หมอหญิงยอดมือสังหาร 1131 ทัศนทางการเมืองที่แตกต่าง (2)
ตอนที่ 1131 ทัศนทางการเมืองที่แตกต่าง (2)
เว่ยจวินมั่วกระโดดลงจากหลังม้า องครักษ์หน้าประตูรีบทำความเคารพ “คารวะคุณชายใหญ่ขอรับ”
“คารวะพี่ใหญ่เจ้าค่ะ” จูชูอวี้และซุนเหยียนเอ๋อร์รีบก้าวเดินตรงไปทำความเคารพ เพียงแต่ต่างทำตัวไม่ถูก พี่ชายลูกพี่ลูกน้องของสามีอยู่ดีๆ ก็กลายมาเป็นพี่ชายแท้ๆ แม้จะเป็นพี่ชายแท้ๆ ของสามีไม่ใช่ของตนเอง แต่สำหรับสตรีแล้วเมื่อเทียบกับการที่ตนเองมีพี่ชายแท้ๆ เพิ่มเข้ามายังรู้สึกกระอักกระอ่วนแปลกๆ กว่ามาก
คุณชายเว่ยพยักหน้าเบาๆ เอ่ยถาม “อู๋สยาและ…เสด็จอาอยู่ที่ใด”
จูชูอวี้เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้และเสด็จอากำลังพูดคุยอยู่กับเสด็จแม่เจ้าค่ะ พี่ชายเชิญด้านในเถิด”
เว่ยจวินมั่วพยักหน้าเบาๆ ทิ้งสตรีทั้งสองและเดินหนีเข้าไปในจวน
ด้านหลัง ซุนเหยียนเอ๋อร์เอ่ยขึ้นด้วยความอิจฉา “พี่…พี่ใหญ่ดีกับพี่สะใภ้มากจริงๆ” ดีมากจริงๆ เพียงสองวันมานี้ ไม่ว่าหนานกงมั่วไปที่ใดหรือทำอันใด ขอเพียงมีเวลาว่างคุณชายเว่ยต้องไปรับด้วยตนเองเสมอ
จูชูอวี้เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คนเดินไปแล้ว พวกเราเองก็เข้าไปด้านในเถิด”
ซุนเหยียนเอ๋อร์มองจูชูอวี้ที่มีสีหน้าทะมึน ในฐานะน้องสะใภ้แม้ความสัมพันธ์จะธรรมดาแต่นางก็รู้ว่าไยจูชูอวี้จึงอารมณ์ไม่ดี ฟังสาวใช้ในจวนเอ่ยว่าจูชูอวี้กำลังเตรียมเลือกภรรยารองให้กับเซียวเชียนเหว่ย แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ต้องเป็นเรื่องหลังจากเยี่ยนอ๋องขึ้นครองบัลลังก์ แต่ดูจากท่าทางของจูชูอวี้แล้ว เกรงว่าคงจะไม่ใช่ความคิดที่มาจากนางเอง สำหรับเรื่องนี้ซุนเหยียนเอ๋อร์ยังนับว่าเงียบสงบ นางรู้มานานแล้วว่าเซียวเชียนจย่งไม่อาจมีนางเพียงคนเดียว หลายปีมานี้เป็นเพราะเซียวเชียนจย่งอายุยังน้อยอีกทั้งยังไปออกรบนานหลายปีจึงไม่มีใคร แต่ยามนี้ในเมื่อสงบสุขลงมาแล้วแน่นอนว่าไม่เหมือนเดิม แม้ว่าตัวเซียวเชียนจย่งเองจะไม่ได้เอ่ยสิ่งใด แต่ซุนเหยียนเอ๋อร์นั้นเตรียมใจไว้นานแล้ว รอเยี่ยนอ๋องขึ้นครองราชย์ช่วงเวลาหนึ่งแล้วก็จะเอ่ยกับเสด็จแม่ รับอนุภรรยาให้สามี
ยังไม่ทันก้าวเข้าห้องโถงใหญ่พลันได้ยินเสียงหัวเราะขององค์หญิงหลิงอี๋ดังออกมา
ในห้องโถง องค์หญิงหลิงอี๋อุ้มเยาเยาด้วยใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความรักเอ็นดู บีบแก้มเล็กของนางเบาๆ ทว่าเด็กชายทั้งสองคน คนหนึ่งหลบอยู่ด้านข้างพระชายาเยี่ยนอ๋อง อีกคนหลบอยู่ด้านข้างองค์หญิงฉังผิง ต่างพากันหนีห่างองค์หญิงหลิงอี๋ องค์หญิงหลิงอี๋ยิ้มตาหยีมองเยาเยา “เยาเยา ไปอยู่ที่บ้านกับย่าดีหรือไม่”
เยาเยาเบี่ยงหน้าหลบเอ่ยขึ้นเสียงหลง “ไม่เอา…”
“ทำไมหรือ ย่ารักเจ้าเหลือเกิน” องค์หญิงหลิงอี๋เอ่ยด้วยรอยยิ้ม
เยาเยาน้ำตาคลอเบ้า “เสด็จย่าไม่ดี บีบแก้ม…”
แน่นอนว่าองค์หญิงหลิงอี๋ไม่ได้ทำให้คนตัวเล็กเจ็บจริงๆ ทว่ากลับหัวเราะพลางเอ่ย “ย่าไม่ดีเอง เป่าให้ดีหรือไม่”
เยาเยากะพริบตา “เสด็จย่าไปอยู่ที่บ้านเยาเยาหรือไม่” เยาเยายังชอบเสด็จย่าผู้มีรอยยิ้มงดงามและชอบเล่นกับพวกเขาคนนี้มาก
องค์หญิงหลิงอี๋มององค์หญิงฉังผิง “พี่ห้า เยาเยาเชิญหม่อมฉันไปอยู่ที่บ้านกับท่าน”
องค์หญิงฉังผิงเม้มริมฝีปากเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่ได้ปิดประตูไม่ให้เจ้าเข้าสักหน่อย เจ้าอยากอยู่กี่วันก็อยู่เถิด”
องค์หญิงหลิงอี๋เอ่ยอย่างอารมณ์ดี “พี่ห้าของหม่อมฉันดีที่สุดแล้ว เช่นนั้นหม่อมฉันไม่เกรงใจแล้วนะเพคะ”
พระชายาเยี่ยนอ๋องมององค์หญิงหลิงอี๋ด้วยรอยยิ้ม “โตจนป่านนี้แล้ว ทำตัวราวกับเด็กเสียจริง”
องค์หญิงหลิงอี๋เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หม่อมฉันเองก็อยากเหมือนเด็กเพคะ เป็นเด็กนั้นสนุกเพียงใด”
หนานกงมั่วยิ้มมองบุตรสาว เลิกคิ้วพลางเอ่ย “หาได้ยากที่เยาเยาจะมีวาสนาต่อเสด็จอาเพคะ” เยาเยาหน้าตาน่ารัก เพียงเห็นนางครั้งแรกก็แทบไม่อยากปล่อยนางไป แต่ส่วนใหญ่แล้วสุดท้ายจะเป็นเหมือนหนิงอ๋องที่กลายเป็นหนีออกห่างนาง เยาเยาสามารถเล่นกับองค์หญิงหลิงอี๋ได้นานเพียงนี้ อีกทั้งยังไม่ทำให้อีกฝ่ายต้องตกใจจนขวัญหนี เห็นได้ชัดว่ามีวาสนาต่อองค์หญิงหลิงอี๋ยิ่งนัก
“แน่นอนอยู่แล้ว” องค์หญิงหลิงอี๋ยิ้มเอ่ย “ข้ามีวาสนากับเด็กมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”
“รายงานพระชายา คุณชายใหญ่มาแล้วขอรับ”
พระชายาเยี่ยนอ๋องชะงักเล็กน้อย ไม่นานก็ดึงสติกลับคืนมา เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “จวินเอ๋อร์มาแล้วหรือ รีบให้เขาเข้ามา”
ชั่วครู่ต่อมาเว่ยจวินมั่วพลันเดินเข้ามาในห้องโถง
“ท่านพ่อ” เยาเยาเตะเท้าเล็กไปมากระโดดลงมาจากหน้าตักขององค์หญิงหลิงอี๋ วิ่งไปกอดขาเว่ยจวินมั่วเอาไว้ เว่ยจวินมั่วโน้มตัวลงไปอุ้มบุตรสาวก่อนจะเดินต่อไป “เสด็จแม่ เสด็จอา”
พระชายาเยี่ยนอ๋องพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม เอ่ย “เจ้าเพิ่งออกมาจากวัง มารับน้องห้ากับอู๋สยาหรือ”
เว่ยจวินมั่วพยักหน้า เอ่ยตอบ “พ่ะย่ะค่ะ”
เขาอุ้มเยาเยาไปนั่งลงด้านข้างหนานกงมั่ว พระชายาเยี่ยนอ๋องจึงเอ่ยถาม “ท่านอ๋องมีรับสั่งอันใดหรือไม่”
เว่ยจวินมั่วพยักหน้า เอ่ย “พิธีสละราชสมบัติกำหนดในวันมะรืนยามเจิ้ง[1] เสด็จพ่อเชิญเสด็จแม่เข้าวังหลวงพรุ่งนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”
“นี่…ไม่ดีหรือไม่” พระชายาเยี่ยนอ๋องลังเลเล็กน้อย อย่างไรก็ยังไม่ผ่านพิธีแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ เป็นสตรีเข้าวังหลวงไปคงไม่ดีนัก เว่ยจวินมั่วส่ายศีรษะเบาๆ เอ่ย “ในวังหลวงยังมีบางเรื่องที่ต้องการให้เสด็จแม่เข้าไปดูแล นอกจากนี้ยังต้องเชิญเสด็จอาทั้งสองเข้าไปคอยช่วยเหลือด้วยพ่ะย่ะค่ะ” อย่างไรพระชายาเยี่ยนอ๋องก็ไม่คุ้นเคยกับจินหลิงนัก หลายเรื่องยังต้องให้องค์หญิงหลิงอี๋คอยช่วยเหลือ
องค์หญิงหลิงอี๋และองค์หญิงฉังผิงแน่นอนว่าไม่อาจปฏิเสธ พยักหน้าตอบรับโดยพร้อมเพรียง
พระชายาเยี่ยนอ๋องจึงพยักหน้าลง “ในเมื่อท่านอ๋องคิดดีแล้วก็เอาตามนั้นเถิด” มองหนานกงมั่วที่อยู่ด้านข้าง พระชายาเยี่ยนอ๋องเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “จวินเอ๋อร์ หากเป็นเช่นนี้ ข้าคงต้องขอยืมอู๋สยาจากเจ้าแล้ว” หนานกงมั่วรีบบอกปัด “เสด็จแม่ล้อเล่นแล้วเพคะ มีเสด็จแม่และเสด็จอาทั้งสองอยู่ไหนเลยหม่อมฉันจะจำเป็น”
พระชายาเยี่ยนอ๋องยิ้ม เอ่ย “ความสามารถของเจ้าข้ารู้ดี เรื่องเหล่านี้พวกเราไม่มีผู้ใดเคยทำ มีคนมากสักหน่อยคงจะดีกว่า สถานการณ์ในยามนี้ พวกเราเองก็ไม่อาจคาดหวังจากไทเฮาและฮองเฮาที่อยู่ในวังหลวงได้ ดังนั้นคงต้องรบกวนเจ้าแล้วอู๋สยา” หากเป็นการขึ้นครองบัลลังก์ปกติ เรื่องในวังหลังและเรื่องเหล่าสตรีล้วนเป็นหน้าที่ของไทเฮา แต่ว่าพวกเขาในตอนนี้ ต่อให้ไทเฮาและฮองเฮาไมได้มีความคิดร้ายกาจ แต่เจ้าจะวางใจได้จริงหรือ มิสู้ตัดไฟตั้งแต่ต้นลมไม่ดีกว่าหรือ
หนานกงมั่วหันไปหาเว่ยจวินมั่ว เว่ยจวินมั่วพยักหน้าบ่งบอกว่าไม่เป็นไร
หนานกงมั่วจึงพยักหน้าตอบรับ “เสด็จแม่เอ่ยเช่นนี้ อู๋สยาจะไปช่วยเป็นลูกมือให้กับผู้อาวุโสทั้งสามด้วยเพคะ”
พระชายาเยี่ยนอ๋องยิ้ม เอ่ย “เจ้าเด็กคนนี้…ช่างเถิด สองวันนี้เกรงว่าใครก็คงไม่อาจผ่อนคลายได้ ข้าไม่ยื้อพวกเจ้าไว้แล้ว”
ทุกคนมองเข้าใจความหมาย ค่อยๆ ทยอยขอตัวลาไป
พระชายาเยี่ยนอ๋องส่งผู้คนออกไป ในห้องโถงเหลือเพียงคังเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างพระชายาเยี่ยนอ๋อง เด็กอายุสามขวบ กะพริบดวงตากลมโตที่คลายกับเซียวเชียนจย่งมองไปยังพระชายาเยี่ยนอ๋อง “เสด็จย่า”
พระชายาเยี่ยนอ๋องลูบใบหน้าเล็กของหลานชาย ถอนหายใจออกมาเบาๆ “เรื่องหลังจากนี้ยังมีอีกมาก เสด็จย่าเจ็ดของเจ้าเอ่ยไม่ผิด หากเป็นเพียงเด็กก็คงดี ลุงทั้งสองและพ่อของเจ้า ตอนเด็กนั้นว่านอนสอนง่ายนัก”
คังเอ๋อร์ใบหน้าฉงน “ท่านพ่อ”
“ใช่แล้ว พ่อของเจ้า” พระชายาเยี่ยนอ๋องยิ้มบาง เอ่ย “คังเอ๋อร์ต้องเติบโตมาอย่างดี แข็งแกร่งอย่างพ่อของเจ้า”
“ท่านพ่อ คังเอ๋อร์จะแข็งแกร่ง”
[1] ยามเจิ้ง คือช่วงเวลากลางวัน เที่ยงตรง
Comments