หมอหญิงยอดมือสังหาร 1144 น้องชาย น้องสาว(1)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 1144 น้องชาย น้องสาว(1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1144 น้องชาย น้องสาว(1)

ฟังคำของไต้ซือเหลี่ยวหราน หนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วมองสบตากันเนิ่นนานไร้ซึ่งคำพูด ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่กงอวี้เฉินทำ หนานกงมั่วเอ่ยด้วยความสงสัย “กงอวี้เฉินจับไต้ซือขังเอาไว้ที่สำนักหอธาราหรือ”

ไต้ซือเหลี่ยวหรานพยักหน้า เอ่ย “อายุของสำนักหอธาราไม่ได้น้อยไปกว่าช่วงเวลาที่เป่ยหยวนบุกเข้ามายึดครองจงหยวน แต่เดิมนั้นเจ้าสำนักหอธาราล้วนมีแต่สตรี สำนักปรัชญาขงจื๊อดูถูกสตรี ยุทธภพเองก็ให้ความสำคัญกับบุรุษ แม้สำนักหอธาราจะยึดครองพื้นที่ใต้ดิน แต่ก็ไม่อาจรุ่งเรืองขึ้นมาได้ กระทั่งหลายสิบปีก่อนเจ้าสำนักหอธาราผู้หนึ่งกลายเป็นพระชายาขององค์รัชทายาทเป่ยหยวน ทำให้คนสำนักหอธารารู้สึกถึงโอกาสที่จะโผล่หัวขึ้นมาได้ ใครจะรู้…ว่าพระชายาผู้นั้นยังไม่ทันได้กุมอำนาจ เป่ยหยวนกลับล้มลง เพราะเหตุนี้ สำนักหอธาราเองก็ได้รับผลกระทบอย่างมากจึงต้องเก็บตัวไปชั่วระยะ หลังจากพระชายาผู้นั้นกลับมายังสำนักหอธารา แต่พี่สาวฝาแฝดที่กุมอำนาจสำนักหอธาราอยู่ไม่ยินยอม อีกทั้งยังได้เจอกับองค์ชายน้อยแห่งเป่ยหยวนจึงเกิดความคิดขึ้นมา เพียงแต่…องค์ชายน้อยเป่ยหยวนนั้นมีรูปร่างหน้าตาคล้ายองครัชทายาทแห่งเป่ยหยวนมาก อายุไม่น้อยทว่าความสามารถกลับธรรมดา เจ้าสำนักหอธาราผู้นั้นวางแผนมาเนิ่นนาน กระทั่งหลายปีหลังจากนั้นจึงโยนหลานชายที่เพิ่งเกิดของตนไปทิ้งเอาไว้ที่หน้าประตูวัดต้ากวงหมิง

หนานกงมั่วขมวดคิ้ว “นางมั่นใจได้อย่างไรว่าเมื่อเนี่ยนหย่วนโตแล้วจะร้ายกาจอย่างแน่นอนเจ้าคะ”

ไต้ซือเหลี่ยวหลานส่ายศีรษะ “ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางคิดอย่างไร เพียงแต่…แผนการที่แท้จริงของนางได้เริ่มต้นเมื่อเนี่ยนหย่วนอายุครบแปดขวบกระมัง เมื่อครั้งเนี่ยนหย่วนอายุครบเก้าขวบ นางก็ส่งบุตรสาวเพียงคนเดียวขององค์ชายน้อยเป่ยหยวนไปให้จังติ้งฟัง”

หนานกงมั่วถอนหายใจ “คนสำนักหอธารานั้น…”

ไต้ซือเหลี่ยวหรานยกมือขึ้นพนม เอ่ยเสียงเบา “ตายหมดแล้ว”

“ตายหรือเจ้าคะ”

เหลี่ยวหรานเอ่ย “เป็นบาปแล้ว เมื่อครั้งนั้นอาตมารู้ความจริงก็รีบบอกกับเนี่ยนหย่วน หวังว่าจะดึงเขากลับคืนมาได้ แต่ไม่คิดว่า…เขาขอให้อาตมาไปเผชิญหน้ากับเจ้าสำนักหอธาราทั้งสอง ทว่าไม่ได้ยอมให้ผู้ใดเอ่ยวาจาก็สังหารเจ้าสำนักหอธาราทั้งสองรวมไปถึงองค์ชายน้อยด้วย อาตมาเพิ่งมารู้ว่าความจริงเขาได้กุมอำนาจสำนักหอธาราแบบลับๆ เอาไว้เกือบแปดส่วนแล้ว บางทีอาตมาอาจไม่จำเป็นต้องเอ่ย เขาคงรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว”

ไม่คิดว่ากงอวี้เฉินจะยังมีความเป็นคน อย่างน้อยก็ไม่สังหารไต้ซือเหลี่ยวหรานไปด้วย

ไต้ซือเหลี่ยวหรานเอ่ยจบ เงยหน้าขึ้นมามองทั้งสองแล้วจึงเอ่ย “อาตมารู้ว่าคงมีเวลาอีกไม่มาก วันนี้ถึงได้เชิญท่านทั้งสองมา เพียงอยากเล่าเรื่องนี้ให้ท่านทั้งสองฟังอย่างชัดเจน” หนานกงมั่วอยากเอ่ยบางสิ่งบางอย่าง ไต้ซือเหลี่ยวหรานยกมือขึ้นห้าม เอ่ย “เนี่ยนหย่วนเป็นเช่นนี้ เป็นเพราะอาตมาอบรมสั่งสอนไม่ดี อีกทั้งไม่อาจห้ามเขาเอาไว้ได้ ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับคนในวัดต้ากวงหมิง พุทธศาสนามีเมตตา ขอท่านอ๋องและพระชายาเห็นแก่ผู้คนในวัดที่มีใจฝักใฝ่ในพระพุทธศาสนา อย่าให้เหล่าพระในวัดต้องลำบากไปด้วยเลย”

หนานกงมั่วหันไปมองเว่ยจวินมั่ว เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “หากไม่เกี่ยวข้องกับวัดต้ากวงหมิงจริง แน่นอนว่าคนบริสุทธิ์จะไม่ลำบากไปด้วย”

“ขอบพระคุณท่านอ๋อง” ใบหน้าของไต้ซือเหลี่ยวหรานมีรอยยิ้มขึ้นมา เอ่ย “ลำบากท่านทั้งสองแล้ว อาตมาคงไม่รบกวนเวลาท่านทั้งสองอีกแล้ว”

หนานกงมั่วทั้งสองลุกขึ้นกล่าวลา เดินออกมาจากอุโบสถและหันกลับไปมอง มองเห็นเพียงไต้ซือเหลี่ยวหรานในชุดสีเทากำลังหลับตาลง นั่งสวดมนต์อย่างนิ่งสงบอยู่ตรงนั้น

“ท่านอ๋อง พระชายา”

ไต้ซือคงหรูเห็นทั้งสองออกมาแล้วจึงเข้ามาต้อนรับ หนานกงมั่วพยักหน้าเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ลำบากไต้ซือต้องรอนานแล้ว”

ไต้ซือคงหรูส่ายศีรษะ “ได้อย่างไร อาตมาจะไปส่งท่านทั้งสอง”

“ขอบคุณมาก”

คงหรูไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เดินไปส่งทั้งสองออกจากที่ห่างไกลแห่งนี้ กระทั่งไปถึงบริเวณใกล้พระอุโบสถใหญ่จึงได้เอ่ยลาทั้งสองคน ไม่ได้เอ่ยขอร้องหรืออ้อนวอนในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ของวัดต้ากวงหมิงในยามนี้แต่อย่างใด เจ้าอาวาสผู้นี้ที่ถูกอาจารย์อาที่อายุน้อยอย่างเนี่ยนหย่วนกดเอาไว้ สมแล้วที่ไต้ซือเหลี่ยวหรานยินยอมให้เขารับตำแหน่งเจ้าอาวาสด้วยความเต็มใจ แม้ไม่มีชื่อเสียงที่โด่งดังอย่างเนี่ยนหย่วน แต่กลับรักษาความมั่นคงให้กับวัดต้ากวงหมิงได้ในยามที่เนี่ยนหย่วนทำให้วัดต้องยุ่งเหยิง พระผู้ใหญ่ในพระพุทธศาสนามีความประพฤติดีและความอดทนอดกลั้นอยู่ในตัว

เดิมทีทั้งสองนั้นออกมาสงบจิตสงบใจ การมาฟังสิ่งที่ไต้ซือเหลี่ยวหรานเอ่ยนั้นเป็นเพียงความบังเอิญ อย่างไรกงอวี้เฉินก็ไปยังเป่ยหยวนแล้ว ในระยะนี้ก็ไม่อาจทำอันใดเขาได้ สำนักหอธาราเองก็ล่มสลายไปแล้ว ดังนั้นเรื่องเหล่านี้จึงไม่ได้มีผลต่อจิตใจของคนทั้งสองนัก

“หากคนเป่ยหยวนรู้ชาติกำเนิดของกงอวี้เฉิน จะเป็นอย่างไร” หนานกงมั่วสงสัย

คนเป่ยหยวนต่อต้านคนจงหยวนนั้นแน่นอน กงอวี้เฉินมีที่ยืนในเป่ยหยวนนั่นเพราะเหตุผลที่ว่าเขามีเลือดเนื้อเชื้อไขของเชื้อพระวงศ์เป่ยหยวน แต่หากเขาเป็นคนจงหยวนเล่า

เว่ยจวินมั่วส่ายศีรษะ “ตอนนี้ยังเร็วไป”

“ท่านหมายถึง” หนานกงมั่วเลิกคิ้ว “หากกงอวี้เฉินยืนได้มั่นคงในเป่ยหยวน ต่อให้เราเปิดโปงเรื่องชาติกำเนิดของเขา เกรงว่าคงไม่มีใครทำอันใดเขาได้กระมัง”

เว่ยจวินมั่วส่ายศีรษะ “เป่ยหยวนไม่เหมือนจงหยวน ต่อให้เป็นตอนที่เป่ยหยวนบุกยึดรวบรวมจงหยวน อำนาจทั้งหมดก็ไม่ไปรวมอยู่ที่ราชสำนักอย่างเดียว อำนาจทั้งหมดยังอยู่ในมือเผ่าต่างๆ หากไม่มีอันใดพวกเขาจะเต็มใจร่วมมือกันต่อสู้กับจงหยวน แต่หากเกิดปัญหาขึ้นภายในก็จะแยกตัวออกทันที กงอวี้เฉินเก่งกาจเพียงใด คิดจะกุมอำนาจทั้งหมดเอาไว้ก็เป็นไปได้ยาก ยิ่งไปกว่านั้นเขาเป็นคนที่มาจากภายนอก”

หนานกงมั่วครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ สุดท้ายจึงพยักหน้าเห็นด้วยกับเว่ยจวินมั่ว กงอวี้เฉินเป็นคนที่มาจากภายนอก นั่นบ่งบอกได้ว่าเส้นทางที่เขาต้องเดินลำบากกว่าคนอื่นหลายเท่า คนเป่ยหยวนเพียงดูหยาบกระด้าง ไม่ใช่ไม่มีสมองแม้เพียงนิด เกรงว่าในอนาคตไม่กี่ปีข้างหน้า ชีวิตของกงอวี้เฉินคงไม่สงบเท่าเมื่อครั้งอยู่ในจงหยวนกระทั่งอาจจะอันตรายยิ่งกว่า เพียงแต่ในเมื่อกงอวี้เฉินเลือกด้วยตนเอง คิดว่าเขาคงไม่เสียใจ

ยามเย็น ยามที่ทั้งสองเตรียมตัวกลับเข้าเมือง เพิ่งเดินลงมาถึงตีนเขา วัดต้ากวงหมิงบนยอดเขากลับมีเสียงระฆังดังขึ้นหนักๆ หนานกงมั่วขมวดคิ้วพลางเอ่ย “ไยวัดจึงยังตีระฆังในเวลาเย็นเช่นนี้เล่า”

ว่ากันว่าเช้าลั่นระฆังเย็นตีกลอง ยิ่งไปกว่านั้นเวลานี้ไม่ถูกนัก

เว่ยจวินมั่วขมวดคิ้วเบาๆ เอ่ย “ในวัดมีพระผู้ใหญ่มรณะภาพแล้ว”

หนานกงมั่วถอนหายใจ นิ่งเงียบไป

เพิ่งกลับมาถึงจวนองค์หญิง พลันเผชิญกับสายตาแง่งอนของบุตรชายบุตรสาว หนานกงมั่วรู้สึกผิดขึ้นมา “อานอาน เยาเยา กินข้าวเย็นแล้วหรือ”

เยาเยายู่ปากเล็ก “ท่านแม่กับท่านพ่อออกไปเที่ยวเล่น ไม่เอาเยาเยากับพี่ชายไปด้วย”

อานอานกะพริบตา พยักหน้าตอบรับภายใต้สายตาข่มขู่ของน้องสาว “ท่านแม่กับท่านพ่อไปวัดต้ากวงหมิงหรือ”

หนานกงมั่วเลิกคิ้ว “อานอานรู้ได้เช่นไร”

อานอานเอ่ย “บนตัวของท่านแม่มีกลิ่นธูปขอรับ” เมื่อครั้งอยู่เฉินโจวเด็กทั้งสองไปจุดธูปไหว้พระกับองค์หญิงฉังผิงบ่อยครั้ง แน่นอนว่าคุ้นเคยกับกลิ่นนี้ดี

“อานอานฉลาดจริงๆ” หนานกงมั่วก้มลงไปลูบศีรษะเล็กของบุตรชายพร้อมเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *