หมอหญิงยอดมือสังหาร 1188 รับมือกับเมียน้อย

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 1188 รับมือกับเมียน้อย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1188 รับมือกับเมียน้อย

เนิ่นนานจูชูอวี้จึงกระแอมไอขึ้นมา เอ่ย “คุณชายลิ่น ในเมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว เรื่องนี้ก็เลิกแล้วต่อกันเพียงเท่านี้เป็นอย่างไร เพียงแต่จวนของท่านยังต้องขออภัยต่อฉู่อ๋องและพระชายาฉู่อ๋อง” การหยั่งเชิงเมื่อครู่ทำให้จูชูอวี้เข้าใจแล้ว ตาเฒ่าตระกูลลิ่นนั่นไม่คิดพาตระกูลลิ่นมาอยู่ฝ่ายเดียวกับตระกูลจู แม้เมื่อก่อนตระกูลลิ่นจะเคยมีความคิดที่จะเข้าร่วมกับตระกูลจู แต่เพราะตระกูลจูถูกเซียวเชียนเยี่ยหลอกไปแล้วหนหนึ่ง ส่วนทางฉู่อ๋องโดยเฉพาะลิ่นฉังเฟิงได้รับความสำคัญแล้ว นายท่านลิ่นจึงล้มเลิกความตั้งใจนี้

อย่างไรต่อให้ลิ่นฉังเฟิงเย็นชาไร้ความปรานีเพียงใดเขาก็ยังเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลลิ่น ขอเพียงสามารถดึงเขากลับไปได้ ตระกูลลิ่นก็สามารถแข็งแกร่งดุจหินผาขึ้นมาได้ ต่อให้ไม่อาจดึงกลับไปได้ ลิ่นฉังเฟิงก็ไม่มีทางเห็นคนตายแล้วไม่ช่วยอย่างแน่นอน

ลิ่นฉังอวิ๋นสีหน้าพลันแปรเปลี่ยน “พระชายาเจิ้งอ๋องหมายความเยี่ยงไร”

จูชูอวี้เอ่ยเสียงเรียบด้วยรอยยิ้ม “คุณชายลิ่นเป็นอันใดหรือ เรื่องนี้เดิมก็เป็นเรื่องที่ไม่มีเจตนาให้เกิดขึ้น พี่ชายของข้าเองก็เป็นผู้บริสุทธิ์ ยามนี้ในเมื่อความเข้าใจผิดคลี่คลายลงแล้ว พวกเราก็ไม่เอาความแล้ว เรื่องนี้ให้เลิกแล้วต่อกันยังไม่พออีกหรือ” คุณชายใหญ่ตระกูลจูรีบพยักหน้า เอ่ย “น้องสาวเอ่ยไม่ผิด พวกเจ้าคิดจะล่อลวงฉู่อ๋องไม่สำเร็จแล้วเกี่ยวอันใดกับข้า แม้ข้าจะไม่อาจสู้ฉู่อ๋องได้ แต่ก็ไม่ใช่จะไปเติมเต็มให้ใครก็ได้” เดิมทีคุณชายใหญ่จูนั้นยังมีความคิดอยากได้ลิ่นฮั่น อย่างไรลิ่นฮั่นก็สวยมาก แต่งกลับไปเป็นอนุภรรยา กระทั่งแต่งเป็นผิงชี[1]อีกคนก็ยังได้ ตระกูลจูไม่ได้พิถีพิถันเพียงนั้น ฐานะของลิ่นฮั่นเองก็สูง แต่เมื่อได้ยินว่าเดิมทีลิ่นฮั่นอยากล่อลวงเว่ยจวินมั่ว คุณชายใหญ่ตระกูลจูจึงพับเก็บความคิดไป บุรุษอดทนได้ทุกอย่าง สิ่งที่ทนไม่ได้คือถูกสวมเขา ต่อให้เป็นเพียงความคิดก็ตาม

ใบหน้าของลิ่นฉังอวิ๋นแดงขึ้นมา ทว่าไม่อาจเอ่ยวาจาตอบโต้ออกไปได้ ทำได้เพียงก่นด่าน้องชายน้องสาวอยู่ในใจครั้งแล้วครั้งเล่า คนโง่สองคนนี้ต้องโง่เขลาเพียงใดถึงคิดวางแผนร้ายต่อฉู่อ๋อง หากฉู่อ๋องจัดการง่ายเพียงนั้น จะเหลือมาถึงพวกเขาเหล่านี้หรือ

ลิ่นฉังอวิ๋นอาจไม่รู้ เพื่อวันนี้ลิ่นฉังอานและลิ่นฮั่นเตรียมตัวมาไม่น้อย

ลิ่นฉังอวิ๋นไม่เห็นคุณชายใหญ่ตระกูลจูอยู่ในสายตา แต่ความบริสุทธิ์ของลิ่นฮั่นต้องถูกทำลายด้วยมือของเขา ไม่เห็นอยู่ในสายตาก็ไม่มีทางเลือกแล้ว นอกเสียจากพวกเขาจะใจร้ายส่งลิ่นฮั่นเข้าไปบวชตลอดชีวิต และความเป็นจริง ถึงไม่ใช่ความต้องการของพวกเขา คนอื่นก็คงไม่ยอมอย่างแน่นอน ลิ่นฉังอวิ๋นฝืนใจยอมรับแล้ว ใครจะรู้ว่าตระกูลจูกลับไม่ยอม

หนานกงมั่วลอบกระตุกชายเสื้อเว่ยจวินมั่ว คุณชายเว่ยพยักหน้าก่อนจะจูงมือหนานกงมั่วลุกขึ้น “พวกเราขอตัวก่อนแล้ว”

จูชูอวี้เองก็ไม่ยื้อ พยักหน้าเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม เอ่ย “หม่อมฉันยังมีเรื่องต้องจัดการอยู่ที่นี่ คงไม่ได้ไปกับพี่ใหญ่และพี่สะใภ้แล้ว”

หนานกงมั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องเกรงใจ เจ้าทำธุระเถิด ข้ายังไม่เคยเดินเล่นในจวนเจิ้งอ๋องเลย เราจะออกไปเดินเล่นข้างนอกสักหน่อย”

“เชิญพี่สะใภ้ตามสบายเพคะ”

เห็นว่าทั้งสองกำลังจะไปแล้ว พวกฉินจื่อซวี่ทั้งสามคนจึงมองสบตาแล้วลุกขึ้นพร้อมกัน หลังจากนี้ก็ไม่มีสิ่งใดน่าชมแล้ว เพียงการถลกหนังกันของตระกูลลิ่นและตระกูลจูเท่านั้น ส่วนผลลัพธ์สุดท้าย อย่างไรก็ต้องป่าวประกาศออกมา พวกเขาจึงไม่อยู่ที่นี่ดูคนต่อรองราคากันแล้ว

ลิ่นฉังเฟิงปัดแขนเสื้อพลางเอ่ย “พวกเราก็จะไปแล้ว”

ไม่รู้น้ำเสียงของลิ่นฉังเฟิงไปเสียดแทงลิ่นฮั่นที่นั่งอยู่ได้อย่างไร ลิ่นฮั่นพลันเงยหน้าขึ้นมองจ้องลิ่นฉังเฟิงเขม็งอย่างโกรธแค้น กัดฟันเอ่ย “ตอนนี้เจ้าพอใจหรือยัง”

ลิ่นฉังเฟิงเลิกคิ้ว ไม่เข้าใจความหมาย

ลิ่นฮั่นเอ่ยพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น “ข้าลงเอยเช่นนี้ เจ้าพอใจ ดีใจแล้วใช่หรือไม่”

“พอใจหรือ ดีใจหรือ” ลิ่นฉังเฟิงเอ่ยเชื่องช้า “เจ้าเป็นอย่างไรเกี่ยวอันใดกับข้า มีอันใดให้พอใจให้ดีใจกันเล่า ตัวข้าเองยังโสดตัวคนเดียวอยู่เลย ใครคิดจะสนใจว่าเจ้าจะล่อลวงใคร บ้าจริง” ลิ่นฮั่นเอ่ยด้วยความโกรธแค้น “หากไม่ใช่เพราะเจ้า…”

ลิ่นฉังเฟิงเอ่ย “ข้าทำไมหรือ ข้าจำได้ว่าครั้งก่อนเจ้าชอบหนานกงชวี่มิใช่หรือ วันนี้ดูเหมือนหนานกงชวี่เองก็มาด้วย ไยเจ้าจึงคิดมาล่อลวงฉู่อ๋องแล้วเล่า อ่า หนานกงชวี่เป็นเพียงโหว ไม่ได้มีฐานะสูงส่งอย่างฉู่อ๋องนี่นะ” เขายังจำได้ว่านางยังมองคุณชายเสียนเกออย่างลุ่มหลงด้วยมิใช่หรือ สตรีช่างเปลี่ยนง่ายเสียจริง

“พี่ใหญ่” ลิ่นฉังอวิ๋นกัดฟันพูดอย่างอดไม่ได้ ลิ่นฮั่นเป็นอย่างนี้แล้ว ลิ่นฉังเฟิงยังจะโยนหินลงในบ่อ[2]อีก

ลิ่นฉังเฟิงยักไหล่ “คุณชายใหญ่ลิ่น เกรงใจแล้ว เรียกว่าคุณชายฉังเฟิงก็พอ”

เหล่าหนานกงมั่วเดินออกจากห้องไป เพิ่งเดินออกมาพลันได้ยินผู้คนด้านนอกเอ่ยว่านายท่านลิ่นเพิ่งออกมาแล้วเป็นลมไป คุณชายฉังเฟิงยังคงอารมณ์ไม่ดี ได้ยินข่าวนี้ก็เพียงหน้านิ่งไม่เอ่ยสิ่งใด เป็นหนานกงมั่วที่มองเขา เอ่ย “เมื่อครู่ข้าดูแล้ว นายท่านลิ่นกระอักเลือดออกมาไม่เป็นอันใดแล้ว ดูแลให้ดีก็พอ” หากเก็บกดอยู่ในใจไม่กระอักเลือดออกมานั่นจะเป็นปัญหา เพียงไม่รู้ว่าเป็นเพราะถูกบุตรชายบุตรสาวทำให้โกรธขึ้นมากะทันหัน หรือเก็บกักเอาไว้เป็นเวลาหลายวันเท่านั้น

ลิ่นฉังเฟิงกลอกตา เอ่ย “เกี่ยวอันใดกับข้า”

หนานกงมั่วยักไหล่ “ไม่เป็นไร ข้าเพียงเอ่ยไปเท่านั้น เจ้าคิดเสียว่าไม่เคยได้ยินเถิด” พระชายาข้าไม่โต้เถียงกับคนหยิ่งยโส กลุ่มคนเดินออกไป ฉินจื่อซวี่อารมณ์ราบเรียบ เพียงแต่รอยยิ้มนั้นไม่ว่าดูอย่างไรก็เหมือนกำลังมีความสุขที่เห็นผุ้อื่นเป็นทุกข์ “งานแต่งงานเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เจิ้งอ๋องเกรงว่าคงรู้สึกโกรธไม่เบา

ลิ่นฉังเฟิงกลอกตา เอ่ย “ไม่แน่ หากพวกเขาไม่ทำพลาด เจิ้งอ๋องอาจจะดีใจเสียอีก”

เจี่ยนชิวหยางนั้นดูสงบ เพียงเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย “เรื่องนี้…ไม่เกี่ยวกับพวกเขาจริงหรือ” เรื่องในวันนี้เพียงมองก็รู้ว่าพุ่งเป้ามาที่เว่ยจวินมั่ว เป็นสองพี่น้องตระกูลลิ่นคิดแผนนี้ขึ้นมากะทันหันจริงหรือ แต่ดูท่าทีของจูชูอวี้ คล้ายว่าจะไม่เกี่ยวข้องจริงๆ แต่ด้วยภาพลักษณ์ของจูชูอวี้ เจี่ยนชิวหยางยังมีข้อสงสัย

หนานกงมั่วหันกลับมา เอ่ย “จูชูอวี้และเซียวเชียนเหว่ย ไม่นับว่าเป็นผู้วางแผนอยู่เบื้องหลัง อย่างน้อยก็มีสักคนที่รู้เรื่อง” หากไม่รู้เรื่องทั้งคู่ เมื่อครู่ที่อยู่ในงานเลี้ยงทั้งสองคงไม่มีท่าทีคิดขัดขวางนาง สำหรับเรื่องนี้ หนานกงมั่วสงสัยเซียวเชียนเหว่ยมากกว่า จูชูอวี้ไม่โง่เพียงนั้น ยิ่งไม่มีทางดึงพี่ชายของตนเข้ามาเกี่ยวข้อง

ลิ่นฉังเฟิงประหลาดใจ “พวกเขาสองสามีจะทำอันใดยังต้องทางใครทางมันอีกหรือ”

ฉินจื่อซวี่กลับเข้าใจ “ไม่ใช่ทุกคนที่จะเปิดเผยทุกอย่างเช่นฉู่อ๋องและพระชายานี่นา อีกทั้งช่วงนี้ดูเหมือนเจิ้งอ๋องจะไม่พอใจพระชายาเจิ้งอ๋องนัก” ยามนี้ครอบครัวของจูชูอวี้ไม่เพียงช่วยอันใดเซียวเชียนเหว่ยไม่ได้ ยังต้องให้เซียวเชียนเหว่ยคอยประคับประคองให้ฟื้นตัวกลับคืนมา หลายวันก่อนจูชูอวี้ยังทำให้ไทเฮาไม่พอใจ แม้แต่เซียวเชียนเหว่ยเข้าวังไปขออภัยโทษเองยังถูกไล่ออกมา บวกกับรับพระชายารองที่ไม่ได้อ่อนแอเข้ามาพร้อมกันถึงสี่คน แน่นอนว่าเซียวเชียนเหว่ยต้องแสดงท่าทีที่ดีต่อตระกูลของพระชายารองเหล่านั้น ในสถานการณ์เช่นนี้ ขอเพียงเซียวเชียนเหว่ยไม่โง่ย่อมไม่มีทางจริงใจเล่าเรื่องเปิดเผยต่อจูชูอวี้ทั้งหมด เกิดจูชูอวี้โกรธขึ้นมาจนทำเรื่องที่ไม่สมควรแล้วจะทำอย่างไร

ลิ่นฉังเฟิงกลอกตา “เขายังฉลาดไม่เท่าจูชูอวี้”

ฉินจื่อซวี่ส่ายศีรษะ เอ่ยด้วยท่าทีสง่างาม “คนอวดดีมักคิดว่า บนโลกใบนี้คนที่ฉลาดที่สุดนั้นคือตนเอง ต่อให้เขาพ่ายแพ้ เขาก็ไม่มีทางคิดว่าตนเองโง่ แต่จะคิดว่าตนเองโชคไม่ดีเท่านั้น”

“เอาล่ะ พวกเจ้า” หนานกงมั่วเอ่ยเตือนทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม “ดูด้วยว่าที่นี่คือที่ใด” เอ่ยนินทาว่าร้ายในพื้นที่ของพวกเขา สองคนนี้ก็เกินไปจริงๆ

หนานกงมั่วประหลาดใจ หันกลับไปถามเว่ยจวินมั่วที่เดินอยู่ด้านข้างตน “เป็นศิษย์พี่ที่บอกท่านก่อนหรือ ไยท่านถึงใจดีเพียงนี้เล่า” มิเช่นนั้น เว่ยจวินมั่วจะวิ่งไปเดินหมากอยู่กับคุณชายเซี่ยเจ็ดได้เยี่ยงไร ทั้งสองคนนี้ไม่มีความสนิทสนมกันไม่ว่า เว่ยจวินมั่วยังไม่ใช่คนชอบเดินหมากด้วยซ้ำ

เว่ยจวินมั่วส่ายศีรษะ คุณชายเสียนเกอไม่ใจดีเพียงนั้น เอ่ยเสียงเรียบ “เป็นคุณชายเซี่ยเจ็ดบอกข้า เขาบังเอิญเห็นคุณหนูหกตระกูลลิ่นเข้าไป เกรงจะไม่ทันระวังไปล่วงเกินเข้า”

“จากนั้นเล่า” หนานกงมั่วเลิกคิ้วเอ่ย

เว่ยจวินมั่วเอ่ย “จากนั้นข้าจึงให้คนล่อคุณชายใหญ่จูเข้าไป” สำหรับเรื่องนี้ ฉู่อ๋องไม่คิดละอายใจ ความจริงแล้วเขาไม่ได้ทำอันใด เพียงส่งคนไปหลอกล่อคุณชายใหญ่จูมาเท่านั้น คุณชายใหญ่จูก็ไม่ใช่คนหิวกระหาย ต่อให้ชื่นชอบรูปโฉมของลิ่นฮั่นก็ต้องนึกถึงฐานะของนาง ต่อให้ทั้งสองชนกันเข้าก็ไม่เป็นไร ฐานะของทั้งสองไม่ธรรมดา สามารถปล่อยผ่านและปิดบังเอาไว้ได้ง่ายๆ แต่ลิ่นฮั่นรนหาที่ตายวางยาไว้ในห้องเอง ทำให้ทั้งสองไม่อาจห้ามใจนั่นเป็นเรื่องของนางเอง

“กลับไปต้องขอบคุณคุณชายเซี่ยเจ็ดเป็นอย่างดี” หนานกงมั่วเอ่ย

ลิ่นฉังเฟิงกวาดตาผ่านทั้งสองคน ยิ้มตาหยีก่อนจะเอ่ยถาม “แม่นางมั่ว หากเขาติดกับดักจริงๆ เจ้าคิดจะทำเยี่ยงไร”

ทันใดนั้น สายตาของทั้งสามคนพลันมองมาที่นาง ฉินจื่อซวี่เพียงประหลาดใจ ครอบครัวของเขามีสามีเดียวภรรยาเดียวมานานแล้ว ไม่ใช่ไม่เข้าใจในความรักปักใจเพียงคนเดียวของเว่ยจวินมั่ว หากแต่เขารับได้ ความจริงฉินจื่อซวี่ไม่เข้าใจเจ้าหน้าที่เหล่านั้นที่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นจะรับหรือไม่รับอนุภรรยามากกว่า การรับอนุภรรยาเป็นความชอบส่วนตัว บางทีอาจเป็นเพราะความจำเป็นอื่น การไม่รับอนุภรรยาก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด อย่างน้อยก็ไม่ได้ไปเดือดร้อนใครกระมัง คนเขาไม่ต้องการรับอนุภรรยาเกี่ยวอันใดกับคนอื่น คนที่ติฉินนินทานั้นคงว่างจนไม่มีสิ่งใดทำ

ส่วนลิ่นฉังเฟิง ก็คือคนที่ไม่มีอันใดทำจึงชอบหาเรื่องให้ตนเองเพียงเท่านั้น เจี่ยนชิวหยางเงียบสงบที่สุด เพียงอยากรู้ความคิดของพระชายาเท่านั้น

หนานกงมั่วกะพริบตา ครุ่นคิดอยู่นานจึงเอ่ย “สังหารสตรีแพศยาผู้นั้นเป็นอย่างไร”

“…” คุณชายฉังเฟิงพูดไม่ออก เนิ่นนานจึงเอ่ยขึ้นอย่างไม่ยอม “ไม่ใช่ต้องจัดการเว่ยจวินมั่วหรือ หรือจะทิ้งเขาหรือไม่” แม่นางมั่วดูไม่ใช่คนที่จะใช้ของร่วมกับคนอื่นนี่นา เอ่ยยังไม่ทันจบ พลันได้รับสายตาเย็นยะเยือกมาจากคุณชายเว่ย หนานกงมั่วประหลาดใจ “ไยเจ้าจึงคิดเยี่ยงนี้เล่า ข้าดูโง่นักหรือ”

“รอฟังคำชี้แนะ” คุณชายฉังเฟิงเอ่ยอย่างนอบน้อมแสดงท่าทางว่ากำลังตั้งใจฟังความคิดเห็นของพระชายาฉู่อ๋อง

หนานกงมั่วเอ่ย “เป็นคนอื่นคิดร้ายกับเขา ไม่ใช่เขาคิดอยากล่าเหยื่อ แน่นอน เรื่องโง่เขลาจนไปติดกับคนอื่นยังต้องจัดการ แต่ว่าเวลาเช่นนี้ไม่ใช่เวลาที่ต้องจัดการกับคนนอกก่อนหรือ ยิ่งไปกว่านั้น ให้ข้าทิ้งเขาไม่ใช่ทำให้คนอื่นได้ใจหรือ ให้สตรีนางอื่นมาใช้เงินของข้า ตีลูกของข้า ข้าโง่เพียงนั้นหรือ”

“เช่นนั้นควรทำเยี่ยงไร” คุณชายฉังเฟิงเอ่ยถาม

หนานกงมั่วลูบปลายคาง เอ่ย “เก็บกวาดจนใครก็ไม่กล้าแตะต้องคนของข้าเป็นอย่างไร”

คุณชายฉังเฟิงยกมือประสานแสดงออกว่านับถือยิ่งนัก หันไปถามเว่ยจวินมั่วด้วยรอยยิ้ม “ฉู่อ๋อง ท่านมีความเห็นเช่นไร”

ฉู่อ๋อง “เช่นนั้นคงต้องลำบากอู๋สยาแล้ว”

“…”

ทุกคนกลับมาถึงห้องโถงหลัก หนานกงมั่วมองเห็นสายตาตกใจและผิดหวังปรากฏขึ้นในดวงตาของเซียวเชียนเหว่ย นางหลุบตาลง มุมปากยกขึ้นมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นมา

“อู๋สยา”

หนานกงมั่วส่ายศีรษะ ยิ้มบางแล้วจึงเอ่ยขึ้นว่า “ไม่เป็นไร คนเยอะจึงไม่คุ้นชินนัก”

“ท่านแม่” เยาเยาร้องตะโกนเสียงดังพร้อมวิ่งเข้ามา สองแขนเล็กกอดขามารดาเอาไว้ ด้านหลังมีเด็กน้อยอานอานเดินเอามือไพล่หลังเข้ามาเชื่องช้า หยุดยืนอยู่เคียงข้างเว่ยจวินมั่ว สี่คนครอบครัวรูปโฉมงดงามพลันดึงดูดสายตาผู้คน กระทั่งมีผู้คนไม่น้อยเริ่มคิดถึงลูกหลานตัวเล็กๆ ในตระกูลของตนขึ้นมา หนานกงมั่วลงไปอุ้มบุตรสาวขึ้นมา “เยาเยาไม่ดื้อใช่หรือไม่”

เยาเยาส่ายศีรษะ “เปล่าเพคะ เยาเยาเชื่อฟังที่สุดแล้ว ท่านแม่ เยาเยาไปดูเจ้าสาวแล้วเพคะ”

หนานกงมั่วตกใจ เลิกคิ้วพลางเอ่ย “อ้อ ใครพาเจ้าไป ไปดูเจ้าสาวคนไหนกันเล่า”

เยาเยากะพริบตาโตปริบๆ เอ่ย “เสด็จย่าเจ็ดพาเยาเยาไปเพคะ มีเจ้าสาวสี่คน…บวกกับเสด็จอาสะใภ้ เสด็จอาสามมีเจ้าสาวห้าคน เสด็จอาสามดีใจใช่หรือไม่เพคะ” เด็กไม่รู้จักกังวล เสียงใสของเยาเยาดังเข้าหูของทุกคนที่อยู่ในสถานการณ์ สายตาหลายคนมองไปยังเซียวเชียนเหว่ยอย่างแปลกประหลาด แม้การมีภรรยามากมายราวกับสวนดอกไม้งามเป็นความฝันของบุรุษ แต่การแต่งอนุภรรยาครั้งเดียวสี่คน…เกินที่คนจะอิจฉาได้ ยากที่จะเลี่ยงให้คนมองว่ามักมากในกาม

หนานกงมั่วยิ้มบาง บีบแก้มบุตรสาว เอ่ย “เอ่ยเหลวไหล เจ้าสาวสวยหรือไม่”

เยาเยายู่ปากเล็ก “เยาเยาไม่ได้เอ่ยเหลวไหล เสด็จอาสามยิ้มอยู่ตลอด ต้องดีใจมากเป็นแน่ เสด็จอาสาม เป็นอย่างที่ท่านแม่ว่าหรือ ท่านไม่ดีใจหรือ เช่นนั้นท่านไม่ต้องแต่งงานใหม่แล้วดีหรือไม่ เสด็จอาสะใภ้สาม ความจริง…ไม่เต็มใจอย่างไรก็นับว่าดีแล้ว เจ้าสาวทั้งสามไม่สวยเหมือนเสด็จอาสะใภ้สามด้วยซ้ำ” แน่นอนว่าไม่สวยเท่าท่านแม่ของเยาเยาด้วย

รอยยิ้มบนใบหน้าเซียวเชียนเหว่ยแข็งค้าง ความจริงเขาอยากถามเยาเยา มารดาของเจ้าบอกว่าข้าไม่ดีใจตั้งแต่เมื่อใดกัน แต่ว่าไม่มีเหตุผลใดจะเอ่ยกับเด็ก ดังนั้นจะเอ่ยก็ได้ไม่เอ่ยก็ได้ ทำเพียงยืนกระอักกระอ่วนอยู่ตรงนั้น

“คิก” เซียวเชียนจย่งที่ถือจอกเหล้าอยู่ด้านข้างขำจนตัวงอ

เซียวเชียนชื่อปรายตามองเขาอย่างจนใจ ส่งสายตาให้เขารู้จักพอประมาณ เยาเยาไม่รู้ความ หรือว่าเขาเองก็ไม่รู้ความด้วยหรือ

เซียวเชียนจย่งเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาจากการหัวเราะ ลุกขึ้นเดินเข้ามาแล้วยื่นมือไปอุ้มเยาเยา “เยาเยาน้อย เสด็จอาสามของเจ้าดีใจอยู่แล้ว เป็นท่านแม่ของเจ้ามองผิดแล้ว มา ไม่ต้องสนใจเรื่องนี้หรอก วันนี้กลับไปเล่นกับเสด็จอาสี่ดีหรือไม่ น้องคังเอ๋อร์คิดถึงเจ้ามาก”

“น้องชายหรือเพคะ” ไม่นานความสนใจของเยาเยาพลันเปลี่ยนไป นางมีเพียงพี่ชาย น้องชายนั้นเป็นของเล่นใหม่ พร้อมยกมือเล็กขึ้นผลักหน้าเซียวเชียนจย่ง “เสด็จอาสี่เหม็น ไยน้องคังเอ๋อร์จึงไม่มาเล่นกับเยาเยา” เซียวเชียนจย่งจนปัญญา “น้องชายยังเล็กอยู่”

ไม่นานห้องโถงพลันกลับมาครึกครื้นดังเดิม หนานกงมั่วหันไปพยักหน้าขอโทษต่อเซียวเชียนเหว่ย “เด็กยังไม่รู้ความ น้องสามอย่าได้ถือสา”

รอยยิ้มของเซียวเชียนเหว่ยดูแข็งเกร็งเล็กน้อย “พี่สะใภ้กล่าวหนักแล้ว เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”

[1]ผิงชี เป็นตำแหน่งของภรรยาอีกตำแหน่งหนึ่งในกรณีที่ผู้ชายมีภรรยาหลายคน มีสถานะทางกฎหมายและทางสังคมเทียบเท่ากัน นับเป็นภรรยาเอกอีกคนที่นอกเหนือจากคู่สมรสเดิม (ที่มีอยู่)

[2] โยนหินลงในบ่อ หมายถึงการซ้ำเติม

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *