หมอหญิงยอดมือสังหาร 1111 เปลี่ยนแปลงแสวงหาความสงบสุข (2)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 1111 เปลี่ยนแปลงแสวงหาความสงบสุข (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1111 เปลี่ยนแปลงแสวงหาความสงบสุข (2)

เดิมทีคุณชายเซี่ยเจ็ดไม่สนิทกับหนานกงมั่ว เพียงเคยได้ยินน้องสาวของตนเอ่ยชื่นชมนางไม่หยุด และได้ยินชื่อเสียงของซิงเฉิงจวิ้นจู่มาบ้าง แต่สิ่งที่ทำให้เขาชื่นชมคือในสองครั้งที่หนานกงมั่วมาพูดคุยกับเซี่ยโหว หากคนที่อยู่ตรงหน้าของเขาไม่ใช่สตรี คงยากที่คุณชายเซี่ยเจ็ดจะเชื่อว่านั่นคือคำพูดของสตรี หลายปีก่อนจินหลิงยังมีข่าวลืออย่างกว้างขวางว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลจูคือสตรีผู้มีความสามารถเป็นอันดับหนึ่งในจินหลิง เซี่ยเจ็ดเองก็เคยชื่นชมความฉลาดเฉลียวของสตรีผู้นี้ แต่เมื่อเทียบกับซิงเฉิงจวิ้นจู่…ไม่สิ ไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบด้วยซ้ำ

“คุณชายเจ็ด คนที่ตระกูลเซี่ยให้ยืมได้ ไม่รู้ว่า…” หนานกงมั่วเอ่ยขึ้นก่อน

คุณชายเซี่ยเจ็ดเอ่ย “จวิ้นจู่วางใจ ภายในวันนี้จะส่งรายชื่อไปถึงมือจวิ้นจู่อย่างแน่นอนขอรับ”

“เช่นนี้ คงต้องรบกวนคุณชายเซี่ยเจ็ดแล้ว ขอตัวลาก่อน”

“จวิ้นจู่เดินทางระวังด้วยขอรับ” คุณชายเซี่ยเจ็ดยกมือประสานเอ่ยลา

“ส่งเท่านี้เถิด”

ครั้งนี้ หนานกงมั่วไม่ได้ออกทางประตูใหญ่จวนตระกูลเซี่ย ทว่าออกทางประตูเล็กด้านข้างแล้วขึ้นรถม้าที่จอดรออยู่ก่อนแล้ว รถม้าหายไปอย่างรวดเร็ว ในรถม้า คุณชายฉังเฟิงเอนตัวพิงอยู่ในรถม้าอย่างเกียจคร้าน มองหนานกงมั่วด้วยรอยยิ้ม เอ่ย “จวิ้นจู่ช่างมีฝีปากเลิศล้ำ เจอกันเพียงสองครั้งก็โน้มน้าวเซี่ยโหวได้แล้ว” ต้องรู้ว่าสองครั้งที่ผ่านมานี้ ไม่ว่าจะเป็นเว่ยจวินมั่วหรือเยี่ยนอ๋องต่างก็ไม่เคยมาพบเซี่ยโหว อาศัยหนานกงมั่วเพียงคนเดียวก็สามารถโน้มน้าวเซี่ยโหวได้ ไม่บอกไม่ได้เลยว่าแม่นางมั่วช่างยอดเยี่ยม

หนานกงมั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หากมีใจ แน่นอนว่าเกลี้ยกล่อมได้ หากไม่มีใจ คนอย่างเซี่ยโหว ใครจะเกลี้ยกล่อมได้เล่า”

“โอ้”

หนานกงมั่วถอนหายใจ “นิสัยของเยี่ยนอ๋องและเซียวเชียนเยี่ยไม่เหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้น…สำนักศึกษาตระกูลเซี่ยแม้จะเป็นของส่วนตัว แต่กลับมีชื่อเสียงอย่างมาก หากอยู่ในความดูแลของตระกูลเซี่ยตลอดไม่ว่าใครขึ้นครองบัลลังก์ก็ไม่อาจวางใจได้ มีสำนักศึกษาตระกูลเซี่ยอยู่ นานไปอีกหน่อยต่อให้เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงอย่างตระกูลเซี่ย เกรงว่าคงไม่อาจรอดไปได้ เซี่ยโหวทำเช่นนี้ คือการเปลี่ยนแปลงเพื่อแสวงหาความสงบสุข ตระกูลเซี่ยเงียบสงบมานานหลายสิบปี ไม่ได้มีอำนาจในราชสำนัก ใช้สำนักศึกษาตระกูลเซี่ยแลกมากับโอกาสสู่ความก้าวหน้าของลูกศิษย์ อาจไม่ใช่วิธีแก้ปปัญหาได้ในระยะยาว”

ลิ่นฉังเฟิงถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ “บัณฑิตเหล่านี้ซับซ้อนเกินไป อย่างไรคุณชายอย่างข้าก็คิดไม่ออกถึงอันใดมากมายเพียงนั้น”

หนานกงมั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ดวงอาทิตย์ดวงจันทร์สว่างและมืดมน ต้นหญ้าเหี่ยวเฉาไปตามกาลเวลา การเวียนว่ายนั้นยาวนาน ไม่มีตระกูลใดอยู่ได้ถึงพันปี หากไม่รู้จักเลือกสิ่งที่เหมาะสม สิ่งที่รอพวกเขาอยู่ก็คือการจมอยู่ในประวัติศาสตร์อันยาวนาน”

ลิ่นฉังเฟิงพยักหน้า เอ่ย “ต่อให้เป็นเช่นนั้น คนทั่วไปก็คงไม่อาจยอมรับได้” สำนักศึกษาตระกูลเซี่ยยืนหยัดอยู่ในจินหลิงโดยเป็นอิสระจากราชสำนัก ไม่ว่าจะเป็นเชื้อพระวงศ์หรือขุนนางต่างก็ต้องให้ความเคารพกว่าสามส่วน หนานกงมั่วส่ายศีรษะ “ท่านรู้ได้อย่างไร ว่าพวกเขาอยู่กับความทุกข์และจนหนทาง” ขอเพียงเป็นคนมีความสามารถและมีความทะเยอทะยาน ใครไม่อยากได้รับการแต่งตั้งไม่อยากมีชื่อเสียงบ้าง นอกเสียจากความฝันของพวกเขาคือการสอนและให้ความรู้แก่ผู้คนเท่านั้น

ลิ่นฉังเฟิงยักไหล่ มองนางพร้อมเลิกคิ้ว เอ่ย “แม่นางมั่วบอกว่าจะไม่ยุ่งมิใช่หรือ ไยจึงวิ่งมาขอความช่วยเหลือจากตระกูลเซี่ยเล่า”

หนานกงมั่วยิ้มบาง “แน่นอนว่ามีคนต้องการให้ข้ามา”

คิ้วสวยของคุณชายฉังเฟิงเลิกขึ้น “เอ่ยเช่นนี้…ท่านอ๋อง ฟื้นแล้วหรือ”

หนานกงมั่วเพียงยิ้มไม่เอ่ยวาจา

ในจวนเยี่ยนอ๋อง ในห้องของเยี่ยนอ๋อง เยี่ยนอ๋องที่คนด้านนอกคิดว่ายังสลบไสลกำลังนั่งพิงหัวเตียงขมวดคิ้วดื่มยาในถ้วย กลิ่นยาเข้มข้นกระจายไปทั่วห้อง ทำให้คุณชายเว่ยที่นั่งอยู่ไม่ไกลขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

“วังหลวงถูกล้อมเอาไว้แล้วหรือ พวกเขาไม่ออกมาหรือ” วางถ้วยยาลงด้านข้าง เยี่ยนอ๋องเลิกคิ้วพลางเอ่ยถาม ตื่นขึ้นมาหลังจากนอนหลับไปหลายวัน สีหน้าของเยี่ยนอ๋องดีขึ้นกว่าเดิมมาก ดูแล้วยังดูดีกว่าคุณชายเว่ยที่นั่งหน้าซีดขาวอยู่ไม่ไกล เว่ยจวินมั่วหลุบตาลงไม่เอ่ยวาจา เจี่ยนชิวหยางที่ยืนอยู่ไม่ไกลพยักหน้า เอ่ย “ตอบท่านอ๋อง ใช่พ่ะย่ะค่ะ” วังหลวงถูกคนล้อมเอาไว้แม้แต่น้ำยังไม่อาจไหลผ่านไปได้ อยากออกมา คงต้องฝ่าออกมา ถึงตอนนั้นไม่อาจบอกได้ว่าจะมีคนตายมากเพียงใด

เยี่ยนอ๋องยิ้มหยัน เอ่ย “คงไม่กล้าออกมาสินะ” จินหลิงวุ่นวายถึงเพียงนี้ ออกมาไม่ได้สิถึงจะเป็นเรื่องดี

เจี่ยนชิวหยางไม่เอ่ยวาจา เยี่ยนอ๋องด่าลูกของพระองค์เองไม่เป็นไร พวกเขาไม่ควรเอ่ยไม่ดีถึงเหล่าคุณชายจะดีกว่า โดยเฉพาะพวกเขาที่เป็นคนของคุณชายเว่ย

เยี่ยนอ๋องเอนตัวพิงหัวเตียงนวดหัวคิ้ว เอ่ยขึ้นอย่างปวดหัว “เจ้าเด็กพวกนี้…ข้าอยากทุบพวกเขาสักครั้ง” ยามควรจะโหดเหี้ยมก็โหดเหี้ยมไม่เพียงพอ ยามต้องอดทนก็อดทนไม่เพียงพอ เรื่องเล็กน้อยเพียงนี้ยังทำให้วุ่นวายขึ้นมาได้ ยังโชคดี… “เจ้าลองว่ามาสิ สถานการณ์ยามนี้ควรทำเยี่ยงไร”

ใบหน้าของเว่ยจวินมั่วยังคงซีดเซียว ดวงตาสีม่วงไร้ความเคลื่อนไหว “ในเมื่อเสด็จลุงเลือกยอมรับความเสี่ยงได้ คิดว่าคงเตรียมการที่ยอดเยี่ยมเอาไว้แล้ว”

“ข้าถามเจ้าว่ามีความคิดเห็นอย่างไร” เยี่ยนอ๋องเอ่ยอย่างหงุดหงิด

“ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ” เว่ยจวินมั่วเอ่ย “กระหม่อมป่วยต้องพักรักษาตัว เสด็จลุงพระองค์ก็อย่าเรียกอู๋สยาให้ทำนั่นทำนี่นัก ข้าป่วยหนักเพียงนี้ คงใช่ว่าแม้แต่ภรรยายังไม่อาจดูแลอยู่ข้างกายได้กระมัง”

เส้นเลือดบนขมับของเยี่ยนอ๋องเต้นกระตุกอย่างอดไม่ได้ จ้องเว่ยจวินมั่วเขม็ง เอ่ย “ดูเหมือนเจ้าจะไม่พอใจข้านัก”

“กระหม่อมเพียงไม่เข้าใจ เสด็จลุงอยากฝึกฝนพวกเขา หรืออยากโจมตีพวกเขา” เว่ยจวินมั่วเอ่ย

“มีอันใดแตกต่าง” เยี่ยนอ๋องเลิกคิ้ว

เว่ยจวินมั่วเอ่ย “หากอยากฝึกฝนพวกเขาก็หาเรื่องที่เหมาะสมกับพวกเขา ไม่ใช่เรื่องที่รู้ทั้งรู้ว่าพวกเขาไม่อาจจัดการได้”

เยี่ยนอ๋องส่งเสียงหยัน “เรื่องที่เจ้าจัดการได้ ไยพวกเขาจะทำไม่ได้ ในเมื่อทำไม่ได้ ไยพวกเขาต้องมาทวงความยุติธรรมต่อหน้าข้าด้วยเล่า ตอนนี้ข้าก็มอบโอกาสที่ยุติธรรมแก่พวกเขาแล้ว ขอเพียงพวกเขาจัดการเรื่องยุ่งเหยิงพวกนี้ได้ เช่นนั้นก็หมายความว่าพวกเขาเหมาะสมที่จะมาทวงความยุติธรรม ข้าก็ยอมมอบมันให้พวกเขา หรือว่าเจ้าคิดว่าข้าเหมือนอดีตฮ่องเต้ ที่คอยจัดการแทนองค์รัชทายาทและเซียวเชียนเยี่ยไปหมดทุกอย่าง หากอดีตฮ่องเต้ยังมีเวลา เกรงว่าคงช่วยจัดการผู้ปกครองเมืองอย่างเราแทนเซียวเชียนเยี่ยไปแล้วกระมัง น่าเสียดายที่ข้าไม่คิดจะเลี้ยงเซียวเชียนเยี่ยออกมาอีกคน”

เซียวเชียนเหว่ยอาจคิดว่าเสด็จพ่อไม่ยุติธรรมกับเขา แต่เยี่ยนอ๋องกลับไม่คิดว่ามีสิ่งใดผิด ก็เห็นอยู่ว่ามีสิ่งที่ยอดเยี่ยมกว่า ไยต้องเลือกสิ่งที่เป็นรองเล่า เซียวเชียนเหว่ยอยากได้ความยุติธรรมก็มีเพียงวิธีเดียว คือการยอดเยี่ยมยิ่งกว่าคนอื่น

เว่ยจวินมั่วไม่เอ่ยวาจา โดยพื้นฐานแล้ว ความจริงเขากับเยี่ยนอ๋องเป็นคนประเภทเดียวกัน ดังนั้นใช่ว่าเขาจะไม่เข้าใจสิ่งที่เยี่ยนอ๋องกระทำ เพียงแต่… “ข้าไม่จำเป็นต้องมีท่าน…”

เยี่ยนอ๋องเอ่ยขัดวาจาของเขา “เจ้าต้องการสิ่งใดนั่นเป็นเรื่องของเจ้า ข้าต้องการผู้สืบทอดอย่างไรนั่นก็เป็นเรื่องของข้า หากวันนี้เขาเก่งกาจกว่าเจ้า คนที่ข้าจะเข้าข้างก็คือเขา”

หนานกงมั่วยืนอยู่ด้านนอก ฟังบทสนทนาที่คล้ายกำลังรู้สึกโกรธขึ้นมาจึงถอนหายใจ คนอ่อนแอสองคนที่แม้จะเดินยังไม่อาจเดินได้เร็ว เอ่ยเพียงไม่กี่ประโยคก็ทำให้อีกฝ่ายโกรธได้เพียงนี้

นางก้าวเข้าไปในห้อง ยิ้มบางพลางเอ่ย “ดูเหมือนเสด็จลุงอาการดีขึ้นไม่เลว เสียงดังไม่น้อยเลยเพคะ”

เยี่ยนอ๋องชะงัก ถอนหายใจอย่างจนปัญญา จ้องเว่ยจวินมั่วเขม็ง แต่กับหนานกงมั่วกลับมีสีหน้าพึงพอใจ เอ่ย “ลำบากอู๋สยาแล้ว ตระกูลเซี่ยเป็นอย่างไรบ้าง”

หนานกงมั่วยิ้มเอ่ย “เซี่ยโหวเป็นคนฉลาด ตระกูลฉินเองก็ไม่มีปัญหาเพคะ เสด็จลุงวางใจเถิด แม้หันหมิ่นจะมีเสียงในราชสำนัก ตระกูลฉินตระกูลเซี่ยเองก็ไม่เลว ก่อนหน้านี้พวกเขาเพียงไม่ออกเสียง ยามนี้ตอบตกลงแล้ว สถานการณ์ไม่เอนเอียงไปฝั่งเดียวอย่างแน่นอนเพคะ”

เยี่ยนอ๋องพยักหน้า เอ่ย “ก็ดี สิบตระกูลใหญ่ในจินหลิง มีเพียงสองตระกูลนี้ที่ฉลาด ส่วนวังหลวง อู๋สยาไปดูแล้วหรือ”

หนานมั่วเดินไปนั่งลงด้านข้างเว่ยจวินมั่ว เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เมื่อครู่อ้อมไปดูเล็กน้อยเพคะ เสด็จลุงไม่คิดจะลงมือจริงหรือเพคะ เส้นถนนบริเวณโดยรอบวังหลวงถูกปิดจนไม่อาจเดินทางได้แล้ว เชียนชื่อและเชียนเหว่ย…” เยี่ยนอ๋องส่งเสียงหยัน “ให้พวกเขาอยู่อีกสักหน่อย สองวันนี้ก็รีบจัดการพวกที่หลบซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดให้สิ้น”

เว่ยจวินมั่วมองเยี่ยนอ๋องอย่างไม่พอใจ เยี่ยนอ๋องนึกถึงคำพูดของเว่ยจวินมั่วก่อนหน้านี้จึงสะอึก เอ่ยอย่างไม่พอใจ “ข้าให้ลูกสะใภ้ช่วยเล็กๆ น้อยๆ เจ้ายังจะว่าข้าอีกหรือ” ไม่รู้จักกตัญญูจริงๆ

เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “หากพระองค์ให้อู๋สยายกน้ำชารินน้ำชาแน่นอนว่าไม่มีปัญหา” เป็นผู้น้อยกตัญญูต่อผู้อาวุโสไม่มีปัญหา แต่ใครเคยได้ยินบ้างว่าให้ลูกสะใภ้ไปบุกโจมตีศัตรู ไม่อายหรือ

หนานกงมั่วกลั้นยิ้ม ตบหลังมือเขาเบาๆ บอกใบ้ให้เขาอย่าทำให้เยี่ยนอ๋องโกรธ อย่างไรก็เพิ่งฟื้นหลังจากสลบไปหลายวัน เดี๋ยวได้เป็นลมไปอีกรอบจริงๆ

เว่ยจวินมั่วมองนางเล็กน้อย ขมวดคิ้วเบาๆ ดวงตาจ้องนางนิ่งไม่เอ่ยวาจา

หนานกงมั่วยักไหล่ ก็ได้ ออกเรือนแล้วเชื่อฟังสามี นางจะเชื่อฟังก็ได้

นางมองไปยังเยี่ยนอ๋องด้วยสายตาขอโทษขอโพย ไม่ใช่หม่อมฉันไม่ช่วยนะเพคะ จวินมั่วไม่ยอมเองเพคะ

เยี่ยนอ๋องโกรธ กุมหน้าอกเนิ่นนานจึงสงบลง เอ่ยอย่างหงุดหงิด “ไสหัวออกไป เห็นหน้าพวกเจ้าแล้วหงุดหงิด เรียกเจ้านั่น…ลิ่นฉังเฟิงและหนานกงชวี่และเจ้า…เจี่ยนชิวหยางมาจัดการ”

เว่ยจวินมั่วเลิกคิ้ว ไม่ต่อต้าน

หนานกงมั่วเองเข้าใจความหมายของเว่ยจวินมั่ว เดิมทีมีผู้ใต้บังคับบัญชาทว่าไม่ใช้งาน ยังต้องให้ลูกสะใภ้มาทำเอง นางทำมาก อนาคตยังไม่อาจได้แต่งตั้งเลื่อนขึ้นอันใดอีก เยี่ยนอ๋องคงไม่คิดแต่งตั้งนางเป็นองค์หญิงกระมัง ดังนั้น ความดีความชอบอันใดนั่น ให้คนที่มีความจำเป็นไปจัดการเสียจะดีกว่า

เจี่ยนชิวหยางที่อยู่ด้านข้างกลั้นหัวเราะ เอ่ยอย่างนอบน้อม “กระหม่อมรับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *