหมิงและเฉินซิวที่อยู่ด้านข้างจะไม่ได้แสดงออกมาอย่างโจ่งแจ้งเช่นเขา ทว่าไม่ได้ต่างกันมากมายนัก

เฉินซิวลอบถอนหายใจอยู่เงียบๆ ลอบสะกิดชายเสื้อของเซวียปิน ในที่สุดคุณชายใหญ่เซวียก็ได้สติ เมื่อเห็นได้ชัดเจนจึงสะดุ้งขึ้นมา ดวงตาสีม่วงคู่นั้นของคุณชายเว่ยแทบมีแท่งน้ำแข็งทะลุออกมาแล้ว รีบหัวเราะเจื่อน เอ่ย “คุณชายเว่ย…เอ่อ ข้า…” ฮือๆ เขาควรเอ่ยอย่างไรดี

เฉินซิวสมกับที่เป็นสหายมาหลายปี รีบเอ่ย “คุณชายโปรดอภัยด้วย เมื่อวานเซวียปินถูกพ่อของเขาตบศีรษะมา จึงได้…”

“…” เจ้าต่างหากที่ถูกบิดาตบศีรษะมา ภายใต้สายตาเย็นชาของคุณชายเว่ย คุณชายใหญ่เซวียเหี่ยวเฉาลงราวกับไมมีกระดูกสันหลัง รีบพยักหน้า “คุณชายโปรดอภัยด้วยขอรับ ข้าปวดหัวขอรับ แหะ แหะ…”

เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “สมองบาดเจ็บ กลับไปก็กินสมองหมูบำรุงสักหน่อย”

“…ขอรับ ขอบคุณที่คุณชายเป็นห่วงขอรับ” สีหน้าของเซวียปินไม่เหมือนรู้สึกขอบคุณ ทว่าเหมือนอยากอาเจียนเสียมากกว่า

เฉินซิวรีบเปลี่ยนเรื่อง เอ่ย “คุณชาย พวกข้าได้รับคำสั่งจากแม่ทัพเซวีย กองทัพทหารที่เพิ่งยอมจำนนถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว คุณชายเชิญสั่งการขอรับ” พวกเขาเพียงว่างจึงได้ช่วยเซวียเจินมาแจ้งข่าว พอดีมาดูคุณชายเว่ยด้วยก็เท่านั้น ไม่ได้มาหาไฟเผาตนเอง ความจริงแม้ไม่มีคำสั่งของแม่ทัพเซวีย บางทีพวกเขาก็ยินดีมาด้วยตนเอง

เว่ยจวินมั่วพยักหน้า เลื่อนสายตามายังฎีกาตรงหน้า ความเย็นยะเยือกในร่างกายเซวียปินพลันหายลงไปกว่าเจ็ดแปดส่วน พ่นลมหายใจเงียบๆ อยู่ในใจ เซวียปินโยนเรื่องสมองหมูเมื่อครู่ไว้ข้างหลัง ส่งสายตาขอบคุณไปให้เฉินซิว เฉินซิวเลิกคิ้วเงียบๆ จูเหมิงยืนคิดอยู่ด้านข้างเงียบๆ อย่างไม่เข้าใจ ไยทุกครั้งที่เซวียปินถูกคุณชายเว่ยจัดการแล้ว ครั้งต่อไปก็ยังวิ่งเข้าชนอีก นี่คือคนที่ทำผิดแล้วผิดอีกอย่างที่เขาว่ากันน่ะหรือ

“ท่านพ่อ” ทั้งสามคนยืนอยู่ในห้องหนังสือโดยมีสีหน้าแตกต่างกันออกไป ทันใดนั้นพลันมีเสียงเล็กน่ารักดังขึ้นมาด้านนอกประตู หันไปมองพลันมองเห็นตุ๊กตาตัวน้อยใบหน้าอมชมพูกำลังยืนอยู่หน้าประตู มองพวกเขาด้วยความประหลาดใจ ก้าวข้ามธรณีประตูสูงเข้ามาก่อนจะเดินมุ่งหน้าไปยังคุณชายเว่ยที่นั่งอยู่หลังโต๊ะหนังสือ

ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทั้งสามได้เจอกับเยาเยา แต่สำหรับคนหนุ่มทั้งสามที่ถูกบิดาโยนเข้าไปในค่ายทหาร แทบไม่ได้กลับบ้านแล้วรู้สึกว่าช่างน่ารักเป็นพิเศษ น่าสงสารพวกเขาที่อายุไม่ได้ต่างจากคุณชายเว่ยหลายปี คุณชายเว่ยกลับมีลูกถึงสองคนแล้ว พวกเขากลับยังไม่มีภรรยาแม้เพียงสักคน ทั้งสามเหมือนกันอย่างไม่ได้นัดหมาย เริ่มคิดถึงความเป็นไปได้หลังจากเรื่องวุ่นวายครั้งนี้ผ่านไป จะหาภรรยาที่ตรงใจสักคน มีลูกที่น่ารักอย่างเยาเยาและอานอาน

“เยาเยา มานี่”

คุณชายเว่ยเงยหน้าขึ้น มองเด็กหญิงที่วิ่งเข้ามาหาตนด้วยแววตาอ่อนโยน อุ้มเยาเยาขึ้นมาวางไว้ที่ตักของตน เยาเยานั่งอยู่บนตักบิดาคางเกยกับโต๊ะหนังสือมองไปยังกองฎีกาตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ คุณชายเว่ยยกมือขึ้นลูบศีรษะเล็กของบุตรสาว เอ่ยถาม “ไยจึงมาคนเดียว อาเจี้ยวและมารดาของเจ้าเล่า”

เยาเยากะพริบตาพลางเอ่ย “พี่อาเจี้ยวกำลังฝึกวรยุทธ์ ท่านแม่…ท่านแม่บอกว่าเสด็จย่าจะกลับมาแล้ว นางต้องให้คนไปจัดเก็บเรือนเสด็จย่า เยาเยามาเล่นกับท่านพ่อ”

“เด็กดี” คุณชายเว่ยเอ่ยชม

“…” คุณชายเว่ยช่างใจดี พวกเราไม่ชิน

เยาเยามองไปยังพวกเฉินซิวทั้งสามคน นางพอรู้จักคนเหล่านี้อยู่บ้าง แต่จำไม่ได้ว่าใครเป็นใคร

ถูกความน่ารักของซาลาเปาน้อยปะทะจนเกิดความกล้าเสี่ยงตายอีกครั้ง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณชาย ท่านกำลังยุ่ง มิสู้…ให้ข้าช่วยดูแลคุณหนูเยาเยาสักครู่ดีหรือไม่ขอรับ” เว่ยจวินมั่วขมวดคิ้ว มองเซวียปินไม่เอ่ยวาจา เขายุ่งมากจริงๆ แต่ว่าเพียงมองก็รู้ว่าเซวียปินไม่ใช่คนที่จะพึ่งได้ ให้เขาดูแล มิสู้ตนเองอุ้มพร้อมทำงานไปด้วยจะดีกว่า

เซวียปินที่กำลังถูกไตร่ตรอง ส่งรอยยิ้มใจดีไปให้เยาเยา เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เยาเยา พี่ชายพาเจ้าออกไปเล่นดีหรือไม่”

เฉินซิวและจูเหมิงกระตุกมุมปาก เจ้าอายุน้อยกว่าคุณชายเพียงสี่ปี ยังกล้าแทนตนเองว่าพี่ชายต่อหน้าเด็กน้อยอีกหรือ

เยาเยาเองก็ตกใจกับ ‘รอยยิ้มใจดี’ มุดศีรษะเล็กเข้าไปในอ้อมอกของบิดา

เฉินอวี้ถีบเซวียปินออก เอ่ยกับเยายาด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูน้อย ท่านพ่อของท่านมีเรื่องสำคัญต้องจัดการ พวกเราไปเล่นที่สวนสักครู่ดีหรือไม่”

เยาเยาได้ยินเช่นนั้น กะพริบตาปริบ เงยหน้ามองบิดา เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเบา “เยาเยาไม่ไปก็ได้”

เยาเยามองเฉินซิวด้วยความสงสัย ก่อนจะยื่นมือเล็กไปหาเฉินซิว เฉินซิวรีบยื่นมือออกไปรับ เอ่ย “คุณชายวางใจ พวกเราจะดูแลคุณหนูน้อยให้ดีขอรับ”

เว่ยจวินมั่วเองก็ไม่มีอันใดไม่วางใจ สาวใช้ที่อยู่กับเยาเยาในจวนก็มีไม่น้อย ยังมีองครักษ์ที่คอยดูแลอย่างลับๆ ย่อมไม่มีทางเกิดเรื่องได้ จึงพยักหน้าเบาๆ ส่งสัญญาณให้พวกเขาออกไปก่อน

“ท่านลุงเฉิน” เยาเยามองหน้าเฉินซิว ใบหน้าหล่อเหลาของคุณชายเฉินแข็งค้าง ยกมือขึ้นมาลูบใบหน้าของตนอย่างอดไม่ได้ เขาดูแก่เพียงนี้แล้วหรือ เขาอายุเท่ากันกับเซวียปินนะ

จูเหมิงลูบปลายคางอย่างขบขัน เอ่ย “ข้าคิดว่า ที่คุณหนูน้อยเรียกน่าจะเป็นแม่ทัพเฉิน” เฉินซิวและเฉินอวี้คล้ายกันกว่าห้าหกส่วน ต่างก็ดูสุภาพสง่างามไม่เหมือนเป็นขุนพล

เฉินซิวสบายใจขึ้นมา แต่ก็ยังสงสัย เรียกท่านพ่อว่าท่านลุง หรือว่าต้องมีศักดิ์เท่ากันกับคุณหนูน้อยเยาเยาแล้วจริงๆ อย่างนั้นหรือ

ขณะมองเฉินซิวอุ้มเยาเยาออกไป เซวียปินถูกโจมตีเข้าอย่างจัง “คุณชายเว่ย ไม่คิดว่า…บุตรสาวของท่านเองก็มองหน้าตา” เฉินซิวหล่อเหลากว่าเขา เยาเยาจึงยอมให้เขาอุ้ม โลกที่มองใบหน้าช่างไม่ยุติธรรม

“อืม เจ้ามีปัญหาหรือ” คุณชายเว่ยเลิกคิ้ว

“…” ฮือๆ ข้าไม่มีปัญหา ข้าปากเสีย คุณชายใหญ่เซวียรีบวิ่งหนีออกไปหัวซุกหัวซุน

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *