หมอหญิงยอดมือสังหาร 1102 ความโกลาหลบังเกิด (1)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 1102 ความโกลาหลบังเกิด (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1102 ความโกลาหลบังเกิด (1)

เช้าตรู่ในเมืองจินหลิงเงียบสงบเป็นพิเศษ ราวกับเช้าตรู่ในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา แต่การสบตากับคนที่รู้จักเป็นครั้งครานั้นทำให้เห็นถึงสิ่งที่แตกต่างออกไป กลางดึกเมื่อคืนเสียงต่อสู้ฆ่าฟันดังมาจากจวนเยี่ยนอ๋อง อีกทั้งกองทัพโยวโจวที่ค้นหาคนร้ายไปทั่วเมืองไม่ใช่เรื่องเล็ก ไม่รู้ว่าทำให้ผู้คนที่หลับใหลแตกตื่นไปมากเพียงใด

รุ่งเช้า โรงน้ำชามีผู้คนมากมายออกมาหาของกินและดื่มน้ำชา เมื่อมีคนมากก็อดไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องเมื่อคืนขึ้นมา

“พวกเจ้าว่าเมื่อคืนเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่” บัณฑิตวัยกลางคนผู้หนึ่งจิบชา พร้อมเอ่ยถามสหายด้านข้าง คนด้านข้างมองไปรอบๆ กดเสียงต่ำ เอ่ย “ใครจะรู้เล่า แต่กล้าก่อเรื่องในจวนเยี่ยนอ๋องเวลานี้ อีกทั้งยังมีความเคลื่อนไหวยิ่งใหญ่เพียงนี้ เกรงว่าคงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้ว…” ยามนี้เมืองจินหลิงอยู่ในการปกครองของเยี่ยนอ๋อง สองวันก่อนยังมีข่าวออกมาว่าเยี่ยนอ๋องจับ…คนผู้นั้นขังเอาไว้ เวลาเช่นนี้ ยังมีคนกล้าลงมือกับจวนเยี่ยนอ๋อง แน่นอนว่าเป็นคนที่ยืนหยัดปกป้องราชวงศ์ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเยี่ยนอ๋องที่กำลังกุมอำนาจไยจึงไม่มีความเคลื่อนไหว

ด้านข้างมีคนได้ยินทั้งสองพูดคุยกัน หันกลับมาเอ่ยอย่างอดไม่ได้ “จะว่าไป ก่อนหน้านี้เยี่ยนอ๋องยังบอกสยบความวุ่นวายอันใด ยามนี้นี่…”

ชายวัยกลางคนหัวเราะหยัน “เรื่องแบบนี้ยังมีอันใดดูไม่ออกอีกหรือ นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีผู้ปกครองเมืองผู้ใดที่กวาดล้างคนเลวข้างตัวกษัตริย์อย่างจริงใจกันเล่า” เก้าในเก้าต่างก็กำจัดกษัตริย์ไปด้วยทั้งนั้น ยามนี้เยี่ยนอ๋องยังไม่สังหารฮ่องเต้ ทุกคนต่างรู้สึกแปลกใจกันทั้งนั้น

“พี่หวังระวังคำพูดด้วย” เพื่อนด้านข้างรีบเอ่ย เอ่ยเพียงไม่กี่ประโยคได้ แต่หากวาจานี้ถูกคนได้ยินเข้า ไม่แน่พวกเขาอาจโชคร้ายแล้ว ชายวัยกลางคนนั้นราวกับรู้แล้วว่าตนเอ่ยพลาดไป รีบเปลี่ยนหัวข้อ “ได้ยินมาว่าเมื่อวานที่หน้าประตูวัง ซิงเฉิงจวิ้นจู่ได้แสดงความน่าเกรงขามออกมาหรือ”

เรื่องนี้นั้นไม่เป็นข้อห้าม พลันมีคนเอ่ยขึ้นทันใด “ก็ใช่น่ะสิ คุณชายทั้งสองแห่งจวนเยี่ยนอ๋องยังไม่อาจควบคุมคนที่มาก่อเรื่องได้ ซิงเฉิงจวิ้นจู่เอ่ยเพียงไม่กี่ประโยค คนเหล่านั้นก็ยอมรับโทษง่ายๆ แล้ว”

“ซิงเฉิงจวิ้นจู่แม้จะเป็นสตรี แต่แม้แต่อดีตฮ่องเต้ยังชื่นชม สตรีไม่ได้ด้อยไปจากบุรุษจริงๆ”

การเป็นบุรุษมักชื่นชอบที่จะเอ่ยถึงสตรี โดยเฉพาะสตรีที่งดงามสูงส่งกว่าคนทั่วไปแม้แต่จะมองยังไม่อาจโชคดีมองได้ รอบข้างหลายคนก็เริ่มเอ่ยปากถึงเรื่องราวของซิงเฉิงจวิ้นจู่ ชื่นชมไม่หยุด เพียงแต่มีคนชื่นชมย่อมมีคนไม่ชื่นชอบ ท่ามกลางผู้คนที่กำลังดื่มชามีบัณฑิตวัยกลางคนผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น “เป็นสตรี ไม่สั่งสอนลูกอยู่ที่บ้านกลับมาโผล่หน้าอยู่ข้างนอก แย่งชิงความแข็งแกร่งกับบุรุษ ช่างไม่มีความรักษากฎความเป็นสตรีเสียจริง เช่นนี้ยังมีคนชื่นชม เอาความเคารพแก่บุรุษเช่นข้าไปไว้ที่ใดแล้ว”

เสียงพูดคุยในโรงน้ำชาพลันชะงัก หลายคนมีท่าทีเปลี่ยนไป โลกสมัยนี้เดิมก็เข้มงวดกับสตรี ได้ยินประโยคนี้พลันได้สติ คนใจแคบบางคนอดคิดไม่ได้ ก็นั่นน่ะสิ สตรีผู้หนึ่งเก่งกาจเพียงนี้ จะเอาบุรุษไปไว้ที่ใดกัน ได้ยินมาว่าคุณชายเว่ยนั่นก็เป็นคนหล่อเหลา แต่งงานกับซิงเฉิงจวิ้นจู่มานานหลายปี แม้แต่สาวใช้อุ่นเตียงยังไม่มีแม้เพียงคนเดียว ไม่แน่อาจถูกสตรีแข็งแกร่งผู้นี้กดขี่เอาไว้ก็ได้

บางคนไม่อาจฟังประโยคนั้นต่อไปได้ เอ่ยเสียงเย็น “หากเป็นผู้มีความสามารถ จะถูกสตรีกดขี่ได้เยี่ยงไร หากแม้แต่สตรีเพียงคนเดียวยังไม่อาจเทียบได้ ยังกล้าเอ่ยถึงเกียรติของบุรุษอีกหรือ หรือว่าเพียงกักขังสตรีเก่งกาจเอาไว้ในเรือนเรียกไม่ออกมา ไม่ให้คนนอกรู้ก็จะทำให้เห็นว่าบุรุษเก่งกาจกว่าสตรีแล้วหรือ”

ประโยคนี้เอ่ยออกไป ไม่ว่าคนที่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยต่างหันมาโดยพร้อมเพรียง มองเห็นชายหนุ่มอายุราวๆ สิบสองสิบสามนั่งอยู่ในมุมมุมหนึ่งของชั้นสอง ยามนี้กำลังมองเย้ยหยันไปยังบัณฑิตวัยกลางคนผู้นั้น ด้านข้างของเขามีชายหนุ่มและสตรีคู่หนึ่งนั่งอยู่ด้วย ชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาไม่ธรรมดา สตรีนั้นมีผ้าคลุมหน้าไม่อาจมองเห็นใบหน้าได้ชัดเจน

ได้ยินเพียงชายหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มร่า “อาเจี้ยว เรื่องนี้เจ้าไม่เข้าใจแล้ว หากมีใครสักคนที่รู้ว่าตนพยายามมาทั้งชีวิตแล้วยังไม่อาจสู้คนอื่นได้แม้เพียงปลายก้อย เขาก็จะรู้สึกอิจฉาอยู่ในใจ แต่เขาจะไม่คิดว่านั่นเป็นเพราะตนเองมีความสามารถไม่เพียงพอ จะคิดว่าคนอื่นมีแผนสกปรก ประจบสอพลอหรือว่าคนอื่นโชคดีกว่าตนเอง บางทีอาจบอกว่าเกิดในชาติตระกูลที่ดี หากเป็นสตรี นั่นยิ่งแปลกแล้ว สตรีโผล่หน้าปรากฏตัวแน่นอนว่าไม่อยู่ในกฎ แม้แต่สิทธิ์ที่จะมาถกเถียงกับพวกเขายังไม่มี แน่นอนว่าไม่อาจเก่งกว่าเขาได้แล้ว”

เด็กน้อยเข้าใจมองไปยังชายหนุ่มคนนั้น “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็เป็นเหมือนที่ท่านอาจารย์สอนมาว่าปิดหูตีระฆังหรือการหลอกตนเองอย่างนั้นหรือขอรับ”

สตรีในอาภรณ์สีม่วงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่ว่าอย่างไร ภายนอกคนเหล่านี้มักจะทำราวกับคนทั้งโลกนั้นโง่งมและมัวเมา แต่ในใจนั้นกลับกลายเป็นรังริษยาแล้ว อาเจี้ยวอย่าได้เอาเยี่ยงอย่างคนเยี่ยงนี้เล่า”

บัณฑิตวัยกลางคนผู้นั้นเอ่ยเพียงไม่กี่ประโยค เดิมทีเห็นหลายคนมีท่าทีเห็นด้วยกับตนจึงรู้สึกภาคภูมิใจ แต่เพียงชั่วพริบตากลับถูกทั้งสามคนนินทาเอ่ยเสียดสีอย่างไม่เกรงใจ สีหน้าจึงเริ่มแดงขึ้น ร่างกายสั่นระริก

ซังเจี้ยวเท้าคาง เลิกคิ้วพลางเอ่ย “ท่านลุงลิ่น คุณชายท่านนี้สั่นไปทั้งตัว คงไม่ได้เป็นลมชักกระมัง”

คุณชายฉังเฟิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ใครจะรู้เล่า”

บัณฑิตคนนั้นเกือบโกรธตายเพราะสามคนนนี้แล้ว ชี้ไปยังทั้งสามคนทว่าพูดไม่ออก เขาเพียงอายุยี่สิบต้นๆ กำลังอยู่ในวัยที่สอบจอหงวนได้ หากมีคนเข้าใจว่าเขาเป็นโรคลมชัก ชาตินี้อย่าได้หวังจะได้สอบจอหงวนเป็นขุนนางเลย

คุณชายฉังเฟิงไม่ใส่ใจกับการให้ร้ายผู้อื่น กล้าเอ่ยเช่นนี้ท่ามกลางผู้คน ยังอยากจะเป็นขุนนางอยู่อีกหรือ เว่ยจวินมั่วไม่ใช่คนใจกว้าง ต่อให้คนผู้นี้มีความสามารถล้นฟ้า เกรงว่าชาตินี้คงไม่มีความหวังแล้ว ดังนั้น…อยากเป็นนักวิชาการขึ้นอยู่ในจุดสูงสุด การก้าวเดินอย่างระมัดระวังนั้นสำคัญที่สุด

ชายวัยกลางคนนั้นยังอยากเอ่ยอันใดบางอย่าง ลิ่นฉังเฟิงเดินเข้าไปประคองเขาใกล้ๆ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณชายท่านนี้อาจไม่สบายจริงๆ กระมัง ไปหาหมอก่อนสักหน่อยเถิด ได้ยินว่าโรคลมชัก หากไม่ระวังอาจถึงตายได้”

บัณฑิตอายุน้อยผู้นั้นอยากต่อต้านทว่ารู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาที่เอว ร่างกายพลันแข็งค้างไม่อาจเอ่ยอันใดขึ้นมาได้ คุณชายฉังเฟิงหันไปเอ่ยกับซังเจี้ยว “อาเจี้ยว สิ่งที่เจ้าเอ่ยเขาไม่อาจรับได้แล้ว พวกเราที่สมบูรณ์แข็งแรงต้องยอมให้คนป่วยสักหน่อย พาเขาไปหาหมอเถิด หากเกิดอันใดขึ้นคงจะไม่ดี”

ซังเจี้ยวพยักหน้า เดินมาประคองซ้ายขวาคนละข้างกับลิ่นฉังเฟิง พาชายหนุ่มลงจากชั้นสองไป สตรีในอาภรณ์สีม่วงยิ้มบาง วางเงินเอาไว้บนโต๊ะก่อนจะเดินตามลงไป

ผู้คนที่อยู่ชั้นบนต่างพากันนิ่งชะงักกับความเปลี่ยนแปลงเมื่อครู่ เนิ่นนานก่อนจะมีคนเอ่ย “คุณชายเมื่อครู่…คล้ายว่าจะคุ้นตาเสียจริง”

“ดูเหมือนจะเป็น…คุณชายใหญ่ตระกูลลิ่นหรือไม่” ก่อนหน้านั้นคล้ายได้ยินเด็กชายเรียกชายหนุ่มผู้นั้นว่าท่านลุงลิ่นมิใช่หรือ

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *