หมอหญิงยอดมือสังหาร 1161 ผู้ชม (2)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 1161 ผู้ชม (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1161 ผู้ชม (2)

“คงจะว่างเกินไปแล้ว” เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเรียบ ฝ่ายตรวจการทำงานอย่างหนักในการตรวจสอบมิใช่หรือ มีปัญหาต้องร้องเรียน ไม่มีปัญหาสร้างปัญหาขึ้นมาและร้องเรียน หากคนที่ไม่มีปัญหาให้ร้องเรียน จะไม่ทำให้พวกเขาสูญเสียความหมายของการมีตัวตนอยู่หรอกหรือ

“หืม” ฮ่องเต้ไท่ชูเลิกคิ้ว มองบุตรชายที่ยืนมั่นคงอยู่ตรงหน้า “เจ้ามีวิธีการอย่างไร”

เว่ยจวินมั่วเอ่ย “ต้องส่งคนไปปลอบโยนเหล่าทหารบาดเจ็บล้มตายมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ เพื่อไม่ให้มีเจ้าหน้ารับสินบน ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นรังแกผู้ใต้บังคับบัญชา มิสู้ส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจการออกไปด้วยเล่า”

ฮ่องเต้ไท่ชูพยักหน้า คนพวกนี้อยู่ในจินหลิงก็น่ารำคาญ โยนออกไปก็ดีเหมือนกัน เพียงแต่… “หากพวกเขาร้องเรียนเหลวไหลเพื่อทำผลงานเล่า ทำให้เกิดความเข้าใจผิด ขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ จะทำเช่นไรดี”

คุณชายเว่ยเอ่ยเสียงเรียบ “ส่งคนจากฝ่ายตรวจการจี่ซื่อจงหกแขนง[1] รวมถึงสำนักศึกษาฮั่นหลิน ตรวจสอบซึ่งกันและกัน ถ่วงสมดุลอำนาจกันและกันก็พอแล้วพ่ะย่ะค่ะ” แม้สำนักตรวจการและจี่ซื่อจงหกแขนงต่างก็มีหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของขุนนาง แม้จะเป็นผู้ศึกษาเล่าเรียนเหมือนกัน แต่ต่างฝ่ายต่างมีความรู้สึกต่อต้านและแข่งขันซึ่งกันและกัน คนของสำนักศึกษาฮั่นหลินยิ่งทำตัวสูงส่ง ไม่สมรู้ร่วมคิดกับใคร คนพวกนี้ออกไปด้วยกันจะมีเพียงรับผิดชอบการตรวจสอบไม่แทรกแซงงานราชการแผ่นดิน คิดว่าคงไม่อาจสร้างปัญหาใหญ่ได้

ฮ่องเต้ไท่ซูพยักหน้าพึงพอใจ เอ่ย “เจ้าช่างมีความคิดรอบคอบ เอาตามนี้เถิด” สถานที่ที่จำเป็นไม่น้อย เช่นนี้แล้วอย่างน้อยก็จะได้โยนปัญญาชนคร่ำครึว่างงานไม่มีอันใดทำพวกนี้ออกไปทั้งหมด

เว่ยจวินมั่วเองก็รู้สึกพึงพอใจ พยักหน้านิ่งๆ

ไม่นานฮ่องเต้ไท่ชูก็ย้อนกลับมาหัวข้อเดิม “ข้ายกหย่งเฉิงให้แต่งกับหนานกงชวี่เพราะเห็นความสำคัญของเขา เจ้าลองว่ามาไยอู๋สยาจึงไม่เห็นด้วย”

“ไม่เหมาะสม” เว่ยจวินมั่วขมวดคิ้ว เห็นชัดว่าไม่พอใจที่ฮ่องเต้พยายามเอาเรื่องที่เป็นเรื่องเรือนหลังมาคุยกับเขา

“ไม่เหมาะสมอย่างไร” ฮ่องเต้ไท่ชูเอ่ยถาม”

เว่ยจวินมั่วเอ่ย “ฐานะของหย่งเฉิงไม่เหมาะสม” คนที่อยากแต่งงานกับองค์หญิงนั้นมีไม่น้อย เป็นราชบุตรเขยเรียกได้ว่าบรรลุผลในชั่วข้ามคืน แต่คนที่มีความทะเยอทะยานกลับต่อสู้ดิ้นรนไม่คิดสนใจวิธีนี้ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงหนานกงชวี่ หนานกงชวี่เป็นพี่ชายแท้ๆ ของพระชายาฉู่อ๋อง หากยังแต่งกับองค์หญิง ยิ่งมีฐานะสูงส่งขึ้นไปอีก แต่ก็ทำให้อ่อนไหวมากขึ้น นอกเสียจากว่านับจากนี้ไปเขาเตรียมพร้อมจะเกษียณแล้ว

คิดมาถึงตรงนี้ เว่ยจวินมั่วกลับมองไปยังฮ่องเต้ไท่ชูด้วยความประหลาดใจ ฮ่องเต้ไท่ชูเอ่ยอย่างหงุดหงิด “คิดเหลวไหล ข้าไม่ได้มีงานอดิเรกใช้งานเสร็จแล้วสังหารทิ้ง” หนานกงชวี่ยังหนุ่ม ทักษะการรบไม่เลว เป็นแม่ทัพที่โดดเด่นสืบทอดต่อจากเฉินอวี้เหล่านั้นได้ในอนาคต อย่างน้อยก็เป็นวัวเป็นม้าให้ต้าเซี่ยไปได้อีกกว่าสามสิบปี อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์กับหนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่ว ยิ่งไม่ต้องกลัวว่าเขาจะเกิดความคิดไม่ภักดีแต่อย่างใด ปลอดภัยที่สุดแล้ว คิดเช่นนี้ฮ่องเต้ไท่ชูจึงเริ่มรู้สึกว่าก่อนหน้านี้ที่ตนคิดจะพระราชทานสมรสแก่หนานกงชวี่นั้นไม่ถูกต้องนัก โบกปัดมือพลางเอ่ย “ช่างเถิด ในเมื่ออู๋สยาคิดว่าแม่นางตระกูลเซวียไม่เลวก็ให้คนไปสู่ขอเถิด เดี๋ยวข้าจะให้ฮองเฮาพระราชทานสิ่งของเป็นสินเจ้าสาวแก่สตรีตระกูลเซวีย ตอนนั้น…พวกเราผิดต่อตระกูลเซวียแล้ว”

หากตอนนั้นเฉินซื่อไม่ได้ทำลายการแต่งงานของตระกูลเซวียและเซียวเชียนเหว่ย คุณหนูใหญ่ตระกูลเซวียก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนแต่งออกไปเช่นนั้น แต่เมื่อเทียบตำแหน่งฐานะตระกูลเซวีย อย่างไรก็ไม่ยุติธรรมแล้ว

เว่ยจวินมั่วพยักหน้าไม่ตอบรับไม่ปฏิเสธ องครักษ์คนหนึ่งพลันวิ่งเข้ามาจากด้านนอกอย่างรีบร้อน ยื่นจดหมายปิดผนึกฉบับหนึ่งไปตรงหน้าฮ่องเต้ไท่ชู

ฮ่องเต้ไท่ชูเปิดอ่าน ใบหน้าทะมึนคิ้วคมเลิกขึ้นมีรอยยิ้มเย็นยะเยือกปรากฏ เอ่ย “มาดู”

เว่ยจวินมั่วจำต้องเดินเข้าไปดู กวาดตามองจดหมายที่คลี่ทิ้งไว้บนโต๊ะ แปลกใจเล็กน้อย “โจวเซียงหรือ”

ฮ่องเต้ไท่ชูยิ้มเย็น “ตาเฒ่านั้นคิดจะทำอันใดกันแน่ เลี้ยงใครสักคนขึ้นมาต่อสู้กับข้าหรือสร้างความบาดหมางของพี่น้อง แก้แค้นแทนเซียวเชียนเยี่ยหรืออย่างไร เขาคิดว่าตนเองเป็นจางเหลียงเซียวเหอ[2]หรือว่าจูกัดเหลียงกันเล่า”

ในจดหมายตรงหน้าเขียนถึงโจวเซียงที่ลอบติดต่อกับเจิ้งอ๋อง แม้ไม่ได้เขียนชัดเจนว่าในจดหมายของโจวเซียงที่ส่งให้เจิ้งอ๋องนั้นมีเนื้อหาอย่างไร แต่ในเวลานี้โจวเซียงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นขุนนางที่จงรักภักดีต่อเซียวเชียนเยี่ยกำลังทำดีต่อเซียวเชียนเหว่ย จะมีจุดมุ่งหมายที่ดีได้หรือ

เว่ยจวินมั่วกลับไม่สนใจ ฮ่องเต้ไท่ชูปรายตามองเขา “เจ้าไม่คิดจะเอ่ยอันใดสักนิดหรือ”

เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “โจวเซียงอายุมากเพียงนี้แล้ว จะพลิกอะไรออกมาได้” ตอนนี้ยังไม่สังหารโจวเซียงเพราะชื่อเสียงของฮ่องเต้ไท่ชู และเพื่อเอาใจขุนนางที่ยังภักดีต่อเซียวเชียนเยี่ย แต่รอเวลานานไป ต่อให้โจวเซียงเป็นอะไรไปแล้วจะมีใครกล้าเอ่ยสิ่งใดได้ อย่างไรก็เป็นชายชราอายุปูนนี้แล้ว

ฮ่องเต้ไท่ชูพยักหน้า เขาไม่ร้อนใจก็เพราะเหตุนี้ เอ่ยความจริงว่าเขาไม่เคยเห็นโจวเซียงอยู่ในสายตา คนที่ทำให้เขาโกรธไม่ใช่โจวเซียงทว่าเป็นเซียวเชียนเหว่ย

ฮ่องเต้ไท่ชูโยนจดหมายทิ้งไปอย่างหงุดหงิด เอ่ยเสียงเย็น “ช่างเถิด ให้ข้าได้เห็นและเขาเองได้เห็น เขามีความสามารถอันใด” หากเซียวเชียนเหว่ยมีความสามารถเกลี้ยกล่อมโจวเซียง เช่นนั้นเขาจะถือเสียว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น แต่ว่า…ตามที่ฮ่องเต้ไท่ชูรู้จักโจวเซียงและเซียวเชียนเหว่ย เกรงว่าเซียวเชียนเหว่ยคงไม่มีความสามารถนั้น มองคนที่ยืนใบหน้าเรียบนิ่งอยู่ด้านข้างอีกครั้ง คนที่มีความสามารถนี้กลับไม่คิดสนใจโจวเซียง ช่างเถิด อย่างไรเขาก็ไม่ถูกตากับตาเฒ่านั่น หากต้องนับถือตาเฒ่าผู้นั้น นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาต้องยอมรับตาเฒ่านั่นไปจนวันดับสิ้นของชีวิตเลยหรือ

เว่ยจวินมั่วขมวดคิ้ว สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด

เซียวเชียนเหว่ยทำเรื่องเหล่านี้เพื่อสิ่งใด แน่นอนว่าเว่ยจวินมั่วรู้ดี แต่ต่อให้ในใจมีความคิดอย่างไรเขาก็ไม่อาจเอ่ยได้ นับแต่โบราณมาจนถึงปัจจุบัน เงินทองและอำนาจนั้นเพียงพอให้คนบ้าคลั่ง เซียวเชียนเหว่ยยังไม่ถึงขั้นนั้น เขาเพียงไม่ยินยอม บางทีอาจบอกว่าต้องการมากเกินไปเท่านั้น และในสายตาของเซียวเชียนเหว่ย เกรงว่าคงมั่นใจไปแล้วว่าฮ่องเต้ไท่ชูคงจะยกบัลลังก์ให้เว่ยจวินมั่วสืบทอดต่อ ดังนั้นเขาต้องแย่งชิง แต่เว่ยจวินมั่วเห็นว่าต่อให้ตอนนี้ฮ่องเต้ไท่ชูจะให้ความสำคัญและเชื่อมั่นในตัวเขา แต่ความจริงในใจพระองค์ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะต้องยกบัลลังก์ให้เว่ยจวินมั่ว ไม่มีฮ่องเต้พระองค์ใด เพิ่งขึ้นครองบัลลังก์ก็คิดว่าหากตนเองตายแล้วจะยกบัลลังก์ให้ใครอย่างแน่นอน

ไม่ใช่เซียวเชียนเหว่ยไม่สามารถแย่งชิง แต่เขาคิดเร็วเกินไป เตรียมการล่วงหน้ามิใช่จะดีกับทุกเรื่อง ตอนนี้สิ่งที่เซียวเชียนเหว่ยควรเรียนรู้คือการเป็นองค์ชาย ไม่ใช่ยังยืนไม่มั่นคงก็เริ่มที่จะเรียนรู้การสืบทอดบัลลังก์

[1] จี่ซื่อจงหกแขนง หน่วยงานอิสระไม่ขึ้นตรงกับใคร ทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของทั้ง 6 กรม คือกรมขุนนาง กรมคลัง กรมธรรมการ กรมทหาร กรมอาญา

[2] จางเหลียงและเซียวเหอ คือวีรบุรุษนักยุทธศาสตร์ผู้ร่วมก่อตั้งราชวงศ์ฮั่นตะวันตก

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *