หมอหญิงยอดมือสังหาร 1097 ความกล้าต่อการยอมรับความพ่ายแพ้ (2)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 1097 ความกล้าต่อการยอมรับความพ่ายแพ้ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1097 ความกล้าต่อการยอมรับความพ่ายแพ้ (2)

เซียวเชียนชื่อพยักหน้า “ขอรับ พี่สะใภ้”

หนานกงมั่วเลิกคิ้ว ยิ้มบางไม่เอ่ยวาจาก่อนจะลุกขึ้นเดินจากไปทันใด เฉินอวี้วางถ้วยชาลง ยกมือประสานให้ทั้งสอง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “จวิ้นจู่ ข้ายังมีธุระเล็กๆ น้อยๆ” หนานกงมั่วหันกลับมา เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านแม่ทัพไปด้วยกันก็ได้”

ออกมาจากตำหนัก หนานกงมั่วหันกลับไปถอนหายใจให้กับประตู เฉินอวี้ยิ้มร่ามองไปยังหนานกงมั่ว เอ่ย “จวิ้นจู่ลำบากแล้ว”

หนานกงมั่วยิ้มหวาน “แม่ทัพเฉินชมเกินไปแล้ว เป็นคนไม่อาจเอาเรื่องทั้งหมดมาลงที่ตนเอง ต่อให้ไม่กลัวคนอื่นรำคาญ ก็ต้องระวังอย่าทำให้ตนเองต้องเหนื่อยตายเล่า”

เฉินอวี้ส่ายศีรษะ เอ่ย “เกรงว่าคงไม่ใช่ทุกคนที่สามารถมองเห็นน้ำใจของจวิ้นจู่ได้ หากทำดีก็ยังดี แต่หากล้มเหลว…” เซียวเชียนชื่อก็ช่างเถิด หากเซียวเชียนเหว่ยทำเรื่องนี้พังแล้ว เกรงว่ายังต้องมาโทษที่ซิงเฉิงจวิ้นจู่อีก เฉินอวี้ขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ ความจริงแรกเริ่มแม่ทัพอย่างพวกเขาก็ไม่ได้พอใจต่อคุณชายเว่ยนัก ตรงกันข้ามชื่นชอบคุณชายรองมากกว่า คุณชายทั้งสามตอนนั้นยังเด็กดูไม่ออกนัก เพียงแต่สองปีมานี้เฉินอวี้เริ่มสงสัยว่าสองปีก่อนสายตาของตนมีปัญหาอันใดกันแน่ หากไม่มีคุณชายเว่ย แม้ท่านอ๋องมีความสามารถเก่งกล้าในช่วงชีวิตของพระองค์ แต่อาจไม่ต้องการผู้สืบทอดที่โดดเด่นมีความสามารถนัก

เฉินอวี้ไม่รู้ว่าครั้งนั้นไม่ใช่สายตาของเขาที่มีปัญหา เพียงแต่คนเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาและสภาพแวดล้อม มีคนเปลี่ยนน้อย มีคนเปลี่ยนมาก มีคนรักษาจิตใจเดิมเอาไว้ได้ มีคนเปลี่ยนแปลงไปทั้งหมด หากเยี่ยนอ๋องเป็นเพียงเยี่ยนอ๋อง สามพี่น้องตระกูลเซียวต่อให้ไม่ลงรอยกัน แต่มีเยี่ยนอ๋องและพระชายาเยี่ยนอ๋องกดเอาไว้ สามพี่น้องตระกูลเซียวอาจนิ่งสงบได้ตลอดชีวิต

หนานกงมั่วยิ้มพลางเอ่ย “หรือว่าทำอันใดต้องคิดว่าอีกฝ่ายจะทำได้ดีหรือไม่อย่างนั้นหรือ ข้าเพียงให้พวกเขาทำในสิ่งที่ควรทำ จะดีหรือไม่เกี่ยวอันใดกับข้า เยี่ยนอ๋องไม่อยู่ หากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ยังต้องผลักมาให้ข้าสตรีเพียงคนเดียว ยังจะมาโกรธข้าเพียงเพราะไม่อาจทำให้ดีได้อย่างนั้นหรือ”

เฉินอวี้ยิ้มขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “จวิ้นจู่เอ่ยมีเหตุผล”

ระหว่างที่เอ่ย ทั้งสองคนพลันเดินมาถึงเส้นทางไปสู่วังหลัง เฉินอวี้เป็นบุรุษแน่นอนว่าไม่อาจเข้าไปได้ ยกมือประสานเอ่ยลาหนานกงมั่ว

“จวิ้นจู่”

หนานกงมั่วไม่ได้เดินตรงไปยังวังหลัง แต่ไปตำหนักของเซียวเชียนเยี่ย ที่หน้าประตู องครักษ์เห็นว่าหนานกงมั่วจึงรีบเดินเข้ามาแสดงความเคารพ หนานกงมั่วพยักหน้า เอ่ยถาม “สองวันมานี้ มีคนมาหาฝ่าบาทหรือไม่”

องครักษ์รีบส่ายศีรษะ “ตอบจวิ้นจู่ ไม่มีขอรับ”

หนานกงมั่วพยักหน้า เดินเข้าไป

เซียวเชียนเยี่ยนั่งเหม่อลอยอยู่หน้าเตียง หน้าต่างที่ถูกปิดไปกว่าครึ่งทำให้ด้านในบรรยากาศอึมครึม มีเพียงเซียวเซียนเยี่ยคนเดียวที่นั่งอยู่ตรงแสงสว่าง ได้ยินเสียงคนเข้ามา เซียวเชียนเยี่ยจึงหันมามองหนานกงมั่ว ผ่านไปหลายวันบาดแผลบนใบหน้าของเซียวเชียนเยี่ยไม่ต้องใช้ผ้าพันแผลแล้ว กลับยิ่งดูน่าหวาดกลัวมากขึ้น

มองเห็นหนานกงมั่ว ดวงตาของเซียวเชียนเยี่ยมีแววประหลาดใจขึ้นมา ไม่นานพลันยิ้มหยัน เอ่ย “ที่แท้เป็นจวิ้นจู่หรือ โอ ข้าลืมไป เว่ยจวินมั่วเป็นบุตรชายคนโตของเยี่ยนอ๋อง เช่นนั้นจวิ้นจู่คงจะเป็นลูกสะใภ้ของเยี่ยนอ๋องแล้ว ไม่แน่ผ่านไปอีกสักพัก ข้าอาจต้องเรียกเจ้าว่าพระชายาขององค์ชายหรือไม่”

หนานกงมั่วขมวดคิ้ว เอ่ยเสียงเรียบ “ดูเหมือนว่า ข่าวของฝ่าบาทเองก็รวดเร็วว่องไว”

สีหน้าของเซียวเชียนเยี่ยทะมึนลง ใบหน้าน่ากลัวจ้องมองหนานกงมั่ว เนิ่นนานก่อนจะกัดฟัน เอ่ย “เยี่ยนอ๋องช่างกระตือรือร้น ถึงแทบรอรับเว่ยจวินมั่วกลับคืนแทบไม่ไหว เขาช่างไม่เกรงกลัว”

“กลัวอันใดเล่า” หนานกงมั่วเลิกคิ้ว

เซียวเชียนเยี่ยเงียบไม่เอ่ยวาจา หนานกงมั่วตอบคำถามแทนเขาเสียงเรียบ “ปากของผู้คนหรือ” เซียวเชียนเยี่ยส่งเสียงหยัน เห็นได้ชัดว่ายอมรับคำของหนานกงมั่วอยู่เงียบๆ

หนานกงมั่วถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ สายตาที่มองเซียวเชียนเยี่ยมีความเวทนาขึ้นมา ไม่รู้ว่าอดีตฮ่องเต้รักเอ็นดูเซียวเชียนเยี่ยหรือวางกับดักเซียวเชียนเยี่ย นิสัยเช่นนี้…ไหนเลยเหมาะจะเป็นฮ่องเต้

“เจ้าหมายความเยี่ยงไร” เซียวเชียนเยี่ยละอายจนกลายเป็นโกรธ

หนานกงมั่วเอ่ย “เมื่อครั้งอดีตฮ่องเต้อยู่บนบังลังก์สังหารผู้คนราวกับผักปลา วีรบุรุษผู้ร่วมก่อตั้งประเทศมีเหลือไม่ถึงหนึ่งในสิบ แต่ว่า พระองค์เคยเห็นผู้ใดเอ่ยอันใดหรือไม่ ประชาชนเพียงยกย่องอดีตฮ่องเต้ขับไล่เป่ยหยวนกลับมาสู่ปกติ เพียงขอบคุณอดีตฮ่องเต้ช่วยนำพาความสงบสุขมาแก่พวกเขา ส่วนอดีตฮ่องเต้สังหารขุนนางไปมากเพียงใด ไม่เกี่ยวอันใดกับพวกเขา เป็นปัญญาชนเหล่านั้น ปากนินทาอดีตฮ่องเต้สังหารขุนนาง แพร่งพรายออกไปแล้วอย่างไร ทุกครั้งที่มีการสอบ ขอเพียงมีโอกาสพวกเขาจะไม่สอบได้หรือ ปากของผู้คนที่พระองค์เอ่ยถึงมีประโยชน์มากเพียงใดเล่า มีหนึ่งประโยคง่ายๆ ฝ่าบาทอาจจะเคยได้ยิน…ผู้ชนะเป็นอ๋อง ผู้แพ้เป็นโจร”

สีหน้าของเซียวเชียนเยี่ยพลันเปลี่ยน เอ่ยเสียงดัง “ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามาสั่งสอนข้าเช่นนี้”

หนานกงมั่วส่ายศีรษะ “หม่อมฉันไม่คิดจะเป็นอาจารย์ให้ผู้ใด ดังนั้นฝ่าบาทคิดมากแล้ว หม่อมฉันเพียงอยากเตือนฝ่าบาท การกระทำโดยพลการใช่ว่าจะไม่เป็นผลดีเสมอไป อย่าลืมเสีย พระองค์ยังมีคนที่ต้องเป็นห่วง” ตอนนี้เยี่ยนอ๋องยังไม่มีความคิดสังหารเซียวเชียนเยี่ย แต่หากเซียวเชียนเยี่ยไม่ยอมเอ่ยดีๆ นั่นก็ไม่เหมือนกันแล้ว แม้ว่านางและเว่ยจวินมั่วต่างก็ไม่คาดหวังให้ชื่อเสียงของเยี่ยนอ๋องร้ายกาจจนเกินไป อย่างไรผู้เล่าเรียนศึกษานั้นก็ยากจะขัดเกลา ชื่อเสียงของการขึ้นครองบัลลังก์จากการสังหารกษัตริย์ สำหรับเยี่ยนอ๋องแล้วย่อมไม่ใช่เรื่องที่ดี แต่เยี่ยนอ๋องกลับไม่ใช่คนที่ห่วงเรื่องชื่อเสียงนัก แต่กลับเหมือนอดีตฮ่องเต้ เชื่อฟังข้าดี ต่อต้านข้าตาย มีชื่อเสียงที่ดีแน่นอนว่าเป็นเรื่องดี แต่หากเซียวเชียนเยี่ยทำให้เขารู้สึกว่าไม่ราบรื่น ก็อย่าได้โกรธที่เขาเหี้ยมโหด

“เจ้าข่มขู่ข้า” เซียวเชียนเยี่ยเอ่ยเสียงเย็น

หนานกงมั่วภอนหายใจ “หม่อมฉันคิดว่าอดีตฮ่องเต้คงไม่คาดหวังได้เห็นวันที่ฝ่าบาท…” ไม่ว่าอย่างไร สำหรับนางแล้วอดีตฮ่องเต้นั้นไม่เลว โดยส่วนตัว นางปล่อยให้เซียวฉุนสังหารอดีตฮ่องเต้ หนานกงมั่วคิดว่าตักเตือนเซียวเชียนเยี่ยไม่กี่ประโยคคงไม่เป็นไร แน่นอนว่าหากเซียวเชียนเยี่ยอยากตายไปพร้อมกับบัลลังก์ นางก็ไม่อาจเอ่ยสิ่งใดได้

เอ่ยถึงอดีตฮ่องเต้ สีหน้าของเซียวเชียนเยี่ยคลายลงเล็กน้อย ทว่าไม่นานกลับแข็งกระด้างขึ้นมาอีกครั้ง เอ่ยเสียงเย็น “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไยเจ้าจึงไม่ไปเกลี้ยกล่อมเยี่ยนอ๋องให้เชื่อฟังเล่า”

หนานกงมั่วเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ “หม่อมฉันสนิทกับฝ่าบาทหรือเพคะ”

เซียวเชียนเยี่ยชะงักไป สายตาจ้องมองหญิงสาวที่หัวเราะสนุกสนานตรงหน้า

“พ่ายแพ้ก็คือพ่ายแพ้ หรือว่าแม้แต่ความกล้าที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ ฝ่าบาทยังไม่มี” หนานกงมั่วเอ่ยถาม

เซียวเชียนเยี่ยอยากตะโกนออกมาว่าเขาไม่ได้แพ้ แต่ก็ไม่อาจเอ่ยออกมาได้ สีหน้าเดี๋ยวขาวเดียวคล้ำ เนิ่นนานก่อนจะเอ่ย “ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการสิ่งใด แต่ไม่คิดว่าจะส่งซิงเฉิงจวิ้นจู่มา”

หนานกงมั่วส่ายศีรษะ “ฝ่าบาทคงเข้าใจผิดแล้ว หม่อมฉันมาเพียงอยากเอ่ยบอกกับพระองค์ จดหมายฉบับเล็กฉบับน้อยไม่ต้องส่งออกไปแล้ว หม่อมฉันรู้ว่าในวังหลวงต้องมีเส้นทางลับที่คนนอกไม่รู้ แต่ทางที่ดีฝ่าบาทต้องรู้ ยิ่งพระองค์ส่งมาก คนที่ต้องโชคร้ายก็ยิ่งมาก”

เซียวเชียนเยี่ยกัดฟันอยู่เงียบๆ หนานกงมั่วกลับไม่มองเขา หมุนตัวเดินออกไป

ในห้องหนังสือ เซียวเชียนเยี่ยเงียบไปนานก่อนจะกวาดแท่นทับกระดาษที่วางบนโต๊ะตกกระจายบนพื้น เสียงดังขึ้นทว่าไม่นานก็กลับสู่ความเงียบสงบ

ออกมาจากตำหนัก หนานกงมั่วสั่งการองครักษ์เฝ้าหน้าประตูไม่กี่ประโยคพลันเดินออกไป เพียงแต่นางไม่ได้ตรงไปวังหลังอย่างที่เคยบอก ทว่าตรงกลับจวนเยี่ยนอ๋องในทันที

ยามนี้ฟ้ามืดลงแล้ว จูชูอวี้และหย่งเฉิงจวิ้นจู่ยังคงเฝ้าอยู่ในห้องรับรอง เห็นหนานกงมั่วกลับมา หย่งเฉิงจวิ้นจู่จึงพ่นลมหายใจออกมา “พี่สะใภ้ ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว ในวังไม่เป็นไรใช่หรือไม่เพคะ”

หนานกงมั่วยิ้ม เอ่ย “เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ศิษย์พี่พวกเขาออกมาแล้วหรือ”

หย่งเฉิงจวิ้นจู่ส่ายศีรษะ เอ่ย “ท่านไปได้ไม่นานพี่ชายก็เดินออกมา เพียงออกมาเอาอาหารและของเท่านั้น ส่งคนยกอาหารเข้าไปให้แล้ว คุณชายเสียนเกอไม่ให้ผู้ใดรบกวน พวกเราก็ไม่รู้ว่าเสด็จพ่อเป็นอย่างไร”

จูชูอวี้ขมวดคิ้ว เอ่ยถามขึ้นด้วยความกังวล “พี่สะใภ้ คุณชายเสียนเกอมีความมั่นใจหรือไม่เจ้าคะ จะ…”

หนานกงมั่วเอ่ย “หากศิษย์พี่ไม่มีความมั่นใจ บนโลกใบนี้คงไม่มีผู้ใดมีความมั่นใจว่าจะรักษาเสด็จลุงได้อีกแล้ว”

จูชูอวี้พยักหน้า เอ่ยเสียงเบา “ขอให้เป็นเช่นนั้น”

หนานกงมั่วมองไปยังหย่งเฉิงจวิ้นจู่ เอ่ย “ดูแล้วคงไม่ได้ออกมาเร็วๆ นี้ หย่งเฉิงเจ้าเฝ้ามาทั้งวันแล้วไปพักสักหน่อยเถิด พรุ่งนี้เช้าค่อยมาใหม่ หากพวกเขาออกมา ข้าจะส่งให้คนไปรายงาน”

หย่งเฉิงจวิ้นจู่ส่ายศีรษะ เอ่ย “ข้ารอดีกว่าเจ้าค่ะ”

มองใบหน้าเหน็ดเหนื่อยทว่ามุ่งมั่นของนาง หนานกงมั่วจึงไม่เกลี้ยกล่อมอีก เพียงเอ่ย “อย่าฝืนเกินไป”

หย่งเฉิงจวิ้นจู่พยักหน้าเบาๆ “ขอบคุณพี่สะใภ้เจ้าค่ะ”

จูชูอี้มองใบหน้าเรียบนิ่งของหนานกงมั่ว อยากเอ่ยถามเรื่องราวในวัง แต่นางรู้ว่าหนานกงมั่วไม่อยากบอกนาง และยังไม่อาจออกไปจากห้องนี้ได้ รู้สึกกระวนกระวายขึ้นมา

หนานกงมั่วมองสีหน้าของนางอยู่ในสายตา ไม่เอ่ยสิ่งใดมากเพียงนั่งลงและหลับตาทำสติ

“จวิ้นจู่” เจี่ยนชิวหยางเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ สีหน้าเคร่งขรึม

หนานกงมั่วลืมตาขึ้น “ว่าอย่างไร”

เจี่ยนชิวหยางมองสตรีอีกสองคนในห้อง เอ่ยเสียงเบา “เมืองจินหลิงพลันมีข่าวลือ บอกว่า…เยี่ยนอ๋องกักขังฝ่าบาทและขุนนาง มีแผนชิงบัลลังก์ขอรับ”

หนานกงมั่วเลิกคิ้วไม่ได้ร้อนใจ “นี่นับว่าเป็นข่าวลืออย่างไร” วาจานี้ถูกกระจายออกไปตั้งแต่เยี่ยนอ๋องยกทัพแล้วกระมัง ชิงบัลลังก์ต่างๆ นานา

เจี่ยนชิวหยางเอ่ย “แต่ว่า อยู่ๆ ทุกคนก็เอ่ยถึงเรื่องฝ่าบาทถูกกักตัว บางข่าวยังไม่น่าฟังอีกด้วย ชาวบ้านในตลาดไม่รู้จักหนักเบา ดังนั้น…” หนานกงมั่วครุ่นคิด เอ่ย “ดูเหมือน…ข้าคงเข้าใจฝ่าบาทผิดไปแล้ว แม้ยังสามารถติดต่อกับองครักษ์สายลับได้ เขาก็ไม่มีความสามารถเพียงนั้น”

สามารถกระพือข่าวให้คนพวกนี้นินทาได้คงมีเพียงผู้เล่าเรียนศึกษาแล้ว ดูเหมือนไม่เพียงเซียวเชียนเยี่ย ชายชราที่ถูกขังอยู่ในห้องทรงอักษรนั่นก็ไม่อาจดูถูกเช่นกัน

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *