หมอหญิงยอดมือสังหาร 1093 เลี้ยงลูกเหมือนแกะ มิสู้เลี้ยงลูกเหมือนหมาป่า (2)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 1093 เลี้ยงลูกเหมือนแกะ มิสู้เลี้ยงลูกเหมือนหมาป่า (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1093 เลี้ยงลูกเหมือนแกะ มิสู้เลี้ยงลูกเหมือนหมาป่า (2)

ดังนั้น สิ่งที่เยี่ยนอ๋องเกลียดมาโดยตลอดมิใช่การต่อสู้แย่งชิงของบุตรชาย แต่เป็นคนโง่เขลาและคนไม่ประมาณตน หากเซียวเชียนเหว่ยทำฉลาดสักหน่อย ไม่แน่เขาอาจกล่าวชมก็เป็นได้

เยี่ยนอ๋องกวาดตามองบุตรชายทั้งสามเรียบนิ่ง เอ่ย “พวกเจ้าสามารถทำสิ่งที่อยากทำได้ ข้าจะไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่ง แต่ว่า…หากทำเรื่องที่ไม่สมควร อย่าหาว่าข้าไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์พ่อลูก”

ในที่สุดเซียวเชียนเหว่ยก็อดไม่ได้ เอ่ย “เสด็จพ่อจะยุติธรรมต่อพวกกระหม่อมกับพี่ชายจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“ยุติธรรมหรือ” เยี่ยนอ๋องเลิกคิ้วครุ่นคิด สายตากลับมีความผิดหวังปรากฏออกมาจางๆ ยังใสซื่อเกินไปสักหน่อย

“อันใดที่เรียกว่ายุติธรรมหรือ จวินเอ๋อร์อายุสิบสี่ก่อตั้งวังจื่อเซียวในยุทธภพขึ้นมาด้วยตัวเขาเอง พวกเจ้าทำอันใดอยู่ เคลื่อนทัพจากโยวโจวตลอดหลายปีมานี้ พวกเขาตรึงทหารราชสำนักหลายแสนนายเอาไว้ที่เฉินโจว อีกทั้งยังต้องส่งเสบียงยาและอาหารเลี้ยงดูกองทัพโยวโจว พวกเจ้าทำอันใดอยู่ เขาและอู๋สยานำทัพออกจากเขาชิงอวิ๋น ขับไล่ข้าศึกหัวซุกหัวซุนพวกเจ้ายังทำอันใดอยู่” มองใบหน้าแข็งกระด้างของเซียวเชียนเหว่ย เยี่ยนอ๋องเอ่ยอย่างไม่ไว้หน้า “สิ่งเหล่านี้ ไม่ต้องเอ่ยถึง เจ้าบอกข้ามาว่าเมื่อครั้งข้าและพี่น้องแต่ละคนอายุเพียงสิบห้าสิบหกเพิ่งแต่งงานก็ถูกเสด็จพ่อส่งไปยังเขตชายแดนต่างๆ นอกจากตำแหน่งผู้ปกครองเมือง เผชิญหน้ากับแม่ทัพที่มีอำนาจและกำลังทหาร ข้าเคยร้องขอความยุติธรรมกับเสด็จพ่อหรือไม่ เคยมีคนถามหาความยุติธรรมที่อดีตฮ่องเต้มีต่อองค์รัชทายาทและเหล่าองค์ชายหรือไม่” เชื้อพระวงศ์ไหนเลยจะมีความยุติธรรม ความสามารถ อำนาจ ความโปรดปราน หากเจ้าไม่มีสิ่งใดเลย ต่อให้เจ้าเป็นองค์ชายก็ไม่นับประสาอันใด

เซียวเชียนเหว่ยรู้สึกไม่ยุติธรรม เป็นเพราะเมื่อเทียบกันแล้วเยี่ยนอ๋องให้ความสำคัญกับเว่ยจวินมั่วและให้อำนาจกับเว่ยจวินมั่วมากกว่าเท่านั้น แต่ยามไม่มีเว่ยจวินมั่ว แข่งขันกับพี่น้องของตนเอง เขาอยู่เหนือเซียวเชียนชื่อทุกเรื่อง เคยคิดถึงความยุติธรรมต่อเซียวเชียนชื่อหรือไม่ และเยี่ยนอ๋อง ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งอ๋องหรือกษัตริย์ของแผ่นดิน ไม่มีทางใช้ความยุติธรรมมาเป็นมาตรฐานในการเลือกผู้สืบทอดอย่างแน่นอน เป็นการไม่ยุติธรรมต่อความยากลำบากในการทำสงครามและประชาชน ตำแหน่งสูงส่งนั่นไม่ต้องการความยุติธรรม ต้องการเพียงผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด

เซียวเชียนเหว่ยสบเข้ากับดวงตาของเยี่ยนอ๋องพลันรู้สึกละอายขึ้นมาเล็กน้อย ราวกับความลับในใจที่เก็บซ่อนเอาไว้ไม่ให้ใครได้เห็นถูกเสด็จพ่อมองทะลุปรุโปร่ง เป็นครั้งแรกที่เยี่ยนอ๋องเอ่ยเรื่องนี้กับพวกเขาอย่างเปิดเผย ท่าทีของเยี่ยนอ๋องทำให้เซียวเชียนเหว่ยต้องถอนหายใจ เซียวเชียนเหว่ยคงไม่พอใจหากเยี่ยนอ๋องห้ามพวกเขา แต่เป็นเช่นนี้เซียวเชียนเหว่ยก็ไม่ได้รู้สึกดีใจมากขึ้น เพราะจากสายตาของเสด็จพ่อ เขาสัมผัสได้ว่าเสด็จพ่อไม่ชื่นชอบตน ราวกับเขาเป็นเพียงเด็กไม่รู้ความที่ไม่รู้จักโต

กำมือที่ซุกซ่อนอยู่ในแขนเสื้อแน่น เซียวเชียนเหว่ยกัดฟันเงียบลง

บรรยากาศในห้องโถงพลันอึมครึมขึ้นมา เซียวเชียนจย่งยักไหล่ ก็ได้ บิดาและพี่น้องของข้าต่างแปลกประหลาด ยามนี้มาเอ่ยเรื่องเหล่านี้จะเร็วไปหรือไม่ อีกทั้งเสด็จพ่อ ท่าทางไม่ใส่ใจเช่นนี้ของท่านหมายความเยี่ยงไรกัน

ได้ยินเพียงเยี่ยนอ๋องเอ่ยเชื่องช้า “พวกเจ้าต่างก็เติบโตกันแล้ว ดังนั้นอยากทำอันใดข้าจะไม่ยุ่ง แน่นอน…ผลลัพธ์ที่ได้มาข้าก็จะไม่ยุ่ง”

เซียวเชียนชื่อที่ฟังเงียบๆ มาตลอดหัวใจไหววูบ เงยหน้าขึ้นมามองเยี่ยนอ๋องอย่างอดไม่ได้ ไม่มั่นใจว่าสิ่งที่เสด็จพ่อเอ่ยนั้นเหมือนกับสิ่งที่ตนคิดหรือไม่ ความหมายของเสด็จพ่อคือ…หากต่อไปพวกเขาต้องการแย่งชิงบัลลังก์ เสด็จพ่อจะไม่สนใจ แต่ขณะเดียวกันหากพวกเขาถูกฆ่าตายเพราะเหตุผลนี้ เสด็จพ่อ…ก็จะไม่ยุ่งอย่างนั้นหรือ

น่าเสียดายใบหน้าของเยี่ยนอ๋องสงบนิ่งเกินไป เซียวเชียนชื่อไม่อาจมองออกได้ ทำได้เพียงถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญา

“รายงานท่านอ๋อง คุณชายใหญ่และฮูหยินน้อยใหญ่มาแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ด้านนอก ผู้ดูแลพบว่าบรรยากาศไม่ปกติ จึงรีบเอ่ยรายงาน ด้านนอกเป็นอย่างไรไม่ต้องเอ่ยถึง จวนเยี่ยนอ๋องมีคำสั่งลงมาแล้วถึงการเรียงลำดับใหญ่ของเหล่าคุณชาย ดังนั้นคุณชายเว่ยก็คือคุณชายใหญ่

สีหน้าของเยี่ยนอ๋องคลายลง พยักหน้าพลางเอ่ย “ให้พวกเขาเข้ามา”

ชั่วครู่ พวกหนานกงมั่วจึงเดินเข้ามา หนานกงมั่วกวาดตามองผู้คนที่นั่งอยู่ก่อนจะเลิกคิ้ว เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เสด็จลุง อาศัยสองวันนี้มีเวลาว่าง ศิษย์พี่บอกว่ารักษาร่างกายของพระองค์ก่อนค่อยว่ากัน สองวันนี้เสด็จลุงมีเรื่องสำคัญหรือไม่เพคะ” เยี่ยนอ๋องโบกมือบ่งบอกว่าตนเองไม่มีเรื่องสำคัญอันใด พยักหน้าให้คุณชายเสียนเกอและอาจารย์อา “ลำบากพวกท่านทั้งสองแล้ว”

คุณชายเสียนเกอพยักหน้าด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง กวาดสายตาไปยังคุณชายเซียวทั้งสาม ขมวดคิ้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านอ๋องและคุณชายทั้งสามกำลังทำอันใดอยู่หรือ พวกเราคงไม่ได้มารบกวนหรือไม่”

เซียวเชียนชื่อเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ที่ใดกันเล่า เสด็จพ่อเพียงเรียกพวกเรามาพูดคุยเล็กน้อยเท่านั้น สุขภาพของเสด็จพ่อคงต้องรบกวนคุณชายเสียนเกอแล้ว”

คุณชายเสียนเกอพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด”

เยี่ยนอ๋องเอ่ยถาม “มีสิ่งใดต้องเตรียมหรือไม่”

คุณชายเสียนเกอเอ่ย “สิ่งที่ต้องเตรียมมีไม่มาก ยากระหม่อมได้เตรียมไว้แล้ว มีเว่ยจวินมั่วและอาจารย์คอยคุ้มกัน เพียงแต่ใช้เวลานานสักหน่อย”

หนานกงมั่วเอ่ย “ศิษย์พี่ ข้าก็ช่วยได้”

คุณชายเสียนเกอโบกมือ “ชายหญิงแตกต่าง ไม่รู้หรือ”

หนานกงมั่วแสดงสีหน้าเอือมระอา บอกว่าเป็นหมอมีจิตใจราวกับบิดามารดามิใช่หรือ อีกทั้งท่านไม่ต้องการยอดฝีมือคุ้มกันหรือ

คุณชายเสียนเกอยิ่งรังเกียจ “วรยุทธ์เจ้ามีเพียงเท่านั้น ยังกล้าเรียกตนเองว่ายอดฝีมืออีกหรือ หน้าไม่แดงหรือ”

“ดีกว่าเจ้า” ด้านข้าง อาจารย์อาเอ่ยบ่นลูกศิษย์เสียงเรียบ การเป็นอาจารย์สอนวรยุทธ์ การรับลูกศิษย์อย่างเสียนเกอเป็นเรื่องน่าอายที่สุดในชีวิตนี้แล้ว เพราะเหตุนี้อาจารย์อาจึงถูกใจคุณชายเว่ยเป็นพิเศษ หากไม่มีคุณชายเว่ย อาจารย์อาคงรู้สึกว่าชีวิตที่สวยงามของเขาคงได้พังทลายลงกับลูกศิษย์ผู้นี้ หนึ่งเดียวที่น่าเสียดายก็คือเว่ยจวินมั่วที่ดีเพียงนี้ไม่ได้เติบโตมากับเขา

คุณชายเสียนเกอคุ้นชินกับการโจมตีของอาจารย์ตนเองมานานแล้ว ยิ้มร่าพลางเอ่ย “ข้าเป็นลูกศิษย์ของท่าน” ข้าไม่อาจสู้ใครได้ก็เท่ากับว่าท่านสู้ใครไม่ได้มิใช่หรือ ว่าไปว่ามาก็เพราะท่านสั่งสอนลูกศิษย์ไม่เป็น ยอดฝีมือผู้เป็นหนึ่งในใต้หล้า โยนเคล็ดลับคัมภีร์มาให้สองเล่มไปศึกษาเอง สำเร็จด้วยตนเอง

หนานกงมั่วกุมขมับอย่างอดไม่ได้ มองเยี่ยนอ๋องอย่างเขินอาย อาจารย์อาและศิษย์พี่ของหม่อมฉันก็เป็นอิสระเยี่ยงนี้แหละเพคะ

เยี่ยนอ๋องไม่ใส่ใจ เอ่ยเสียงเรียบ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็ลำบากคุณชายเสียนเกอแล้ว”

กระทั่งคุณชายเสียนเกอเริ่มรักษามาแล้วสามชั่วยาม หนานกงมั่วและคุณชายเซียวทั้งสามจึงเข้าใจที่คุณชายเสียนเกอบอกว่านานสักหน่อยนั้นหมายความอย่างไร ช่างยาวนานจริงๆ นับตั้งแต่เช้าจรดบ่ายคนด้านในก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหว เซียวเชียนชื่อมองไปยังหนานกงมั่วอย่างลังเล คุณชายเสียนเกอลืมบอกอันใดพวกเขาหรือไม่ พวกเขานึกว่าที่บอกว่านานคือประมาณหนึ่งชั่วยามกว่าๆ ก็เพียงพอแล้ว ยามนี้เรื่องในจินหลิงยังมีอีกมากมายนะ

หนานกงมั่วเงยหน้าขึ้น เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เชียนชื่อ เจ้ามีธุระอันใดก็ไปจัดการก่อนเถิด ข้ารออยู่ที่นี่ก็พอแล้ว”

จูชูอวี้ที่รีบมาเมื่อได้ข่าวรีบเอ่ยขึ้น “พี่สะใภ้เอ่ยถูกแล้ว พี่ใหญ่ ท่านพี่ น้องสาม พวกเจ้ามีธุระก็รีบไปจัดการเถิด เสด็จพ่อพวกเราเฝ้าอยู่ที่นี่ก็พอแล้ว”

เซียวเชียนชื่อลังเลอยู่ชั่วครู่ ยังคงเอ่ย “รอไปก่อนอีกสักหน่อยเถิด คงจะใกล้ออกมาแล้ว” ต่อให้ต้องใช้เวลาอีกนาน คุณชายเสียนเกอคงจะไม่อดข้าวกระมัง

เพิ่งเอ่ยจบ องครักษ์ด้านนอกพลันวิ่งข้ามารายงายว่าเฉินอวี้มาพบ เยี่ยนอ๋องไม่อาจพบใครได้ คุณชายทั้งสามจึงต้องรีบไปที่ห้องหนังสือ

ห้องรับรอง หนานกงมั่วนั่งดื่มชาอย่างสบายใจ จูชูอวี้และหย่งเฉิงจวิ้นจู่นั่งอยู่ตรงข้าม จูชูอวี้ลอบมองสำรวจหนานกงมั่วอยู่เรื่อยๆ หนานกงมั่วเองก็ไม่สนใจ วางถ้วยชาลง มือข้างหนึ่งเท้าขมับอยู่เงียบๆ

จูชูอวี้มองสังเกตสตรีตรงหน้า อยากเอ่ยบางอย่างแต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร หันไปส่งสายตาให้หย่งเฉิงจวิ้นจู่ที่อยู่ด้านข้าง หย่งเฉิงจวิ้นจู่กลับทำราวมองไม่เห็นนาง เพียงมองออกไปนอกประตูใหญ่

“พี่สะใภ้” จูชูอวี้กระแอมไอ เอ่ยปาก

หนานกงมั่วตวัดดวงตาขึ้นมองไม่เอ่ยสิ่งใด ใบหน้าของจูชูอวี้เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เอ่ยด้วยรอยยิ้มเสียงเบา “หลังจากนี้…เกรงว่าข้าคงต้องเรียกพี่สะใภ้ใหญ่แล้ว คิดไม่ถึงจริงๆ คุณชายเว่ยจะ…มีฐานะเช่นนี้ เมื่อครั้งที่ได้ยินข่าว ข้าตกใจไม่น้อย หย่งเฉิง เจ้าว่าใช่หรือไม่”

หย่งเฉิงได้สติกลับมาแล้วพยักหน้า เมื่อครั้งที่ได้ยินเรื่องชาติกำเนิดของพี่ชาย นางตกใจไม่น้อยจริงๆ เป็นเพราะนางถูกเลี้ยงดูมาข้างกายพระชายาเยี่ยนอ๋อง ดังนั้นด้วยฐานะแล้วจึงค่อนข้างทำตัวไม่ถูก แต่ว่าภาพลักษณ์ของเว่ยจวินมั่วและหนานกงมั่วสำหรับหย่งเฉิงจวิ้นจู่ก็ไม่ได้เลวร้าย จึงทำให้นอกจากรู้สึกตกใจแล้วก็ไม่ได้มีอันใดไม่ดี

หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “ข้าเองก็ตกใจ”

จูชูอวี้เลิกคิ้วพลางเอ่ย “พี่สะใภ้…ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนจริงๆ หรือเจ้าคะ”

จูชูอวี้สงสัยว่าคุณชายเว่ยรู้ชาติกำเนิดของตนมาตั้งนานแล้ว เพียงแต่ร่วมกับเยี่ยนอ๋องปิดบังคุณชายทั้งสามแห่งจวนเยี่ยนอ๋องเท่านั้น

หนานกงมั่วขมวดคิ้ว “มิเช่นนั้นเล่า”

จูชูอวี้ยิ้ม “ไม่มีอันใด ต่อไปจะเป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆ แล้วเจ้าค่ะ”

หนานกงมั่วยิ้มบางไม่เอ่ยสิ่งใด

จูชูอวี้ลอบถอนหายใจอยู่ในใจ นางไม่อยากเป็นศัตรูกับหนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่ว เรื่องราวบนโลกใบนี้นั้นแปลกประหลาด ยิ่งไม่ต้องการอันใดก็ยิ่งได้มา ฐานะยามนี้ ขอเพียงเซียวเชียนเหว่ยรู้สึกไม่พอใจ พวกเขาก็ต้องกลายเป็นศัตรู ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถอยอีกก็ไม่มีความหมายใดแล้ว

คิดมาถึงตรงนี้ สายตาของจูชูอวี้มีความมุ่งมั่นมากขึ้น เพียงแต่นางหลุบตาลงไม่ให้ผู้ใดมองเห็น ใบหน้างดงามกลับนิ่งสงบดูอ่อนหวาน

น่าเสียดายตระกูลจู…แต่ไม่เป็นไร นางเดินมาถึงจุดนี้แล้วมิใช่หรือ จากจวนเกาอี้ปั๋วที่ไม่มีอำนาจในจินหลิง กลายมาเป็นพระสนมขององค์ชายแห่งต้าเซี่ย ยังมีสิ่งใดที่นางทำไม่ได้อีกเล่า

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *