หมอหญิงยอดมือสังหาร 1182 การร้องขอที่ไม่เหมาะสม

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 1182 การร้องขอที่ไม่เหมาะสม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1182 การร้องขอที่ไม่เหมาะสม

หนานกงมั่วยืนอยู่ริมทะเลสาบ หันหลังให้กับซูฮูหยินที่เดินตามมา ก่อนจะเอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า “ไม่รู้ว่าซูฮูหยินมาหาข้ามีเรื่องอันใด”

ยามนี้ซูฮูหยินจัดการกับอารมณ์เรียบร้อยแล้ว เดินมาอยู่ด้านข้างหนานกงมั่ว ยิ้มพลางเอ่ย “ได้ยินมานานว่าซิงเฉิงจวิ้นจู่ฉลาดปราดเปรื่อง ความรู้ความสามารถมิได้ด้อยกว่าบุรุษ เพียงน่าเสียดาย ไม่ได้คบค้าสมาคม หลายวันก่อนได้พบ สมคำร่ำลือจริงๆ”

หนานกงมั่วยิ้มบาง เอ่ย “ฮูหยินชมเกินไปแล้ว จินหลิงมีผู้มีชื่อเสียงมากมาย หนานกงมั่วมิได้มีชื่อเสียงอันใด ไม่สมกับคำชื่นชมของฮูหยิน”

ซูฮูหยินเอ่ย “พระชายาถ่อมตนเกินไปแล้ว หม่อมฉันมีบุตรสาวเพียงคนเดียว น่าเสียดายเด็กคนนี้ไม่ได้ความ หากได้สักครึ่งของพระชายา หม่อมฉันคงพอใจแล้ว” ระหว่างที่เอ่ยซูฮูหยินก็ดึงบุตรสาวของตนเองขึ้นมา เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นี่คือบุตรีของหม่อมฉัน นามว่าซูหย่า หย่าเอ๋อร์ ถวายพระพรพระชายาสิ”

เด็กสาวคนนั้นยืนอยู่ตรงหน้าของหนานกงมั่ว ย่อตัวลง “หย่าเอ๋อร์ถวายพระพรพระชายา”

หนานกงมั่วสะบัดแขนเสื้อเบาๆ “คุณหนูซูไม่ต้องมากพิธี ไม่รู้ว่าซูฮูหยิน…” ซูฮูหยินรีบเอ่ยขึ้นมาก่อนที่หนานกงมั่วจะเอ่ยจบประโยค “บุตรสาวผู้นี้ของข้าแม้ไม่ได้มีความสามารถมากมาย ทว่าฉิน หมาก อักษร วาดภาพต่างๆ ล้วนมีความสามารถ เพียงแต่อย่างไรนางก็ไม่อาจเทียบความปราดเปรื่องของพระชายาได้ หากได้รับการสั่งสอนจากพระชายาคงนับว่าเป็นวาสนาของนาง”

หนานกงมั่วแทบอยากหัวเราะ ซูฮูหยินผู้นี้คิดว่านางเป็นคนที่เอ่ยยกยอเพียงไม่กี่ประโยคก็จะหลงมัวเมาไปกับคำชมอย่างนั้นหรือ ต่อให้เป็นเช่นนี้ คนที่ยกยอนางก็ต้องมีฐานะที่เพียงพอถึงจะได้ ในอดีตก็เคยมีสตรีในห้องหอที่ถูกส่งไปรับการสั่งสอนจากฮูหยินผู้สูงศักดิ์ ปกตินั่นเป็นเพราะแม่นางผู้นั้นฐานะต่ำต้อย แต่ว่ามีความสามารถโดดเด่นเหนือผู้คน เป็นที่รักของผู้ใหญ่ ส่งไปอยู่กับสตรีสูงศักดิ์อย่างเช่นพระชายาจวิ้นอ๋องหรือฮูหยินอย่างฮูหยินตระกูลเซี่ยเช่นนั้นเพื่อให้เลี้ยงดูในช่วงระยะเวลาหนึ่ง นับเป็นเกียรติและประวัติที่ต่อไปแต่งงานจะได้ยกฐานะขึ้นมาบ้าง แต่ว่า…แม้จะไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นผู้อาวุโส อย่างน้อยคนที่รับดูแลก็ต้องมีอายุห่างนับสิบปีหรือเป็นสตรีวัยกลางคนมิใช่หรือ ส่งบุตรสาวมาให้นาง หากไม่รู้ยังคิดว่าจะส่งสาวงามไปให้เว่ยจวินมั่วเสียอีก

รอยยิ้มบนใบหน้าของหนานกงมั่วจางลงเล็กน้อย “ฮูหยินล้อเล่นแล้ว หนานกงมั่วไหนเลยจะมีคุณธรรมความสามารถสั่งสอนบุตรีของท่านได้”

ซูฮูหยินขมวดคิ้วเบาๆ “พระชายาไม่ชอบบุตรีของหม่อมฉันหรือเพคะ”

ก็ใช่น่ะสิ หนานกงมั่วลอบก่นด่าอยู่ในใจ ใบหน้ากลับไม่เปลี่ยนแปลง เพียงเอ่ยตอบ “ฮูหยินล้อเล่นแล้ว เพียงไม่เหมาะสมเท่านั้น อีกทั้งข้ามองว่าบุตรสาวของท่านอายุสิบแปดแล้วกระมัง อายุเท่านี้ฮูหยินควรสั่งสอนเรื่องในบ้านในเรือนให้นาง เตรียมตัวออกเรือนถึงจะถูก ไยจึง…หากคนอื่นมอง คงได้เข้าใจผิดเป็นแน่” หนานกงมั่วรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าซูฮูหยินผู้นี้ไม่อาจไว้วางใจได้ หากมีความคิดนี้ ควรจัดการตั้งแต่ซูหย่าอายุได้สิบสองสิบสามแล้ว ถ่วงเวลามาจนถึงยามนี้ไม่เหลวไหลไปหน่อยหรือ เพียงแต่ทั่วทั้งจินหลิงนอกจากตระกูลจ้าวแล้วเกรงว่าคงไม่มีใครยอมรับซูหย่า อีกทั้งนายหญิงของตระกูลจ้าวก็ตายจากไปนานแล้ว ยามนี้ฮูหยินคนใหม่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับซูฮูหยินนัก

หรือว่าซูซื่อคิดว่านางมาใหม่ คิดจะหลอกลวงนางอย่างนั้นหรือ

ได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของซูฮูหยินพลันแดงขึ้นมาเล็กน้อย ดวงตามีแววความโกรธพาดผ่าน “พระชายาเข้าใจผิดแล้ว หม่อมฉันมิได้มีความคิดเช่นนั้น”

หนานกงมั่วเชื่อว่าวาจานี้ซูฮูหยินเอ่ยความจริง นับตั้งแต่นางยอมทิ้งบุตรชายคนโตตระกูลหยางและตำแหน่งว่าที่นายหญิงมาแต่งกับญาติห่างๆ ของตระกูลซู ก็รู้แล้วว่าคนผู้นี้มิได้สนใจอำนาจและชื่อเสียง แน่นอนอาจเป็นเพราะนางไม่เคยขาดอำนาจและชื่อเสียง ในใจของนาง ความรักนั้นสำคัญยิ่งกว่าความร่ำรวยมีอำนาจ แน่นอนว่าไม่ต้องการให้บุตรสาวของตนไปเป็นอนุภรรยาของผู้ใด ต่อให้เป็นชายารองของจวนฉู่อ๋องก็ตาม

บางทีหากการแต่งงานของบุตรชายบุตรสาวไม่ได้ล้มเหลวซ้ำๆ ซูซื่อคงไม่คิดแม้แต่จะมาหานางด้วยซ้ำ

โดยพื้นฐานแล้ว ซูซื่อเป็นสตรีเย่อหยิ่งผู้หนึ่ง เพียงแต่…ไม่รู้ว่าความเย่อหยิ่งของนางจะอยู่ได้นานเพียงใด

หนานกงมั่วถอนหายใจ “แม้แต่ข้ายังเข้าใจผิดได้ ผู้อื่นจะไม่เข้าใจผิดได้เช่นไรกัน ซูฮูหยิน ท่านว่าใช่หรือไม่ ยิ่งไปกว่านั้น ท่านและข้านั้นมิได้คุ้นเคย ไม่มีความสัมพันธ์อันใด ไม่รู้ว่าซูฮูหยินมาหาข้าด้วยฐานะอันใดกัน”

ได้ยินเช่นนั้นซูฮูหยินพลันชะงัก ใบหน้าที่เย็นจัดจากลมหนาวซีดขาวขึ้นมาเล็กน้อย

หนานกงมั่วมองกลับมา มองสำรวจนางเงียบๆ

ซูฮูหยินเองก็เกิดในตระกูลใหญ่ ไยนางจะไม่เข้าใจสิ่งที่หนานกงมั่วเอ่ย หากนางเป็นมารดาของคุณชายเสียนเกอ ต่อให้นางเป็นเพียงคนธรรมดาสวมเสื้อผ้าธรรมดา มาขอร้องหนานกงมั่วเรื่องนี้ไม่นับว่าเสียมารยาทนัก แต่หากนางเป็นเพียงฮูหยินของอาจารย์สำนักศึกษาขั้นห้าคนหนึ่ง นางไม่มีสิทธิ์จะคุยกับพระชายาฉู่อ๋องด้วยซ้ำ

แม้ว่าตัวนางเองมีสิทธิ์นี้ แต่นางจะกล้าเอ่ยออกมาอย่างโจ่งแจ้งต่อหน้าหนานกงมั่วถึงความสัมพันธ์ของนางและเสียนเกอหรือไม่ หากนางไม่เอ่ยถึงความสัมพันธ์นี้ เช่นนั้นจะอาศัยสิ่งใดให้หนานกงมั่วชายตามองนาง มองสตรีรูปโฉมงดงามตรงหน้าที่หัวคิ้วขมวดทว่าแฝงไปด้วยความหนาวเย็นราวกับหิมะ แม้ซูฮูหยินจะสงสัย วันนี้ที่ตนเข้ามาหาอีกฝ่ายนั้นได้พลาดไปแล้วหรือไม่

ซูฮูหยินยังไม่ทันตอบโต้ ซูหย่าที่ยืนอยู่ด้านหลังนางพลันรับไม่ไหว เดินก้าวมาด้านหน้าหนึ่งก้าว จ้องมองหนานกงมั่วอย่างไม่พอใจ เอ่ย “ท่านเป็นพระชายาก็ดีนักหรือ อาศัยอันใดมารังแกคนอื่นเยี่ยงนี้”

หนานกงมั่วขมวดคิ้ว ก่อนจะเลิกคิ้วมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างน่าขัน เอ่ยถาม “ข้ารังแกคนเช่นไรหรือ”

ซูหย่าพูดไม่ออก ทว่าเมื่อเห็นท่าทางคล้ายจะหัวเราะทว่าไม่หัวเราะของหนานกงมั่ว พลันโกรธขึ้นมา กัดฟันพลางเอ่ย “หากท่านไม่รังแกมารดาของข้า มารดาของข้าจะเสียใจเพียงนี้หรือ เรื่องอันใดถึงมาดูถูกกันได้” หนานกงมั่วมองนางเรียบนิ่ง เอ่ย “มารดาของเจ้าเสียใจหรือไม่เกี่ยวอันใดกับข้า นางเอ่ยถึงคำขอ ข้าคิดว่าไม่เหมาะสมจึงปฏิเสธไปก็เท่านั้น หรือว่าในสายตาของคุณหนูซู เพียงปฏิเสธคำขอของมารดาเจ้าก็กลายเป็นรังแกไปแล้วหรือ”

ซูหย่ากัดริมฝีปากบาง เอ่ยอย่างไม่ยอมแพ้ “มารดาของข้าขอร้องท่านด้วยความจริงใจ…”

“นั่นแล้วเยี่ยงไร” หนานกงมั่วเอ่ยขัดคำพูดของนาง “มารดาของเจ้าขอร้องข้าด้วยความจริงใจ ข้าก็ต้องตอบรับอย่างนั้นหรือ เรื่องอะไรกันเล่า”

“เจ้าไม่เห็นพวกข้าอยู่ในสายตา” ซูหย่าเอ่ย

“อืม” หนานกงมั่วพยักหน้าลง “นั่นแล้วอย่างไรหรือ”

ซูหย่าโกรธจนตัวสั่นกับท่าทีเช่นนี้ของนาง แต่หนานกงมั่วสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้เข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในไม่กี่ประโยคก่อนหน้านี้ นางหันกลับไปมองซูฮูหยินที่ราวกับยังไม่ทันได้สติจากการโจมตีเมื่อครู่ แม้จะทำเรื่องเช่นนั้นกับศิษย์พี่เมื่อนานมาแล้ว แต่ซูฮูหยินดูเหมือนจะรักบุตรชายทั้งสองคนและบุตรสาวอีกคนที่นางให้กำเนิดมาทีหลังมากกว่า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สตรีที่เกิดมาจากตระกูลใหญ่ไยจึงสั่งสอนบุตรีจนกลายเป็นเช่นนี้ได้เล่า นี่ไม่ใช่ปัญหาเรื่องการสั่งสอน เป็นเป็นปัญหาเรื่องความฉลาดเสียมากกว่ากระมัง

ความจริงปฏิกิริยาเช่นนี้ของซูหย่าจะโทษซูฮูหยินทั้งหมดไม่ได้ เพราะเรื่องของตระกูลซูและตระกูลหยางในตอนนั้น สามพี่น้องตระกูลซูจึงถูกเลือกปฏิบัติจากคนในจินหลิง ซูฮูหยินและสามีแน่นอนว่ารู้สึกผิดต่อลูกๆ ของตน ยิ่งทะนุถนอมบุตรสาวเพียงคนเดียวมากขึ้นไปอีก ไม่อยากให้นางได้รับความอยุติธรรมแม้เพียงนิด แต่สิ่งที่ควรสั่งสอน ซูฮูหยินนั้นก็สั่งสอนจนหมด เดิมทีแม้ซูหย่าจะไม่ได้เป็นสตรีที่โดดเด่นในจินหลิง อย่างน้อยก็นับว่าเป็นสตรีในห้องหอที่ไม่เลว

เมื่อครั้งยังเด็กสามารถปกป้องได้ทุกอย่าง ทว่าโตขึ้นมาแล้วย่อมแตกต่าง รอจนซูหย่าโตจนสามารถออกไปเข้าร่วมสังคมได้จึงพบว่าไม่มีใครยินดีที่จะเล่นกับนางแม้แต่คนเดียว พยายามออกไปร่วมงานเลี้ยงอยู่หลายครั้ง ต่างก็ได้ยินแต่คนซุบซิบนินทาเรื่องของบิดามารดาของนาง เวลาเนิ่นนานผ่านไป นิสัยของซูหย่าจึงรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อสนทนากับใคร นางก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่าพวกเขาดูถูกนางหรือกำลังหัวเราะเยาะนาง รอจนไม่อาจเชื่อมสัมพันธ์การแต่งงานได้ สถานการณ์ก็ยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก

เดิมทีซูหย่าควรจะโกรธและโทษซูฮูหยิน แต่ไม่เอ่ยไม่ได้ว่าครอบครัวนี้นั้นเป็นครอบครัวที่แปลกประหลาด ชีวิตของใต้เท้าซูมีเพียงซูฮูหยินเป็นภรรยาเพียงคนเดียว ครอบครัวทั้งห้าคนก็ไม่มีคนอื่น สามพี่น้องตระกูลซูถูกสั่งสอนให้เคารพบิดามารดามาตั้งแต่เด็ก ซูหย่าไม่อาจเอาความโกรธแค้นไปลงที่มารดาได้ จำต้องไปลงกับคนนอก ดังนั้นนิสัยจึงยิ่งแปลกประหลาดขึ้นอีก ความจริงซูหย่านั้นมีความคาดหวังต่อหนานกงมั่วมาก ชื่อเสียงของหนานกงมั่วสตรีทั่วทั้งต้าเซี่ยนั่นไม่มีใครเกิน ขอเพียงนางยอมช่วยตน ความยากลำบากของตนก็จะสามารถแก้ไขได้

แต่ว่าหนานกงมั่วกลับปฏิเสธพวกนางอย่างไร้ความเมตตา

“ท่าน”

“หย่าเอ๋อร์” ซูฮูหยินเห็นสถานการณ์ไม่ดี รีบจับซูหย่าที่คิดจะพุ่งเข้าไปเอาไว้ หนานกงมั่วเลิกคิ้ว ถอนหายใจออกมาด้วยความสงสาร แม้มองจากบางมุมซูหย่าจะเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ใครใช้ให้คนต้องแบ่งแยกญาติสนิทมิตรสหายกันเล่า เมื่อเทียบกับศิษย์พี่ที่รู้จักมาสิบกว่าปี ซูหย่าเป็นเพียงคนนอกคนหนึ่งเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นคนที่ไม่ชอบคนนอกเท่าใดนัก บนโลกใบนี้ไหนเลยจะมีคนว่างไม่มีสิ่งใดทำจนต้องไปสงสารแต่คนอื่นเล่า อย่างน้อยก็ไม่ใช่นาง

ไม่ง่ายกว่าจะเกลี้ยกล่อมซูหย่าเอาไว้ได้ ซูฮูหยินเอ่ยเสียงเบา “หย่าเอ๋อร์ แม่มีเรื่องอยากคุยกับพระชายา ที่นี่หนาว เจ้าไปรออยู่ที่นั่นสักครู่เถิด”

ซูหย่ามองหนานกงมั่วอย่างไม่วางใจเล็กน้อย เอ่ย “แต่ว่านาง…

“เชื่อแม่” ซูฮูหยินเอ่ย

ไม่อาจขัดต่อวาจาของมารดาได้ ซูหย่าจำต้องมองหนานกงมั่วเขม็ง ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป

ซูฮูหยินไล่สาวใช้ออกไปด้วย ริมทะเลสาบจึงเหลือเพียงสองคน ความเงียบเข้าปกคลุมชั่วขณะ

เนิ่นนานจากนั้นซูฮูหยินจึงเอ่ยขึ้นมาอย่างจนปัญญา “พระชายา…คิดว่าคงรู้เรื่องของหม่อมฉันเมื่อครั้งนั้นแล้วกระมัง”

หนานกงมั่วเลิกคิ้ว รอซูฮูหยินเอ่ยต่อ ซูฮูหยินเงยหน้าขึ้นมามองไปยังหนานกงมั่ว ใบหน้ามีรอยยิ้มจางๆ เอ่ย “ใครๆ ก็บอกว่าหม่อมฉันผิดไปแล้ว แม้แต่บิดามารดาของหม่อมฉันก็เอ่ยเช่นนี้ มารดาของหม่อมฉันก่อนตายยังไม่ยอมให้อภัยหม่อมฉัน แต่ว่า…หม่อมฉันไม่เสียใจ แต่งงานกับท่านพี่ เป็นการเลือกที่ถูกต้องที่สุดในชีวิตแล้ว พระชายาฉู่อ๋อง ท่านเองก็เป็นสตรี สามีที่มีภรรยามากมาย กับสามีที่ชีวิตนี้มีท่านเพียงคนเดียว ท่านจะเลือกผู้ใดหรือเพคะ”

หนานกงมั่วไม่ตอบ เพียงเอ่ยเสียงเรียบ “ตามที่ข้ารู้ เมื่อครั้งที่ซูฮูหยินไปจากตระกูลหยาง คุณชายหยางผู้นั้น…ยังไม่มีใครอยู่ข้างกาย” ผู้สืบทอดของตระกูลมีกฎของผู้สืบทอด นอกจากคนที่ละเมิดกฎพวกนั้น ส่วนใหญ่ก็ยังคงต้องฟังคำสั่งและกฎของผู้อาวุโส คุณชายเชื้อสายหลักตระกูลหยางผู้นั้น ว่าที่ผู้สืบทอดของตระกูล ก่อนแต่งงานยังไม่มีภรรยารองอยู่ข้างกาย แม้แต่อนุภรรยาสักคนก็ไม่มี สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่นายหญิงของบ้านเป็นคนตัดสินใจหลังจากขึ้นเป็นนายหญิงแล้ว ต่อให้เป็นผู้ใหญ่มอบให้ก็ต้องเป็นหลังจากแต่งภรรยาเข้าเรือนหรือหลังจากมีบุตรชายเชื้อสายหลักไปสักพักแล้วเท่านั้น อย่างไรตระกูลเช่นนี้ก็ย่อมไม่ใช่ครอบครัวธรรมดา ต้องไว้หน้าตระกูลที่เกี่ยวดอง

เมื่อครั้งซูฮูหยินและคุณชายหยางแต่งงานแล้ว คุณชายหยางรักภรรยาของเขาเป็นอย่างมาก บวกกับซูฮูหยินตั้งท้องบุตรชาย ครานั้นนายหญิงตระกูลหยางเองก็ไม่ได้ไม่ชอบลูกสะใภ้หรือคิดจะหาคนมาให้ ดังนั้นก่อนที่ทั้งสองจะหย่ากัน คุณชายหยางผู้นั้นจึงยังไม่มีใครอื่น แน่นอนว่าไม่อาจเอ่ยได้ว่าเป็นความสัมพันธ์ที่แตกหัก เอ่ยมาถึงตรงนี้ คงจะเป็นเพราะซูฮูหยินนั้นอ่านนิยายพวกนั้นมากเกินไปสักหน่อย เมื่อเจอคนที่ชอบแล้วจึงมีจิตใจตั้งมั่น กลับลืมไปว่านางไม่ใช่คุณหนูที่ยังไม่ออกเรือน นางเป็นฮูหยินน้อยของตระกูลหยาง เป็นมารดาของลูกชายคนหนึ่ง

สีหน้าของซูฮูหยินพลันเปลี่ยน กัดฟันเอ่ยว่า “ตอนนั้นไม่มี หลังจากนั้นก็จะไม่มีหรือ ฐานะเช่นนั้นของเขา อย่างไรในอนาคตต้องมีภรรยามากมายอย่างแน่นอน”

หนานกงมั่วนึกขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ไม่ใช่นางอยากเอ่ยแทนคุณชายหยางผู้นั้น แต่สำหรับศิษย์พี่แล้ว ซูฮูหยินเป็นมารดาที่ไร้มโนธรรม ส่วนคนผู้นั้นเองก็ไม่ได้เห็นว่าเป็นบิดาที่เหมาะสม เพียงแต่ตรรกะของนางผู้นี้ช่างน่าขันจนอยากจะร้องไห้

“ซูฮูหยินมั่นใจได้เยี่ยงไรว่าใต้เท้าซูจะมีภรรยามากมาย ได้ยินมาว่าคุณชายหยางผู้นั้นจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่แต่งกับผู้ใด และไม่ได้รับอนุภรรยา หากชีวิตนี้ทั้งชีวิตเขาเป็นเช่นนี้ แต่ซูฮูหยินกลับแต่งงานสามีคนที่สองแล้ว เช่นนั้นไม่ใช่เห็นชัดแล้วว่าคนที่เจ้าชู้โดยนิสัยนั้นไม่ใช่สามีเก่าของท่าน แต่เป็นตัวท่านเอง อย่างไร…ต่อให้เป็นเจ้าหน้าที่ศาลตัดสิน ก็คงไม่มีใครเอาอนาคตมาเป็นมาตรฐานของคำตัดสิน แต่ยึดตามหลักความเป็นจริงของสิ่งที่เกิดขึ้นมิใช่หรือ”

ความจริงก็คือซูฮูหยินคบชู้ และคุณชายหยางตอนนี้ก็ยังคงโสด

แน่นอน หนานกงมั่วไม่สนใจความรักยุ่งเหยิงของหนึ่งหญิงสองชายนี้ หันกลับไปมองสีหน้าของซูฮูหยิน เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “แน่นอน ฮูหยินต้องการไขว่คว้าความรักของตนย่อมไม่มีใครห้ามได้ ในเมื่อท่านมีความคิดเช่นนี้ก็ต้องเตรียมตัวรับในสิ่งที่ตามมา ข้าช่างแปลกใจ ซูฮูหยิน…หลายปีมานี้ ท่านเคยรู้สึกผิดต่อเด็กที่ไม่รู้เรื่องราวคนนั้นสักครั้งหรือไม่”

ได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของซูฮูหยินพลันไม่น่ามองขึ้นมา จ้องมองใบหน้างดงามของหนานกงมั่ว ใบหน้างดงามพลันบิดเบี้ยวขึ้นมา กัดฟันเอ่ย “ท่านรู้หรือ ท่านรู้ได้เยี่ยงไร ท่านรู้เรื่องเหล่านี้ได้เยี่ยงไร เป็นเขา เขาบอกท่านหรือ”

หนานกงมั่วยิ้มเย็น “หากไม่มีมีเขา ท่านมีสิทธิ์อันใดมาเอ่ยสิ่งเหล่านี้อยู่ต่อหน้าข้า อาศัยที่ท่านมีความกล้ากว่าคนอื่นโดยการมีชู้งั้นหรือ”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *