หมอหญิงยอดมือสังหาร 1043 ใช้ประโยชน์คนไม่มีประโยชน์ (2)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 1043 ใช้ประโยชน์คนไม่มีประโยชน์ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1043 ใช้ประโยชน์คนไม่มีประโยชน์ (2)

เว่ยหงเฟยรับมาอ่านหนึ่งรอบ ขมวดคิ้วขึ้นมา ข้อมูลด้านในนั้นน่าตกใจ เพียงแต่ช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาอยู่ในค่ายทหารตลอด บางครั้งก็ได้ยินข่าวลือมาบ้าง เขาเองก็เข้าใจว่าไยหนานกงมั่วถึงเอามาให้เขาอ่านง่ายๆ เพียงนี้ ตอนนี้เขายังอยู่ในกำมือของพวกเขาต่อให้สุดท้ายจะทำไม่สำเร็จ หนานกงมั่วก็มีวิธีรับรองว่าเขาจะไม่ปล่อยความลับนี้ออกไป

“เจ้าต้องการสร้างรอยร้าว…ของกงอวี้เฉินและเซียวเชียนเยี่ยหรือ” เวยหงเฟยขมวดคิ้วเอ่ย

หนานกงมั่วยิ้มบาง เอ่ย “ไม่นับว่าสร้างรอยร้าว เพียงไม่อยากให้ฝ่าบาทถูกกงอวี้เฉินหลอกแล้วยังไม่รู้ถึงสาเหตุก็เท่านั้น ถือว่าเห็นแก่หน้าอดีตฮ่องเต้เป็นอย่างไร”

เว่ยหงเฟยส่งเสียงหยันไม่ปฏิเสธ หากหนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วเห็นแก่หน้าของอดีตฮ่องเต้ ก็คงไม่ร่วมมือกับเยี่ยนอ๋องก่อกบฏหรอก

หนานกงมั่วเองก็ไม่สนใจท่าทีของเว่ยหงเฟย เพียงเอ่ยถาม “ท่านเว่ยคิดว่าอย่างไร”

เว่ยหงเฟยเอ่ยถาม “จะให้ข้าเดินไปที่จินหลิงแบบนี้ จากนั้นบอกเรื่องนี้กับเซียวเชียนเยี่ยน่ะหรือ”

หนานกงมั่วยิ้มบาง เอ่ย “แน่นอนว่าไม่ เรื่องอื่นเดี๋ยวเราจะจัดการให้เรียบร้อยเอง”

เว่ยหงเฟยนิ่งเงียบไปชั่วครู่ สุดท้ายจึงพยักหน้าตอบรับ เว่ยหงเฟยที่อยู่ในกองทัพของเยี่ยนอ๋องมาตลอดไม่รู้ว่าเว่ยจวินมั่วเก็บตนเองไว้เพื่ออันใด แต่พอจินตนาการได้ว่าหากจนถึงสุดท้ายแล้วเว่ยจวินมั่วไม่คิดทำอันใดรอจนเยี่ยนอ๋องยึดแผ่นดินนี้ไปได้แล้วตนเองจะมีจุดจบอย่างไร ไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยครั้งนี้ยังมีโอกาสอีกหนึ่งครั้ง อย่างน้อยยังรักษาชีวิตเอาไว้ได้อีกครั้ง

“หวังว่าวาจาของจวิ้นจู่จะเชื่อถือได้” เว่ยหงเฟยเอ่ย

หนานกงมั่วหัวเราะไม่เอ่ยวาจา ใบหน้ากลับแสดงออกชัดเจน นางไม่คุ้มที่จะกลับคำไปมากับคนตัวเล็กๆ อย่างเว่ยหงเฟย

เว่ยหงเฟยรับปาก หนานกงมั่วหันไปหาเว่ยจวินมั่วที่ไม่เอ่ยวาจาอยู่ด้านข้าง “จวินมั่ว มีเรื่องอันใดอยากเอ่ยหรือไม่” เว่ยจวินมั่วกวาดตามองเว่ยหงเฟย โยนของบางอย่างไปให้ เว่ยหงเฟยยื่นมือออกมารับตามปฏิกิริยาตอบรับของร่างกาย มองดูขวดเครื่องลายครามเล็กในมือ

เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเย็น “กินเสีย”

เว่ยหงเฟยเปิดขวดออก ด้านในมียาเม็ดสีน้ำตาลหนึ่งเม็ด จับเม็ดยาเอาไว้ เว่ยหงเฟยมองไปยังเว่ยจวินมั่ว ลังเลอยู่ชั่วครู่จึงกลืนลงไป “นี่คืออันใด”

มุมปากหนานกงมั่วกระตุก “กินแล้วค่อยถาม ท่านไม่คิดว่าช้าไปหรือ”

เว่ยหงเฟยชะงัก ยิ้มขมขื่น “จะว่าไปก็ใช่ เพียงแต่…ข้าคงไม่มีสิทธิ์ที่จะไม่กินกระมัง”

หนานกงมั่วยิ้มหวาน เอ่ย “ท่านเว่ยช่างเป็นคนฉลาด นี่ก็เพื่อรับรองว่าความร่วมมือของเราจะเป็นไปได้ด้วยดีมิใช่หรือ อย่างไรเสีย ความสัมพันธ์ก่อนหน้านี้ของเราก็ไม่ค่อยลงรอยกันนัก”

เว่ยหงเฟยส่งเสียงหึเบาๆ “แล้วแต่พวกเจ้า”

หนานกงมั่วโบกมืออย่างพึงพอใจ ส่งสัญญาณให้องครักษ์พาตัวเว่ยหงเฟยออกไป

รอจนกระทั่งเว่ยหงเฟยถูกคนพาตัวออกไปแล้ว หนานกงมั่วจึงเอ่ยถามอย่างแปลกใจ “ท่านเก็บเว่ยหงเฟยเอาไว้ในตอนนั้น ก็เพื่อวันนี้หรือ” ไยนางจึงไม่เชื่อนัก หากเป็นดังที่เขาเอ่ย แผนการนี้ไม่มีความจำเป็นด้วยซ้ำ เช่นเดียวกันก็ใช่ว่าจะต้องเป็นเว่ยหงเฟยคนเดียวเท่านั้น ใช่ว่าพวกเขาจะไม่เจอคนที่น่าเลือกกว่าเว่ยหงเฟย

เว่ยจวินมั่วหันกลับมา มองดูสตรีที่กำลังยิ้มร่าตรงหน้า ดวงตาลุ่มลึก นิ่งเงียบไม่เอ่ยวาจา

หนานกงมั่วจนปัญญา ยักไหล่ เอ่ย “ก็ได้ ข้าไม่ถาม” บนโลกใบนี้ใครบ้างไม่มีเรื่องส่วนตัวที่ยากจะอธิบายออกมาได้ ต่อให้เว่ยจวินมั่วบอกว่าเขาไม่กล้าลงมือสังหารเว่ยหงเฟยก็ยังเข้าใจได้ แน่นอนหนานกงมั่วเชื่อว่าเหตุผลที่เว่ยจวินมั่วเก็บเว่ยหงเฟยเอาไว้คงไม่ใช่เพราะเหตุผลน่าเบื่อหน่ายเช่นนี้เป็นแน่ ทว่าราวกับอยากทรมานใครบางคน ความตายไม่เคยเป็นบทลงโทษที่ใหญ่ที่สุดของคน แน่นอนต่อให้เป็นเช่นนี้นางก็ไม่คิดว่าสามีของตนนั้นผิดแปลก กล้ารักกล้าเกลียดจึงจะเป็นบุรุษที่ดีนี่นา

วังจื่อเซียวเคลื่อนไหวรวดเร็ว เพียงสองวัน เว่ยหงเฟยก็มาอยู่ในเมืองจินหลิงอย่างราบรื่น นึกถึงประสบการณ์สองวันที่ผ่านมา เว่ยหงเฟยรู้สึกสับสนไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารู้สึกอย่างไร ความจริงหนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วไม่ได้ใช้แผนการอันใดลึกซึ้ง เพียงสร้างสถานการณ์ความวุ่นวายขึ้นมา ให้เว่ยหงเฟยแสร้งทำเป็นหนีออกมาจากค่ายกองทัพโยวโจวก็เท่านั้น จากนั้นบังเอิญถูกสายลับของเซียวเชียนเยี่ยที่อยู่นอกเมืองพบเข้า หลายวันมานี้หนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วโจมตีอิทธิพลของสำนักหอธารา แต่ไม่ได้แตะต้องสายลับของเซียวเชียนเยี่ยนัก ดังนั้น คนของเซียวเชียนเยี่ยจึงพบเว่ยหงเฟยอยู่นอกเมืองได้สำเร็จ คนของกงอวี้เฉินกลับไม่รู้เรื่องนี้แม้เพียงนิด

ไม่ว่าเว่ยหงเฟยจะน่าเชื่อถือหรือไม่ เป็นคนที่ศัตรูส่งมาหรือไม่ อย่างไรฐานะของเว่ยหงเฟยก็พิเศษ สายลับของเซียวเชียนเยี่ยไม่มีทางจัดการเขาได้ง่ายๆ จำต้องพาคนกลับเข้าไปในวังด้วย

เรื่องราวผ่านไปสามปีแล้ว เว่ยหงเฟยที่กลับมายังวังหลวงอีกครั้งสีหน้าฉงน แม้ยามนี้เมืองจินหลิงจะมีพายุใหญ่ แต่ยังคงเจริญรุ่งเรือง เมืองรอบนอกยังคงเงียบสงัด เหล่าลูกหลานเชื้อพระวงศ์ในเมืองด้านในกลับไม่ได้รับผลกระทบนัก เขาเองก็เคยเป็นหนึ่งในคนเหล่านี้ ทว่าตอนนี้มีชีวิตรอดกลับมาได้แต่เขาก็กลายเป็นคนหมดเนื้อหมดตัวแล้ว กระทั่งมารดาและภรรยาของตนอยู่ที่ใดก็ยังไม่รู้ คิดมาถึงตรงนี้ เว่ยหงเฟยพลันรู้สึกโกรธขึ้นมาในใจ แต่เพียงไม่นานความโกรธเหล่านี้ก็สลายหายไปเพราะความเจ็บปวดแผ่วเบาในช่องท้อง รู้สึกห่อเหี่ยวขึ้นมาทันที

เซียวเชียนเยี่ยเดินเข้ามาในห้องทรงอักษร มองคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นอดตกใจไม่ได้ ในความทรงจำของเซียวเชียนเยี่ย แม้ความสามารถของเว่ยหงเฟยจะทำให้คนรู้สึกหงุดหงิด แต่อย่างน้อยก็ยังมีใบหน้าที่นับว่าไม่เลวนัก เว่ยหงเฟยที่เหมาะสมกับองค์หญิงฉังผิงอายุน้อยกว่าเยี่ยนอ๋องหลายปี แม้ยามนี้ไม่อาจเรียกได้ว่าอยู่ในวัยผู้ใหญ่ ทว่าเขาดูเหมือนคนมีอายุเพียงสี่สิบต้นๆ แต่คนตรงหน้า ชุดนักโทษบนร่างกายขาดรุ่งริ่ง เส้นผมสีขาวพันกันยุ่งเหยิง ร่างทั้งร่างซูบผอม ใบหน้าเต็มไปด้วยร่องรอยยับย่น บอกว่าเขาอายุเจ็ดสิบก็คงไม่มีใครสงสัย

เซียวเชียนเยี่ยหรี่ตาลง มองสำรวจคนตรงหน้า “เว่ยหงเฟยหรือ”

เว่ยหงเฟยรีบเงยหน้าขึ้น “กระหม่อม…กระหม่อมเว่ยหงเฟย ถวายพระพรฝ่าบาท”

เซียวเชียนเยี่ยมองไปยังองครักษ์ที่ยืนอยู่ด้านหลังเว่ยหงเฟยห่างออกไปไม่ไกล องครักษ์พยักหน้าให้เซียวเชียนเยี่ยเงียบๆ บ่งบอกว่าตรวจสอบยืนยันตัวตนคนตรงหน้าเรียบร้อยแล้ว เป็นเว่ยหงเฟยอดีตจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องจริงๆ

เซียวเชียนเยี่ยไม่ได้รู้สึกดีต่อเว่ยหงเฟยนัก เอ่ยด้วยรอยยิ้มเย็น “เว่ยหงเฟย เจ้ายังกล้ากลับมาอีกหรือ”

เว่ยหงเฟยน้ำตาหลั่งริน “กระหม่อมสมควรตาย หลายปีมานี้ต้องอดทนต่อความอัปยศอยู่ในห้องขัง ก็เพื่อมีสักวันสามารถรอดชีวิตกลับมา ขอรับโทษจากฝ่าทด้วยตนเองพ่ะย่ะค่ะ”

เซียวเชียนเยี่ยส่งเสียงหยัน เห็นชัดว่าไม่เชื่อสิ่งที่เว่ยหงเฟยเอ่ย เพียงมองสำรวจเว่ยหงเฟย “ดูเหมือนว่าหลายปีมานี้เจ้าแก่ลงไปมาก ข้าเกือบดูไม่ออก” เว่ยหงเฟยยิ้มขมขื่น เอ่ย “กระหม่อมถูก…กบฏเว่ยจวินมั่วกักขังเอาไว้ ฝ่าบาทก็น่าจะรู้ถึงความสัมพันธ์ของกระหม่อมกับโจรกบฏนั่น อย่างไร…มีชีวิตรอดมาได้ ก็ถือว่าสวรรค์เมตตาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

แน่นอนว่าเซียวเชียนเยี่ยรู้ถึงความสัมพันธ์ของเว่ยหงเฟยและเว่ยจวินมั่ว ดังนั้นจึงไม่ได้ตัดหัวเว่ยหงเฟยตั้งแต่ครั้งแรก ตนเข้าใจดี ด้วยนิสัยของเว่ยจวินมั่วต่อให้เว่ยหงเฟยคุกเข่าอ้อนวอนอยู่ต่อหน้าเขาก็ไม่มีทางให้อภัย เพียงแต่นี่ไม่ได้หมายถึงว่าเว่ยหงเฟยจะน่าเชื่อถือ

“เจ้ากลับมาได้อย่างไร” เซียวเชียนเยี่ยเอ่ยถาม

เว่ยหงเฟยตัวสั่นระริก เอ่ย “หลายวันมานี้…บุตรีของเว่ยจวินมั่วถูกกง กงอวี้เฉินจับตัวไป เว่ยจวินมั่วและหนานกงมั่วไม่ได้สนใจเรื่องในกองทัพ กระทั่งพาคนตามล่าสังหารคนของสำนักหอธาราไปทั่วทุกหนทุกแห่ง”

เซียวเชียนเยี่ยพยักหน้า เรื่องนี้แน่นอนว่าเขาเองก็รู้ แต่เขาไม่ได้ให้คนไปช่วยเหลือคนของสำนักหอธารา แม้ว่าตอนนี้กงอวี้เฉินจะยืนอยู่ฝั่งเดียวกับเขา แต่อย่างไรเซียนเยี่ยยังคงรู้สึกว่าคนของกงอวี้เฉินยิ่งตายก็ยิ่งดี สุดท้ายให้ตายไปพร้อมๆ กันกับคนของเว่ยจวินมั่ว รีบตายไปเสีย

“กระหม่อมถูกขังไว้ในกองทัพมาตลอด เวลานานไปคนเฝ้าก็น้อยลงเรื่อยๆ สองวันก่อน คนของสำนักหอธาราที่เหลืออยู่ก็บุกเข้ามาก่อความวุ่นวายในกองทัพ กระหม่อมจึงใช้โอกาสนั้นหนีออกมาพ่ะย่ะค่ะ หลังจากหนีออกมาแล้วก็พบเข้ากับ…คนของในวัง พากระหม่อมกลับมาที่นี่”

สิ่งเหล่านี้เซียวเชียนเยี่ยเองก็ได้รับรายงานมาแล้ว ไม่ต่างกับสิ่งที่เว่ยฟงเฟยเอ่ย

เซียวเชียนเยี่ยมองสำรวจเว่ยหงเฟย “ในเมื่อเจ้ากลับมารับโทษ เช่นนั้น…เจ้าเองก็คงรู้ว่าตนเองมีความผิดอันใด”

“กระหม่อมสมควรตายพ่ะย่ะค่ะ” เว่ยหงเฟยคุกเข่าลงกับพื้น

เซียวเชียนเยี่ยไม่เอ่ยวาจา เว่ยหงเฟยเงยหน้าขึ้นมามองเขา เอ่ย “กระหม่อม…กระหม่อมยังมีอีกหนึ่งเรื่องสำคัญอยากทูลต่อฝ่าบาท กระหม่อมมิบังอาจขอพระราชทานอภัยโทษ กระหม่อมละอายอยู่ในใจ อดีตฮ่องเต้มีบุญคุณกับกระหม่อมยิ่งนัก กระหม่อม ชีวิตนี้ยากที่จะตอบแทนได้”

เซียวเชียนเยี่ยนิ่งเงียบอยู่นาน เอ่ยเสียงทุ้ม “ว่ามา”

เว่ยหงเฟยมองไปรอบๆ ไม่เอ่ยปาก

เซียวเชียนเยี่ยเข้าใจทันใด ส่งสัญญาณให้คนอื่นๆ ออกไป

ครึ่งชั่วยามต่อมา เว่ยหงเฟยเดินตัวสั่นออกมาจากห้องทรงอักษร เงยหน้ามองท้องฟ้าที่ว่างเปล่า ลอบถอนหายใจออกมา

ด้านหลัง มีขันทีคนหนึ่งเดินตามมา เสียงแหลมเอ่ย “เว่ยหงเฟย ฝ่าบาททรงมีพระเมตตาให้เจ้ากลับไปหาครอบครัวที่นอกวังชั่วคราว เรื่องอื่นจะทรงตัดสินพระทัยในภายหลัง ตอนนี้ตระกูลเว่ยอาศัยอยู่ในตรอกถนนรอบเมืองทางทิศเหนือ เจ้าไปได้” เว่ยหงเฟยรีบเอ่ยขอบคุณ ในใจรู้ดีว่าเซียวเชียนเยี่ยไม่มีทางใจดีเพียงนี้ ที่ปล่อยเขาออกไปเพียงเพราะอยากรู้ว่าจะมีคนมาหาเขาหรือไม่ เบื้องลึกแล้วแน่นอนว่ามีคนติดตามเขาอยู่ไม่น้อย แต่ไม่ว่าอย่างไร อย่างไรก็ผ่านด่านแรกออกมาได้แล้ว เริ่มแรกเขายังสงสัยว่าตนเองจะออกมาจากห้องทรงอักษรนั่นทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่

“ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงเมตตา” เว่ยหงเฟยคุกเข่าใต้ชายคา หันหน้าก้มโขกศีรษะไปยังประตูห้องทรงอักษรที่ปิดสนิท จากนั้นลุกขึ้นเดินเชื่องช้ามุ่งหน้าออกจากประตูวังไป ทหารยามไม่น้อยมองไปยังคนที่อยู่ในชุดขาดรุ่งริ่งไม่เหมาะจะปรากฏตัวอยู่ในวังด้วยความสงสัย ดูไม่ออกว่าคนผู้นี้คือเว่ยหงเฟย อ๋องผู้สูงส่งต่างแซ่สกุลเพียงคนเดียวในจินหลิงเมื่อหลายปีก่อน

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *