หมอหญิงยอดมือสังหาร 1100 เสียเลือดมากเกินไป (1)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 1100 เสียเลือดมากเกินไป (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1100 เสียเลือดมากเกินไป (1)

คุณชายเสียนเกอยกชามเลือดที่ไม่รู้ใส่ยาอันใดขึ้นมา บีบปากเยี่ยนอ๋องแล้วกรอกลงไป

ใช้ยาหนักที่คุณชายเสียนเกอเอ่ย ไม่ใช่ยาธรรมดาจริงๆ เลือดหนึ่งชามเทลงไป ใบหน้าที่ซีดขาวมาหลายปีของเยี่ยนอ๋องพลันแดงขึ้นมา เหงื่อที่ไหลไม่เคยได้หยุดทะลักออกมามากกว่าเดิม เพียงแต่เหงื่อที่ไหลออกมาครั้งนี้เจือสีแดงจางๆ แม้ไม่ได้เข้ม แต่เมื่อซึมออกมาตามขมับและไหลผ่านใบหน้าทำให้คนตกใจอยู่บ้าง

มองสำรวจเยี่ยนอ๋องอยู่ชั่วครู่ คุณชายเสียนเกอส่งเสียงในลำคออย่างพึงพอใจ มือข้างหนึ่งจับข้อมือเว่ยจวินมั่วข้างที่ยังคงมีเลือดไหล มืออีกข้างวาดผ่านมือข้างซ้ายของเยี่ยนอ๋องเกิดเป็นแผลขึ้นมา จากนั้นจับมือทั้งสองข้างยึดไว้ด้วยกัน เอ่ยกำชับ “ค่อยๆ ถ่ายเลือดให้เขา อย่าเร็วเกินไป หลอดเลือดแตกแล้วใครก็ไม่อาจช่วยเขาได้”

เว่ยจวินมั่วพยักหน้าเงียบๆ นั่งอยู่บนเตียงถ่ายเลือดเงียบๆ

คุณชายเสียนเกอมองทั้งสามที่อยู่ในห้อง ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมา หว่างคิ้วแสดงออกถึงความเหนื่อยล้า ฟังเสียงต่อสู้จากด้านนอก ส่งเสียงในลำคอเบาๆ ก่อนจะเดินไปปรุงยาของตนต่อ

การต่อสู้ด้านนอกยิ่งดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ หนานกงมั่วยืนดูอยู่ใต้ชายคาเงียบๆ ไม่รีบร้อน ไม่ว่าจะเป็นกำลังหรือจำนวนคนพวกเขาล้วนได้เปรียบ ไม่มีสิ่งใดต้องร้อนใจ

“พี่สะใภ้”

เสียงการต่อสู้กำลังจะสิ้นสุดลง เซียวเชียนชื่อทั้งสามเพิ่งพาคนกลับมาจากด้านนอกอย่างรีบเร่ง

หนานกงมั่วมองทั้งสามคน เซียวเชียนชื่อและเซียวเชียนเหว่ยยังดี เซียวเชียนจย่งกลับอยู่ในชุดเกราะ เต็มไปด้วยเหงื่อ เห็นได้ว่าเพิ่งรีบกลับมาจากนอกเมือง มีคนอีกกลุ่มเข้ามาเสริม สถานการณ์ยิ่งได้เปรียบมากขึ้น ชายชุดดำที่มาลอบสังหารจึงจำต้องล่าถอยไป

เซียวเชียนจย่งถอนหายใจยาว “โชคดีที่มาทัน พี่สะใภ้ ไม่เป็นไรใช่หรือไม่ขอรับ เสด็จพ่อจะ…ทำอันใดนั่น ไยจึงไม่บอกกันก่อนเล่าขอรับ” หากเตรียมการล่วงหน้า ไหนเลยจะเกิดความวุ่นวายเพียงนี้

หนานกงมั่วเม้มริมฝีปาก เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ลำบากเจ้าแล้ว นอกเมืองไม่เป็นไรใช่หรือไม่” เซียวเชียนจย่งเช็ดเหงื่อ “มีบางคนคิดลักลอบหนีไป เพียงแต่แม่ทัพเซวียตัดหัวไปแล้วขอรับ คนที่ติดตามพวกเขาไปก็ถูกจับเอาไว้หมดแล้ว รอเพียงเสด็จพ่อสั่งการ” หนานกงมั่วพยักหน้า “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” จูชูอวี้ที่แอบมองสถานการณ์ข้างนอกอยู่ในห้องรับรองเห็นเช่นนั้นจึงรีบเดินออกมา “ท่านพี่ พี่ใหญ่ พวกท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่”

เซียวเชียนเหว่ยส่ายศีรษะ มองไปยังหนานกงมั่ว เอ่ย “มีบางคนบุกเข้าวังไปช่วยเซียวเชียนเยี่ย ถูกจัดการเรียบร้อยแล้วขอรับ”

หนานกงมั่วพยักหน้า เอ่ยถาม “ที่ห้องทรงอักษร…”

เมื่อเอ่ยประโยคนี้ สีหน้าของเซียวเชียนเหว่ยและเซียวเชียนชื่อไม่น่ามองขึ้นมา หนานกงมั่วเห็นเช่นนั้นจึงเลิกคิ้วขึ้นมาทันใด เกิดเรื่องหรือ

ใบหน้าของเซียวเชียนชื่อปรากฏความละอายใจขึ้นมา เอ่ยเสียงเบา “หันหมิ่น…ถูกคนช่วยออกไปได้ขอรับ”

หนานกงมั่วขมวดคิ้ว “หันหมิ่นหรือ มีเพียงเขาหรือ”

เซียวเชียนชื่อพยักหน้า “เดิมทีคนเหล่านั้นอยากแบ่งสองทาง ช่วยเซียวเชียนเยี่ยและขุนนางในห้องทรงอักษร เพียงแต่ฝั่งเซียวเชียนเยี่ยนั้นคุ้มกันแน่นหนาพวกเขาไม่อาจบุกเข้าไปได้ ส่วนฝั่งห้องทรงอักษรกลับ…แต่หยุดเอาไว้ได้ทัน มีขุนนางชราตายไปเพียงสองคนขอรับ อีกทั้งหันหมิ่นยังถูกช่วยออกไปแล้ว” เซียวเชียนจย่งไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้ “พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านทำอย่างไรกัน ทหารนับหมื่นเฝ้าอยู่ในวัง ปล่อยให้คนชิงตัวจากวังไปได้อย่างไร”

เซียวเชียนชื่อเงียบไม่เอ่ยวาจา นี่เป็นความผิดพลาดของพวกเขาจริงๆ

“แม่ทัพเฉินพาคนตามล่าแล้ว คิดว่าไม่นานคงหาเจอ” เซียวเชียนเหว่ยเอ่ยเสียงเข้ม

เซียวเชียนจย่งส่งเสียงหยัน “หากหาไม่เจอเล่า ตาแก่หันหมิ่นนั่นน่ารังเกียจยิ่งกว่าโจวเซียงเสียอีก” เมื่อเทียบกับโจวเซียง ท่าทีของหันหมิ่นที่มีต่อจวนเยี่ยนอ๋องนั้นรุนแรงมากกว่า อย่างไรการที่บุตรชายของหันหมิ่นถูกหนิงอ๋องสังหารอยู่ที่อานเซี่ยนั้นเกี่ยวกับจวนเยี่ยนอ๋องโดยไม่อาจเลี่ยงได้

เซียวเชียนเหว่ยเองก็อารมณ์ไม่ดี ไม่สนใจน้องชาย หันไปยังหนานกงมั่ว เอ่ย “พี่สะใภ้ เสด็จพ่อจะออกมาได้เมื่อใดหรือขอรับ”

หนานกงมั่วส่ายศีรษะช้าๆ ศิษย์พี่ไม่ได้บอกเอาไว้ว่าถอนพิษให้เยี่ยนอ๋องต้องใช้เวลานานเพียงใด ดังนั้นนางเองก็ไม่รู้

ระหว่างที่ทุกคนกำลังพูดคุย ทหารองครักษ์ในจวนได้กวาดล้างมือสังหารทั้งหมดแล้ว นอกจากคนที่ถูกจับตัวเอาไว้ไม่กี่คน มือสังหารเรียกได้ว่าถูกกำจัดทั้งหมด

“จวิ้นจู่” ซิงเวยเดินเข้ามา ทำความเคารพ

หนานกงมั่วสั่งให้เขาควบคุมตัวคนไปก่อน รอเยี่ยนอ๋องมีเวลาค่อยจัดการ

ทุกคนกลับเข้าไปในห้องโถงรับรอง หย่งเฉิงจวิ้นจู่อุ้มเยาเยาเดินออกมา หย่งเฉิงจวิ้นจู่สีหน้าซีดขาว เสียงดังด้านนอกเมื่อครู่แน่นอนว่านางเองก็ย่อมได้ยิน เพียงแต่สตรีชุดดำทั้งสองห้ามไม่ให้นางออกมาเท่านั้น

“พี่สะใภ้”

“ท่านแม่” เยาเยาถูกหย่งเฉิงจวิ้นจู่อุ้มอยู่ในอ้อมแขน ใบหน้ากลมหยีดวงตา น้ำเสียงมีความง่วงงุน

หนานกงมั่วยื่นมือออกไปอุ้มบุตรสาวมาก่อนจะนั่งลงอีกฝั่ง

ทุกคนมองสบตากันก่อนจะแยกย้ายกันนั่งประจำที่ เซียวเชียนจย่งยื่นหน้าไปหยอกล้อเยาเยาพร้อมเอ่ย “เดิมทีคิดว่าช่วงนี้จะเงียบสงบ ไม่คิดว่าเซียวเชียนเยี่ยจะซ่อนคนเอาไว้มากเพียงนี้”

หนานกงมั่วยิ้ม เอ่ย “อย่างไรก็เป็นกษัตริย์ของประเทศ ไหนเลยจะง่ายเพียงนั้น”

เซียวเชียนเหว่ยเอ่ยเสียงเข้ม “หากวันนั้นเซียวเชียนเยี่ยไม่ได้ออกมาจากศาลบูรพกษัตริย์…”

หนานกงมั่วเงยหน้าขึ้นมา สีหน้าเรียบนิ่งมองไปยังเซียวเชียนเหว่ย นี่กำลังโทษเว่ยจวินมั่วที่พาเขาออกมาจากศาลบูรพกษัตริย์ เซียวเชียนจย่งไม่เข้าใจนัก ทว่าเซียวเชียนชื่อกลับฟังออกถึงสิ่งที่ไม่ปกติ “น้องรอง หากฝ่าบาทตายอยู่ในศาลบูรพกษัตริย์ ไม่ดีต่อชื่อเสียงของเสด็จพ่อ” อ๋องผู้ปกครองเมืองบุกเข้าวังหลวงทำให้ฝ่าบาทต้องเผาตนเองสละชีวิตเพื่อแผ่นดินอย่างนั้นหรือ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขามาเพื่อสยบความวุ่นวาย สยบความวุ่นวายจนสุดท้ายบีบให้ฝ่าบาทต้องตายอย่างนั้นหรือ ยามนี้ในเมืองจินหลิงอำนาจของเยี่ยนอ๋องยังอยู่จึงไม่มีผู้ใดเอ่ยอันใด แต่หากสิ้นอำนาจแล้ว ต่อไปไม่ว่าใครคิดอยากกบฏสามารถอ้างถึงการแก้แค้นแทนฮ่องเต้ได้ อย่างไรเซียวเชียนเยี่ยก็ยังเป็นฮ่องเต้ที่สืบทอดอย่างถูกครรลองคลองธรรม สุดท้ายกลับต้องมาถูกเยี่ยนอ๋องบีบจนตาย การเป็นบริพารแก้แค้นแทนฮ่องเต้ไม่ใช่บัญชาของสวรรค์หรอกหรือ

เซียวเชียนเหว่ยเงียบลง ไม่เอ่ยสิ่งใดให้มากความอีก

ดวงตาคู่สวยของหนานกงมั่วกวาดมองคุณชายเซียวทั้งสามราบเรียบ สุดท้ายสายตาไปหยุดอยู่ที่เซียวเชียนเหว่ยและจูชูอวี้ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “วันนี้ยุ่งมาทั้งวันแล้ว ข้าเหนื่อยแล้ว จวนเยี่ยนอ๋องที่นี่ ความปลอดภัยของเสด็จลุงข้าจะรับผิดชอบ อย่างอื่นที่เหลือ คงต้องลำบากพวกเจ้าแล้ว”

เซียวเชียนชื่อชะงัก “พี่สะใภ้…นี่…”

หนานกงมั่วยกมือขึ้นมาตบไปที่แผ่นหลังเล็กเบาๆ กล่อมเยาเยาให้หลับไปอีกครั้ง พร้อมเอ่ยอย่างเชื่องช้า “เอาตามนี้เถิด เห็นแล้วว่าเสด็จลุงไม่อาจไปไหนได้ พวกเจ้าที่เป็นบุตรชายควรรับผิดชอบมิใช่หรือ อย่าทำให้เสด็จลุงต้องกังวล”

เซียวเชียนเหว่ยเงยหน้าขึ้นมามองหนานกงมั่วเงียบๆ ทว่ายังเห็นนางมีรอยยิ้มอยู่เช่นเดิม ยังคงสง่างามและเฉยชา ราวกับไม่เคยมีอันใดเกิดขึ้น เนิ่นนาน ก่อนจะเอ่ย “พี่สะใภ้วางใจเถิด”

หนานกงมั่วพยักหน้า “เช่นนั้นก็ดี พวกเจ้าไปเถิด เดี๋ยวข้าคอยดูอยู่ที่นี่”

เซียวเชียนชื่อยังอยากเอ่ยอันใด ทว่าหนานกงมั่วกลับก้มหน้าตั้งใจกล่อมลูกต่อ ภายใต้แสงโคมไฟ ใบหน้าดูอ่อนโยนจิตใจดีเป็นมารดาที่รักและเอ็นดูลูกผู้หนึ่ง ไม่เหมือนคนที่เด็ดเดี่ยวอยู่ที่หน้าประตูวังหลวงเมื่อตอนกลางวัน เซี่ยวเชียนชื่อถอนหายใจออกมาเบาๆ ยกมือขึ้นประสานหันไปหาหนานกงมั่ว “ลำบากพี่สะใภ้แล้วขอรับ”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *