หมอหญิงยอดมือสังหาร 1185 งานอดิเรกพิสดาร

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 1185 งานอดิเรกพิสดาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1185 งานอดิเรกพิสดาร

หนานกงมั่วไม่ได้ตรงไปหอผิงซิน ทว่าตรงไปยังห้องโถงหลักจวนเจิ้งอ๋องที่ใช้ในการรับรองแขกซึ่งกำลังครื้นเครง ยามนี้พระชายารองทั้งสี่ได้ถูกรับเข้ามาทางประตูรองของจวนเจิ้งอ๋องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทว่าไม่มีการเข้าพิธีใดๆ เพียงพาเข้าสู่เรือนที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้แล้วเท่านั้น แขกเหรื่อแม้แต่โอกาสได้เห็นหน้าเจ้าสาวก่อนเข้าหอก็ยังไม่มี งานเลี้ยงเริ่มต้นขึ้น สตรีที่เรือนพักด้านหลังก็ถูกเชิญมายังห้องโถงหลัก ในห้องโถงมีเสียงพุดคุยจอแจขึ้นมา เสียงร้องรำทำเพลงบรรเลงขึ้นอย่างชื่นมื่น

ยามนี้ในเรือนมีแขกเข้านั่งประจำที่ไม่น้อยแล้ว แต่ยังมีคนที่ยังมาไม่ถึง หนานกงมั่วกวาดตามองพบว่าเว่ยจวินมั่วไม่ได้อยู่ในนี้

การปรากฏตัวของหนานกงมั่วพลันดึงความสนใจจากสายตาผู้คนได้เป็นอย่างดี จูชูอวี้เดินเข้ามาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม เอ่ย “หม่อมฉันกำลังจะไปเชิญพี่สะใภ้ ไม่คิดว่าพี่สะใภ้จะออกมาแล้ว เชิญเข้าไปนั่งด้านในเถิดเพคะ”

หนานกงมั่วมองนางด้วยรอยยิ้ม เอ่ย “เป็นข้าที่มาเร็ว”

จูชูอวี้ยิ้มพลางเอ่ย “พี่สะใภ้เอ่ยอันใดกัน มีท่านอยู่ที่นี่ หม่อมฉันและท่านอ๋องก็วางใจ” เซียวเชียนเหว่ยที่กำลังรับแขกอยู่ไม่ไกลมองเห็นจึงพยักหน้าให้แขกและเดินตามเข้ามา “พี่สะใภ้ เชิญเข้าไปนั่งด้านในเถิดขอรับ” หนานกงมั่วหัวเราะมองไปยังทั้งสองที่มีท่าทีเอาใจใส่เป็นที่สุด คิ้วสวยเลิกขึ้น “ขอบคุณมาก”

“พี่สะใภ้เชิญเพคะ” จูชูอวี้เอ่ย

หนานกงมั่วพยักหน้า “วันนี้พวกเจ้าเองก็ไม่ว่าง ไม่ต้องสนใจข้า ข้าจะไปหาจวินมั่ว”

เซียวเชียนเหว่ยชะงัก เอ่ย “พี่ใหญ่หรือ”

หนานกงมั่วกะพริบตาปริบ เอ่ยอย่างไม่เข้าใจ “เป็นอันใดหรือ เหมือนจะไม่เห็นเขา”

เซียวเชียนเหว่ยเอ่ย “ไม่มีอันใดพ่ะย่ะค่ะ เหมือนจะไม่เห็นพี่ใหญ่มาสักพักแล้ว” จูชูอวี้มองไปรอบๆ พยักหน้า เอ่ย “เหมือนจะเป็นเช่นนั้น…มิสู้พี่สะใภ้เข้าไปนั่งรอก่อน พวกเราจะให้คนไปดูให้ดีหรือไม่เพคะ”

หนานกงมั่วดึงนางเอาไว้ เอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด ไม่ต้องรีบร้อนเพียงนี้ ไม่แน่อีกหน่อยเขาคงออกมาเองแล้ว พวกเจ้าไปธุระของพวกเจ้าเถิด แขกเหรื่อมากมายเพียงนี้ ละเลยคงไม่ดี” เป็นแม่งาน เซียวเชียนเหว่ยและจูชูอวี้ไม่อาจละเลยแขกได้ จำต้องพยักหน้าและบอกให้หนานกงมั่วตามสบาย สองสามีภรรยากลับเข้าไปหาแขกในงานอีกครั้ง

ลิ่นฉังเฟิงที่เพิ่งมาจากเรือนด้านหลังย่องเข้ามาใกล้ เอ่ยเสียงเบา “

ลิ่นฉังเฟิงที่เพิ่งมาจากเรือนด้านหลังย่องเข้ามาใกล้ เอ่ยเสียงเบา “แม่นางมั่ว ไยเจ้าจึง…” เร็วเพียงนี้ เห็นอยู่ว่าเขาออกมาก่อนหนานกงมั่ว ใช้เวลาเพียงไม่นาน กลับมาถึงเรือนด้านหน้ากลับเห็นว่าหนานกงมั่วมาอยู่ที่นี่แล้ว

หนานกงมั่วหันกลับไปมองสำรวจเขาหนึ่งรอบ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ส่งเซี่ยสามกลับไปแล้วหรือ” สบเข้ากับสายตาล้อเลียนของหนานกงมั่ว คุณชายฉังเฟิงจึงขยับไปมาอย่างทำตัวไม่ถูก เอ่ย “คำสั่งของพระชายา จะไม่ทำให้ดีที่สุดได้เยี่ยงไร”

“ข้าไม่รู้ว่าคุณชายฉังเฟิงจะลำบากใจเพียงนี้ หากรู้แต่แรก ข้าคงขอร้องชิวหยางเพียงคนเดียว” เจี่ยนชิวหยางเป็นว่าที่ราชบุตรเขยองค์หญิงหย่งเฉิง อีกทั้งยังเป็นแม่ทัพภายใต้การบังคับบัญชาของฉู่อ๋อง หนานกงมั่วรบกวนเขาก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผล คุณชายฉังเฟิงจนใจ จำต้องยกมือขึ้นยอมแพ้ “แม่นางมั่วบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับคุณชายเสียนเกอมิใช่หรือ ไยจึง…”

“เว่ยจวินมั่วไปไหนแล้วเล่า” หนานกงมั่วเอ่ยถาม

ลิ่นฉังเฟิงชะงัก ไม่เห็นเว่ยจวินมั่วจริงๆ “เมื่อครู่ก่อนที่พวกข้าจะออกมาเขายังอยู่นี่นา”

หนานกงมั่วครุ่นคิดอยู่ในใจ เวลาผ่านไปยังไม่ถึงสองเค่อ หากเว่ยจวินมั่วถูกคนวางแผนร้ายใส่ได้ในเวลาเพียงเท่านี้ เช่นนั้นเขาก็สมควรแล้ว

“ข้าจะออกไปสักหน่อย ช่วยข้าขวางสองคนนั้นไว้ด้วย” สายตาของหนานกงมั่วกวาดไปยังเจิ้งอ๋องสองสามีภรรยาชั่วครู่ เอ่ยเสียงเบา

“ไม่มีปัญหา” คุณชายฉังเฟิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มร่า ดวงตาเรียวยาวเต็มไปด้วยความสนุกสนาน

หนานกงมั่วหมุนตัวเดินออกจากประตูไป จูชูอวี้และเซียวเชียนเหว่ยมองเห็นจึงรีบเดินมาทางนี้ เพียงแต่เดินไปได้สองก้าว เซียวเชียนเหว่ยพลันถูกเหอเหวินลี่ที่ลุกขึ้นมากะทันหันเอ่ยพูดคุยกับเขาขวางเอาไว้ ชุดสีแดงเคลื่อนตัวรวดเร็วมาตรงหน้าของจูชูอวี้ คุณชายฉังเฟิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มหวาน “พระชายาเจิ้งอ๋อง ยินดีด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ”

“…” ต่อให้มีความสามารถในการอดทนอย่างจูชูอวี้ ก็อดก่นด่าในใจไม่ได้ รอยยิ้มนี้ช่างร้ายนัก อยากทุบคนเสียจริง

เพียงชั่วครู่ ร่างของหนานกงมั่วก็หายออกไปจากหน้าประตู ออกมาจากห้องโถงใหญ่ หนานกงมั่วหลบเลี่ยงจากผู้คนมุ่งหน้าตรงไปยังหอผิงซิน เรือนด้านหน้าจวนเจิ้งอ๋องทั้งหมดมีเพียงหนึ่งตำหนัก หนึ่งหอรวมไปถึงสามเรือนเท่านั้น หากมีคนอยากลงมือกับเว่ยจวินมั่ว เลือกสถานที่แห่งนี้มีไม่มาก อย่างไรเว่ยจวินมั่วก็ไม่ใช่คนที่จะถูกหลอกไปในสถานที่ที่ไม่ควรไปได้ง่ายๆ สถานที่ที่ไม่เหมาะสมจะกระตุ้นความระแวดระวังของเขา นอกเสียจาก…คนที่ลงมือนั้นโง่เกินไป

เวลานี้หอผิงซินเมื่อเทียบกับตำหนักเสียงดังที่จัดงานเลี้ยงแล้วนับว่าเงียบสงบกว่ามาก นอกจากแขกที่ชอบความสงบและคนที่มีฐานะสูงส่งมาพักผ่อนแล้ว ก็ไม่มีคนอยู่ด้านนอกมากนัก ทางเดินใต้ชายคา นายท่านตระกูลฉินกำลังนั่งวางหมากกับคนผู้หนึ่ง มองเห็นหนานกงมั่วเดินเข้ามาจึงตกใจเล็กน้อย “พระชายาฉู่อ๋องหรือ”

คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาได้ยินเช่นนั้นจึงหันหน้ากลับมาด้วย เพียงแต่สายตาที่มองไปยังหนานกงมั่วนั้นดูคลุมเครือ คนผู้นี้คือบิดาแท้ๆ ผู้ไม่ได้เจอมาเนิ่นนานของคุณชายฉังเฟิง ด้านหลังของพวกเขาต่างมีชายหนุ่มนั่งอยู่ ฉินจื่อซวี่และลิ่นฉังอวิ๋นแห่งตระกูลลิ่น

หนานกงมั่วพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “นายท่านฉิน ไม่คิดว่านายท่านฉินจะมาด้วยตนเอง”

นายท่านตระกูลฉินยิ้ม เอ่ย “อากาศหนาว คนแก่อย่างพวกเราอยู่ในบ้านจนตัวแข็งแล้ว พอดีมีโอกาสได้ออกมาเดินเล่น พระชายาเล่า”

หนานกงมั่วก็ไม่ได้ปิดบัง ยิ้มพลางเอ่ย “ข้ามีธุระมาหาท่านอ๋องของข้าเล็กน้อย”

ฉินจื่อซวี่ยิ้มพลางเอ่ย “กระหม่อมคาดเดาเอาไว้แล้วว่าพระชายาคงมาหาฉู่อ๋อง ก่อนหน้านี้กระหม่อมเห็นท่านอ๋องเข้าไปพักที่เรือนพักด้านในแล้ว ฉู่อ๋อง…ดูเหมือนจะไม่ชอบรับแขกนัก” คนที่คุ้นเคยกับเว่ยจวินมั่วรู้จักนิสัยเขาเป็นอย่างดี หากอารมณ์ดียังหน้านิ่งฟังอยู่ไม่กี่ประโยค หากอารมณ์ไม่ดีก็จะไม่สนใจเจ้าแม้เพียงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับเจิ้งอ๋องที่เป็นแม่งานในครั้งนี้ ฉู่อ๋องผู้ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ผู้นี้ยิ่งเป็นที่น่าสนใจ แม้ไม่ถึงขั้นประจบประแจงฉู่อ๋องจนไม่ไว้หน้าเจิ้งอ๋อง แต่สายตาที่ลอบมองคงทำให้เว่ยจวินมั่วไม่ชอบใจนัก

“ขอบคุณมาก” หนานกงมั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม หันไปค้อมศีรษะให้นายท่านตระกูลฉินเล็กน้อยจากนั้นเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวด้านใน ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้สนใจสองพ่อลูกตระกูลลิ่นแม้เพียงเล็กน้อย

นายท่านฉินมองใบหน้าแข็งค้างของนายท่านตระกูลลิ่น หัวเราะขึ้นมา เอ่ย “ฉู่อ๋องสามีภรรยาความสัมพันธ์ดี คงมีเรื่องสำคัญ”

นายท่านลิ่นฝืนยิ้มออกมา ต่อให้หนานกงมั่วไม่เกรงใจเขา เขาจะทำอันใดได้ สิ่งที่เหมือนกันคือมีบุตรชายติดตามเป็นผู้ใต้บัญชาของเว่ยจวินมั่ว ความสัมพันธ์ของลิ่นฉังเฟิงดีกว่าฉินจื่อซวี่มากด้วยซ้ำ แต่หลังจากฮ่องเต้ไท่ชูขึ้นครองบัลลังก์ สถานการณ์ของตระกูลฉินและตระกูลลิ่นกลับแตกต่างกันอย่างยิ่ง

ตระกูลฉินมีฉินจื่อซวี่ที่เป็นดั่งพระอาทิตย์กำลังขึ้นอยู่ในราชสำนัก ส่วนคนรุ่นหลังของตระกูลฉินกลับเหมือนตระกูลเซี่ยที่มีส่วนหนึ่งเริ่มเข้าไปมีอำนาจในราชสำนัก การสอบขุนนางในปีหน้า มีคนรุ่นหลังจากสองตระกูลนี้เข้าร่วมการสอบเป็นจำนวนไม่น้อย ทว่าตระกูลลิ่น…คนรุ่นหลังของตระกูลลิ่นไม่อาจเทียบตระกูลฉินได้ไม่ต้องเอ่ยถึง คนที่อยู่ในราชสำนักไม่กี่คนล้วนมีตำแหน่งไม่สำคัญอันใด นี่ยังไม่นับประสาอันใด อย่างไรตระกูลขุนนางอย่างพวกเขาก็ถูกเชื้อพระวงศ์กดข่มมาโดยตลอด ต่างก็เป็นเช่นนี้ทั้งนั้น แต่ที่อื่นๆ ในบางส่วน อำนาจของตระกูลลิ่นกลับค่อยๆ ถูกกัดกร่อนโดยราชวงศ์ พวกเขาไม่อาจทำอันใดได้ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่แน่ว่าถึงรุ่นต่อไปตระกูลลิ่นอาจสูญสลายก็เป็นได้

เมื่อมองฉินจื่อซวี่ที่ยืนอยู่ด้านหลังนายท่านฉินที่อยู่ตรงหน้า ดวงตาของนายท่านลิ่นมีแววอิจฉาพาดผ่าน ตระกูลลิ่นต้องการผู้สืบทอดที่แข็งแกร่งอย่างฉินจื่อซวี่จริงๆ

ลิ่นฉังอวิ๋นที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับนายท่านฉินเองก็มองฉินจื่อซวี่ด้วยความริษยา เขากับฉินจื่อซวี่อายุไล่เลี่ยกัน เกิดในตระกูลใหญ่หนึ่งในสิบของจินหลิงเช่นกัน เป็นว่าที่ผู้สืบทอดของตระกูลเช่นกัน แต่ความสำเร็จของฉินจื่อซวี่นั้นห่างไกลกับเขาแทบไม่เห็นฝุ่น ฉินจื่อซวี่ปล่อยให้สายตาอิจฉาและริษยากวาดมองมาที่เขาอย่างนิ่งสงบ รอยยิ้มยังคงอ่อนโยนสง่างาม

หนานกงมั่วก้าวเชื่องช้าเดินเข้าไปยังห้องส่วนตัวด้านหลัง ไม่สนใจสายตาแปลกประหลาดที่มองมาตลอดทาง หลังจากถามสาวใช้ถึงห้องพักของเว่ยจวินมั่วแล้ว หนานกงมั่วจึงเอ่ยขอบคุณเสียงเบาและเดินเข้าไป

“พระชายาฉู่อ๋องหรือ” เสียงประหลาดใจส่งมา หนานกงมั่วหันกลับไปมองเห็นชายหนุ่มคุ้นตาปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของตน

“เจ้าคือผู้ใด”

สีหน้าของชายผู้นั้นบิดเบี้ยว กัดฟันเอ่ย “พระชายาช่างเป็นคนสูงศักดิ์ขี้ลืมนัก กระหม่อมคือลิ่นฉังอาน”

หนานกงมั่วพลันนึกขึ้นได้ “เจ้าคือ…คุณชายสาม สองของตระกูลลิ่นหรือ”

ลิ่นฉังอานเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ย “พระชายาเกรงใจแล้ว แน่นอนว่ากระหม่อมคือคนที่สาม”

หนานกงมั่วยิ่งประหลาดใจ “ข้าจำได้ว่าบิดาของเจ้าให้กำเนิดบุตรชายสองคน”

ลิ่นฉังอานกัดฟัน “พระชายาลืมแล้วหรือ พี่ใหญ่เกิดจากภรรยาเอกคนเก่าของท่านพ่อ” หากเป็นไปได้ ลิ่นฉังอานไม่ต้องการให้ตระกูลลิ่นมีลิ่นฉังเฟิงคนผู้นี้ เพียงน่าเสียดาย ฐานะของลิ่นฉังเฟิงในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกเขาจะควบคุมได้แล้ว หากลิ่นฉังเฟิงยอมกลับมายังตระกูลลิ่น นายท่านลิ่นจะต้องต้อนรับเขาด้วยความยินดีอย่างแน่นอน เห็นอยู่ว่าผ่านไปหลายปีแล้ว ตอนนี้ท่านพ่อก็ยังยืนหยัดมองว่าลิ่นฉังเฟิงยังคงเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลลิ่น พวกเขายังต้องเรียกเขาว่าพี่ใหญ่

หนานกงมั่วพยักหน้า ไม่ได้สนใจเรื่องนี้นัก เอ่ย “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” หมุนตัวเตรียมเดินหนี ทว่าถูกลิ่นฉังอานขวางเอาไว้ หนานกงมั่วขมวดคิ้ว เอ่ยอย่างไม่พอใจ “คุณชายลิ่น เจ้าหมายความเช่นไร” ใบหน้าของลิ่นฉังอานมีรอยยิ้มแปลกประหลาดขึ้นมา เอ่ย “ล่วงเกินพระชายาแล้ว เพียงแต่…กระหม่อมปรารถนาดี ทางที่ดีพระชายารออีกสักครู่ค่อยเข้าไปเถิด”

“ทำไมเล่า” หนานกงมั่วไม่เข้าใจ

ลิ่นฉังอานเอ่ย “ฉู่อ๋องกำลังพักผ่อนอยู่ข้างใน เมื่อครู่มีคำสั่ง ไม่ให้คนเข้าไปรบกวนการพักผ่อนของพระองค์”

หนานกงมั่วตกใจ “ดังนั้น…คุณชายลิ่นจึงเฝ้าประตูอยู่ที่นี่แทนเขาอย่างนั้นหรือ”

สีหน้าของลิ่นฉังอานมืดลง กัดฟันอดกลั้น มองท่าทางมีความสุขเมื่อเห็นคนอื่นเป็นทุกข์ของหนานกงมั่ว เอ่ย “พระชายา ไยต้องให้กระหม่อมเอ่ยชัดเจนเพียงนั้น ขอเพียงเป็นบุรุษ อย่างไรก็ต้องมีงานอดิเรก แน่นอนว่าฉู่อ๋องเองก็ไม่ต่าง พระชายา…เข้าใจความหมายของกระหม่อมหรือไม่”

“ไม่เข้าใจ” หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเรียบ

ลิ่นฉังอานเหลือบมองไปยังห้องที่เงียบเชียบ พลันหัวเราะหยันขึ้นมา เอ่ย “ไยพระชายาต้องทำเยี่ยงนี้เล่า ยอมรับความจริงเสียจะดีกว่า ฉู่อ๋องเป็นเช่นนี้ คงเพราะพระชายาเข้มงวดเกินไป ได้ข่าวว่าข้างกายพระชายามีหญิงงามมากมาย ทว่าฉู่อ๋องกลับไม่มีแม้แต่หญิงอุ่นเตียง บุรุษ…ต่อให้ตำแหน่งสูงส่ง ก็ดูจะน่าสงสารเกินไปสักหน่อย”

“ดังนั้นเล่า” หนานกงมั่วมองรอยยิ้มโอหังบนใบหน้าของลิ่นฉังอาน หว่างคิ้วมีความเวทนาขึ้นมา

ลิ่นฉังอานเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ยามนี้ฉู่อ๋องมีหญิงงาม กำลังมีสาวงามคอยปรนนิบัติรับใช้ ไยพระชายาต้องไปรบกวนด้วยเล่า อย่างไร ต่อให้แยกได้แล้ว คนอื่นๆ ก็เพียงเอ่ยว่าฉู่อ๋องนั้นเจ้าชู้ แต่สำหรับพระชายา กลับมีเพียงหึงหวงสามีเท่านั้นแล้ว”

หนานกงมั่วมองพิจารณาลิ่นฉังอาน เอ่ยถามเสียงเนิบ “คุณชายลิ่น ข้ามีคำถามอยากขอคำชี้แนะจากเจ้า”

ลิ่นฉังอานชะงัก “พระชายาเชิญเอ่ย”

“บิดาของเจ้า…รู้ว่าเจ้ามาเฝ้าประตูให้คนอื่น แนบชิดผนังฟังงานอดิเรกของคนอื่นหรือไม่” หนานกงมั่วเอ่ยถาม

ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของลิ่นฉังอานพลันแดงขึ้นมา

“พระชายาฉู่อ๋อง คุณชายลิ่น ทั้งสองท่านกำลังทำอันใด” เจ้าหน้าที่เดินผ่านไปมามองเห็นท่าทีตึงเครียดของทั้งสองคน จึงต้องหยุดเท้าเอ่ยถาม หนานกงมั่วกวาดตามอง เยี่ยม ล้วนเป็นคนของสำนักตรวจการและสำนักศึกษาฮั่นหลินทั้งนั้น

ลิ่นฉังอานสูดหายใจเข้าลึก เปลี่ยนเป็นท่าทีไร้เดียงสา เอ่ย “พระชายามาหาฉู่อ๋อง เพียงแต่ข้าน้อยบอกไปแล้วว่าเวลานี้พระชายาไม่เหมาะสมที่จะเข้าไปเท่านั้นเองขอรับ”

ทุกคนชะงักโดยไม่รู้ตัว สีหน้าแปลกประหลาด สิ่งใดเรียกว่าตอนนี้ไม่เหมาะสมจะเข้าไปหรือ

ลังเลอยู่ชั่วครู่ จึงเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “ฉู่อ๋องมีเรื่องอันใดหรือ” มีเรื่องอันใดที่แม้แต่ภรรยายังไม่อาจเข้าไปได้ อีกทั้งฉู่อ๋องนั้นไม่มีทางจัดการธุระสำคัญที่จวนเจิ้งอ๋องนี่นา

ลิ่นฉังอานมองคนอื่นๆ ท่าทางลำบากใจ ก่อนจะเอ่ย “เอ่อ…เมื่อครู่ข้าน้อยเหมือนจะเห็นฉู่อ๋องและสตรีนางหนึ่ง…เอ่อ อย่างไร ไม่ค่อยเหมาะสมนัก”

วาจานี้เอ่ยออกมา สีหน้าของผู้ตรวจการพลันแปรเปลี่ยนไปมาหลากหลายอารมณ์

ว่ากันว่าฉู่อ๋องนั้นมีใจมั่น มีพระชายาฉู่อ๋องเพียงผู้เดียวมิใช่หรือ

ไยจึงหิวกระหายจนก่อเรื่องในงานของน้องชายตนเองแล้วเล่า

ต่อให้นี่เป็นเพียงงานเลี้ยงรับพระชายารอง บ้าเกินไปแล้ว

“นี่…นี่ นี่…”เจ้าหน้าที่คร่ำครึสูงส่ง ชี้นิ้วไปยังด้านในด้วยมืออันสั่นเทา พวกเขาไม่อาจยุ่งหากชินอ๋องจะรับพระชายารองกี่คน ต่อให้เรือนหลังของจวนฉู่อ๋องจะยัดจนเต็มก็มิใช่เรื่องของพวกเขา แต่ว่า…สร้างเรื่องในงานเลี้ยงของน้องชายตนเอง…มีเรื่องให้ทำมากมาย ผู้คนมากมายเริ่มคิดเนื้อหาฎีกาที่จะถวายรายงานในวันพรุ่งนี้

ในตอนนั้นเอง พลันมีเสียงครวญครางไม่ชัดเจนดังมาจากด้านใน คนที่อยู่ตรงนั้นมีสีหน้าแปลกประหลาดขึ้นมา หลายคนมองหนานกงมั่วด้วยสีหน้าเห็นอกเห็นใจ ลิ่นฉังอานมองหนานกงมั่ว เอ่ยด้วยรอยยิ้มหยิ่งผยอง “พระชายา ดูเหมือนพระชายาฉู่อ๋องก็ต้องจัดงานมงคลแล้ว ยินดีด้วย”

หนานกงมั่วย่นคิ้ว เอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง “เกรงว่าคุณชายลิ่นจะยินดีเร็วไปสักหน่อยแล้ว”

ลิ่นฉังอานเลิกคิ้ว “พระชายาพอใจจะเอ่ยเช่นไรก็เอ่ยเถิด”

“เปิดประตู” หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเรียบ

“อันใดนะ” ลิ่นฉังอานตกใจ มองหนานกงมั่วอย่างตกตะลึง ไม่คิดว่าสตรีผู้นี้จะกล้าหาญเพียงนี้ หนานกงมั่วยิ้มบาง เอ่ย “ทำไมหรือ คุณชายลิ่นจะแสดงความยินดีกับข้ามิใช่หรือ ข้าอยากจะเห็นว่าว่าที่…น้องสาว จะเป็นตัวประหลาดมาจากใดกัน”

ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์มีท่าทีราวกับเห็นผีมองไปยังสตรีที่มีรอยยิ้มตรงหน้า

ต่อให้…ฉู่อ๋องจะกินข้าวนอกบ้านอย่างไม่ถูกต้อง พระชายาก็ไม่ต้องป่าเถื่อนเพียงนี้กระมัง

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *